บทที่ 229 ความสงสัยของจิ๋นลี่หยาว
ถาวหยีเม้มปาก สีหน้าซีดเผือดแต่ไม่ได้พูดอะไร ต๋งไขมองเธออย่างขยะแขยง “ถาวหยี คนทำอะไรสวรรค์ย่อมมองเห็น ตั้งแต่คุณตัดสินใจจะทรยศเสี้ยวเสี้ยวตั้งแต่แรก คุณกับเธอก็ไม่มีทางกลับไปเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฉันไม่กล้าเชื่อจริงๆ หากวันใดวันหนึ่ง เสี้ยวเสี้ยวรู้ความจริงขึ้นมา จะมองคุณยังไง”
คำพูดเบาเสียงมากแต่กลับกระทบใจของถาวหยีอย่างหนักหน่วง
จะมองเธอยังไง?
คงไม่มีอะไรมากไปกว่าจะรู้สึกว่าเธอเป็นพวกเห็นแก่เงิน เธอก็แค่ชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป เธอแค่ปรับตัวไปตามสถานการณ์เท่านั้นเอง
ถาวหยีหันไปมองต๋งไขอย่างโกรธเคือง เธอไม่เข้าใจ เธอแค่ไล่ตามความสุขของตัวเองมันผิดตรงไหน? หรือว่าในสายตาของพวกเขา บนโลกนี้ผู้หญิงคนไหนก็สามารถมีความสุขได้ มีแค่เธอเท่านั้นที่ทำไม่ได้งั้นเหรอ?
เธอรู้ว่าวิธีการของตนเองนั้นไม่ถูกต้อง แต่แล้วจะทำไมล่ะ?
‘คนเราไม่ยอมวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วไปโทษฟ้าดินแทน’ ไม่ใช่อย่างเหตุผลนี้เหรอ?
ถาวหยีอ้าปากเตรียมจะพูดตอกกลับ แต่ต๋งไขกลับไม่ให้โอกาสเธอได้พูดเลย หมุนตัวแล้วจากไปอย่าดื้อๆ
ถาวหยีที่อยู่ด้านหลังได้แต่กลั้นน้ำตาไว้ในเบ้าตาไม่ได้ปล่อยให้ไหลออกมา มือเล็กประคองท้องของตนเองไว้แน่น
ในความคิดของเธอ บนโลกนี้มีแต่คนที่ไม่ขยันเท่านั้นแหละ ไม่มีเรื่องใดที่ทำไม่ได้!
‘ร้านอาหารซื่อฟาง’
ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวมาถึง เฉิงชื่อชิงก็มารออยู่ที่นั่นตั้งนานแล้ว ควันบุหรี่ลอยอบอวลในห้องเลี้ยงรับรองส่วนตัว
“พี่ชื่อชิง” ก้าวเข้าไปนั่งตรงข้ามกับเฉิงชื่อชิง ยินเสี้ยวเสี้ยวเรียกขานอย่างชาญฉลาดออกมาคำหนึ่ง เฉิงชื่อชิงเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวเข้ามาก็รีบดับบุหรี่ในมืออย่างรวดเร็ว แล้วรีบลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทออกไป
ทั้งสองคนไม่ได้นั่งคุยกันดีๆ โดยเป็นส่วนตัวแบบนี้มานานแล้ว หลังจากดื่มไวน์และกินอาหารจนอิ่มหนำสำราญแล้วเฉิงชื่อชิงก็ยังไม่ได้บอกว่าที่วันนี้เรียกเธอมานั้นมีเรื่องอะไรกันแน่
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวดื่มชาดอกไม้หอมๆ พลางมองวิวของ ‘ร้านอาหารซื่อฟาง’ ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จนอารมณ์ดีขึ้น
“เสี้ยวเสี้ยว คุณรู้เรื่องที่มู่เยียนหรานไม่ค่อยสบายหรือเปล่า?” พร้อมทั้งจ้องยินเสี้ยวเสี้ยวไปด้วย เฉิงชื่อชิงหรี่ตาลงเล็กน้อยพลางเอ่ยถามเสียงเบา ในสายตามีแต่ร่างเล็กๆ ของเธอ
“คุณหมายถึงเรื่องที่เธอเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า?” อาการป่วยของมู่เยียนหรานก็ไม่ได้ประกาศออกไปให้เป็นทางการ เฉิงชื่อชิงจะไม่รู้ก็ไม่แปลกอะไร แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก
“คุณรู้แล้ว?” เฉิงชื่อชิงมองยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างงุนงง ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่รู้มาก่อน เพิ่งจะมารู้เอาทีหลัง เพียงเพราะตอนนี้เขารู้ข่าวมามากขึ้นจนสามารถนัดยินเสี้ยวเสี้ยวออกมาได้ “งั้นจิ๋นลี่ยวนก็รู้แล้วสิ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “เขาจะไม่รู้ได้ยังไง มู่เยียนหรานไม่สบายก็ไปที่โรงพยาบาลหนันหยู ในรายงานข่าวช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ว่าเคยรายงานอยู่เหรอ? จิ๋นลี่ยวนใกล้จะกลายเป็นหมอส่วนตัวของเธอไปแล้ว
คำพูดนี้ออกจะล้อเลียนตัวเองอยู่บ้าง แต่ที่พูดมาก็เป็นเรื่องจริง
น้อยมากที่มู่เยียนหรานมีอะไรแล้วจะไปหาคุณหมอเหลียงแพทย์เจ้าของไข้ของเธอ โดยมากล้วนแต่จะไปหาจิ๋นลี่ยวนทั้งนั้น
ทั้งเมือง T ใครๆ ก็รู้ว่า มู่เยียนหรานเชื่อใจจิ๋นลี่ยวนมาก
เฉิงชื่อชิงตกตะลึงไปเล็กน้อย สายตาที่มองไปบนร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวมีความลึกซึ้ง
“ทำไมเหรอ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ยินเสี้ยวเสี้ยวถามกลับ รู้สึกว่าเฉิงชื่อชิงมีคำพูดที่ยังพูดออกมาไม่หมด
“ไม่มีอะไร ในเมื่อเขารู้แล้วก็ดี” เฉิงชื่อชิงตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ราวกับไม่ต้องการจะพูดมากไปกว่านี้
ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ไม่ได้สนใจ ในใจของเธอ เฉิงชื่อชิงยังมีค่าพอให้เชื่อถือ
ทั้งสองพูดคุยกันในห้องรับรองส่วนตัว ทันใดนั้นก็มีพนักงานมาเคาะประตูบอกว่า “คุณชายเฉิง คุณจิ๋นมาแล้วค่ะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มปากยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็มองเฉิงชื่อชิงอย่างหยอกล้อทีหนึ่ง สายตานี้ทำให้เฉิงชื่อชิงเกือบจะหน้าแดงอย่างอดไม่ได้
เรื่องที่คุณหนูบ้านจิ๋นจิ๋นลี่หยาวมีใจให้นายน้อยตระกูลเฉิง ไม่นับว่าเป็นข่าวในแวดวงของเมือง T สักเท่าไหร่
“พี่สาวมาแล้ว งั้นฉันไปก่อนนะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดพลางลุกขึ้นเตรียมจากไป
เฉิงชื่อชิงยังไม่ได้ดึงสติกลับมาเธอก็ออกไปนอกประตูแล้ว เฉิงชื่อชิงรีบไล่ตามไป พร้อมทั้งเอื้อมมือคว้าข้อมือของยินเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้โดยสัญชาตญาณ สายตาที่มองเธอมีความร้อนรนเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉิงชื่อชิงทำตัวแบบนี้มาก่อน ในระหว่างช่วงที่ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังตกตะลึง ก็พอดีกับมีลูกค้าออกมาห้องรับรองส่วนตัวจากห้องข้างๆ กันออกมาแล้วไม่ระวังชนเข้ากับยินเสี้ยวเสี้ยวโดยบังเอิญ เฉิงชื่อชิงรีบยื่นมือออกไปดึงยินเสี้ยวเสี้ยวเข้าหาตัว ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็กลัวว่าเด็กจะได้รับการกระทบกระเทือน จิตใต้สำนึกก็เซถลาเข้าหาที่ปลอดภัย และที่นั้นก็เป็นอ้อมกอดของเฉิงชื่อชิงพอดี
มือของเฉิงชื่อชิงอยู่ที่เอวบางของยินเสี้ยวเสี้ยว ยินเสี้ยวเสี้ยวใบหน้าแดงระเรื่อพลางลดสายตาลงลูบท้องของตนเองไปด้วย ภาพนั้นดูยังไงก็เหมือนครอบครัว แต่ภาพนี้กลับถูกจิ๋นลี่หยาวที่เพิ่งเดินเข้ามาเห็นเข้าพอดี
