ตอนที่ 1840 ตระกูลขุนนางโบราณตงกง
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากต้องมองไปที่หลี่ชิเย่ คนที่ไม่รู้ความมาก่อนยังไม่เข้าใจว่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาตรงหน้าผู้นี้ไปผูกความแค้นกับตระกูลขุนนางโบราณตงกงได้อย่างไรกัน
แม้ว่าผู้คนจำนวนมากต่างไม่รู้ถึงรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ เมื่อเห็นท่าทีของตงกงเจิ้นเสมือนหนึ่งสุนัขไม่มีเจ้าของ ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจได้ว่า ตงกงเจิ้งจะต้องเสียเปรียบยิ่งต่อหลี่ชิเย่มาก่อน
หลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่บริเวณด้านนอกประตูที่สูงตระหง่านของตระกูลขุนนางโบราณตงกงถึงกับเผยรอยยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “เจ้าไม่ถือสาหาความข้า? พูดได้น่าฟังดีนี่ เสียดายที่มันสายไปเสียแล้ว เวลานี้ไม่ก็ตระกูลขุนนางโบราณตงกงพวกเจ้าเปิดประตูยอมแพ้เสีย มอบทรัพย์สมบัติออกมา ไม่ก็ข้าลุยเข้าไป เข่นฆ่าจนเลือดไหลนองเป็นธาร”
คำพูดของหลี่ชิเย่สร้างความรู้สึกใจหายใจคว่ำให้กับบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่มาดูความคึกครื้น แม้ว่าตระกูลขุนนางโบราณตงกงได้เสื่อมโทรมลงแล้วก็จริง แต่ว่าจะอย่างไรเสียก็คือสายสำนักราชันเซียน ธาตุแท้ภายในโดยภาพรวมของตระกูลขุนนางโบราณตงกงนับว่ายังหนาอยู่ โดยเฉพาะบริเวณที่ตั้งพื้นที่บรรพชนของตระกูลขุนนางโบราณตงกงได้รับการปลุกเสกจากจอมราชันเซียนหวัง และผ่านการอำนวยพรจากจอมเทพมา อย่าว่าแต่กลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วไปเลย ต่อให้เป็นระดับสวรรค์สัจธรรม และผู้สมควรได้รับการเคารพยิ่งรุ่นอาวุโสก็ไม่เห็นจะตีตระกูลขุนนางโบราณตงกงให้แตกได้
เวลานี้ หลี่ชิเย่ที่เป็นเพียงกลุ่มคนรุ่นใหม่กลับประกาศว่าจะทำลายล้างตระกูลขุนนางโบราณตงกง ช่างเป็นวาจาที่สามหาวเหลือเกิน
“เจ้าหนูคนนี้เป็นใครรึ ถึงกับกล่าววาจาโอหังอวดดีเหลือเกิน?” ผู้บำเพ็ญตนที่ยืนดูเหตุการณ์ความคึกครื้นจำนวนไม่น้อยต่างมองตากันและกัน ต่างรู้สึกว่าเจ้าหนูคนนี้กล่าววาจาโอหังอวดดีเหลือเกิน เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงเอ่ยถามขึ้นมา
“คนโหดอันดับหนึ่งหลี่ชิเย่” แขกที่เคยไปร่วมงานฉลองวันเกิดของตระกูลเผิงกล่าวว่า “เขาได้ประกาศแล้วว่า วันนี้จะต้องเข่นฆ่าทำลายล้างศิษย์ตระกูลขุนนางโบราณตงกงแปดหมื่นถึงแสนคน”
คำพูดนี้ย่อมเป็นคำพูดที่เกินเลยไปของแขกผู้เคยร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดแล้วหละ เพราะทั่วทั้งตระกูลขุนนางโบราณตงกงรวมแล้วก็มีศิษย์ไม่ถึงแปดหมื่นหรือแสนคน
“คือคนโหดอันดับหนึ่งที่สังหารรัชทายาทเทียนหวงคนนั้นรึ?” ผู้บำเพ็ญตนที่มายืนดูความคึกครื้นถึงกับตกใจ และกล่าวว่า “เจ้าหมอนี่จะโหดเกินไปแล้วกระมัง หาญกล้าสังหารรัชทายาทเทียนหวงต่อหน้าสายตาผู้คนจำนวนมาก เวลานี้ยังประกาศจะทำลายล้างตระกูลขุนนางโบราณตงกง เจ้าหนูคนนี้มันวิปริตชัดๆ ไปถึงไหนก็หาเรื่องไปทั่ว”
