บทที่ 208 จิ๋นลี่ยวน คุณแพ้แล้ว
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรับสาย ยังไม่ทันได้พูดอะไรความห่วงใยจากคนที่อยู่ปลายสายก็ส่งออกมา ทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ “เสี้ยวเสี้ยวเธออยู่ไหน ตอนนี้สบายดีมั้ย พี่จะรีบไปรับเธอเดี๋ยวนี้”
ยินจื่อเจิ้น
พี่ชายของเธอ พี่ชายที่รักและปกป้องดูแลเธอตั้งแต่เด็กจนโต
ทุกครั้งที่เธอพบเจอเรื่องอะไรเขาก็จะเป็นที่มายืนด้านหน้าของตนเองเพื่อขวางลมฝนทั้งหมด มักจะปรากฏตัวข้างกายเธอในยามที่เธอต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
“พี่……” เรียกด้วยเสียงแผ่วเบา ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มที่มุมปากแล้ว ทันใดนั้นรู้สึกว่าเสียงเรียกของตนเองมีกลิ่นของโกโก้ร้อนอยู่ด้วย อบอุ่นอย่างยิ่ง “ฉันเดินอยู่บนถนนหมายเลขเจ็ดทางนี้ ฉันเดินไม่ไหวแล้ว นั่งรอพี่อยู่ที่นี่ได้มั้ย”
ส่งเสียงอ้อนเบาๆ ดวงตาที่ตาขาวตาดำแบ่งกันอย่างชัดเจนประกายสว่างเล็กน้อย
ทั่วทั้งโลกใครอาจจะทอดทิ้งเธอ แต่พี่ชายคนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังมาก่อน
วางสายโทรศัพท์ ยินจื่อเจิ้นก็ออกเดินทางเลย ส่วนยินเสี้ยวเสี้ยวรออย่างเงียบๆที่นั่น วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆปล่อยให้ชื่อของหมายเลขที่ถูกลบไปแต่กลับคุ้นเคยดังอย่างต่อเนื่องไม่หยุด
กุมแก้วโกโก้ร้อนอย่างสบายๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้ามองคนที่เดินไปมา อารมณ์เหมือนดีขึ้นมาบ้าง
จิ๋นลี่ยวน……
ก็คิดเสียว่าเธอฝันไปก็แล้วกัน
แต่ว่า เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน บางครั้งความฝันก็มีความต่อเนื่อง แต่ความฝันก็มีทั้งฝันดีและฝันร้าย
……
ตั้งแต่ที่ออกมาจาก‘บริษัทจื่อยิน’ ยินจื่อเจิ้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังถนนหมายเลขเจ็ด แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตอนที่มาถึงทางแยกจะพบกับจิ๋นลี่ยวนที่ออกมาจากบ้านตระกูลจิ๋นพอดี ตอนนั้นเขายังโทรศัพท์ไม่หยุด แต่คนทางนั้นไม่ยอมรับสาย
คิ้วขมวดแน่น ดวงตาเรียวเล็กปลายชี้มีความโกรธขึ้งแฝงอยู่ สุดท้ายแล้วจิ๋นลี่ยวนก็เขวี้ยงโทรศัพท์ลงไปด้านข้างอย่างแรงหลังจากที่โทรไปสิบรอบ เงยหน้าขึ้นก็มองเห็นรถของยินจื่อเจิ้นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จึงขับตามไปด้วยจิตใต้สำนึก
ตอนที่ยินจื่อเจิ้นปรากฏตัวต่อหน้ายินเสี้ยวเสี้ยว เขาจึงได้ถอนหายใจยาวๆอย่างโล่งอก แต่ยังไม่ได้ขยับฝีเท้าเลยสักนิด ก็พบว่ายินเสี้ยวเสี้ยวที่หลังจากเห็นเขาแล้วใบหน้าที่อ่อนโยนในตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมา หัวใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม เห็นชัดว่ายินจื่อเจิ้นกลับทำอะไรไม่ถูกในวินาทีนั้น
หรือว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้อะไรมา
“เสี้ยวเสี้ยว……” เรียกด้วยเสียงเบาๆ พยายามตั้งสติตนเองก้าวเข้าใกล้อีกก้าว เขาจึงพบว่าท่าทีที่แข็งกร้าวและหวาดระแวงของยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ทำให้เขา แต่เป็นคนด้านหลังเขา
หันหน้าไป แม้แต่สีหน้าของยินจื่อเจิ้นก็เย็นยะเยือกลงในชั่วพริบตา
จิ๋นลี่ยวนตามเขามาด้านหลัง ตอนนี้เดินมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนขี้หนาว ตอนนี้เข้าฤดูหนาวแล้ว มือเล็กถูกลมโกรกจนเย็นเฉียบ จิ๋นลี่ยวนมองเธอเหน็บหนาวจนหน้าเล็กๆแดงก่ำก็ทนไม่ไหว คิดจะก้าวไปข้างหน้าตามสัญชาตญาณ แต่กลับถูกยินจื่อเจิ้นเดินเข้ามาขวางเอาไว้ดื้อๆ
“คุณชายสามจิ๋น ไม่ทราบว่าคุณมีเรื่องอะไร” ถามด้วยเสียงเย็น อารมณ์ของเขาขัดแย้งกันมาก อีกด้านดีใจมากที่พบยินเสี้ยวเสี้ยว อีกด้านเกลียดชังจิ๋นลี่ยวนมากที่มีตาหามีแววไม่แบบนี้
ในสายตาของเขา น้องสาวของเขาดีที่สุดในโลกนี้!
