บทที่ 227 เขาก็แค่อดีตสามีของฉัน
บ้านตระกูลมู่
ตอนที่มู่เยียนหรานรู้ข่าวจากบ้านยินว่าพ่ายแพ้ยับเยินจนเกือบจะถล่มห้องของเธอให้พังพินาศ ขนาดจื่อผู่หยางพูดปลอบโยนยังไม่ได้ผลเลย มู่หลงร้อนรนหนักกว่าเดิมจนโมโหกระฟัดกระเฟียดอยู่ในบ้าน พร้อมทั้งพูดเน้นทุกถ้อยคำว่าไม่ใช่บ้านยิน
“เยียนหราน เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน แกอย่าเพิ่งโมโห…” สองสามวันนี้จื่อผู่หยางคอยระมัดระวังในการดูแลมู่เยียนหราน ที่กลัวก็คือเธอจะคิดฟุ้งซ่าน จากนั้นจะทำให้อาการป่วยกำเริบไปอีก “แกวางใจได้เลย เรื่องนี้ฉันกับพ่อรู้เรื่องนี้แล้ว พวกเราจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่ ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังตั้งท้องอยู่ ทว่าเด็กนี่สามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยนั้นมันก็ยังเป็นปัญหาอีกเรื่องหนึ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
มู่เยียนหรานพยายามสงบอารมณ์ของตนเอง เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าอารมณ์ของตนเองในช่วงนี้มันยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าถ้ามากกว่านี้วินาทีต่อไปเธออาจจะถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินก็ได้!
ทว่า ยินเสี้ยวเสี้ยว! ยินเสี้ยวเสี้ยว!
เธอตั้งใจจะมาต่อกรกับเธอใช่ไหม?
ไม่ง่ายเลยที่หัวใจของเธอจะกลับมาเต้นเป็นจังหวะดังเดิมได้ ประจวบเหมาะกับการที่เธอดันตั้งท้องในช่วงสำคัญนี้! แถมยังท้องลูกของจิ๋นลี่ยวนอีก!
มรสุมถาโถมเข้ามาพร้อมหน้ากัน แล้วเธอจะไม่ระเบิดอารมณ์ได้อย่างไร?
“แม่ ทำยังไงดี? ฉันควรจะทำยังไงดี?” น้ำเสียงนั้นมีทั้งความน้อยใจและความไม่สุขใจ ทว่านัยน์ตาคู่นั้นมีแต่ความต้องการคิดบัญชีอย่างเต็มเปี่ยม มู่เยียนหรานกอดจื่อผู่หยางพร้อมทั้งพูดอย่างสะอึกสะอื้น “แม่ หรือว่าต่อไปฉันคงไม่มีโอกาสอยู่เป็นเพื่อนแม่แล้วใช่ไหม? คงไม่มีโอกาสจะได้เจอหน้าพ่อกับคุณปู่ก็อีกแล้วใช่ไหม?”
จื่อผู่หยางรับไม่ได้ที่สุดกับที่มู่เยียนหรานพ่นคำพูดนั้นออกมาจากปาก บนโลกใบนี้ไม่มีมารดาคนไหนหรอกที่สามารถจะทนกับคำพูดของลูกแบบนั้นได้ ความเศร้าโศกของคนหัวขาวไปส่งคนหัวดำ ไม่มีใครหรอกที่อยากลิ้มรสชาติเช่นนี้!
“เยียนหราน ไม่ต้องกลัวไป! แม่จะปกป้องแกเอง!” หรืออาจจะเป็นเพราะในช่วงนี้มู่เยียนหรานมีอาการผิดปกติที่มักจะคอยทิ่มแทงเสียดสีจื่อผู่หยางอยู่บ่อยครั้ง เวลานี้เองสายตาของเธอพลันแสดงสายตาโหดร้ายออกมา “หัวใจของยินเสี้ยวเสี้ยวดวงนั้นตระกูลมู่ได้ตั้งใจกำหนดเอาไว้แล้ว แต่เธอดันมาท้องซะก่อน งั้นพวกเราก็ให้เธอไม่มีเด็กคนนั้นซะ เพราะว่าการตั้งท้องนั้นมันตั้ง 10 เดือนเต็ม ก็ต้องมีสักวันที่เธอจะต้องมี ‘อุบัติเหตุ’ เกิดขึ้นมาสักวัน ส่วนเธอที่ได้เจอกับ ‘อุบัติเหตุ’ ในวันนั้นแล้ว ก็คือการที่มู่เยียนหรานได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง!”