“ไม่ นั่นมันเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เมื่อครู่นี่เอง ขณะอยู่ที่ตระกูลเผิงเขาได้สังหารกษัตริย์เทียนหวงและผู้อาวุโสรุ่นบุกเบิกหลินแห่งแคว้นหงส์ฟ้าจนกลายเป็นหมูบด กษัตริย์เทียนหวงหมายแก้แค้นให้กับบุตรชายแต่ไม่สำเร็จ ตรงกันข้ามกลับเอาชีวิตของตนเดิมพันเข้าไปด้วย” แขกผู้เคยร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่ตระกูลเผิงกล่าวขึ้นมา
“ว่าไงนะ…” บรรดาผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว ต่างรู้สึกตกใจเป็นอันมาก หนึ่งในจำนวนนั้นถึงกับกล่าวว่า “นี่ นี่ นี่มันจะมุทะลุดุดันและโหดร้ายมากเกินไปแล้วกระมัง เขาไม่กลัวว่าจะนำมาซึ่งภัยถูกล้างสำนักหรือไร? หาญกล้าสังหารพ่อตาของจินเก๋อ”
“ไม่ เขาไม่เคยมองจินเก๋ออยู่ในสายตาเลย เมื่อครู่นี้เอง เขาได้ประกาศศึกกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังโดยตรงแล้ว แม้แต่ตระกูลเฉี่ยนยังเชิดใส่เลย” แขกที่เคยร่วมงานเลี้ยงงันเกิดของตระกูลเผิงถึงกับใส่ไข่ในเรื่องนี้
“เจ้าหนูผู้นี้บ้าไปแล้ว ประกาศศึกกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังเลยรึ? แล้วยังล่วงเกินตระกูลเฉี่ยน เขาเบื่อที่จะอยู่บนโลกใบนี้แล้วหรือ?” ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกตกใจยิ่งนักเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ในเวลานี้ ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต่างรักษาระยะห่างจากเขา การล่วงเกินต่อตระกูลเฉี่ยนเป็นเรื่องที่สยองขวัญยิ่งนัก
“เจ้าหนูผู้นี้มีอะไรคอยหนุนอยู่กันแน่ ถึงกับหาญกล้าประกาศศึกกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังโดยไม่หวั่นเกรงอะไรสักนิด หรือว่าเขามีชาติกำเนิดมาจากสายสำนักราชันเซียนอย่างนั้นรึ? ผู้ที่มีกำลังความสามารถในการสู้กับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังในชิงโจวได้ เกรงว่าคงมีเพียงพรรคซั่วเทียน และพรรคหลงเฉิงแล้วหละ แต่ ไม่เคยได้ยินชื่อเจ้าหนูคนนี้เป็นศิษย์จากทั้งพรรคซั่วเทียนและหลงเฉิงมาก่อน” ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ได้รับการเคารพยิ่งระดับสวรรค์สัจธรรมก็ดูหลี่ชิเย่ไม่ออกในเวลานี้
หลี่ชิเย่ในเวลานี้ดูไปแล้วมีพลังขมุกขมัวเพียงแค่ไม่กี่พันลิตรเท่านั้นเอง ด้วยผู้บำเพ็ญตนตัวน้อยๆ เช่นนี้กลับสามารถสังหารกษัตริย์เทียนหวงได้ กลับหาญกล้าประกาศศึกกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังได้ ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อเลยจริงๆ
ขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังวิพากวิจารณ์กันเบาๆ อยู่นั้น ตงกงเจิ้งยืนอยู่บนกำแพงสูงทั้งเคืองทั้งโกรธ แต่ก็กลัว เขาถูกหลี่ชิเย่ทำให้กลัวจนขี้ขึ้นสมอง แล้วจริงๆ หากเป็นก่อนหน้าคงตวาดด้วยเสียงที่โกรธแค้นออกมาแล้ว
“เจ้าคนแซ่ แซ่หลี่ เจ้า เจ้า เจ้าอย่าข่มแหงกันมากนัก!” ตงกงเจิ้งในเวลานี้ได้ร้องเสียงดังออกมาว่า “ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังของพวกเราก็ไม่ใช่เจ้าจะบีบได้ตามอำเภอใจ ธาตุแท้ภายในของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังใช่ว่าเจ้าจะมายุ่งด้วยได้ง่ายดาย หากจอมเทพของพวกเราลงมือ เจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เวลานี้หากเจ้ารู้จักกาลเทศะล่ะก็รีบๆ ไปจากที่นี่เสีย พวกเราจะน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง!”
