บทที่213 คุณตั้งครรภ์หกสัปดาห์แล้ว
เมืองTที่หนาวเหน็บ แค่เพิ่งจะเข้าสู่ฤดูหนาวก็หนาวมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนขี้หนาวอย่างยินเสี้ยวเสี้ยว
ไม่ทันจะได้สวมเสื้อคลุมสักตัว ยินเสี้ยวเสี้ยวที่สวมกระโปรงกันหนาวก็วิ่งออกมา มาถึงเมืองไห่เมียวอย่างยากลำบากเธอก็รีบพุ่งเข้าไปโดยที่แม้แต่เงินก็ยังไม่จ่าย หากไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้จักเธอแล้วจ่ายค่ารถให้เธอชั่วคราว คาดว่าคนขับคงจะตามมาด้วยย
รุดมาจนถึงประตูบ้าน ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่รหัสล็อก ก่อนกดรหัสของบ้านที่เคยอยู่ลงไปอย่างไม่ลังเล ประตูบ้านส่งเสียงและเปิดออก
ภายในบ้านไม่ได้เปิดไฟ กระทั่งหน้าต่างก็ยังเปิดอยู่ ลมหนาวพัดกระหน่ำเข้ามาให้ห้อง
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ในความมืด ใช้เวลานานในการปรับตัวให้คุ้นเคยกับความมืด ด้วยความวิตกกังวลเธอลืมกระทั่งการเปิดไฟด้วยซ้ำ ในปากตะโกนเรียกชื่อจิ๋นลี่ยวนอย่างกระวนกระวาย “จิ๋นลี่ยวน? จิ๋นลี่ยวนนายอยู่ไหน?”
เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง ทุกที่ยังคงมีเฟอร์นิเจอร์ที่คุ้นเคย แม้ว่าเธอจะไม่ได้เปิดไฟแม้จะอยู่ในความมืดยินเสี้ยวเสี้ยวก็รับประกันได้ว่าตัวเองจะไม่ไปชนกับอะไรเข้า ค่อย ๆ ค้นหาการมีอยู่ของจิ๋นลี่ยวน น้ำเสียงของเธอสั่นเครือไปหมด
เธอไม่รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนอยู่ที่นี่รึเปล่า ตอนที่เธอเพิ่งเข้ามาที่นี่ก็ยังไม่รู้สึกเลยว่ามีคนอยู่ หรือบางทีคงจะเป็นความปรารถนาของเธอฝ่ายเดียว หรือที่สุดแล้วจิ๋นลี่ยวนจะยังไม่ตัดใจ จะยังกลับมาที่นี่ แต่ตอนที่เข้ามาในความมืดของที่นี่ จิตใจของเธอกลับหนักแน่นขึ้นเล็กน้อย
จิ๋นลี่ยวน ถ้าไม่อยู่ที่นี่? แล้วจะไปอยู่ที่ไหน?
เธอเม้มปากแน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวเรียกชื่อของเขาเป็นครั้งคราว รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก….
จิ๋นลี่ยวนที่นอนคว่ำอยู่บนพื้นขมวดคิ้วด้วยความมึนงง หัวสมองตื้อจนใช้การไม่ได้ ร่างกายก็หนักอึ้งราวกับไม่ใช่ของตัวเอง แต่เหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่เลือนราง แถมยังอยู่ใกล้แค่เอื้อม!
จิ๋นลี่ยวนดิ้นรนที่จะลุกขึ้น เขารู้สึกราวกับใช้แรงทั้งหมดที่มีแต่ความจริงนั้นกลับไม่ขยับเลยสักนิด ลำคออึดอัดมากจนส่งเสียงไอออกมาโดยไม่รู้ตัว…..
“แค่กแค่ก….” เสียงไอดังขึ้นอย่างชัดเจนในห้อง
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องนอนรีบหันกลับมาทันที แล้ววิ่งเข้ามาวินาทีต่อมา
จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ระหว่างโต๊ะกาแฟและโซฟา ตกที่นั่งลำบากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยินเสี้ยวเสี้ยวยื่นมือไปพยุงเขาขึ้นมา มีความรู้สึกเหนียวเหนอะที่ฝ่ามือ ทันใดนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมา แต่ก็ยังอดกลั้นเอาไว้ได้ แล้วจึงพยุงจิ๋นลี่ยวนขึ้นมานั่งบนโซฟาได้อย่างยากลำบาก
ในตอนนั้นเอง ผู้ชายสี่คนที่ไล่ตามมาก็เข้ามาเช่นกัน
ต๋งไขเอื้อมมือไปเปิดไฟ แล้วจึงเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวนอนคว่ำอยู่อีกด้านของโซฟาขณะมองไปที่จิ๋นลี่ยวนพลางขมวดคิ้ว ท่าทางราวกับมีบางอย่างที่น่ารังเกียจอยู่อย่างนั้นล่ะ จิ๋นลี่ยวนปรือตามองเธอ มีเลือดไหลจากหน้าผากลงมาช้า ๆ อากาศหนาวแล้ว แผลจึงแข็งตัวค่อนข้างเร็ว ส่งเสียงไอออกมาเป็นบางครั้ง ใครก็มองออกว่าเขาป่วยหนักมากแล้ว….