เนิ่นนานที่เฉิงชื่อชิงกับยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ดึงสติกลับมา แถมเป็นพนักงานที่อยู่ด้านข้างกระแอมเบาๆ ออกมาสองครั้งอย่างกระอักกระอ่วน
ก็ยังดี ยังดีที่ ท้องของเธอยังอยู่ดี
ยินเสี้ยวเสี้ยวถอนหายใจรอบหนึ่ง
พฤติกรรมครั้งก่อนของยินไป่ฝันกับหลี่หมึ้งทำให้เธอกลัวจริงๆ ในขณะเดียวกันเธอก็มองออกถึงความอำนาจของตระกูลมู่ที่ต้องลงมือจนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ดังนั้นตอนนี้ทุกย่างก้าวทุกการกระทำของเธอล้วนเป็นไปด้วยความระมัดระวังจนเห็นได้ชัด
เมื่อได้ยินเสียงกระแอมบริเวณข้างๆ หู ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบดึงสติกลับมาทันทีพลันเงยหน้าขึ้นก็เห็นจิ๋นลี่หยาวมองมาที่พวกเขาด้วยสีหน้าสงสัย ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบผลักตัวเองออกมาจากอ้อมแขนของเฉิงชื่อชิงทันที สีหน้ากระอักกระอ่วนพร้อมทั้งเรียกคำว่า “พี่สาว” ออกมาคำหนึ่ง
สีหน้าของจิ๋นลี่หยาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่นับว่าดีมากนักแต่ก็ไม่ถึงกับดูไม่ได้ แสดงออกถึงอาการงุนงงมาก
เฉิงชื่อชิงมองยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างตกตะลึง ด้วยเพราะว่าท่าทางที่เพิ่งดึงโอบกอดเธอไว้เมื่อครู่เขายังไม่สามารถตั้งตัวได้
ในฝ่ามือยังหลงเหลืออุณหภูมิจากร่างกายของเธอตกค้างอยู่ กระทั่งในอ้อมแขน จมูกก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นจากตัวเธอ แต่หญิงงามไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนตั้งนานแล้ว หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ดึงมือของตัวเองกลับมา เฉิงชื่อชิงหันกลับไปมองจิ๋นลี่หยาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าและกำลังมองมาที่ตนเอง
หลังจากรู้ว่า ‘ร้านอาหารซื่อฟาง’ เป็นถิ่นของเขาแล้ว จิ๋นลี่หยาวก็แทบจะแวะเวียนมาที่นี่ทุกวัน
“คุณมาได้ยังไง?” เฉิงชื่อชิงกล่าวเบาๆ ทว่ากลับไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นตีตัวออกห่างอย่างชัดเจน
สีหน้าของจิ๋นลี่หยาวซีดเผือดทันที นัยน์ตามองตรงไปที่เขาริมฝีปากเม้มไว้แน่น
เธอมาที่นี่ตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะถามตนเองแบบนี้ กระทั่งตอนที่เธอมาครั้งแรกเขาก็ไม่เคยถามแม้แต่ประโยคเดียว แต่ตอนนี้กลับมาถามแบบนี้? เป็นเพราะว่ามียินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ด้วยใช่ไหม?
สายตาเบนไปหาตัวของยินเสี้ยวเสี้ยว จิ๋นลี่หยาวเพียงรู้สึกว่าในใจตนเองมีกองไฟที่กำลังลุกโชนอย่างไร้ขีดจำกัด!
ยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนในบ้านจิ๋นของพวกเขา ในสายตาของเธอ ขอเพียงยินเสี้ยวเสี้ยวตั้งท้องเด็กอยู่เช่นนั้นก็ต้องกลับบ้านจิ๋นอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เฉิงชื่อชิงกำลังคบหาดูใจกับยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่เช่นนั้นเหรอ?
