บทที่ 232 ถาวหยีมาเยี่ยม
ยินจื่อเจิ้นดวงตาเบิกกว้างด้วยความโกรธ ในสายตาของเขา ตราบใดที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเกี่ยวข้องกับจิ๋นลี่ยวนจะต้องโชคร้าย!
จิ๋นลี่ยวนอยู่ในชุดลำลองยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น ดูราวกับเป็นคุณชายเจ้าบ้าน ภาพนี้ยั่วโมโหยินจื่อเจิ้นให้ยิ่งกำหมัดแน่นส่งเสียงคำรามน่ากลัว
ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นพี่ชายมาก็รู้ว่าเรื่องในครั้งนี้เพราะตัวเองเอาแต่ใจ รีบยื่นมือไปดึงยินจื่อเจิ้นและพูดว่า “พี่ชายคะ คุณฟังฉันอธิบายก่อนได้ไหม”
“ยินเสี้ยวเสี้ยว เธอโง่เหรอ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะให้เขาเข้ามาอยู่ด้วย เธอไม่คิดถึงตัวเองบ้างเลยหรือไง” ยินจื่อเจิ้นโกรธที่ไม่สามารถตีเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตวาดใส่ยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างโหดร้าย ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้ว่าตัวเองพูดไม่ฟัง “พวกเธอหย่ากันแล้ว! หย่ากันไปแล้ว! ต้องให้ฉันเตือนพวกเธอเหรอ ตอนนี้เขาเป็นผู้ชายที่หย่าแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่หย่าแล้ว บ้านหลังนี้คนที่อยู่มีเพียงเธอซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียว เขาเป็นผู้ชาย เธอคิดว่ามันเหมาะสมเหรอที่พวกเธอจะมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยว ในสมองเธอคิดอะไรอยู่”
ยินจื่อเจิ้นโกรธจนจะเป็นบ้า ฟ้ารู้ว่าตอนที่เขารู้ว่าจิ๋นลี่ยวนกร่างเข้ามาอยู่ที่หนานเยวี่ยน นั้นแทบจะตะโกนด่าผู้ถือหุ้นจำนวนมาก!
ยินเสี้ยวเสี้ยว ท้ายที่สุดแล้วในใจยังสามารถวางใจได้แค่กับจิ๋นลี่ยวนเท่านั้นงั้นเหรอ
หลังจากพูดคุยกันอย่างหนักหน่วง ยินจื่อเจิ้นรู้สึกว่าเขากำลังจะหมดแรง แต่ในใจยังมีสิ่งที่อยากจะพูดออกไปอีกมาก แต่ตราบใดที่เขาเห็นท่าทางคิ้วต่ำของยินเสี้ยวเสี้ยวความโกรธของเขาก็จะหายไปในทันที เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ก็ไม่ยกเว้น…
ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นว่ายินจื่อเจิ้นไม่พูดแล้ว จึงทำตัวน่ารักรีบก้าวเข้าไปกอดแขนยินจื่อเจิ้นและพูดออดอ้อนว่า “พี่ชายคะ วันนี้ฉันเจอคนบ้าบนถนน เขาเกือบจะทำร้ายฉัน…”
เพิ่งจะเริ่มต้น แต่เดิมที่ยินจื่อเจิ้นโกรธจนอยากเคาะหัวยินเสี้ยวเสี้ยวเพื่อดูว่าข้างในมีโครงสร้างอะไรก็เริ่มเครียดขึ้นมาทันที รีบดึงยินเสี้ยวเสี้ยวเข้ามาดูซ้ายดูขวา กระทั่งมั่นใจว่าเธอไม่เป็นอะไรหลังจากนั้นถึงได้คลายสีหน้าลง แต่เมื่อเห็นจิ๋นลี่ยวนสีหน้าก็ยังไม่ค่อยดีนัก
“พี่ชายคะ ฉันไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่าจิ๋น…คุณชายสามจิ๋นแขนเจ็บค่ะ ร้ายแรงมาก” ยินเสี้ยวเสี้ยวเจตนาเปลี่ยนชื่อในปาก เพราะต้องการสร้างระยะห่างสักหน่อย จากนั้นจึงพูดต่อ “เขาไม่ชินกับคนรับใช้ ที่เมืองไห่เมียวก็อยู่คนเดียว และเป็นเพราะฉันถึงบาดเจ็บ เพราะงั้นฉันถึงได้ให้เขาเข้ามาอยู่ที่นี่ค่ะ…”
เขาบาดเจ็บเพราะเธอ เมื่อเธอรู้ทั้งรู้เรื่องที่เขาไม่มีใครดูแลแล้วจะเพิกเฉยได้อย่างไร
คนแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นยินจื่อเจิ้นหรือตัวยินเสี้ยวเสี้ยวเอง ก็ล้วนแล้วแต่สมควรถูกสบประมาท
คนเราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่ใช่เหรอ
ยินจื่อเจิ้นไม่ได้เห็นบาดแผลของจิ๋นลี่ยวน แค่เห็นลักษณะการพันแผลที่โอเวอร์มากก็คิดว่าระดับมันรุนแรง เมื่อรู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวแค่ให้เขาอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อตอบแทนความมีน้ำใจถึงได้โล่งใจ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังรู้สึกว่าการที่จิ๋นลี่ยวนอยู่ที่นี่มันไม่เหมาะสม จึงพูดว่า “หรือไม่ก็ให้เขาไปพักอยู่กับฉัน ฉันจะดูแลเขาเองเป็นไง”
“คุณชายใหญ่ยิน ผมแค่มาขออาศัยอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน จะไม่อ้อยอิ่งนานนัก ไปอยู่กับคุณ ผมเกรงว่าจะไปล่วงเกินคุณเข้าโดยไม่ระวัง” จิ๋นลี่ยวนพูดบางเบา อย่างไรเขาก็คว้าจิตใจของยินเสี้ยวเสี้ยวได้แล้ว จึงไม่คำนึงถึงศีลธรรมอีกต่อไป “ถึงตอนนั้นไปทำเรื่องแย่ๆ กับคุณขึ้นมาคงไม่ดี เพราะถึงยังไง‘บริษัทจื่อยิน’ก็ยุ่งมากไม่ใช่เหรอ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ค่อนข้างไม่เชื่อถือยินจื่อเจิ้น ตั้งแต่แรกเริ่มยินจื่อเจิ้นก็มีทัศนคติที่ไม่ได้ต่อจิ๋นลี่ยวน
ไม่ว่าจะอย่างไร ก็จะไม่มีการส่งจิ๋นลี่ยวนไปทางยินจื่อเจิ้นเด็ดขาด
“พี่ชายคะ คุณวางใจเถอะค่ะ นักข่าวภายนอกจะไม่มีทางล่วงรู้ เขาแค่มาพักไม่กี่วันก็จะไปค่ะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดน้ำเสียงบางเบา พยายามโน้มน้าวยินจื่อเจิ้น “อีกอย่าง ร้านอาหารเทาถี้มาส่งอาหารก็ยิ่งสะดวกไม่ใช่เหรอคะ ถ้าคุณกังวลจริงๆ งั้นคุณมีเวลาก็เข้ามาสิคะ ฉันยินดีต้อนรับคุณค่ะ”
ยินจื่อเจิ้นมองยินเสี้ยวเสี้ยวตาดุ สุดท้ายแล้วก็ได้แต่ยอม แต่ก็กลับส่งข่าวให้เฉิงชื่อชิง ถาวหยี ต๋งไข และเฉินหยู คนหลายคนจะผลัดกันเข้ามาก่อกวนเกือบทุกวัน เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังระหว่างคนสองคนนั้นสั้นลงอย่างมาก สร้างความรำคาญให้จิ๋นลี่ยวนโกรธจนคันฟัน…
ช่วงนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมโฆษณาผลิตภัณฑ์ BB Cushion ใหม่ของ‘บริษัทจื่อยิน’ จากความตั้งใจไปสู่การคิดค้น ยินเสี้ยวเสี้ยวได้เตรียมการอย่างละเอียดในทุกแง่มุม ถึงขั้นยุ่งจนดึกดื่นเป็นประจำ บางครั้งถ้าจิ๋นลี่ยวนไม่ได้เตือนเธอว่าถึงเวลาพักผ่อนแล้วเธอก็ไม่รู้สึกถึงมันด้วยซ้ำ
วันนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ไปทำงานที่‘บริษัทจื่อยิน’ โฆษณาที่อยู่ในมือกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการยืนยันขั้นสุดท้าย จากนั้นก็เป็นการเลือกมุมและการถ่ายภาพ จิ๋นลี่ยวนอาศัยอยู่ที่นี่แต่กลับเป็นเหมือนกับคนไร้ตัวตน เพียงแต่ตอนทานอาหารบนโต๊ะกินข้าวมีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน บางครั้งในตอนเย็นมีคนเตือนตัวเองว่ามันถึงเวลาพักผ่อนแล้ว…
เมื่อเห็นว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจมอยู่กับงานอีกแล้ว จิ๋นลี่ยวนไม่มีความสุขอย่างยิ่ง เขาอยู่ที่นี่มาเกือบสองสัปดาห์แล้วแต่ดูเหมือนว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะไม่ได้สังเกตเห็นเขาเลย เมื่อกริ่งประตูดังขึ้นจิ๋นลี่ยวนก็วิ่งไปเปิดประตู แต่คิ้วกลับขมวดแน่นเป็นพิเศษ แม้จะรู้ว่าตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวยุ่งอยู่กับเรื่องการโฆษณาทุกวัน แต่ทุกๆ วันก็ยังคงไม่วายมีคนมารบกวนพวกเขา…