“เสี้ยวเสี้ยว……” จิ๋นลี่ยวนส่งเสียงเรียกเบา ๆ เขาทำได้เพียงมองเธอแต่ไม่อาจขยับได้
ยินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้วแน่น อยากจะเข้าไปใกล้เขาแท้ ๆ แต่กลับไม่สามารถก้าวเข้าไปได้ อาการคลื่นไส้ในลำคอยังคงอยู่ มันทำให้เธอไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย! ทำได้แค่มองเขาอยู่อย่างนั้น
เฉิงชื่อชิงก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่มือสัมผัสหัวของจิ๋นลี่ยวนเขาก็รีบดึงกลับ เอ่ยเสียงหนัก “ไข้สูงมาก!”
มุมปากของต๋งไขกระตุกเล็กน้อย มองไปที่จิ๋นลี่ยวนด้วยความรังเกียจ
นี่มันหมอไม่รักษาตัวเองรึไง?
ไม่นึกว่าแม้แต่อาการป่วยเล็ก ๆ ก็ทำให้หมอจิ๋นผู้มีชื่อเสียงแห่งเมืองTพังทลายได้เลยงั้นเหรอ?
ในเวลานี้ ไม่ว่าในใจจะคิดยังไง แต่คนก็อยู่ต่อหน้าตัวเองแล้ว กลุ่มผู้ชายร่างใหญ่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ช่วย เฉิงชื่อชิงกับเซี่ยงเฉิงประคองจิ๋นลี่ยวนลงชั้นล่างแล้วขึ้นรถของยินจื่อเจิ้น ยินจื่อเจิ้นขับรถตรงไปโรงพยาบาลหนันหยูอย่างสีหน้านิ่งขรึม ยินเสี้ยวเสี้ยวทนกลิ่นนั้นไม่ไหวจึงได้แต่ขึ้นรถของเฉิงชื่อชิงตามไป ต๋งไขและเซี่ยงก็ตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว
ตลอดทางไม่มีใครแจ้งกับตระกูลจิ๋น ราวกับลืมไปแล้วอย่างสนิทใจ
โรงพยาบาลหนันหยู
เมื่อจิ๋นลี่ยวนถูกส่งมาถึงโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลต่างตื่นตกใจ คุณหมอหยางของห้องฉุกเฉินเข้ามาดูแลอย่างรวดเร็ว แค่จับดูก็รู้แล้วว่าอาการเป็นอย่างไร เขาเอ่ยกำชับอย่างหงุดหงิดสองสามคำก่อนให้คนเข็นจิ๋นลี่ยวนไป ด้านของยินเสี้ยวเสี้ยวที่รู้สึกไม่สบายตั้งแต่แรก เมื่อเข้ามาโรงพยาบาลในตอนนี้ กลิ่นแรงของยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาลยิ่งเข้ามากระตุ้น เธอรีบพุ่งไปด้านข้างแล้วเริ่มอาเจียนออกมา
นั่นทำให้ทุกคนตื่นตระหนก
ยินเสี้ยวเสี้ยวอาเจียนจนมืดฟ้ามัวดิน สีหน้าซีดเผือด
ถาวหยีกับเฉินหยูที่รีบมาหลังจากได้รับข่าวต่างตะลึงมองยินเสี้ยวเสี้ยว โดยเฉพาะถาวหยีที่สีหน้าซีดขาวไปหมด
เฉิงชื่อชิงเดินเข้าไปข้างยินเสี้ยวเสี้ยว ยื่นน้ำในมือให้กับเธอ แต่ตอนที่เฉิงชื่อชิงช่วยประคองจิ๋นลี่ยวนก่อนหน้านี้ ทำให้บนตัวเปื้อนเลือด เมื่อกลิ่นเลือดจาง ๆ ลอยเข้าจมูกของยินเสี้ยวเสี้ยว ยังไม่ทันรับน้ำมายินเสี้ยวเสี้ยวก็เริ่มอาเจียนอีกครั้ง ส่วนถาวหยีที่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าก็ถอยออกมาหลายก้าว
คุณหมดหยางที่เห็นสถานการณ์ทางนี้ ก็มาดูยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างระมัดระวัง แล้วมองไปทางถาวหยี
“เสี้ยวเสี้ยว เธอไม่สบายตรงไหนเหรอ? วันนี้กินมากไปรึเปล่า?” ยินจื่นเจิ้นเป็นกังวลอย่างมาก คอยเฝ้าอยู่ข้างเธอโดยไม่รังเกียจกลิ่นอาเจียนของเธอ เอ่ยถามด้วยความห่วงใย “เราไปตรวจหน่อยเถอะนะ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวโบกมือ ในตอนนี้เธออาเจียนจนแม้แต่คำพูดก็พูดไม่ออกแล้ว ของที่กินในมื้อเย็นต่างก็ออกมาหมด แต่ก็ยังไม่หยุดอาเจียน กระทั่งเอื้อมมือไปผลักเฉิงชื่อชิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ออกไป
เฉิงชื่อชิงก็รู้ตัวว่าถูกรังเกียจ จึงขยับไปยืนอีกด้านข้างว่าง่ายโดยไม่เอ่ยอะไร เซี่ยงเฉินที่ยืนอยู่อีกด้านไม่กล้าขยับเขยื้อน
เฉินหยูเดินกะเผลกเข้าไป เบิกตากว้างมองเธอ ถามด้วยใบหน้าซีดเซียว “พี่่เสี้ยวเสี้ยว พี่….ท้องรึเปล่า?”