ดวงตาเรียวเล็กมองตรงๆไปยังยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่ยวนรู้สึกขมขื่นในลำคอเล็กน้อย
ตอนนี้เขากำลังทำอะไร เขาเองก็ไม่รู้ แค่อยากจะเห็นเธอ ก็เท่านั้นเอง
ยินเสี้ยวเสี้ยวคิ้วขมวดเล็กน้อย จากนั้นก้าวมายืนข้างยินจื่อเจิ้นพูดเบาๆว่า “คุณชายสาม ในเมื่อตอนนี้ก็หย่าตามที่คุณต้องการแล้ว อย่างนั้นต่อจากนี้พวกเราก็……เป็นคนแปลกหน้ากัน ฉันยินเสี้ยวเสี้ยวคงปีนขึ้นไปหาตระกูลมหาเศรษฐีอย่างตระกูลจิ๋นนี้ไม่ไหว”
แต่ละคำแต่ละประโยคลอยอยู่ในอากาศ ราวกับลมหนาวในฤดูนี้เหมือนเป็นเข็มทิ่มแทงเข้าไปในตัวเขา ทะลุเข้าไปถึงกระดูกของเขา
หยุดชะงักครู่หนึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวจับแขนของยินจื่อเจิ้นแน่นพยายามฝืนตัวเองพูดต่อไปว่า “คุณชายสาม ฉันก็แค่นักศึกษาธรรมดา ไม่มีความอดทนพอที่จะไปต่อสู้กับสื่อหรือคนรวยคนอื่นๆ หวังว่าคุณจะเห็นแก่ที่เราเคยเป็นสามีภรรยากันก็พอเท่านี้เถอะ ฉันไม่ใช่คนตระกูลจิ๋น ตอนนี้ฉันแค่อยากจะใช้ชีวิตของตัวฉันเอง”
จิ๋นลี่ยวนจ้องเธอไม่วางตา รู้สึกแค่ว่าร่างกายของตนเองแข็งเกร็งจนน่าเหลือเชื่อ!
เธอกำลังพูดอะไร!
คนแปลกหน้าเหรอ ครั้งหนึ่งเคยเป็นสามีภรรยากันเหรอ ไม่ใช่คนตระกูลจิ๋นหรือ
แต่ละคำล้วนเป็นความจริง แต่ละคำสำหรับเขาเจ็บปวดเหมือนถูกแล่เนื้อเถือหนังก็ไม่ปาน!
เริ่มตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะหย่าวินาทีนั้น เขาคิดว่าเขาไม่รักเธอ ไม่ใยดีเธอ เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรตั้งแต่เด็กนอกจากพ่อแม่ของตนเองแล้ว ทุกคนเขาแทบจะไม่เห็นอยู่ในสายตา ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอายุรกรรมในโรงพยาบาล ต้องพบเจอกับความเป็นความตายทั้งวัน ค่อยๆจางหายไปแต่เขากลับไม่รู้ ว่าความเจ็บปวดที่สุดบนโลกใบนี้ไม่ใช่ความตาย แต่เป็นการตายทั้งเป็น!
เขาคิดว่าเขาไม่รักเธอ เขาคิดว่าจะทรมานเธอ เขาคิดว่าไม่คิดถึงเธอ ความจริงแล้วล้วนแต่เป็นเรื่องโกหก!
หัวใจของเขาตกอยู่กับเธอนานแล้วโดยไม่รู้ตัว เขารับไม่ได้กับการคลาดเคลื่อนจากที่คิดไว้เพียงเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของซูเหนียงจึงได้โกรธจนรับไม่ได้ขนาดนั้น เขาต้องการที่จะล้างแค้นเธอ แต่สุดท้ายเขาก็พบว่าการแก้แค้นทุกครั้งความจริงแล้วเป็นการแก้แค้นตัวเขาเอง! คนที่เจ็บคือยินเสี้ยวเสี้ยว ก็คือเขา!
เขาคิดเอาเองว่าตัวเองไม่แยแสอะไรทั้งนั้น แต่ช่างน่าโมโหที่เขาต่างเป็นกังวลไปหมดทุกอย่าง!