เปิดประตูออก จิ๋นลี่ยวนเลิกคิ้วตอนเห็นคนที่มา
ถาวหยี
ครรภ์ของยินเสี้ยวเสี้ยวเกือบสามเดือนแล้ว ครรภ์ของถาวหยีห้าเดือน ตอนนี้ดูแล้วจึงเห็นได้ชัดเจนมาก
ถาวหยีดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าคนที่เปิดประตูจะเป็นจิ๋นลี่ยวน มือเล็กลูบท้องนูนของตัวเองแผ่วเบา ถาวหยีหลุบตาลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยเรียก “คุณชายสาม”
จิ๋นลี่ยวนไม่ตอบอะไรแต่หลีกทางให้ถาวหยีเข้ามา ตั้งแต่จิ๋นลี่ยวนมาอยู่ที่นี่เป็นครั้งแรกที่ถาวหยีมา คนที่มาบ่อยกว่าใครคือต๋งไข ทุกครั้งที่เขามาจะมาคนเดียว เมื่อถามขึ้นมาก็บอกแค่ว่าถาวหยีไม่สะดวกออกจากบ้าน
ยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ในห้องหนังสือโดยไม่ได้รับการรบกวนจากโลกภายนอก ยังคงฝังตัวอยู่ในงานของตัวเอง แต่สองคนในห้องนั่งเล่นยืนเผชิญหน้ากันอย่างค่อนข้างกระอักกระอ่วน ถ้าพูดถึงความกระอักกระอ่วนดูเหมือนว่าที่กระอักกระอ่วนจะมีแค่ถาวหยีคนเดียวเท่านั้น ถ้าจิ๋นลี่ยวนสังเกตดูก็จะพบว่าใบหูของถาวหยีอดไม่ได้ที่จะหูแดงเล็กน้อย
“เชิญนั่งตามสบาย” พูดประโยคต้อนรับราวกับเป็นคุณชายเจ้าบ้าน
จิ๋นลี่ยวนเดินห้อยแขนของตัวเองเข้าไปเทนมอุ่นในห้องครัวให้ถาวหยีก่อนจะออกมา “ดื่มนมสิ มันดีต่อร่างกายคุณ”
ถาวหยีกอบกุมแก้วแต่กลับไม่แม้แต่จะกล้าเหล่มองเขา
จิ๋นลี่ยวนนั่งอยู่ตรงข้ามถาวหยี ลดสายตาลมองท้องของเธอ ดวงตาดั่งนกฟีนิกซ์หรี่มองคมกริบ “คุณหมอบอกว่ายังไงบ้าง เด็กโอเคไหม”
“เด็กแข็งแรงดีค่ะ คุณหมอบอกว่าตราบใดที่เขาเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัยเขาก็สามารถคลอดได้ตามกำหนดค่ะ” เมื่อพูดถึงลูกสีหน้าของถาวหยีก็ดูอ่อนโยนขึ้นมาก เงยหน้าขึ้นมองไปยังจิ๋นลี่ยวนแล้วก็ลดสายตาลงต่ำอีกครั้ง ค่อนข้างรู้สึกเขินอาย “คุณหมอยังบอกด้วยว่า สถานการณ์ของฉันดีมาก เมื่อถึงกำหนดจะคลอดง่าย เมื่อถึงเวลาจะสามารถ…”
“ชีวิตมีปัญหาอะไรไหม” สายตามองไปยังห้องหนังสือ จิ๋นลี่ยวนขัดจังหวะคำพูดของถาวหยี คำพูดที่ไม่ได้ไตร่ตรอง แต่มันกลับทำให้คนคิดจินตนาการไปได้ไกล “ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกผม ผมจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณ”
สีหน้าของถาวหยีซีดลงฉับพลันเพราะคำพูดของจิ๋นลี่ยวน เงยหน้าขึ้นมองเขาและกำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันได้พูดออกไปสักคำ เวลานี้ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ออกมาจะดื่มน้ำเห็นเธอเข้าพอดี “ถาวหยีเหรอ เธอมาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่เรียกฉันล่ะ”
“คุณยุ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมเลยไม่ได้เรียกคุณ” จิ๋นลี่ยวนบอกด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวปรากฏตัว ภูมิทัศน์ทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าก็ดูจะไม่ได้มีค่ามากนัก “หิวน้ำเหรอ ผมจะรินนมให้คุณดื่ม”
