บทที่250 ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เข้าใจกะทันหัน
จิ๋นลี่ยวนจัดเสื้อกาวน์ตัวเองที่ถูกจื่อผู่หยางดึงจนเสียทรง ขมวดคิ้วมองเธอ
คนที่อยู่ในโรงพยาบาลหนันหยูนานแล้วต่างก็รู้ว่า นี่เป็นท่าทีที่หมอจิ๋นโกรธ รีบเข้าไปทำให้เรื่องคลี่คลาย แต่กลับถูกจิ๋นลี่ยวนห้ามเอาไว้
ยื่นมือไปขวางไว้ จิ๋นลี่ยวนมองจื่อผู่หยางกับมู่หลงด้วยสายตาเย็นชา พูดอย่างเฉยชาว่า “คุณผู้หญิงมู่ คุณผู้ชายมู่ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลกรุณารักษาความสงบอันเป็นพื้นฐานของมารยาทด้วย พวกคุณไม่ทำตามนั่นเป็นเพราะปัญหาศีลธรรมของพวกคุณ แต่ตอนนี้ ผมจะคุยเรื่องอาการป่วยกับ ถ้าพวกคุณอยากเห็นเธอเกิดเรื่องก็ขัดขวางผมต่อไปก็ได้ ไม่เป็นไร ผมจะคอยเล่นเป็นเพื่อนแล้วกัน”
คำพูดเดียว ทำเอาสีหน้ามู่หลงกับจื่อผู่หยางซีดเซียวไปทันที
จิ๋นลี่ยวนแสยะยิ้มเย็นชา คนตระกูลมู่เป็นยังไง ตอนนั้นเขาอยู่กับมู่ซูวก็ได้รับรู้แล้ว ตอนนี้ถึงแม้มู่เยียนหรานกลับมาก็ไม่มีทางเปลี่ยนทัศนคติที่เขามีต่อตระกูลมู่ได้ แต่ต้องบอกเลยว่า มู่เยียนหรานแปลกสุดในตระกูลมู่ อย่างน้อยเธอดีกว่าคนพวกนี้อยู่มาก ใช่ไหมล่ะ?
ยื่นมือไปจับประวัติการรักษาที่ยื่นมือปิดลงจากนั้นเอากลับคืนให้อีกครั้ง จิ๋นลี่ยวนมองจื่อผู่หยางกับมู่หลงอย่างใจเย็น และพูดว่า “เป็นผู้อาวุโส ในเมื่อทั้งสองท่านอยากคุยกับผม ผมก็เต็มใจมากครับ”
มู่หลงกับจื่อผู่หยางไม่พอใจเข้าไปกันใหญ่ ยิ่งเห็นประวัติการรักษาในมือที่จิ๋นลี่ยวนไม่ดูเลยด้วยซ้ำ สีหน้าก็ยิ่งบึ้งตึงจนน่าตกใจกว่าเดิม จื่อผู่หยางโมโหจนตัวสั่นเทา
“จิ๋นลี่ยวน! นาย! นายกล้าขู่ฉันเหรอ!” จื่อผู่หยางกัดฟันกรอดตัวสั่น ตอนนี้อยากจะฉีกร่างเขาออกเป็นเสี่ยงๆด้วยซ้ำ
จิ๋นลี่ยวนไม่ได้พูดปฏิเสธ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ายอมรับแล้ว
เขาไม่เคยทำแบบนี้กับครอบครัวผู้ป่วยคนไหนมาก่อนเลย คนตระกูลมู่เป็นครอบครัวแรกที่เขาทำแบบนี้! ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่ว่าที่จะใช้ตำแหน่ง ‘หมอ’ ในการขู่พวกเขา เขาจะดูซิ พวกเขาจะเลือกยังไง
มู่หลงโอบภรรยาตัวเองไว้มองจิ๋นลี่ยวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แต่เมืองTโรงพยาบาลที่ดีที่สุดก็คือโรงพยาบาลหนันหยู หมอแผนกศัลยกรรมในโรงพยาบาลหนันหยูที่ดีที่สุดก็คือจิ๋นลี่ยวน หมอแผนกศัลยกรรมคนนี้ยังเก่งเรื่องโรคหัวใจและสมองอีก ทำเอาหมอหลักของมู่เยียนหรานต้องไปคุยเรื่องวิธีการรักษากับจิ๋นลี่ยวนอยู่บ่อยครั้ง!
พวกเขาไม่เข้าใจเรื่องแพทย์ ดังนั้นไม่กล้าเอาความหวังของมู่เยียนหรานเข้ามาเสี่ยง!