คำคำนั้น ราวกับเสียงฟ้าผ่าลงมาตรงกลาง ระเบิดอย่างรุนแรงจนทุกคนต่างทำอะไรไม่ถูก
ยินจื่อเจิ้น เฉิงชื่อชิง เซี่ยงเฉิงต่างมองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไม่อยากเชื่อ ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ตื่นตะลึง แต่ก็ยังอาเจียนอยู่ จนกรดในกระเพาะอาหารก็ขย้อนออกมาหมดต้องรู้สึกย่ำแย่เป็นธรรมดา ผ่านไปพักใหญ่จึงถามขึ้น “เสี้ยวเสี้ยว ‘เลือด’ของเธอไม่มานานเท่าไหร่แล้ว?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวหอบพิงกำแพง นึกย้อนกลับไปอย่างรวดเร็วแล้วประมวลผล
“เดือนนี้ช้าไปหนึ่งสัปดาห์….” เสียงกระซิบแผ่ว ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปยังถาวหยีอย่างประหลาดใจ เธอนึกว่ามันเป็นแค่ผลกระทบของอารมณ์แปรปรวนในเดือนนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีอาการแบบนี้ แต่ถาวหยีก็เป็นคนท้อง เธอถามแบบนี้ แม่แต่ตัวเธอเองก็ยังรู้สึกสับสนเลย “ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นนี่นา….”
ยินจื่อเจิ้นเอื้อมไปโอบไหล่บางของยินเสี้ยวเสี้ยว เอ่ยปลอบเธอเบา ๆ “ไม่ต้องกลัว ตอนนี้พวกเราก็อยู่ที่โรงพยาบาล ตรวจดูสักหน่อยเดี๋ยวก็รู้ ไม่แน่ว่าวันนี้เธออาจกินเยอะเกินไปหรือเป็นแผลในกระเพาะรึเปล่า?”
ยินจื่อเจิ้นเอ่ยเสียงเบา แต่เขาก็ไม่ได้สังเกตว่าร่างกายของเขาก็สั่นเล็กน้อย
คนรอบข้างต่างก็อยากจะเชื่อคำพูดของยินจื่อเจิ้น แต่ท่าทางที่ยินเสี้ยวเสี้ยวอาเจียนอย่างไม่ลืมหูลืมตาเมื่อครู่ก็เห็นอยู่ต่อหน้า ถึงพวกเขาอยากจะเชื่อมันก็คงจะฝืนไปสักหน่อย
“เสี้ยวเสี้ยว มาตรวจกับฉันเถอะ” คุณหมอหยางเอ่ยเสียงเบา สายตาค่อย ๆ มองคนรอบ ๆ ก่อนหันกลับมาพายินเสี้ยวเสี้ยวไปจากพวกเขา พยาบาลห้องผ่าตัดที่อยู่ไม่ไกลที่เห็นฉากนี้ก็รีบวิ่งกลับไปยังห้องผ่าตัดอย่างรวดเร็ว ท่าทางตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ
ในห้องฉุกเฉิน คุณหมอหยางสอบถามอาการในช่วงนี้ของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างนุ่มนวล สุดท้ายก็นิ่งเงียบแล้วให้ยินเสี้ยวเสี้ยวไปตรวจอย่างละเอียดที่แผนกสูติ-นรีเวช
ยินเสี้ยวเสี้ยวถือสลิปรายการในมือ รู้สึกอึ้งเล็กน้อย
เธอหย่าแล้ว เพิ่งจะหย่า แต่อยู่ ๆ ทำไมถึง….ท้องขึ้นมาได้ล่ะ?
นี่พระเจ้ากำลังล้อเล่นกับเธออยู่เหรอ?