จิ๋นลี่หยาวใช้สายตามองพวกเขาอย่างสงสัย พอแต่ข้างหูก็ได้ยินว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเรียกชัดเจนเสียงหนึ่งว่า ‘พี่สาว’ ใบหน้าเล็กๆ ไร้แป้งแต่งแต้มอันบอบบางนั้นช่างงดงามมาก ยินเสี้ยวเสี้ยวชอบเฉิงชื่อชิงจริงๆ เหรอ? ถ้าเกิดชอบล่ะ เช่นนั้นเธอก็คงไม่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับจิ๋นลี่ยวนที่ยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อนหรอกมั้ง โทรหาเฉิงชื่อชิงโดยตรง เธอเชื่อว่าเฉิงชื่อชิงเต็มใจที่จะแก้ปัญหาที่เร่งด่วนเพื่อเธอได้อย่างแน่นอน
จิ๋นลี่หยาวพยายามที่จะสงบอารมณ์ในใจตนเอง แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็เป็นผู้หญิง รู้ว่าจิ๋นลี่หยาวอาจจะเข้าใจผิดไปแล้ว เลยรีบทันควัน “พี่สาว พี่มาพอดีเลย พี่ชื่อชิงบอกว่าไม่ได้เจอฉันนานแล้วเลยนัดฉันออกมากินข้าว ใครจะรู้ว่าฉันกำลังท้องอยู่อยากจะกินอะไรก็กินไม่ค่อยลง ทำให้เขาเองก็ไม่ได้กินข้าวไปด้วย ตอนนี้พี่คงยังไม่ได้กินอะไรสินะ ฉันเองก็กำลังจะกลับพอดี พี่ก็มากินข้าวเป็นเพื่อนกับเขาสักหน่อยแล้วกัน”
คำพูดนี้ มันทั้งอธิบายให้จิ๋นลี่หยาว และยังเป็นการบอกความหมายเป็นนัยให้เฉิงชื่อชิงไปในตัวว่า ว่าเธอเองเป็นผู้หญิงที่กำลังตั้งท้องลูกของผู้ชายคนอื่นอยู่ ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวระหว่างพวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนเป็นไปไม่ได้แล้ว
พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาพูดอะไรอีก พร้อมพูดลาจากนั้นก็หันหลังเดินออกมาคนเดียวเลย
เมื่อเดินออกมาจาก ‘ร้านอาหารซื่อฟาง’ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เงยหน้ามองท้องฟ้าเหนือศีรษะ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
จิ๋นลี่หยาวกับเฉิงชื่อชิงเอ๊ย…
ถ้าเป็นไปได้ นี่ก็นับว่าเป็นคู่ที่ไม่เลวเลย แม้ว่าตระกูลเฉิงจะไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้นเท่ากับบ้านจิ๋น แต่ในเมือง T ก็นับว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง จิ๋นลี่หยาวแต่งงานกับเฉิงชื่อชิงไม่นับว่าเป็นการลดตัวลงมาแต่งงานแน่นอน เพียงแต่ก็ไม่รู้ว่าเฉิงชื่อชิงจะรับเธอได้หรือไม่
ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินช้าๆ อยู่บนถนนพร้อมทั้งคิดเรื่องร่าวต่างๆ อยู่ในใจ หัวคิ้วขมวดเล็กน้อยอย่างครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องของ ‘บริษัทจื่อยิน’ ที่ต้องการเข้าสู่ศึกในวงการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางแล้ว เธอควรจะสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์นี้อย่างไรดี
ทันใดนั้น ฝูงชนที่อยู่ไม่ไกลนักก็เกิดความโกลาหลขึ้น บริเวณด้านหน้าประตูซูเปอร์มาเก็ตเกิดการปล้นขึ้น ผู้คนโดยรอบล้วนรีบหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ จนทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเกิดโกลาหลขึ้นมาทันที
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ทันระวังเลยถูกฝูงชนที่อยู่รอบตัวเบียดเอา เธอตกใจรีบดึงสติกลับมาพร้อมทั้งลูบท้องของตนเองไว้แล้วพยายามหาที่ซ่อน ทว่าไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็หาวิธีไม่ได้ กลุ่มฝูงชนรอบตัววิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ผู้ร้ายคนนั้นเหมือนกับว่าจะเป็นคนบ้าคนหนึ่ง ไม่วิ่งไปทางที่มีคนน้อยแต่ดันวิ่งตรงปรี่เข้ามาทางทิศที่ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ เธอที่โดนคนเบียดห้อมล้อมจนตัวเองอยู่ตรงกลางได้แต่เงยหน้าขึ้นมองคนร้ายที่วิ่งเข้ามาอย่างตกใจ
ในมือคนร้ายมีมีดอยู่เล่มหนึ่ง เมื่อมองเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวในตอนนั้นดวงตาก็เหมือนกับมีรอยยิ้มเปล่งประกายออกมาทันที
ตอนนั้นเอง จู่ๆ ร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวก็แข็งทื่อทันที
คนคนนี้เป็นคนที่ตระกูลมู่ส่งมา! วันนี้ที่ได้เจอหน้ากันสองครั้งก่อนหน้านี้บางทีอาจจะเป็นแค่เรื่องที่บังเอิญก็ได้!