ทันทีที่ช่วงแพ้ท้องผ่านไป ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ต่อต้านนมอีก จึงนำไปสู่การที่จิ๋นลี่ยวนรินนมให้เธอดื่มวันละสามแก้วทุกวัน ส่วนคนที่ระงับนมชั่วคราวก็ดำเนินต่อไป
ไม่ได้เจอถาวหยีนานยินเสี้ยวเสี้ยวดูจะค่อนข้างตื่นเต้น แม้แต่งานก็ไม่สนใจดึงเธอลงนั่ง แต่สายตาก็ตกอยู่ที่ท้องใหญ่ของเธอ การมีลูกในฤดูหนาวไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่หญิงตั้งครรภ์กลัวที่สุดคือการเจ็บป่วย เพราะในขณะตั้งครรภ์ไม่สามารถใช้ยาใดๆ ได้ ดังนั้นส่วนใหญ่จึงสวมเสื้อผ้ากันมากขึ้นในฤดูหนาว ถาวหยีกับยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่มีข้อยกเว้น
เพียงแต่ท้องของถาวหยีตอนที่มีอายุครรภ์เท่ายินเสี้ยวเสี้ยวนั้นมีขนาดใหญ่อย่างค่อนข้างเห็นได้ชัดแล้ว แต่ตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวสวมเสื้อผ้าหลวมๆ จึงแทบจะมองไม่เห็นความจริงที่ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ส่วนถาวหยีซึ่งตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนในตอนนี้ดูจะใหญ่จนค่อนข้างน่ากลัว…
“ถาวหยี ท้องของเธอใหญ่จัง ดูหรือยังว่าเป็นฝาแฝดหรือเปล่า” ยินเสี้ยวเสี้ยวมองท้องของเธออย่างประหลาดใจ ล้วนเต็มไปด้วยความสุขสำหรับเธอ
สีหน้าของถาวหยีเปลี่ยนไปในทางดีขึ้นเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปยังจิ๋นลี่ยวนที่รินนมให้ยินเสี้ยวเสี้ยวในครัว ไม่นานก็ถอนสายตากลับมาพูดว่า “ไปตรวจทุกเดือน ฉันก็สงสัยว่าเป็นฝาแฝดหรือเปล่า แต่หมอบอกว่าไม่ใช่ แค่หนึ่งคน”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยังรู้สึกว่าค่อนข้างไม่น่าเชื่อ ในบ้านเปิดเครื่องปรับอากาศดังนั้นเธอจึงสวมใส่น้อยชิ้น และเสื้อผ้าหลวมมาก ยินเสี้ยวเสี้ยวดึงลงเล็กน้อยมาเน้นท้องเล็กของตัวเองพลางบ่นว่า “ทำไมฉันดูแล้วรู้สึกว่าฉันไม่เหมือนตั้งครรภ์อยู่เลย แต่ทานมากเกินไปจนท้องออกมาเล็กน้อยเท่านั้น…”
“ฮ่าฮ่า…” เสียงหัวเราะลุ่มลึกของจิ๋นลี่ยวนดังมาข้างหลัง ในมือถือนมอุ่นเข้ามานั่งบนที่เท้าแขนข้างโซฟาของยินเสี้ยวเสี้ยวและก้มลงมองเธอแล้วพูดว่า “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ท้องของคุณแค่ค่อนข้างเล็กเท่านั้น รอคุณห้าเดือนก็อาจจะใหญ่กว่าถาวหยีก็ได้” จิ๋นลี่ยวนส่งนมให้ยินเสี้ยวเสี้ยวและบอกให้เธอรีบดื่มเร็วๆ
ถาวหยีมองแก้วนมอุ่นที่เหลืออยู่ตรงหน้าตัวเอง ตอนที่เธออยากดื่มข้างกายกลับไม่มีใครเตือนเธอ ความห่างชั้นเช่นนี้ช่างพาให้รู้สึกหัวใจหนาวเหน็บจริงๆ…
ยินเสี้ยวเสี้ยวรับนมมาดื่มอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็ดึงถาวหยีมาคุยต่อ แล้วถามออกมาประโยคหนึ่งว่า “ถาวหยี ท้องของเธอใหญ่มาก ผู้ชายของเธอวางใจเหรอที่ให้เธอออกมาคนเดียว ไม่สมเหตุสมผลจริงๆ”
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นคำพูดหยอกล้อ แต่ถาวหยีกับจิ๋นลี่ยวนต่างอดไม่ได้ที่จะสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ไม่ได้สังเกตยังคงพูดคุยต่อไป แต่ถาวหยีกับจิ๋นลี่ยวนล้วนไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่ถาวหยีมองไปยังจิ๋นลี่ยวน จิ๋นลี่ยวนเหล่มองเธอแวบหนึ่งก่อนจะลดสายตาลงมองยินเสี้ยวเสี้ยวตรงหน้า…