คำพูดอันโหดร้ายดังกระฉ่อนไปทั่วห้อง มู่เยียนหรานหยุดร้องไห้สะอึกสะอื้นทันที ได้แต่กอดจื่อผู่หยางไม่พูดไม่จาอะไร
การหายใจลึกๆ อย่างหนักหน่วงนั้น จื่อผู่หยางมองลูกสาวที่อายุยังน้อยอยู่ในอ้อมกอด มืออันสั่นเทาก็อยากจะทำเรื่องนี้ต่อ!
แกนังยินเสี้ยวเสี้ยว คุณหนูที่บ้านยินไม่เคยได้รับความรักไม่เคยมีการทะนุถนอมแม่แต่น้อย ก็แค่บ้านจิ๋นเขี่ยรองเท้าผุพังออกไปจากบ้านเท่านั้นเอง ไม่มีคนกล้าต่อสู้ยืนหยัดเพื่อเธอ แม้กระทั่งยินจื่อเจิ้นเอง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแต่กลับอายุยังน้อยอำนาจยังไม่เพียงพอด้วยซ้ำ!
รอจนจื่อผู่หยางเดินออกมาจากห้องของตนเองแล้ว มุมปากที่กำลังยิ้มอยู่ของมู่เยียนหรานก็ค่อยๆ แสดงอาการเยาะเย้ยปะปนออกมาเล็กน้อย
สิ่งที่พวกเขาทำมาทั้งหมดนั้น สำหรับเธอแล้ว ตระกูลมู่เป็นหนี้เธอทั้งนั้น!
ถ้าไม่ใช่ในตอนแรกเป็นเพราะว่าจื่อผู่หยางโง่เขลามาก ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามู่หลงถูกคนทำให้เปลี่ยนความคิดจากชอบผู้ชายรังเกียจผู้หญิงแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าท่านปู่ของตระกูลมู่นั้นได้แต่มองแต่ไม่ได้ใช้ผลประโยชน์อย่างไม่มีความสามารถอะไร ทำไมเธอต้องรอจนถึงทุกวันนี้?
25 ปีเต็ม!
คนที่ไม่เคยประสบพบเจอสัมผัสมาก่อนย่อมไม่เข้าใจกับความน่าหวาดกลัวกับวินาทีต่อไปที่สามารถเสียชีวิตได้!
เธอหวาดกลัวจนกระทั่งไม่กล้ายอมรับความรักของตนเอง หวาดกลัวกับความต่ำต้อยจนกล้าที่จะแอบซ่อนตัว หวาดกลัวถึงขั้นรู้สึกหวาดระแวงพร้อมทั้งรู้สึกว่าวินาทีต่อไปตนเองจะหยุดลมหายใจ…
ส่วนเรื่องเหล่านี้ ตระกูลมู่เป็นคนทำให้เธอต้องตกอยู่ในแบบนี้!
ด้วยเพราะเหตุนี้ ดังนั้นการใช้คนในตระกูลมู่เธอก็ไม่มีการลังเลในการอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกผิดแม้แต่นิดเดียว!
ไหนก็กลับมาแล้ว เธอก็ไม่คิดจะกลับไปดำเนินชีวิตดั่งเก่าก่อนหน้านี้!
การตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์ ยินเสี้ยวเสี้ยวกับยินจื่อเจิ้นก็ขอลางานเพื่อที่จะได้ไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล
เพิ่งจะเดินมาถึงประตูโรงพยาบาลหนันหยูก็ได้เจอกับพี่หลิง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ทักทายกับเธอ พี่หลิงก็ได้ทักทายเธอกลับด้วยอาการกระตือรือร้น ทั้งสองคนเดินเข้าลิฟต์ไปพร้อมกันแถมพูดคุยหยอกล้อกันตลอด
“8 อาทิตย์แล้วใช่ไหมเนี่ย?” พี่หลิงมองมาที่ท้องของยินเสี้ยวเสี้ยว ท่าทางเช่นนั้นพลันนึกถึงตอนที่ตนเองกำลังต้องท้องอยู่ พร้อมทั้งพูดอย่างอารมณ์ดีมาก “ตั้งท้องก็ต้องดูแลระมัดระวังตนเองไว้ให้มาก เรื่องวุ่นวายต่างๆ นานาก็ไม่ต้องไปคิดถึง พยายามรักษาอารมณ์ให้ดีเอาไว้ อยากกินอะไรก็กิน อยากนอนก็นอนเลย เวลาช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับคุณ แต่คุณห้ามน้อยใจตนเองเด็ดขาด”
คนที่ไปแผนกสูตินรีเวชเพื่อตรวจครรภ์ที่ได้ยินคำพูดนี้ในลิฟต์แล้วถึงกลับอดหัวเราะไม่ได้ ขนาดบรรดาญาติที่ยืนอยู่ด้านข้างที่มาด้วยก็ต่างเห็นด้วย
หญิงตั้งครรภ์คือว่าเป็นกลุ่มร่างกายที่มีเอกลักษณ์มากบนโลกใบนี้ หนึ่งร่างกายแต่มีสองชีวิต การมีชีวิตต่อไปคือเป็นเช่นนี้เอง
ยินเสี้ยวเสี้ยวหลุบตาลงพร้อมทั้งยิ้มให้เล็กน้อย ในใจนั้นย่อมชัดเจนมาก คำพูดของพี่หลิงนั้นบอกความหมายออกว่าตอนที่เธอตั้งครรภ์อยู่นั้นต้องรักษาสภาพจิตใจให้ดี ทว่าในความเป็นจริงแล้วนั้นกำลังเกลี้ยกล่อมเธออยู่ต่างหาก
การตั้งครรภ์อยู่นั้น ก็ควรนึกถึงตนเองให้ดีๆ
ความหมายที่ซ่อนเอาไว้นั้นก็คือให้เธอใช้โอกาสตอนที่ตั้งท้องลูกของตนเองอยู่นั้น ให้จิ๋นลี่ยวนกลับมาคืนดี แต่เธอใช่ว่าไม่เคยลอง แม้กระทั่งยังใช้เวลาในสถานการณ์นั้น แต่จิ๋นลี่ยวนก็ยังไม่ยอมตกลง…
“ขอบคุณพี่หลิง ฉันจะระวังให้มาก” ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มให้พร้อมทั้งตอบรับอย่างเสียงเบา นัยน์ตาแสดงความจริงใจออกมา
พี่หลิงเห็นว่ายินเสี้ยวเสี้ยวนั้นเข้าใจจริงๆ เลยรีบพูดสิ่งที่ต้องระวังอีกหลายอย่างออกมา จนถึงตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินออกจากลิฟต์นั้นถึงได้อยากพูดลากับเธอ นัยน์ตาที่จ้องมองเธอนั้นกลับทอประกายความรู้สึกเจ็บปวดใจและน่าเสียดายออกมา
ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเคยมาที่ห้องศัลยกรรมก็มาไม่ค่อยบ่อย แต่ทุกครั้งที่มาก็ทำให้คนชอบไปทุกครั้ง
เพราะว่าทำให้รู้สึกอารมณ์สดชื่นสบายมาก บางครั้งต้องระวังเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักหนาอะไร แต่ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอกับอีตาคนประหลาดอย่างจิ๋นลี่ยวน
เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์แล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทันที
คนที่ยืนอยู่ตรงประตูแผนกสูตินรีเวชคนนั้นไม่ใช่จิ๋นลี่ยวนและจะเป็นใคร?
เขาสวมใส่เสื้อกาวน์สีขาวตัวยาวบนร่างกายสูงเพรียว เฉกเช่นครั้งแรกตอนที่เจอกับเขาที่โรงพยาบาลที่มีแต่ความหล่อเหลา ทว่าตอนนั้นเขาเป็นสามีของเธอ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แล้ว
“เสี้ยวเสี้ยว…” จิ๋นลี่ยวนที่กำลังคุยอยู่กับหมอเหยาที่แผนกสูตินรีเวชอยู่ก่อนหน้านั้นพลันหยุดพูดทันที นัยน์ตาอันลึกล้ำจ้องมองไปที่เธอที่อย่างหลงใหล ไม่ได้เจอกันมาหลายวันแล้ว เขาย่อมรู้ถึงความถวิลหาอันดำดิ่งทะลุเข้ากระดูกไขสันหลังของตนเอง
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้าให้หมอเหยา แล้วถึงได้มองมาที่จิ๋นลี่ยวนอยู่แวบหนึ่ง
ศัลยแพทย์มาอยู่ที่แผนกสูตินรีเวชไม่กลัวคนตกใจหรือไงกัน?
ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินเขาไปหาอย่างไร้ท่าทีใดๆ พลันเตรียมยื่นมือออกไปรับเลขบัตรจากพยาบาล แต่จิ๋นลี่ยวนได้ล้วงเข้าไปในเสื้อกาวน์แล้วเอาเลขบัตรออกมาแทน คนที่อยู่รอบข้างมีบางคนอ้าปากค้างอย่างอิจฉาตาร้อน
“ฉันพูดเลยว่าคุณหมอที่หล่อเหลาขนาดนี้เป็นสามีของใครกัน? ที่แท้ก็คุณนั่นเอง เขาช่างเอาใจใส่มากจริงๆ แถมมารออยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว” ผู้หญิงที่ท้องโตคนหนึ่งเป็นคนอ้าปากพูด ด้านข้างก็มีสามีนั่งอยู่เป็นเพื่อนด้วย “เขามารอตั้งแต่ฉันมาแล้ว ส่วนเลขบัตรนั้นไม่รู้ว่าเอาไปแลกกับคนอื่นมากี่ครั้งกันแล้ว ก็เพื่อที่จะรอให้คุณมาถึงนี่แหละ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวผงะเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
จิ๋นลี่ยวนได้แต่ยืนอยู่ด้านข้างเธอพร้อมทั้งจ้องมองเธออย่างถวิลหา ผอมลงไปเล็กน้อย สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดี หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“นี่สาวน้อย สามีของคุณนี่ไม่เลวจริงๆ นะ ฉันขนาดเป็นยายแก่มองจนรู้สึกอิจฉาหมดแล้ว” หญิงชราที่นั่งด้านข้างเป็นคนพูดขึ้นมา เหมือนว่าลูกสะใภ้หรือลูกสาวได้เข้าไปตรวจด้านในแล้วตนเองรออยู่ด้านนอก “มารออยู่ตรงนี้อยู่ตลอดเวลาไม่พูดแถมยังมีความตั้งอกตั้งใจอย่างมาก พวกเรายังบอกเขาให้โทรศัพท์ไปเร่งคุณเลย แต่เขาก็บอกว่าไม่รีบร้อนอะไรรอให้คุณค่อยๆ มา เขารอคุณอยู่”
“การตั้งท้องลูกนั้นก็ถือว่ายากลำบากขนาดไหน แต่การมีสามีแบบนี้ ฉันก็ถือว่าคุ้มมากแล้ว”
ผู้หญิงที่กำลังนั่งรออีกคนเป็นคนพูด สายตาแสดงความอิจฉาออกมาให้เห็น “หลังจากคุณคลอดลูกแล้ว สามีของคุณต้องรักต้องหลงคุณหัวปักหัวปำมากแน่นอน คงไม่ทอดทิ้งไม่ดูดำดูดีคุณหรอก”
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินคำพูดพวกนี้แล้วได้แต่หัวเราะให้ตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ส่วนจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ด้านข้างนั้นหัวใจเต้นโครมครามขึ้นเรื่อยๆ แต่ต่อจากนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวพลันพูดมาหนึ่งประโยค
“ขอโทษค่ะ พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว” สายตาราบเรียบพร้อมทั้งรอยยิ้มเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดอย่างมีมารยาท “เขาไม่ใช่สามีของฉัน เขาก็แค่อดีตสามีเท่านั้นเอง”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเริ่มประดักประเดิดทำตัวไม่ถูกทันที มีบางคนที่มองมาที่จิ๋นลี่ยวนแล้วหันไปมองยินเสี้ยวเสี้ยวแต่ไม่ได้พูดอะไร
พยาบาลกับคุณหมอที่อยู่ด้านหลังเองก็ไม่คิดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะพูดประโยคออกมาจนทำให้พวกเขาต่างตกตะลึงไปชั่วครู่ ยังดีที่ว่าพยาบาลที่เป็นคนเรียกตรวจบัตรนั้นไหวตัวทันอย่างรวดเร็ว พลันเขยิบมาทางด้านหน้าแล้วพูดออกมาหนึ่งประโยค “ยินเสี้ยวเสี้ยว ถึงคิวคุณแล้ว”
ร่างกายของจิ๋นลี่ยวนยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นตกตะลึงไปเล็กน้อย
——เขาไม่ใช่สามีของฉัน เขาก็แค่อดีตสามีเท่านั้นเอง
อดีตสามี..