ทำอะไรไม่ได้ มู่หลงต้องอดทนกับความโกรธตัวเองและพูดกับจิ๋นลี่ยวนว่า “พวกเราจะเงียบ พวกนายต่อเลย”
จิ๋นลี่ยวนอมยิ้มไม่พูดอะไร จนกระทั่งเห็นมู่หลงพาจื่อผู่หยางเข้าไปในห้องผู้ป่วย ถึงจะหันมาคุยกับต่อ เต็มไปด้วยคำพูดและศัพท์เฉพาะทาง ต่อมาหมอฝึกหัดที่อยู่กะดึกก็ตามมารีบคว้าโอกาสนี้ศึกษาไว้
ที่จริงแล้ว จิ๋นลี่ยวนไม่ได้เข้าใจกับอาการป่วยของมู่เยียนหรานมาก เพราะยังไงวิชาหลักของเขาไม่ใช่แผนกโรคหัวใจ มู่เยียนหรานก็ไม่ใช่ผู้ป่วยของเขาด้วย เขาคงไปแย่งผู้ป่วยของไม่ได้ จนกระทั่งวันนี้เขาถึงได้เห็นประวัติการรักษาของมู่เยียนหรานเต็มๆเป็นครั้งแรก เปิดแต่ละหน้าทำเอาจิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้วเป็นปม
ปิดประวัติการรักษา จิ๋นลี่ยวนยื่นคืนให้กับ นานมากกว่าจะพูดว่า “อาการป่วยของเธอนี้ มีแต่วิธีการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ และการผ่าตัดก็มีความเสี่ยงสูงมากด้วย ที่เหลือก็ไม่มีทางอื่นแล้ว”
คำพูดเดียว ทำเอาขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมอีก เขารีบพูดว่า “แต่ตระกูลมู่หามายี่สิบห้าปีเต็มๆ นอกจากตอนเด็กมู่เยียนหรานเคยได้หัวใจที่เหมาะสมกับตัวเองแต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจดวงนั้นหายไปในอุบัติเหตุ ตอนนี้……”
จิ๋นลี่ยวนเห็นใจมู่เยียนหรานมาก เพราะยังไงผู้หญิงที่กำลังอยู่ในวัยสมบูรณ์ไม่แน่อาจจะสิ้นลมไปเมื่อไหร่ก็ได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้จักคนคนนี้อีก
เงียบอยู่นาน จิ๋นลี่ยวนก็กำลังหาวิธีอื่นในการทำให้อาการป่วยของมู่เยียนหรานดีขึ้น แต่โรคหัวใจนี้ ถ้าอาการกำเริบหนักขึ้นก็มีแต่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเร่งด่วน แต่บนโลกนี้มีคนเป็นพันเป็นหมื่นที่ตายไปเพราะไม่มีอวัยวะที่เหมาะสมกับตัวเอง……
ไม่รู้ว่า มู่เยียนหรานจะโชคดีไหม?
ต่อมาก็พูดคุยกับอยู่นานมากแล้วค่อยเดินกลับไปที่แผนกสูติ เฝ้ายินเสี้ยวเสี้ยวตลอดทั้งคืน
เพื่อความปลอดภัย ยินเสี้ยวเสี้ยวต้องอยู่โรงพยาบาลเฝ้าดูอาการก่อน
ยินจื่อเจิ้นกับเฉิงชื่อชิงมาเยี่ยมเธอแทบจะทุกวัน บางทีก็เจอเข้ากับหยูเจียห้วยกับจิ๋นหยวนเฟิง ได้ยินว่าคุณย่าจิ๋นทุกครั้งที่จะมาก็ถูกขัดขวางด้วยเหตุผลหลายอย่าง และครั้งนี้สิ่งที่ขัดขวางเธอคือ ‘บริษัทจื่อยิน’ ที่เริ่มจู่โจมบริษัทจิ๋นซื่อที่ก่อนหน้านี้เคยกดดันพวกเขา
‘บริษัทจื่อยิน’ บริษัทเล็กแบบนี้ก็ไม่กล้าต่อกรกับบริษัทจิ๋นซื่อตระกูลใหญ่แบบนี้อยู่แล้ว แต่การอยู่ให้รอดคือความสามารถของคน สำหรับบริษัทแล้วก็เป็นเหตุผลนี้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ ‘บริษัทจื่อยิน’ ผลิตยาและเป็นเส้นทางที่ใสสะอาดอยู่ตลอด แต่ใครจะรู้ว่าพอนำออกสู่ตลาดกลับเป็นยาที่มีสรรพคุณดูแลใบหน้า สินค้าแรกที่นำออกสู่ตลาดคือคุชชั่น