แต่จะไม่พูดไม่ได้ อาจเป็นเพราะว่าวันนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวได้เจอหน้ากันสองครั้งก่อนหน้านี้เพราะนึกว่าอย่างน้อยวันนี้เธอก็จะได้ใช้ชีวิตผ่านไปได้อย่างปลอดภัย แต่ใครจะรู้ว่าก่อนหน้านี้เป็นเรื่องบังเอิญ แต่ครั้งนี้ถึงจะเป็นการวางแผนกันมาอย่างดีแล้ว!
นัยน์ตาของคนร้ายทอประกายเย็นชาออกมา พร้อมทั้งวิ่งตรงมาทางยินเสี้ยวเสี้ยวทันที ในมือก็กำมีดที่ทอแสงระยิบระยับท่ามกลางดวงอาทิตย์ในฤดูหนาว ดูๆ ไปแล้วมันยิ่งทำให้คนกลัวเป็นอย่างมาก…
ร่างกายสะดุดจากนั้นก็เซถลาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวสีหน้าซีดเผือดพร้อมทั้งมองคนที่กำลังเดินเข้ามา พลันรีบดึงสติกลับเพื่อเตรียมจะวิ่งหนี จิตใต้สำนึกตอนนั้นมีความคิดที่ต้องการที่จะปกป้องเด็กในท้องของตนเองอย่างแกร่งกล้ามาก! แต่คนร้ายมีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี ถึงแม้ยินเสี้ยวเสี้ยวจะสู้สุดชีวิตแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถวิ่งหนีออกไปได้ บวกกับความเร็วของฝั่งตรงข้ามที่รวดเร็วมาก ไม่นานนักเธอก็ถูกตามทัน….
ยินเสี้ยวเสี้ยวเบิกตามองมีดที่ส่องประกายเย็นเยียบเล่มนั้นที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของตนเอง พลันรู้สึกแค่ว่าหัวใจของตัวเองเย็บเฉียบ
ทันใดนั้น แผ่นอกอันอบอุ่นก็เข้ามาปกป้องเธอไว้อย่างรัดกุม พลันเสื้อสเว็ตเตอร์สีขาวนั้นถูกคนแทงจนเป็นแผลลึก เลือดสีแดงสดพวยพุ่งออกมาทันที…
จากนั้นก็ยกเท้าขึ้นมาเตะออกไปทีหนึ่งอย่างแรง จนคนร้ายก็ถูกผู้มาใหม่เตะเข้าอย่างจังจนกองอยู่บนพื้น
“เสี้ยวเสี้ยว คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” จิ๋นลี่ยวนหลุบตามองไปยังสาวน้อยในอ้อมกอด เพียงรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นอย่างไม่เป็นสุข
เก๋อเฉิงเฟยรีบมุ่งไปทางด้านหน้าแล้วจัดการคนร้ายอย่างรวดเร็ว เมื่อตำรวจทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็รีบบึ่งมาทันทีพร้อมทั้งรีบพาตัวเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าขึ้นพลางมองจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ตรงด้านหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างทันควัน แค่รู้สึกว่าทุกอย่างมันดูไม่เสมือนจริง ทว่าโพรงจมูกกลับได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งซะเหมือนจริงขนาดนี้ มันเป็นความจริงที่เธอเห็นรอยแผลลึกๆ แผลนั้นที่อยู่ใต้เสื้อผ้า…
ทำไมจู่ๆ เขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ได้?
ไม่ใช่ว่ายังทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ?
หรือว่า เขาคอยประกบอยู่ข้างหลังตนเองมาโดยตลอด?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็มองดวงตาจิ๋นลี่ยวนคู่นั้นจนมีความรู้สึกอธิบายออกมาไม่ถูก..