ตอนที่ 1808 บอกลา
หลี่ชิเย่ และเซิ่นเหล่าลิ่วออกจากแดนอาถรรพ์เทพกำแหง เมื่อเขาขึ้นไปยังยอดเขาชมเทพอีกครั้ง ธิดาราชันฉีหลินได้รออยู่ด้วยความเคารพแล้ว
เมื่อธิดาราชันฉีหลินเห็นหลี่ชิเย่ ได้ทำความเคารพหลี่ชิเย่ด้วยการโค้งคำนับอย่างงาม “เมิ่งหยิงขอขอบคุณคุณชายแทนตระกูลราชันฉีหลิน และขอบคุณคุณชายแทนประชาชนในอนาคต คุณชายคือผู้ที่สร้างความสุขให้กับพื้นที่ นำพาความสุขและบุญคุณหมื่นชาติ”
การที่หลี่ชิเย่ได้ทำการเปลี่ยนฟ้าย้ายดินในแดนอาถรรพ์เทพกำแห่ง จะยังประโยชน์ให้กับตระกูลราชันฉีหลินในอนาคต และจะทำให้ประชาขนได้รับประโยชน์ การที่ธิดาราชันฉีหลินแสดงความขอบคุณต่อหลี่ชิเย่ก็นับเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจ
หลี่ชิเย่รับการเคารพเต็มรูปแบบจากธิดาราชันฉีหลินโดยไม่สะทกสะท้าน นั่งลงด้วยท่าทีที่ไม่เกรงใจผู้ใด
เซิ่นเหล่าลิ่วติดตามหลี่ชิเย่ขึ้นมาที่เขาชมเทพ เมื่อธิดาราชันฉีหลินเห็นหน้าเซิ่นเหล่าลิ่วรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก มองดูเซิ่นเหล่าลิ่วอย่างละเอียดทีหนึ่ง จากนั้นแสดงคารวะแบบจีน กล่าวว่า “ที่แท้พี่หลบซ่อนตัวอยู่ในเขตฉีหลินของพวกเรานะเนี่ย บรรดาบรรพบุรุษของเขามังกรเทพล้วนแล้วแต่กำลังตามหาพี่อยู่ ยังเคยมาเป็นแขกที่ตระกูลราชันของข้าเลย”
ธิดาราชันฉีหลินย่อมเป็นธิดาราชันฉีหลิน คนอื่นมองไม่รู้ประวัติความเป็นมาของเซิ่นเหล่าลิ่ว แต่นางกลับมองออกถึงฐานะของเขา
เซิ่นเหล่าลิ่วรู้สึกเก้อเขินอยู่บ้าง เมื่อธิดาราชันฉีหลินรู้ถึงฐานะของเขา จึงได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “ธิดาราชันอย่าได้เปิดโปงข้า หากถูกเหล่าบรรพบุรุษจับได้ล่ะก็ ข้ามิต้องถูกหักขาทิ้งรึ อิ อิ อิ ข้าขอให้คำมั่นต่อธิดาราชัน ข้ารับรองจะปฏิบัติตนอยู่ในกรอบไม่นอกลู่นอกทาง และไม่ทำเรื่องไม่ถูกต้องขณะอยู่ที่เขตฉีหลิน จะไม่ทำให้ธิดาราชันต้องลำบากใจอย่างเด็ดขาด”
“เจ้ารู้จักปฏิบัติตนอยู่ในกรอบไม่นอกลู่นอกทาง และไม่ทำเรื่องไม่ถูกต้องคงเป็นเรื่องแปลก” หลี่ชิเย่หัวเราะและเปิดโปงเขา ยิ้มกล่าวว่า “คนของเขามังกรเทพมีสักกี่คนที่เป็นประเภทปฏิบัติตนอยู่ในกรอบไม่นอกลู่นอกทาง และทำเรื่องไม่ถูกต้อง”
ถูกหลี่ชิเย่เปิดโปงอย่างทันควัน ทำเอาเซิ่นเหล่าลิ่วหัวเราะด้วยความเก้อเขิน
ธิดาราชันฉีหลินก็ได้แต่ยิ้มและส่ายหน้า ความซุกซนของเซิ่นเหล่าลิ่วนางก็เคยได้ยินมาก่อนแล้ว เขาเป็นผู้ที่มีพื้นฐานดี และมีชาติกำเนิดที่ผู้คนต้องอิจฉายิ่งนัก แต่กลับไม่ชอบอยู่ในสำนักของตน ชอบหลบหนีออกจากสำนักมาก่อเรื่องลักเล็กขโมยน้อยอยู่เนืองๆ
เป็นที่ทราบกันว่า เขามังกรเทพคือสำนักที่ได้ชื่อว่าหนึ่งสำนักสองเซียนหวัง เขามังกรเทพของพวกเขามีสายเลือดมังกรแท้จริงอยู่ส่วนหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นสำนักที่มีความสูงส่งมาก ในชิงโจวเขามังกรเทพนับว่าเป็นสายสำนักราชันเซียนที่มีอิทธิพลชนิดเรียกลมเรียกฝนได้เช่นกัน
เฉกเช่นตัวเซิ่นเหล่าลิ่วเอง สายเลือดของเขามีความแข็งแกร่งมาก พรสวรรค์ก็สูงมาก ตัวเขาที่มีชาติกำเนิดจากเขามังกรเทพ ถ้าหากเขายอมรั้งอยู่ภายในสำนักและพยายามฝึกฝนบำเพ็ญเพียรล่ะก็ มีของวิเศษใดที่เขาต้องการแล้วไม่ได้บ้างหละ? ต้องการได้เคล็ดวิชาใดแล้วไม่ได้เล่า?
