บทที่ 231 อยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานเหรอ กลับมาอยู่ร่วมกันหลังแต่งงานเหรอ
เป็นไปไม่ได้สำหรับเมืองไห่เมียว ไหนเลยจะไม่สามารถมีใครดูแลจิ๋นลี่ยวนได้ ส่วนบ้านเก่าตระกูลจิ๋น จิ๋นหยวนเฟิงและภรรยาต้องไปทำงานที่บริษัทจิ๋นซื่อกรุ๊ปทุกวัน ตัวจิ๋นลี่โป๋เองกำลังสนุกสนานท่ามกลางดอกไม้ไหนเลยจะมีเวลาว่างมาดูแลเขา จิ๋นลี่หยาวนั้นได้ยินว่าต้องไปที่ ‘ร้านอาหารซื่อฟาง’ ทุกวันและยังมีธุรกิจของตัวเองที่ต้องดูแล ส่วนที่เหลือที่เป็นคนรับใช้ในบ้านคงจะไม่กล้าดูแลจิ๋นลี่ยวน และเป็นไปไม่ได้ที่จะให้คุณย่าไปดูแลเขา…
เมื่อคิดแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเหมาะสมเลย ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ่งร้อนรน สายตามองไปยังจิ๋นลี่ยวนอย่างเจือความลังเลเล็กน้อย
หรือว่า ต้องเป็นตัวเองที่ดูแลเขา
แต่ว่า พวกเขาหย่ากันไปแล้ว…
จิ๋นลี่ยวนก็เหมือนจะมองความขัดแย้งในตัวของยินเสี้ยวเสี้ยวได้ ยื่นมือไปโอบเอวเธอและกระซิบว่า “ถ้าอย่างนั้น เสี้ยวเสี้ยว ก็ให้ผมไปอยู่กับคุณแล้วกัน”
เป็นคำพูดง่ายๆ ออกมาจากปากของเขา แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับรู้สึกว่าโลกเริ่มหมุน
ไปอยู่กับเธอเหรอ
นี่มันอะไร อยู่ด้วยกันก่อนแต่งงานเหรอ อยู่ร่วมกันหลังแต่งงานเหรอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม เป็นนานสองนานก็ไม่มีการพูดจา
“เสี้ยวเสี้ยว คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้มีคนรับใช้ในบ้าน” จิ๋นลี่ยวนพูดเสียงเบาอ่อนโยน ทุกถ้อยคำล้วนต้องการล่อลวงยินเสี้ยวเสี้ยว แต่มันก็เป็นเรื่องจริง “ผมอยู่คนเดียวในเมืองไห่เมียวคุณไม่เป็นห่วงเหรอ ผมอาจจะลืมทานยา ลืมเปลี่ยนยา อาจจะเปียกตอนอาบน้ำ และก็อาจจะนอนดึก เมื่อถึงตอนนั้นแขนของผมก็อาจจะ…”
“ได้” ยินเสี้ยวเสี้ยวเปิดปากขึ้นในวอร์ดที่เงียบสงบ
จิ๋นลี่ยวนมองเธอโดยไม่แปลกใจใดๆ กระตุกยิ้มมุมปาก เขาอยากได้อะไรไม่เคยไม่ได้
หลังจากพูดจบยินเสี้ยวเสี้ยวก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาแน่นและหายใจเข้าลึก ไม่เห็นใบหน้าตื่นเต้นหลังจากประสบความสำเร็จของเขา
ทำไมเธอถึงตกลงกันนะ
อดีตสามีย้ายเข้าบ้านของเธอ สมองเธอบวมน้ำหรือเปล่า
แต่ว่า เธอดันไม่สามารถฟังจิ๋นลี่ยวนพูดว่าแขนของเขาหักแบบนี้ได้…
หลังจากออกจากโรงพยาบาลยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังเสียใจอย่างสุดซึ้ง ขมวดคิ้วแน่น บางครั้งเมื่อหันหน้าไปเห็นจิ๋นลี่ยวนก็รู้สึกว่าตัวเองสุดแสนจะอยากบีบคอเขาให้ตาย แต่เมื่อใดก็ตามที่จิ๋นลี่ยวนเหวี่ยงแขนที่บาดเจ็บมาตรงหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอีกครั้ง…
เฮ้อ…
ช่างเถอะๆ นอกจากถูกพี่ชายและพวกเพื่อนๆ พูดกันจากนั้นก็แค่พวกนักข่าวคาดเดาไปต่างๆ นาๆ เธอไม่ใช่ว่าไม่เคยมีประสบการณ์ หลังจากจิตใจสงบลงเล็กน้อยยินเสี้ยวเสี้ยวถึงได้ตามจิ๋นลี่ยวนไปยังรถเรนจ์โรเวอร์ที่จอดอยู่ข้างถนน จิ๋นลี่ยวนไม่สามารถขับรถได้ แต่ดีที่ยังมีเก๋อเฉิงเฟยอยู่อีกคน