ยินเสี้ยวเสี้ยวทุกวันนี้อยู่โรงพยาบาลทะเลาะกันจนหัวเธอแทบจะระเบิดแล้ว ทุกครั้งที่ยินจื่อเจิ้นมาก็จะถูกถามเรื่องโฆษณาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสุดท้ายยินจื่อเจิ้นก็แพ้ให้กับยินเสี้ยวเสี้ยว เอางานมาให้ยินเสี้ยวเสี้ยวในห้องพักผู้ป่วย แต่ว่าดูจากความหนานั้นเหมือนจะถูกคัดเลือกมาแล้ว
มองดูร่างงานออกแบบตัวเอง ยินเสี้ยวเสี้ยวเปิดดูไปทีละหน้าอย่างตั้งใจ และวาดเติมแต่งตรงที่ต้องการแก้ไขอีกหน่อย จนกระทั่งสุดท้ายพอเห็นตัวเลือกคนที่จะมาเป็นแบบโฆษณาก็อดไม่ได้ขมวดคิ้ว
เหยียนจื่อ
ตอนนี้ภายในเมืองTอีกทั้งในระดับนานาชาติก็ยังเป็นดาราสาวซุปตาร์แนวหน้า ใบหน้าก็สู้กับยินเสี้ยวเสี้ยวได้เลย
“ตัวเลือกคนนี้เป็นไง?” ยังไงก็เป็นโฆษณาที่ยินเสี้ยวเสี้ยวทำ ยินจื่อเจิ้นกับเฉิงกังให้ความสำคัญกับความเห็นเธอมาก
เธอขมวดคิ้วและพูดอย่างจริงใจว่า “คนที่เลือกมาก็ดีอยู่ ประเด็กร้อนในตัวเธอก็มีเยอะ แต่ฉันคิดว่าถ้าเกิดให้เธอมาเป็นแบบในโฆษณาที่ฉันออกแบบจะไม่เหมาะสมหรือเปล่า? เธอสวยและดัดจริตเกินไป แต่โฆษณาฉันคือสไตล์แนวบริสุทธิ์กับความสวยแบบใหม่นะ……”
นี่ก็คือเหตุผลที่ยินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้ว
เหยียนจื่อแจ้งเกิดตั้งแต่เด็ก ภาพของเธอเป็นที่จดจำของทุกคนหมดแล้ว ตอนนี้ถ้าให้เธอเปลี่ยนเส้นทางจากเซ็กซี่มาเป็นสาวบริสุทธิ์ละก็ ผู้ชมเห็นแล้วอาจจะรู้สึกแปลกๆ แบบนี้ละก็ประสิทธิภาพของโฆษณาก็จะแย่ลง และอาจจะถูกต่อต้านก็ได้
“ผมก็คิดแบบนี้ แต่ตอนนี้พวกเราต้องทำเงินให้ได้มากพอถึงจะก้าวต่อไปในสถานการณ์แบบนี้ได้” ยินจื่อเจิ้นพูดเสียงเบา ทุกคนรู้ พวกเขาไม่รู้ว่าบริษัทจิ๋นซื่อจะทำแผนการอะไรอีกไหม “ถ้ามีผลลัพธ์ที่ดีก็ดีมาก แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาไม่ดีล่ะ ถึงผลลัพธ์จะออกมาไม่ดีแต่ก็เป็นการสร้างชื่อเสียงของเราออกไป ขอแค่มีประเด็นพวกเราถึงจะ……”
“พี่คะ งั้นถ้าชื่อเสียงพังทลายเพราะเหตุนี้ เส้นทางเครื่องสำอาง ‘บริษัทจื่อยิน’ ล่ะ?” ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจ เธอคิดว่าถ้าจะทำแล้วก็ต้องทำออกมาให้ดีตั้งแต่เริ่ม แต่ในโลกนี้ก็มีตัวอย่างที่ตอนแรกเหม็นแต่หลังจากนั้นก็หอมหวานเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีที่เปลี่ยนไปแล้วได้ดีไปเลย และยังอยู่ได้อีกนาน
ต้องบอกเลยว่า ยินจื่อเจิ้นคิดแบบนี้อยู่
บริษัทจิ๋นซื่อกำลังขัดขวาง‘บริษัทจื่อยิน’ ‘บริษัทจื่อยิน’ ไม่ค่อยดังมากมีน้อยคนที่จะรู้จัก แต่ถ้าสายตาคนรอบข้างมองไปที่‘บริษัทจื่อยิน’ ล่ะ? บริษัทจิ๋นซื่ออาจจะมีกำลังแต่ก็คงไม่จู่โจมพวกเขาแบบเปิดเผยหรอกนะ
“อีกอย่าง ดาราชายที่ฉันขอไปล่ะ?” ยินเสี้ยวเสี้ยวถามต่อ เพราะเธอเห็นตรงช่องดาราชายว่างเปล่า
เฉิงกังขมวดคิ้ว อดไม่ได้พูดไปว่า “คุณยิน พวกเราเชิญคุณเหยียนจื่อก็เกินงบประมาณไปแล้ว ถ้าเพิ่มคำขอของคุณไปและเพิ่มดาราชายซุปตาร์แนวหน้าอีกล่ะก็ จะเสียงบมากเกินไป ดังนั้นลองเปลี่ยนแปลงหน่อยดีไหมครับ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวเข้าใจแล้ว ตอนนั้นตอนที่เธอออกแบบก็กลับลืมเรื่องนี้ไป งบประมาณของ ‘บริษัทจื่อยิน’ มีจำกัด