แต่ว่า เซิ่นเหล่าลิ่วกลับเป็นผู้ที่ไม่ยอมปฏิบัติตนอยู่ในกรอบไม่นอกลู่นอกทาง ได้หลบหนีออกจากเขามังกรเทพอย่างลับๆ ภายใต้การเฝ้าคุมของทางสำนักและเข้าสู่โลกของโลกีย์มนุษย์ ก่อเรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นลักเล็กขโมยน้อยต่างๆ
อันที่จริง ด้วยชาติกำเนิดที่สูงส่งเช่นเขานั้น สมควรเสพสุขกับการได้รับการปฏิบัติดูแล และฐานะเป็นอย่างดี แต่เขากลับชมชอบการใช้ชีวิตที่เป็นอิสระเสรีท่ามกลางโลกของโลกีย์มนุษย์ ชมชอบสนุกอยู่กับโลกีย์มนุษย์
หลังจากที่หลี่ชิเย่นั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เซิ่นเหล่าลิ่วต้องล่าถอยออกไปเงียบๆ เมื่อเห็นว่าธิดาราชันฉีหลินมีเรื่องที่ต้องพูดคุยกับหลี่ชิเย่
ธิดาราชันฉีหลินที่มองเห็นท่านั่งอย่างไม่เกรงใจใครของหลี่ชิเย่ อ้าปากเหมือนจะพูด แต่ในเวลานี้นางไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี
“พูดมาเถอะ” หลี่ชิเย่มองดูธิดาราชันฉีหลินที่ทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดอยู่แค่นั้น และกล่าวว่า “มีคำพูดอะไรก็พูดมาได้เลย ละเว้นโทษให้กับเจ้า”
เมื่อธิดาราชันฉีหลินได้รับอนุญาตจากหลี่ชิเย่แล้วจึงทอดถอนใจออกมาเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “จอมเทพหนานหยาง กับจอมเทพเชียนจวินต้องการคำตอบ พวกเขาต่างยื่นข้อร้องเรียนต่อตระกูลราชันฉีหลินของพวกเรา”
ย่อมไม่ต้องสงสัย จอมเทพหนานหยาง และจอมเทพเชียนจวินกำลังกดดันต่อตระกูลราชันฉีหลิน แม้ว่าตระกูลขุนนางโบราณหนานหยาง และสำนักเจอเยื่อต่างไม่กล้าแสดงความไม่พอใจต่อตระกูลราชันฉีหลิน แต่ว่า เวลานี้ผู้สืบทอดของพวกเขาถูกบุคคลภายนอกสังหาร ขณะที่ตระกูลขุนนางโบราณหนานหยางและสำนักเจอเยื่อต่างอู่ภายใต้การปกครองของตระกูลราชันฉีหลิน สมควรที่ตระกูลราชันฉีหลินต้องแสดงท่าทีออกมา
เรื่องนี้สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับตระกูลราชันฉีหลินอยู่บ้าง พวกเขายังไม่รู้แน่ชัดถึงประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ ขณะที่พวกเขาก็ไม่อาจนิ่งเฉยต่อข้อร้องเรียนของจอมเทพหนานหยาง กับจอมเทพเชียนจวิน จะอย่างไรเสียทั้งตระกูลขุนนางโบราณหนานหยางและสำนักเจอเยื่อต่างก็ขึ้นตรงต่อตระกูลราชันฉีหลิน ในเวลานี้ตระกูลราชันฉีหลินจะร้องแสดงท่าทีออกมา หาไม่แล้วจะส่งผลให้แคว้นเจ้าลัทธิภายใต้การปกครองของตระกูลราชันฉีหลินจำนวนหลายร้อยแห่งหมดความเชื่อถือต่อตระกูลราชันฉีหลินได้
ถ้าหากเพียงแค่ข้อร้องเรียนจากตระกูลขุนนางโบราณหนานหยางกับสำนักเจอเยื่อเท่านั้น ตระกูลราชันฉีหลินสามารถเพิกเฉยได้ จะอย่างไรเสีย ยอดฝีมือทั่วไปกระทั่งระดับเจ้าสำนักของตระกูลขุนนางโบราณหนานหยางและสำนักเจอเยื่อก็ไม่แน่ว่าจะมีสิทธิ์ยื่นร้องเรียนต่อตระกูลราชันฉีหลินได้