ระหว่างทาง เก๋อเฉิงเฟยมองทั้งคู่ผ่านกระจกมองหลังหลายครั้ง จนในที่สุดก็เปิดปากถามภายใต้สายตาของจิ๋นลี่ยวนว่า “คุณชายสาม ข่าวที่คุณจะย้ายไปหนานเยวี่ยนจะถูกนักข่าวล่วงรู้ในไม่ช้าครับ…”
พูดอย่างนั้นแล้วเก๋อเฉิงเฟยก็เหล่มองยินเสี้ยวเสี้ยว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบสนอง
ถ้าถูกนักข่าวล่วงรู้ เธอคงจะถูกโจมตีอีกครั้ง
จิ๋นลี่ยวนสีหน้าแข็งทื่อขึ้นเล็กน้อย หลับตาแล้วพูดว่า “ปิดข่าวพวกนั้น ข่าวที่ผมย้ายไปหนานเยวี่ยนห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด”
มุมปากยกยิ้มบาง ยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงไม่ได้พูดอะไร มันเหมือนกับว่าหัวข้อที่พวกเขาคุยกันไม่เกี่ยวข้องกับเธอ
ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด
จิ๋นลี่ยวนก็เป็นคนมีความสามารถแบบนี้ แต่ในใจยินเสี้ยวเสี้ยวอึดอัดเล็กน้อย ไม่ว่าข่าวนี้จะเปิดเผยออกไปหรือไม่ก็ตาม
หากเปิดเผยออกไป จิ๋นลี่ยวนก็แค่ทำให้เธอตกอยู่ท่ามกลางพายุและปล่อยให้ผู้คนคาดเดาและปล่อยให้คนอื่นพูดกันไป หากไม่เปิดเผย ก็แค่ทำให้เธอเป็นคนไร้ยางอายมากขึ้นเท่านั้นเอง นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอเสียใจมากหลังจากตกลงกับจิ๋นลี่ยวนไป
เรื่องนี้ จะทำย่างไรก็ผิด! แต่เธอกลับไม่ทำไม่ได้
ยินเสี้ยวเสี้ยวเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างกายลืมตาขึ้นเล็กน้อยเหล่มองไปที่เธอ ดวงตาดั่งนกฟีนิกซ์รู้สึกผิดและไม่สบายใจอย่างสุดซึ้ง
คนที่ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวเสียชื่อเสียงเป็นขี้ปากชาวบ้าน ก็คือเขา แต่ตอนนี้เขากลับไร้วิธีกู้ชื่อเสียงของเธอ
เรนจ์โรเวอร์ขับไปบนท้องถนนอย่างราบรื่น เก๋อเฉิงเฟยรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก แต่ถ้าเมื่อครู่ไม่ถามคำถามนั้นให้ชัดเจนในตอนนี้ข่าวอาจแพร่กระจายไปทันทีที่พวกเขาไปถึงหนานเยวี่ยน เมื่อถึงตอนนั้นก็ยิ่งยากจะเก็บกวาด ท่าทางเงอะงะมองไปยังจิ๋นลี่ยวนที่หลับตาลงโดยไม่อยากพูดเขาจึงถามยินเสี้ยวเสี้ยวขึ้นเงียบๆ “คุณยิน คุณขับรถไม่เป็นเหรอครับ”
ตัวของยินเสี้ยวเสี้ยวชะงักไปเล็กน้อย จนส่งผลให้จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างๆ ลืมตาขึ้น
“ตอนนี้มีไม่กี่คนที่ขับรถไม่ได้ ผมยังคิดว่าตอนที่คุณเข้ามหาวิทยาลัยได้เรียนขับรถแล้ว…” เก๋อเฉิงเฟยไม่ได้สังเกตเห็นบรรยากาศที่ผิดปกติ พูดไปเรื่อย สีหน้ายังคงเจือรอยยิ้ม “ที่จริงการขับรถมันค่อนข้างง่าย ผมว่ามันไม่ง่ายเลยที่คุณจะเดินทางระหว่าง‘บริษัทจื่อยิน’กับหนานเยวี่ยนทุกวัน ทำไมไม่เรียนขับรถล่ะครับ มันง่ายมากเลย…”
ขับรถเหรอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวยกมุมปากเล็กน้อย แต่ในสมองกลับแวบคำพูดหนึ่งที่จิ๋นลี่ยวนพูดกับเธอก่อนหน้านี้ตอนที่กำลังจะหย่า ตอนนั้นเขามองดูเธอลงมาจากรถของตัวเอง พูดประโยคหนึ่งระหว่างรอมู่เยียนหรานเข้ามา ‘คุณไปเรียนสอบใบขับขี่เถอะ’ คำพูดนี้สะท้อนอยู่ในใจเธอมาโดยตลอด…
ตอนนี้ แม้แต่เก๋อเฉิงเฟยก็ให้เธอไปเรียนขับรถ…