“ตงกงเจิ้งเปลี่ยนไปเป็นพูดดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?” ผู้บำเพ็ญตนบางส่วนที่อยู่ในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรต่างรู้สึกแปลกใจ ในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรตงกงเจิ้งไม่ใช่คนดีอะไรอย่างแน่นอน มาวันนี้กลับพูดจาไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย
บรรดาแขกผู้ที่เคยอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดต่างก็เข้าใจ ตงกงเจิ้งเวลานี้ถูกทำให้ตกใจจนขี้ขึ้นสมอง แม้ว่าจะถูกหลี่ชิเย่ตามล่าจนเสมือนดั่งสุนัขไม่มีเจ้าของ แต่เวลานี้เข้ยังคงมีน้ำเสียงที่ดูแคลนอยู่ในที
“ไม่ บอกได้เพียงข้ามีความเมตตากรุณา ยังคงให้โอกาสตระกูลขุนนางโบราณตงกงได้มีทางเลือก ถ้าหากข้าข่มเหงเกินไปจริงๆ ล่ะก็ เจ้าไม่มีโอกาสกระทั่งยืนอยู่บนนั้นได้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “เวลานี้เจ้าอพยพลูกเล็กเด็กแดงผู้แก่ผู้เฒ่ายังทัน มิฉะนั้น ถึงเวลานั้นอย่าหาว่าข้าลงมือไร้ความปราณี”
ตงกงเจิ้งทั้งตระหนกทั้งโกรธเมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ เขาร้องกล่าวเสียงดังออกไปว่า “เจ้าคนแซ่ แซ่หลี่ เจ้า เจ้าอย่าไม่รู้จักกาลเทศะ หากเจ้ากล้าล่วงล้ำเข้าเขตตระกูลขุนนางโบราณตงกงแม้เพียงครึ่งก้าว จอมเทพของพวก พวกเราจะสังหารเจ้า”
ผู้คนจำนวนมากต่างฟังออกถึงคำพูดที่แข็งนอกอ่อนในของตงกงเจิ้ง อีกทั้งผู้คนจำนวนมากก็ไม่เชื่อในคำพูดของตงกงเจิ้ง เนื่องจากตระกูลขุนนางโบราณตงกงไม่ได้มีผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถรับหน้าเสื่อโดยลำพังอีกแล้ว
หลังจากที่จอมราชันของตระกูลขุนนางโบราณตงกงตายด้วยสวรรค์ลงทัณฑ์แล้ว แม้ว่าตระกูลขุนนางโบราณตงกงจะได้ให้กำเนิดจอมเทพอีกหลายองค์ แต่จอมเทพของพวกเขาหากตายก็หายสาบสูญไป แม้แต่จอมเทพองค์สุดท้ายจอมเทพกงเฉิงก็ถูกจอมเทพท่าซิงของตระกูลเผิงสังหาร
ดังนั้น การที่ตงกงเจิ้งพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ทุกคนจึงเข้าใจได้ว่าเป็นการพูดขู่ของตงกงเจิ้งเท่านั้น ด้วยการเอาจอมเทพมาข่มขู่คนเท่านั้นเอง
“จอมเทพ?” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมากับคำพูดของตงกงเจิ้ง และกล่าวว่า “ข้ากำลังขาดกับแกล้มเหล้าจานหนึ่งพอดีเลย ถ้าหากตระกูลขุนนางโบราณตงกงยังมีจอมเทพอยู่ล่ะก็ สังหารจอมเทพมาแกล้มเหล้าล่ะก็เหมาะเลย”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำเอาทุกคนมองหน้ากันและกัน เจ้าหนูคนนี้ยโสจนเกินเหตุ จอมเทพดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งมากไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม มาวันนี้ออกจากปากของเขากลับเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงกับกล้าบอกว่าจะสังหารจอมเทพมาแกล้มเหล้า มันยโสและช่างอันธพาลเหลือเกิน