นัยน์ตาดั่งฟีนิกซ์มองตามแผ่นหลังของยินเสี้ยวเสี้ยวไป จนถึงขั้นเธอเดินเข้าห้องตรวจแล้วยังไม่ยอมละสายตากลับมาเลย
ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง จิ๋นลี่ยวนกำลังครุ่นคิดอยู่ ยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ในอารมณ์อยู่ถึงได้พูดประโยคนั้นออกมา
……
ในห้องพักผู้ป่วย หมอเหยาจ้องมองมาที่ยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่พักหนึ่ง จนเขาไม่อาจพูดได้เลยว่าเขาประหลาดใจกับยินเสี้ยวเสี้ยวคนนี้อยู่มาก
ตำนานของโรงพยาบาลหนันหยูนั้นก็คือจิ๋นลี่ยวน ได้รับขนานนามว่า ‘อัจฉริยภาพมือหนึ่ง’ ในโลกทางการแพทย์ระดับโลกนั้นก็พบได้น้อยมาก แต่เขาก็อยู่ที่โรงพยาบาลหนันหยู เธอเองก็ไม่มีอคติใดๆ กับจิ๋นลี่ยวนเพราะเธอเพิ่งย้ายมาไม่นาน ก็แค่พอมาถึงแล้วได้ยินคนในโรงพยาบาลพูดกันต่อๆ ว่าคุณหมอจิ๋นกับภรรยาสาวนั้นมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมาก
แต่ว่า เธอไม่คิดเลยว่า นี่เป็นความประทับใจสิ่งแรกที่ยินเสี้ยวเสี้ยวมอบให้สำหรับเธอ
“คุณยิน รบกวนคุณนอนลงบนเตียงด้วย ฉันจะเริ่มตรวจคุณแล้ว” หมอเหยาพูดเสียงเบา พร้อมทั้งจัดการอุปกรณ์เครื่องมือที่อยู่ในมืออย่างมืออาชีพ อีกทั้งพยาบาลก็ยังช่วยจดรายละเอียดบางอย่างเอาไว้ด้วย
นี่เป็นครั้งแรกในตรวจของยินเสี้ยวเสี้ยว เธอนอนลงบนเตียงอย่างว่าง่ายแต่มีอาการตื่นเต้นอยู่บ้าง
หมอเหยาพูดปลอบใจอย่างเสียงเบา พลันใช้เครื่องฟังเสียงวางลงบนหน้าท้องที่แบนเรียบของยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็กดปุ่มเครื่องฟังเสียงพลันก็มีภาพขาวดำปรากฏให้เห็น ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ความรู้สึกได้อย่างละเอียด
หมอเหยามองมาที่ยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่แวบหนึ่งพลันถามขึ้น “อยากฟังเสียงหัวใจเต้นของเด็กไหมล่ะ?” พร้อมทั้งหันมามองด้วยความสงสัย ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบพยักหน้าอย่างงุนงง
เด็กคนนี้ เธอตั้งใจที่จะตั้งท้องขนาดนี้ แล้วจะไม่ชอบได้ยังไง?
หลังจากที่หมอเหยาได้เตรียมอุปกรณ์เครื่องฟังเสียงเสร็จแล้วก็เอาเครื่องฟังเสียงลองวางบนท้องของยินเสี้ยวเสี้ยวเพื่อทดสอบหาเสียง ในห้องเงียบสนิทอย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดนางพยาบาลเองยังหยุดมือทำงานเลย
ตึก ตึก ตึก
เสียงดังเป็นระลอก มีทั้งการเร่งรีบแต่หนักแน่นอย่างเต็มเปี่ยม
ยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มริมฝีปากของตนเองไว้แน่น หางตาพลันมีน้ำตาไหลออกมา
ตึก ตึก ตึก
ทุกเสียงที่ดังออกมาราวกับมีคนเข้ามาเคาะบนหัวใจของเธอเช่นนั้น นี่เป็นลูกของเธอนี่
ทว่า ทำไมตอนแรกเธอสมองขาดเลือดหรืออย่างไรถึงได้ต้องการทำแท้งเด็กคนนี้ไปได้ล่ะ?
ทุกครั้งที่กลับไปคิดถึงความคิดแบบนี้ของตนเองเช่นนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวเกลียดจนอยากฆ่าตัวเองให้ตายซะ!
การแต่งงานระหว่างเธอกับจิ๋นลี่ยวนในครั้งนี้ คนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่สุดก็น่าจะเป็นเด็กคนนี้นี่แหละ
หลังจากตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมอเหยาพลางกำชับกับยินเสี้ยวเสี้ยวไว้หลายประโยคถึงได้ปล่อยเธอออกมา พอเดินออกประตูนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เห็นจิ๋นลี่ยวนที่ยังคงทำตัวตรงยืนรออยู่ที่เดียว ครั้งนี้คนที่อยู่รอบๆ ต่างไม่ได้พูดอะไรได้แต่จ้องมองพวกเขาทั้งสองคนอย่างสงสัยใคร่รู่
อดีตภรรยาคนนี้ตั้งท้องกับอดีตสามี ตกลงว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?