แต่บางคนมักจะมีสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการเรียนรู้ในชีวิตนี้ และการขับรถเป็นสิ่งที่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ต้องการเรียนรู้ ถึงขั้นกลัวที่จะเรียนรู้มัน
คนที่อยู่ด้านหลังเงียบผิดปกติ ทันทีที่เก๋อเฉิงเฟยเห็นก็กลั้นหายใจทันที
จิ๋นลี่ยวนจ้องตาดุใส่เกิอเฉิงเฟยผ่านกระจกมองหลัง ท่าทางอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำให้เก๋อเฉิงเฟยกลัวจนหุบปากทันที
“ฉันทิศทางไม่ดีค่ะ ไม่อยากเรียนขับรถ” หลังจากผ่านไปนาน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ตอบกลับเสียงเบา คำพูดนั้นดูผ่อนคลาย
เก๋อเฉิงเฟยพยักหน้าผงกๆ และไม่กล้าพูดอะไรอีก ส่วนจิ๋นลี่ยวนมองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยความปวดใจมาก
เขาในตอนนั้น ค่อนข้างเกินไปใช่ไหม
ตลอดทางไร้การพูดจา ทั้งสามคนนิ่งเงียบจนมาถึงหนานเยวี่ยน เก๋อเฉิงเฟยขับรถเข้าไปในที่จอดรถแล้วก็จากไป ส่วนจิ๋นลี่ยวนตามยินเสี้ยวเสี้ยวกลับไปหนานเยวี่ยนด้วยกัน
ยืนที่ตรงทางเข้า ยินเสี้ยวเสี้ยวเปลี่ยนรองเท้าและหันไปหยิบรองเท้าแตะผู้ชายออกมาจากตู้รองเท้าให้เขา
มองไปยังรองเท้าแตะที่แปลกแยกตรงหน้า จิ๋นลี่ยวนรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองมีไฟโกรธเคืองปะทุขึ้นมาตะคุ่มๆ แต่กลับไม่มีเหตุผลจะโจมตี
“ฉันจะไปเตรียมห้องให้คุณ ตอนนี้คุณพักในห้องนั่งเล่นครู่หนึ่งก่อน” พูดอย่างนั้นแล้วยินเสี้ยวเสี้ยวก็หมุนตัวแล้วเดินไปทางห้องพัก ทิ้งจิ๋นลี่ยวนที่มองเธออย่างคนปวดท้องไว้เบื้องหลัง
ท้ายที่สุดแล้วก็ยังแยกกัน ใครใช้ให้พวกเขาหย่ากันล่ะ
การที่ยอมให้เขาที่ตอนนี้ไม่ได้แต่งงานกันแล้วมาอยู่ด้วยมันก็เกินแนวคิดของยินเสี้ยวเสี้ยวไปมากแล้วจนเขาก็ไม่กล้าขออะไรมากอีก มองดูสิ่งแวดล้อมโดยรอบ จิ๋นลี่ยวนรู้สึกว่าทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นของยินเสี้ยวเสี้ยว สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างตะกละตะกลาม ตอนนี้จิ๋นลี่ยวนรู้สึกขอบคุณ‘โจร’ในวันนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เขาจะสามารถมาอาศัยอยู่ที่นี่อย่างมีเหตุผลรองรับได้อย่างไร
ตราบใดที่คิดว่าในวันถัดไป เขาสามารถอาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกันกับยินเสี้ยวเสี้ยวเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพลุ่งพล่าน มุมปากยกยิ้ม จิ๋นลี่ยวนเดินเข้าไปหยอกล้อโต้วโต้วที่มองเขาอยู่ เล่นกับมันอย่างอารมณ์ดี
เมื่อออกจากห้องมายินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ยินเขากำลังพูดกับโต้วโต้วพอดี
“ต่อไปแกต้องดูแลเธอให้ดีๆ นะรู้ไหม อย่าแกล้งเธอหรือไม่เชื่อฟัง ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาแกมาตุ๋น!” จิ๋นลี่ยวนพูดอย่างกึ่งเล่นกึ่งขู่ แถมยังยื่นกำปั้นขวาของตัวเองออกมา แต่โต้วโต้วกลับเลียกำปั้นของเขาไปสองทีอย่างไม่มีศักดิ์ศรี จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้วทันที “เฮ้ๆ อย่ามาทำให้ฉันป่วยนะ!”