“ยิงเกาทัณฑ์…” เวลานี้ตงกงเจิ้งร้องเสียงดังขึ้นมา แม้ว่าคำพูดก่อนหน้านั้นจะแสดงออกถึงแข็งนอกอ่อนใน แต่ก็เป็นการแตะถ่วงเวลา เพื่อให้ตระกูลขุนนางโบราณตงกงของพวกเขาได้มีเวลาตระเตรียมศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณตงกงทีเป็นพลยิงเกาทัณฑ์
“ฟ่าวว ฟ่าวว ฟ่าวว…” ทันใดนั้น เห็นบนท้องฟ้ามืดฟ้ามัวดิน เกาทัณฑ์จำนวนนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมา
สิ่งนี้หาใช้เป็นเกาทัณฑ์ธรรมดา แต่เป็นหลักกฎเกณฑ์ขนาดเล็กมากถูกหลอมกลั่นให้กลายเป็นเกาทัณฑ์แต่ละดอกที่คมกริบ ยามที่เกาทัณฑ์เหล่านี้ถูกยิงออกมา ไม่เพียงจะล็อกเป้าหมายจนทำให้ไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้เท่านั้น ที่น่าสยองมากไปกว่านั้นก็คือ ลูกเกาทัณฑ์เป็นพันเป็นหมื่นที่ระดมยิงเข้ามา ไม่ว่าสิ่งป้องกันจะหนาเพียงใดก็ตาม ภายใต้การระดมยิงอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ก็ต้องถูกยิงจนทะลุ
นี่คือเกาทัณฑ์ที่หลอมสร้างขึ้นด้วยมือของจอมเทพเอง มีอานุภาพที่น่าสยองและทรงพลังมาก ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมก็ไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้ ภายใต้การระดมยิงอย่างรุนแรงเช่นนี้ เว้นแต่จะมีชุดตัวอ่อนจอมเทพ หรือชุดตัวอ่อนจอมราชันอยู่ในครอบครอง
หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีที่เอ้อระเหย เพียงมองดูแวบหนึ่งเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญกับเกาทัณฑ์ที่ถูกระดมยิงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน แค่โยนเอาของวิเศษออกมาชิ้นหนึ่งตามอารมณ์
เสียง “คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากก…” ดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ของวิเศษชิ้นนี้ได้มีการประติดประต่อกันขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉับพลันก็กลับกลายเป็นกำแพงศักดิ์สิทธิ์ขวางอยู่ด้านหน้าหลี่ชิเย่
ของวิเศษที่หลี่ชิเย่เสกออกมานั้นเดิมทีเป็นเพียงลูกบอลขนาดเล็กเท่าลูกแก้วที่มีสีสลับกันสามสี ลักษณะของมันจะว่าเป็นโลหะก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นไม้ก็ไม่เชิง แต่มันประกอบด้วยสามสีสลับกัน ดูไปแล้วเจ้าลูกบอลเล็กๆ นี้เหมือนประกอบขึ้นมาจากสิ่งที่เป็นชิ้นเล็กๆ เป็นล้านล้านชิ้น
จังหวะที่หลี่ชิเย่โยนลูกบอลขนาดเล็กลูกนี้ออกไปนั้น มันทำการประติดประต่อเองทันที เหมือนหนึ่งเป็นชิ้นไม้ที่มีการสลับสับเปลี่ยนรูปร่างของตนอย่างนั้น และมีความรวดเร็วจนน่าตกใจ จากลูกบอลขนาดเล็กๆ กลายเป็นกำแพงศักดิ์สิทธิ์ด้านหนึ่งที่สูงมากในชั่วพริบตาเท่านั้น
“ปัก ปัก ปัก…” เสียงเกาทัณฑ์ที่ยิงเข้าใส่ดังไม่ขาดสาย แม้ว่าจะมีการยิงอย่างชนิดที่เรียกว่าปูพรมทั้งยังเป็นเกาทัณฑ์ที่คมกริบรุนแรงยิ่งนัก แต่ว่า ยังคงถูกขวางเอาไว้ด้วยกำแพงศักดิ์สิทธิ์ด้านนี้เอาไว้