แต่กับจอมเทพหนานหยาง กับจอมเทพเชียนจวินล่ะก็ต่างกัน พวกเขาคือจอมเทพที่ไม่เพียงมีความแข็งแกร่งอยู่ในตัวปราศจากผู้เทียบเทียม สามารถหมางเมินใต้หล้าอยู่แล้ว ขณะเดียวกันฐานะของพวกเขาก็นับว่าสูงส่งยิ่งนัก สามารถเสมอด้วยกับระดับบรรพบุรุษของตระกูลราชันฉีหลินเป็นจำนวนไม่น้อย
“อ๋อ…” ปฏิกิริยาของหลี่ชิเย่ที่มีต่อเรื่องนี้ดูจะเรียบเฉยยิ่งนัก เพียงยิ้มตามอารมณ์ออกมาและกล่าวว่า “พวกเขามีข้อเรียกร้องอะไรบ้าง”
“ให้ตระกูลราชันส่งมอบคุณชายออกมา” ธิดาราชันฉีหลินได้แต่พูดว่า “แน่นอน พวกเขาต้องการพบคุณชาย คุณชายสังหารเสิ่นจินหลงกับหลี่เทียนเหา พวกเขาต้องการคำอธิบาย”
แน่นอน ข้อเรียกร้องของจอมเทพหนานหยาง กับจอมเทพเชียนจวินไม่ได้ต้องการเพียงเท่านี้ ในฐานะที่เป็นจอมเทพพวกเขามีกำลัง มีความได้เปรียบด้านคุณสมบัติ พวกเขาเรียกร้องให้มีการสังหารหลี่ชิเย่ต่อตระกูลราชันฉีหลิน เพียงแต่ธิดาราชันฉีหลินไม่สะดวกที่จะพูดออกมาเท่านั้น
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่ง ต่อให้ธิดาราชันฉีหลินไม่พูดเขาก็รู้ เขากล่าวตามอารมณ์ออกมาว่า “งั้นก็ให้พบก็แล้วกัน บอกพวกเขาว่าข้าจะรอพวกเขาที่ตระกูลราชันฉีหลิน ถ้าหากพวกเขามีอะไรอยากจะพูด มีความเห็นความต้องการอะไร ข้าหน่ะยินดีอย่างยิ่งที่พวกเขาจะเสนอออกมาต่อหน้า คนอย่างข้าเป็นคนที่ยินดีรับฟังความเห็นผู้อื่นยิ่งนัก”
เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ธิดาราชันฉีหลินรู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงด้วยดีแน่นอน เวลานี้เขาไม่ได้เป็นกังวลในตัวของหลี่ชิเย่ ที่นางเป็นห่วงคือตัวของจอมเทพหนานหยาง กับจอมเทพเชียนจวิน ขณะเดียวกัน นางอดที่จะเป็นกังวลต่อตระกูลราชันฉีหลินของตนไม่ได้
ในสายตาของบุคคลภายนอกมองว่า จอมเทพนั้นดำรงอยู่ฐานะที่สูงส่งยิ่ง เป็นประเภททรงอิทธิพลชนิดเรียกลมเรียกฝนได้ สามารถอาศัยมือเดียวสยบทั่วทุกแห่ง ในโลกนี้หากมีการเอ่ยถึงจอมเทพ ผู้คนจำนวนมากจะต้องหวาดกลัวดั่งจักจั่นในหน้าหนาว ต้องรู้สึกหวาดกลัวเป็นยิ่งนัก
เรียกได้ว่าในสายตาของชาวโลก จอมเทพเสมือนดั่งผู้ที่กระทำการใดๆ ได้โดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากใคร กระทั่งเรียกได้ว่าพลันที่จอมเทพลงมือ สามารถทำลายล้างสำนักใดสำนักหนึ่งได้ สามารถทำลายล้างเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่งได้
อย่างไรก็ตาม ธิดาราชันฉีหลินกลับไม่เห็นเป็นเช่นนั้น แม้ว่าจอมเทพหนานหยาง กับจอมเทพเชียนจวินจะมีความองอาจห้าวหาญปราศจากผู้เทียบเทียม แต่ว่าหลี่ชิเย่นั้นกลับน่ากลัวเสียยิ่งกว่า ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงยิ่งกว่า ธิดาราชันฉีหลินกังวลว่าหากหลี่ชิเย่โกรธขึ้นมา แม้แต่ตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขาก็ต้องพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย
“คำพูดของคุณชาย เมิ่งหยิงจะต้องแจ้งต่อจอมเทพหนานหยาง กับจอมเทพเชียนจวินแน่นอน หวังว่าสามารถเปลี่ยนจากสงครามเป็นสันติภาพ” ธิดาราชันฉีหลินได้แต่พูดเช่นนี้
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ นิดหนึ่ง จะเปลี่ยนสงครามให้เป็นสันติภาพหรือไม่นั้นเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด กล่าวออกไปตามอารมณ์ว่า “กลับไปบอกกล่าวต่อตาเฒ่าตระกูลราชันฉีหลินว่า ข้าต้องการเห็นสิ่งนั้นด้วยตาของข้าเอง ตาเฒ่าของตระกูลราชันฉีหลินก็อย่าทำเป็นปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ จนทำให้ไม่สบายใจกันทั้งสองฝ่าย ถึงเวลานั้นอย่าได้หาว่าข้าไม่เห็นแก่หน้าของพวกเสียนหวังฉีหินก็แล้วกัน”
เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ธิดาราชันฉีหลินได้แต่ทอดถอนใจภายในใจเบาๆ เข้าใจได้ทันทีว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้มองจอมเทพหนานหยาง กับจอมเทพเชียนจวินอยู่ในสายตาเลย หนึ่งเดียวที่เขาสนใจคือสิ่งของสิ่งนั้นของตระกูลราชันฉีหลินเท่านั้น
“ข้าต้องรายงานต่อเหล่าบรรพบุรุษอย่างแน่นอน” ธิดาราชันฉีหลินกล่าวพร้อมกับโค้งคารวะอย่างงาม
“ไปเถอะ” หลี่ชิเย่สั่งการออกไปว่า “ข้าจะไปเยี่ยมเยียนตระกูลราชันฉีหลินของพวกเจ้าแน่นอน ข้าเองก็ไม่คาดหวังให้ไม่สบายใจกันทุกฝ่าย”
หลี่ชิเย่เห็นแก่เซียนหวังเย่หลิน จึงไม่ต้องการอาละวาดที่ตระกูลราชันฉีหลิน แน่นอน หากจะมีใครที่มีตาแต่ไร้แววดึงดันจะขัดขวางล่ะก็ เขาจะไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย
สุดท้าย ธิดาราชันฉีหลินแสดงคารวะ แล้วจากไปทันที
หลังจากที่ธิดาราชันฉีหลินจากไปแล้ว หลี่ชิเย่ได้เรียกหาเซิ่นเหล่าลิ่วมาพบ มองหน้าเขาทีหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป”
เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยถามขึ้นมาเช่นนี้ พลันทำให้เซิ่นเหล่าลิ่วรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที จึงยิ้มแต้และกล่าวว่า “ข้าน้อยยินดีติดตามท่านบรรพบุรุษคอยรับใช้ทุกอย่าง แหะ แหะ แหะ ถ้าหากท่านบรรพบุรุษยินดีรับวิญญาณเร่ร่อนอย่างข้าเอาไว้ ข้าน้อยจะทำการยกเลิกพรรคอันธพาลของข้าทันที แล้วหันมาติดตามเป็นผู้รับใช้ให้กับท่านบรรพบุรุษ”
สำหรับเซิ่นเหล่าลิ่วแล้ว หากสามารถอยู่คอยรับใช้ข้างกายหลี่ชิเย่ รับรองว่าจะต้องเป็นความโชคดียิ่งใหญ่ในชีวิต รับรองได้ว่าจะไม่ทำให้เขาต้องเสียใจกับการเลือกในครั้งนี้