แกล้งจ้องโต้วโต้วอย่างรังเกียจ จิ๋นลี่ยวนลุกขึ้นและกำลังจะไปล้างมือในห้องน้ำ อาจเพราะรีบเกินไป ร่างสูงจึงซวนเซเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวตกใจจนรีบเข้ามาช่วยประคองเขา
จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้วแน่น เอนตัวพิงยินเสี้ยวเสี้ยวเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร กระทั่งหลังจากใจเย็นถึงได้พูดขึ้นว่า “เสี้ยวเสี้ยว ผมอยากล้างมือ…”
ยินเสี้ยวเสี้ยวกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยจนมุมปากยกอย่างทนไม่ไหว จูงมือเขาไปโดยไม่พูดอะไร
ไปล้างมือในอ่าง จิ๋นลี่ยวนต้องเย็บหลายครั้งเนื่องจากบาดแผลลึกมากและตอนนี้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งจิ๋นลี่ยวนก็หันมาสบตากับยินเสี้ยวเสี้ยวและพูดว่า “เสี้ยวเสี้ยว ช่วยผมหน่อย…”
ยินเสี้ยวเสี้ยวเหล่มองเขาอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังคงเดินมาและก้มลงล้างมือที่อยู่ตรงหน้าอกให้เขา
เพิ่งเย็บเสร็จมาใหม่ มือของเขาจึงไม่ควรเคลื่อนไหวมากเกินไป…
จิ๋นลี่ยวนมองใบหน้าด้านข้างที่จริงจังของยินเสี้ยวเสี้ยวผ่านกระจกแล้วดวงตาของเขาก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย เขาก้มหน้าเล็กน้อยจูบลงบนศีรษะของยินเสี้ยวเสี้ยวแผ่วเบา แต่ความแรงนั้นเบามากเสียจนยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้สึก
ถ้าระหว่างพวกเขาไม่มีเรื่องมากมายขนาดนั้น พวกเขาจะสามารถราบรื่นเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไปจนแก่เฒ่าหรือไม่
มองยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างหลงใหล จิ๋นลี่ยวนเสียใจภายหลังต่อการตัดสินใจของเขาในเวลานั้น แต่ทว่าหากกลับไปอีกครั้งเขาก็ยังจะทำแบบนั้น…
ข่าวที่จิ๋นลี่ยวนอาศัยอยู่ในหนานเยวี่ยนแพร่กระจายไปถึงหูของยินจื่อเจิ้นในไม่ช้า หลังจากนั้นก็ไปเข้าหูเพื่อนสนิทของยินเสี้ยวเสี้ยว แต่สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้ไปเข้าหูนักข่าว
ทันทีที่ได้ข่าว ยินจื่อเจิ้นก็เก็บกดความโกรธจัดและไปที่ประตู ได้พบกับผู้จัดการหวงที่มาส่งอาหารพอดี โกรธมากจนแทบไล่ผู้จัดการหวงไป!
“จิ๋นลี่ยวน คุณคิดจะทำอะไร” ยินจื่อเจิ้นโกรธจนตัวสั่นเล็กน้อย จ้องจิ๋นลี่ยวนอย่างโกรธจัด
ตั้งแต่ตอนนั้นที่เขามาถามตนว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนของตระกูลยินหรือไม่ เขายังไม่ได้ถามอะไรเขาเลยสักคำ แล้วเขาก็หาเรื่องหย่า หย่าก็ว่าแย่แล้ว ตอนนี้ยังจะมาหลอกหลอนอยู่ใกล้ๆ ยินเสี้ยวเสี้ยว ผู้ชายที่รักน้องสาวมากอย่างเขาไหนเลยจะทนได้ รีบมาทันทีเป็นอันดับแรก!
แขนของจิ๋นลี่ยวนถูกพันไว้อย่างเห็นได้โดดเด่น ถึงขั้นยังห้อยคอไว้รอบคอ ยังคิดว่าไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติกับกระดูกเขา แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่หมอของเขาไหนเลยจะรู้อะไรมาก ถึงได้ถูกหลอก…
แม้ว่าการที่จิ๋นลี่ยวนในตอนนี้ปรากฏตัวต่อหน้าตัวเองด้วยอาการบาดเจ็บจะทำให้เขาลำบากใจ แต่ในใจเขายังจำช่วงเวลาที่ยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่กับจิ๋นลี่ยวนอย่างทุกข์ระทมได้อย่างชัดเจน
จิ๋นลี่ยวนเป็นผู้ชายที่แย่มากอย่างแท้จริง!
“จิ๋นลี่ยวน คุณจำไม่ได้เหรอว่าคุณหย่ากับเสี้ยวเสี้ยวไปแล้ว” พูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยินจื่อเจิ้นอยากจะเข้าไปฉีกเขาเสียให้ได้ “ตอนนี้ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเสี้ยวเสี้ยวจะได้รับการโจมตีแบบไหนเมื่อคุณมาอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่ใช่แค่นักข่าว ยังมีอีกมากที่…”