แม้ว่าเกาทัณฑ์หลักกฎเกณฑ์จะยอดเยี่ยม แต่ของวิเศษที่หลี่ชิเย่โยนออกมาตามอารมณ์ยิ่งน่ากลัวและทรงพลังมากกว่า ของวิเศษชิ้นนี้มีชื่อว่าไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน มันถูกหลอมสร้างขึ้นโดยต้นพฤษาจารย์สามต้นของจู่ลู่ และหลอมสร้างโดยอาศัยสรรพวิชาของฟ้าดิน อานุภาพของมันยากจะหาใดเทียม เสมือนหนึ่งมีพลังของพฤกษาจารย์ในครอบครองอย่างนั้น
“ฟ่าวว ฟ่าวว ฟ่าวว…” เสียงเกาทัณฑ์ที่แหวกอากาศดังขึ้นเป็นระลอก ยามที่เกาทัณฑ์หลักกฎเกณฑ์ทั้งหมดถูกต้านรับเอาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว ศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณตงกงได้ยินเกาทัณฑ์ออกมาอีกชุดอย่างบ้าคลั่ง โดยเกาทัณฑ์ที่ถูกยิงออกมาในครั้งนี้เสมือนหนึ่งเป็นตั๊กแตนปาทังกาที่บินมาเต็มท้องฟ้าถึงกับสามารถหักเลี้ยวได้ พวกมันตีโค้งบนท้องฟ้าแล้วเพิ่มความเร็วขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และยิงเข้าใส่แผ่นหลังของหลี่ชิเย่ ลูกเกาทัณฑ์จำนวนพันล้านดอกล้วนแล้วแต่พุ่งเป้าไปที่แผ่นหลังของหลี่ชิเย่ ต้องการยิงหลี่ชิเย่จนร่างพรุนไปหมด
“คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากก…” เสียงการแปรเปลี่ยนรูปร่างดังขึ้น ทันใดนั้น ไม้บรรพจารย์สิบแปดผันได้กลับกลายเป็นโล่ยักษ์ในทันที เป็นโล่ยักษ์ที่โค้งเหมือนกะทะคว่ำพลันครอบเอาตัวของหลี่ชิเย่เอาไว้ด้านใน
“ปัก ปัก ปัก” เกาทัณฑ์ทั้งหมดที่ยิงมายังคงถูกป้องกันเอาไว้ด้วยไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน
ไม้ว่าเกาทัณฑ์จอมเทพของตระกูลขุนนางโบราณตงกงจะระดมยิงมาอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันที่ประหลาดสุดจะหาใดเทียมนี้ไปได้
ควรจะทราบว่า นี่คืออาวุธพิสดารที่อาศัยร่างของปรมาจารย์พฤกษาสามคนหลอมสร้างขึ้นมา มันไม่เพียงมีพลังของพฤกษาจารย์สามต้นเท่านั้น และยังมีร่างของพฤษาจารย์สามต้นอยู่ในครอบครอง เฉกเช่นร่างของพฤกษาจารย์นี้ มันสามารถต้านรับการโจมตีระดับราชันเซียนได้!
เกาทัณฑ์ระดับจอมเทพของตระกูลขุนนางโบราณตงกงจึงไม่สามารถทำลายแนวป้องกันของไม้บรรพจารย์สิบแปดผันได้อยู่แล้ว
หากจะว่ากันไปแล้ว ไม้บรรพจารย์สิบแปดผันดีกว่ากันมากเมื่อเปรียบกับอาวุธจอมราชันเซียนหวังในระดับหนึ่ง เนื่องจากมันถูกหลอมสร้างขึ้นมาจากร่างของพฤกษาจารย์ มันจึงครอบครองพลังแก่นของพฤกษาจารย์ในตัว
ดังนั้น หลี่ชิเย่ไม่จำเป็นต้องอาศัยเคล็ดวิชา หรือพลังใดๆ ก็สามารถบังคับมันได้ และให้มันสำแดงอานุภาพที่ทรงพลังที่สุดออกมา เนื่องจากหลี่ชิเย่ได้ทำการประทับสลักเอารอยประทับของตนลงบนตัวของมันไว้แล้ว ไม้บรรพจารย์สิบแปดผันจึงกลายเป็นเหมือนร่างกายส่วนหนึ่งของหลี่ชิเย่ เวลาบังคับหรือควบคุมจึงเป็นไปตามความปรารถนา