“วิญญาณเร่ร่อนบ้านเจ้าหน่ะสิ!” หลี่ชิเย่ ตบเข้าที่ศีรษะของเขาทีหนึ่ง เยาะเย้ยและด่าว่าออกไปว่า “เจ้าคือบุรุษผู้สูงศักดิ์ของเขามังกรเทพ บนตัวมีเลือดมังกรแท้จริงไหลรินอยู่บางส่วน เจ้ารึคือวิญญาณเร่ร่อน”
“แต่ แต่ว่า เวลานี้มีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น ก็คือวิญญาณเร่ร่อน” เซิ่นเหล่าลิ่วหัวเราะเจื่อนๆ
“กลับไปเถอะ” หลี่ชิเย่สั่งการไปว่า “มาจากที่ใดก็กลับไปที่นั่น เจ้ามีชาติกำเนิดเป็นเขามังกรเทพ เป็นต้นกล้าอยู่ดีๆ หากวันๆ เอาแต่สนุกอยู่กับโลกโลกีย์มนุษย์เท่ากับเป็นการเสียดายทักษะของเจ้า และเป็นการผิดต่อสำนักที่คอยบ่มฟักเจ้า ต่อให้เจ้าไม่ในใจเรื่องความแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยของทักษะยุทธ แต่ เขามังกรเทพจำเป็นต้องมีการสืบทอดต่อไปรุ่นสู่รุ่น…”
“…เขามังกรเทพของพวกเจ้าสามารถเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงบัดนี้ สามารถสืบทอดต่อไปเรื่อยๆ หาใช่เป็นการอาศัยเพียงการคุ้มครองของบรรพบุรุษเท่านั้น และหาใช่อาศัยร่มเงาที่ยังคงเหลืออยู่ของเซียนหวัง เป็นความพยายามของผู้คนแต่ละรุ่น ในเมื่อเจ้ามีฐานะเป็นดาวรุ่งของเขามังกรเทพ เจ้าคิดว่าเป็นการสมควรหรือไม่ที่เจ้าจะต้องแบกรับหน้าที่ในส่วนที่เป็นของเจ้าเองหรือไม่”
น้อยครั้งนักที่เห็นหลี่ชิเย่เพียรพยายามพร่ำสอนผู้เป็นผู้เยาว์เช่นนี้ ครั้งนี้นับว่าเซิ่นเหล่าลิ่วถูกชะตากับเขาโดยแท้จริง เขาจึงได้ให้การชี้แนะไปบ้าง
เซิ่นเหล่าลิ่วถึงกับนิ่งเงียบไปชั่วครู่สำหรับคำพูดของหลี่ชิเย่ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาได้แต่พูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “ข้าก็ไม่ต้องการให้สำนักต้องผิดหวัง เพียงแต่ข้าเองก็ใฝ่ฝันอิสระ ไม่ยึดติดกับขนบใดอยู่กับโลกโลกีย์มนุษย์”
“มีโอกาสเช่นนั้นอยู่แล้ว เมื่อถึงวันที่เจ้าก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดเจ้าก็สามารถเลือกได้ว่าอาจจะแฝงตัวอยู่กับโลกโลกีย์มนุษย์ หรือจะค้นคว้าสัจธรรมต่อไป เมื่อถึงวันนั้นจะเลือกเดินไปเส้นทางไหน ขึ้นอยู่กับใจของเจ้าเองแล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ
เซิ่นเหล่าลิ่วยิ้มเจื่อนๆ และกล่าวว่า “รอจนกว่าข้ายืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว บางทีอาจไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว ยอดฝีมือยิ่งแข็งแกร่งเท่าใดหน้าที่ก็จะยิ่งมีมาก ต่อให้จอมราชันเซียนหวัง หรือราชันเซียนเก้าแดน ก้าวเดินไปเรื่อยๆ พวกเขาก็จะไม่เป็นตัวของตัวเอง สิ่งที่แบกอยู่บนบ่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเองเท่านั้น”
หลี่ชิเย่มีชาติกำเนิดมาจากเขามังกรเทพ เห็นมามากรู้มาก ความปราศจากผู้ต่อกรแม้จะได้หน้าได้ตา แต่กาลเวลาที่ยาวนานก็ถือเป็นความทรมานอย่างหนึ่ง