มีพยาบาลมาพายินเสี้ยวเสี้ยวไปยังแผนกสูติ-นรีเวช ยินเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังมึนงงไม่ได้สังเกตเลยว่าพยาบาลคนนั้นคือพยาบาลของห้องผ่าตัด หลังจากยินเสี้ยวเสี้ยวจากไปแล้วคุณหมอหยางเองก็ต่อสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
แผนกสูติ-นรีเวช
ยินเสี้ยวเสี้ยวรออยู่ข้างนอกเงียบ ๆ พวกของยินจื่อเจิ้นเองก็รออย่างใจจดใจจ่อ บางครั้งสายตาของพวกเขาก็จ้องมองไปยังหน้าท้องแบนของยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็ละสายตากลับมาอย่างไม่อยากเชื่อ
ไม่นะ ท้องจริง ๆ เหรอ?
ไม่มีใครอยากเชื่อในความจริงนี้……
สีหน้าของถาวหยีซีดเซียว เธอกัดริมฝีปากตัวเองแล้วยืนมองยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ไม่ไกล ต๋งไขเดินเข้ามาเอ่ยอย่างเหน็บแนมกับเธอเบา ๆ “ถาวหยี อย่าเอาความคิดของนั้นไปใส่หัวเธอเชียว ไม่อย่างนั้นฉันไม่ให้เธอได้อยู่ดีแน่”
พูดจบ ต๋งไขก็จากไปทันที ทิ้งให้ถาวหยีมองเขาอย่างเดือดดาล
ความจริงเวลาที่รอนั้นสั้นมาก ๆ แต่ในสายตาของพวกเขาที่รออยู่นั้นมันช่างยาวนานเหลือเกิน…..
ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งรออย่างกระสับกระส่ายอยู่บนเก้าอี้
ยินจื่อเจิ้นถอดเสื้อผ้าของตัวเองสวมให้กับเธอ ทุกคนรอด้วยความเงียบสงบ
ผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดแผนกสูติ-นรีเวชก็เปิดประตูออก ยินเสี้ยวเสี้ยวตื่นตกใจจนลุกขึ้นจากที่นั่งมองไปยังพยาบาล โดยไม่แม้แต่สนใจเสื้อผ้าบนร่างกายที่หลุดร่วงไป
“ยินเสี้ยวเสี้ยว” พยาบาลมองประวัติในมือพร้อมเอ่ยเบา ๆ “ใครคือยินเสี้ยวเสี้ยวคะ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวก้าวออกไปข้างหน้า ยืนอยู่ด้านหน้าของพยาบาล ลำคอราวกับถูกกักไว้ไม่อาจพูดออกมาได้
พยาบาลเหลือบมองยินเสี้ยวเสี้ยวเล็กน้อย ก่อนพลิกประวัติผู้ป่วยในมือแล้วพูด “ยินเสี้ยวเสี้ยว คุณตั้งครรภ์ได้หกสัปดาห์แล้วค่ะ…..
——ยินเสี้ยวเสี้ยว คุณตั้งครรภ์ได้หกสัปดาห์แล้วค่ะ
คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในหูของทุกคนราวกับสายฟ้าฟาดจากท้องฟ้า
ในขณะเดียวกัน ประตูลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลก็ส่งเสียงขึ้น แต่ก็ไม่มีใครที่จะมีกะจิตกะใจจะสนใจ
ตั้งครรภ์……ตั้งครรภ์ได้หกสัปดาห์แล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถดึงสติกลับมาได้ พยาบาลอ้าปากพูดอะไรบางอย่างเธอก็ไม่ได้ยินอีกแล้ว สิ่งเดียวที่ได้ยินก็คือประโยคนั้นที่บอกว่าท้องหกสัปดาห์แล้ว
หกสัปดาห์…..
คำนวณเวลาแล้ว ก็คือตอนที่ครั้งแรก….
เป็นเวลานานที่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เอ่ยอะไร พยาบาลยื่นใบบันทึกในมือให้แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้รับ คนทั้งหมดข้างหลังเธอล้วนอึ้งจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนกระทั่งแขนเรียวคู่หนึ่งยื่นออกไปรับใบบันทึกผล จากนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงไอสองสามครั้ง “แค่กแค่ก…ขอบคุณครับ….”
พยาบาลมองจิ๋นลี่ยวนแล้วพยักหน้าเล็กน้อยก่อนหันไปยุ่งกับงานของตัวเองต่อ
ยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่อย่างนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก จิ๋นลี่ยวนกลับตัวสั่นและยกผลทดสอบขึ้นต่อหน้า เมื่อมองไปยังก้อนเนื้อสีดำเล็ก ๆ นั้น มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขายกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้ตัวเองไปโดนยินเสี้ยวเสี้ยว แต่กลับไม่อาจปกปิดความอ่อนโยนในดวงตาคมได้….