ขณะนั้น ทั้งสามคนในห้องก็ต่างเงียบกริบ จนกระทั่งมีคนมาเคาะประตู
“พี่เสี้ยวเสี้ยว?” เฉินหยูเข้ามาเห็นพวกเขาเงียบกันหมด คิดว่าตัวเองเดินมาผิดหรือเปล่า
เสียงเรียกเดียวทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวหันไปมอง เธอจ้องมองเฉินหยูโดยไม่พูดอะไร ท่าทางนั้นเหมือนเห็นเหยื่อ เธอมองอย่างละเอียด และไตร่ตรองดีๆ
ยินจื่อเจิ้นก็ไม่พูดอะไร แต่แค่รับแอปเปิลที่เฉินหยูเอามาออกไปเงียบๆ
คนในห้องเงียบต่อไป เฉินหยูยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำตัวไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่เขายืนไม่ไหว ไม่นานใบหูก็แดงระเรื่อและถามอย่างติดอ้างว่า “ทุกคน……ทำไม……มองฉันแบบนั้นล่ะ?”
คำพูดเดียว ทำเอายินเสี้ยวเสี้ยวอดไม่ได้หัวเราะออกมา ใบหน้าแดงระเรื่อ
เฉินหยูยังอ่อนมาก ได้ยินว่ายังไม่เคยมีแฟนด้วยซ้ำ พอถูกผู้หญิงสวยแบบนี้มองนานๆก็ทำตัวไม่ถูก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้ชายสองคนข้างๆอีก ถึงเขาจะมีใบหน้าที่หนายังไงก็ต้องมีแดงบ้างล่ะ และพอได้ยินยินเสี้ยวเสี้ยวหัวเราะ ใบหน้าเขาแดงระเรื่อขึ้นกว่าเดิม คิ้วขมวดเป็นปม ปากเม้มแน่น มองพวกเขาอย่างโมโห
ยินเสี้ยวเสี้ยวหัวเราะเสร็จแล้วก็หันหน้าไป กลับเห็นยินจื่อเจิ้นนั่งเอนอยู่ตรงปลายเตียง ในมือถือแอปเปิลและกัดกินอยู่ ยินจื่อเจิ้นที่หลังจากเลิกงานแล้วยังไม่ทำได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดสูทเรียบกริบ นั่งอยู่ตรงหน้านั้นอย่างหล่อเหลา เบื้องหลังก็คือแดดยามเย็นในเมืองT มองยังไงก็เป็นภาพที่สวยงามอยู่ดี
ไม่ระวัง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็กลับมองเพลิน
เฉิงกังที่ยืนอยู่ข้างเตียงเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวจ้องมองเจ้านายตัวเองก็กลั้นหายใจไว้ทันที!
ยินจื่อเจิ้นพยายามมานานหลายปีอยากให้สายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวมองมาที่ตัวเอง แต่ไม่คิดว่าความหวังนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย! เหตุผลเป็นเพราะเขานั่งเอนกินแอปเปิลเหรอ?
ในที่สุดก็ไม่รู้สึกถึงสายตาที่ร้อนแรงของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว สีหน้าของเฉินหยูก็ดีขึ้นมาก แต่ไม่คิดว่าพอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวมองยินจื่อเจิ้นจนเพลิน ในใจก็รู้สึกแปลกๆทันที กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ไม่คิดว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเปิดผ้าห่มออกกะทันหัน และเดินลงจากเตียงด้วยเท้าเปล่า เดินไปตรงหน้ายินจื่อเจิ้นอย่างรวดเร็ว……
ภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกนอกหน้าต่างสวยมาก หญิงสาวใบหน้าสดเดินเท้าเปล่าไปตรงหน้าชายที่สวมชุดสูท เขย่งเท้าเล็กน้อย เบิกตาโพลงโตขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม……
ระยะห่างระหว่างจมูกก็ใกล้กันมากขึ้น……