กังวลการหย่าของยินเสี้ยวเสี้ยว กังวลกับคำพูดของเธอ กังวลอารมณ์ของเธอ กังวลความรู้สึกของเธอ!
ลูกสาวของซูเหนียงแล้วยังไง ก็ไม่ใช่ซูเหนียง เขาจะทำอย่างนั้นไปทำไม
แต่ว่า ตอนนี้พูดแบบนี้มีประโยชน์อะไร
เขาหย่าแล้ว เหมือนกับที่เขาบอกก่อนหน้านี้ ต่อให้ไม่หย่าต่อให้รู้ว่าต้องเสียใจภายหลัง เขาก็ยังเลือกที่จะหย่า! มีแค่วิธีนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงจะได้รับความเจ็บปวดน้อยที่สุด!
พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดจบแล้ว สายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้มองไปที่จื๋นลี่ยวนอีก ยื่นมืออกมาควงแขนยินจื่อเจิ้นเตรียมจะจากไป ยินจื่อเจิ้น มองจิ๋นลี่ยวนด้วยท่าทีดุดันตั้งแต่ต้นจนจบ จนกระทั่งเขาแน่ใจว่าจะไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็หมุนตัวพายินเสี้ยวเสี้ยวเดินจากไป
บนถนนที่พลุกพล่านมีคนเดินไปมา ข้างกายยินเสี้ยวเสี้ยวมีพี่ชายอย่างยินจื่อเจิ้นอยู่เป็นเพื่อนข้างๆ แต่เขาเป็นแค่คนแปลกหน้าที่เดินผ่านมา สองมือกำหมัดแน่น ดวงตาเรียวเล็กปลายชี้นั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และเขามุ่งมั่นจะทำอะไร
หมุนตัวไป จิ๋นลี่ยวนมองแผ่นหลังของยินเสี้ยวเสี้ยวก็อยากจะตามไป แม้เขาจะเห็นว่าร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวและยินจื่อเจิ้นจะแข็งเกร็งเล็กน้อย แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ค่อยๆหันหน้ามองเขาแวบหนึ่ง
ในช่วงเพียงแวบเดียวนั้น จิ๋นลี่ยวนรู้ดี ว่ามีความหวัง……
แม้ว่าเธอจะทำเย็นชามากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังมีพื้นฐานของความรู้สึก ความรู้สึกที่ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่บอกว่าจบก็จะจบ นอกเสียจากว่าไม่เคยรักกันมาก่อน แต่เขากลับรู้ดี ยินเสี้ยวเสี้ยวเคยรักเขา จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังใจอ่อน……
เดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ริมฝีปากบางเตรียมจะเผยอออก โทรศัพท์ของจิ๋นลี่ยวนกลับดังขึ้นมาตอนนี้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ฝีเท้าที่จะก้าวไปข้างหน้าของจิ๋นลี่ยวนชะงักทันทีที่เห็นหมายเลขของที่โทรมาบนหน้าจอ
ซูเหนียง
เขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเธอ แต่ว่าเขารู้ว่าหมายเลขนี้เป็นของซูเหนียง ครั้งก่อนเคยเห็นที่เฉินหยู แต่ต่อมาตอนที่ไปสืบจะสืบอย่างไรก็เป็นเบอร์ที่ว่างเปล่า แต่ตอนนี้กลับโทรมาได้
เงยหน้าขึ้น จิ๋นลี่ยวนมองตรงไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยว ยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนี้หยุดลงแล้ว ระหว่างสองคนมีคนเดินไปมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่สายตาของพวกเขาก็สามารถข้ามผ่านสิ่งกีดขวางมากมายมาบรรจบกันได้
จิ๋นลี่ยวน ทำไมคุณถึงหยุดฝีเท้าลง
คุณรู้ดีว่า ขอแค่คุณเดินเข้ามาใกล้อีกก้าว ฉันก็ยอมเดินที่เหลืออีกเก้าสิบเก้าก้าว
ริมฝีปากบางเม้มแน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวอาศัยความหวังบางอย่างที่ไม่รู้ว่าคือความหวังอะไรรอให้จิ๋นลี่ยวนเข้ามาใกล้
ยินจื่อเจิ้นยืนมองดูยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างเงียบอยู่อีกด้าน ในแววตามีความเศร้าที่ปกปิดไว้ไม่มิด ต่อให้เขายืนอยู่ข้างเธอ ในสายตาเธอก็มีเพียงจิ๋นลี่ยวนคาคนเดียวตั้งแต่แรก เขาเป็นได้แค่คนที่อยู่ข้างหลังคนนั้นมาแต่ไหนแต่ไร!
มองยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่นาน จิ๋นลี่ยวนรับสาย ความอ่อนโยนในแววตาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความหนักแน่นขึ้นมา
“ฮัลโหล” ส่งเสียงเบาๆ จิ๋นลี่ยวนชำเลืองมองยินเสี้ยวแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในฝูงชน
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ข้างหลังน้ำตาร่วงลงพื้น มองแผ่นหลังของเขาที่ยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆอย่างซื่อบื้อ……
สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ใยดี ก็คือเขาไม่รักเธอ มิฉะนั้นจะทำถึงขนาดนี้ได้ยังไง
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนน้ำตาร่วงโดยไม่มีเสียงท่ามกลางผู้คน จนกระทั่งร่างของจิ๋นลี่ยวนลับหายไปจากตรงหน้า ยินจื่อเจิ้นจึงเข้ามาเอาตัวเธอเข้าไปในอ้อมกอดของตนเอง ปลอบโยนโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“พี่……” ในที่สุด ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ร้องไห้ฟูมฟายอย่างใจสลายออกมา
เขาไม่รักเธอ เขาก็ไม่ต้องการเธอ เขาไม่แม้แต่จะเห็นใจสงสารเธอ……
เธอไม่เชื่อว่าเขาไม่รู้ ว่าเมื่อออกจากตระกูลจิ๋นแล้ว จากเขาไปแล้ว เธอยินเสี้ยวเสี้ยวก็ตัวคนเดียวไม่เหลืออะไรเลย! เป็นเขาที่ทำให้เธอเชื่อว่าสามารถอยู่ข้างกายเขาได้โดยไม่ต้องสนใจอะไรแม้แต่น้อย แต่สุดท้ายแล้ว คนแรกที่จากเธอไปก็คือเขา ผู้ชายแบบนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวจะไม่เกลียดได้อย่างไร แต่ว่าต่อให้เกลียด เธอก็ยังรักเขาอยู่……
เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ และก็เป็นสามีคนแรกของเธอด้วย……
ผู้หญิง มองจากแง่มุมหนึ่ง มักจะดื้อรั้นมากขนาดนั้น
เดินอยู่ท่ามกลางผู้คน จิ๋นลี่ยวนจับโทรศัพท์แน่น สีหน้ากลับเกร็งอย่างมาก!
“คุณชายสาม ฉันรู้ว่าคุณหย่ากับยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว อย่างน้อยเรื่องที่ฉันเคยบอกคุณก่อนหน้านี้ก็สบายใจได้ ฉันไม่มีทางเบี้ยว” ดูเหมือนซูเหนียงจะอารมณ์ดี พูดเบาๆที่ปลายสาย บางครั้งก็มีเสียงไอเล็กน้อย เหมือนจะเป็นหวัดแล้ว “ขอแค่คุณไม่ทำลายแผนของฉัน ฉันรับรองว่าเมื่อฉันจัดการเรื่องของฉันเสร็จ ฉันก็จะมาปรากฏตัวต่อหน้าคุณทันที”
คิ้วขมวดแน่น มือที่กำหมัดแน่นตกลง ความโกรธของจิ๋นลี่ยวนในตอนนี้ยากที่จะอธิบายได้ด้วยคำพูด
“ซูเหนียง คุณคิดว่าวิธีของคุณมันถูกเหรอ ต่อให้ยินเสี้ยวเสี้ยวหย่ากับผมแล้วยังไง คุณคิดว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ลำพังคนเดียวข้างนอกจะแข็งแกร่งกว่าอยู่ข้างกายผมเหรอ” ข่มความโกรธของตนเองเอาไว้ จิ๋นลี่ยวนพูดว่า “นับจากวันนี้ต่อไปเธอยินเสี้ยวเสี้ยวต้องอยู่คนเดียวลำพัง ไม่มีคนสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ไม่มีคนเข้าใจ คุณคิดว่าชีวิตจะสุขสบายเหรอ”
แค่นึกถึง ว่าเหตุการณ์ที่ในมหาวิทยาลัยวันนั้นอาจจะเกิดขึ้นอีก เขาก็แทบจะหยุดความวู่วามที่จะทำร้ายคนไว้ไม่ได้!
“ฮึๆ……” ซูเหนียงกลับหัวเราะอยู่ที่ปลายสาย หัวเราะจนจิ๋นลี่ยวนยิ่งโกรธจัดมากยิ่งขึ้น
“คุณหัวเราะอะไร” ถามด้วยความโกรธ
หลังจากที่ซูเหนียงหัวเราะพอแล้วจึงพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยประโยคหนึ่งว่า “จิ๋นลี่ยวน คุณแพ้แล้ว!”
มือที่กุมโทรศัพท์ไว้แน่นของจิ๋นลี่ยวนเส้นเลือดปูดโปนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน คนที่ฉลาดอย่างเขาจะไม่รู้ความหมายของประโยคนี้ได้อย่างไร