ตอนที่ 1834 เงาทมิฬงานวันฉลองวันเกิด
ตระกูลเผิงไม่ใช่เป็นคระกูลเผิงในวันนั้นอีกแล้ว หลังจากศึกล่าราชันในครั้งนั้นแล้ว ในขณะที่บรรพบุรุษของพวกเขายังคงปกครองตระกูลเผิงอยู่นั้น เรียกได้ว่าตระกูลเผิงของพวกเขาเจริญถึงขีดสุด ต่อให้กระกูลเผิงของพวกเขาตั้งอยู่ห่างจากชิงโจวเป็นอันมาก แต่ยังคงมีบทบาทสำคัญในชิงโจว ยุคนั้น ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน จำนวนเท่าไรที่มาคารวะตระกูลเผิงของพวกเขา
ในเวลานี้ ตระกูลเผิงของพวกเขาต่างจากคราวนั้นมากทีเดียว แม้ว่าตระกูลเผิงของพวกเขายังคงมีธาตุแท้ภายในอยู่บ้าง แต่ไม่มีผู้สืบทอด กลุ่มคนรุ่นใหม่ยากจะแบกรับภาระสำคัญได้ ช่องว่างพลังแฝงมีจำกัด อีกทั้งรุ่นอาวุโสก็ร่วงโรยแล้ว ซึ่งทำให้ตระกูลเผิงของพวกเขาตกอยู่ในสภาพกำลังอาศัยกินทุนเก่าอย่างเดียว
เผิงยวี่พาหลี่ชิเย่เที่ยวชมจวนเผิงต่อไปเรื่อยๆ เนื่องจากวันเกิดของจอมเทพท่าซิงในครั้งนี้ ภายในตระกูลได้จัดให้มีงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้นมาเท่านั้น ไม่ได้เชิญบุคคลภายนอก ดังนั้น เผิงยวี่ที่อยู่ในฐานะเจ้าบ้านจึงมีเวลาว่างไม่น้อย
ทว่า ขณะที่เผิงยวี่กำลังเที่ยวชมจวนตระกูลเผิงอยู่อย่างสบายอารมณ์อยู่นั้น ทันใดนั้นได้มีศิษย์ผู้หนึ่งวิ่งกระหอบกระหืดเข้ามารายงานว่า “เรียนท่านเจ้าบ้าน กษัตริย์เทียนหวงแห่งแคว้นหงส์ฟ้าเดินทางมาอวยพรวันเกิดให้กับท่านบรรพบุรุษ”
“กษัตริย์เทียนหวง” หน้าของเผิงยวี่พลันเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ เขาถูกทำให้ต้องตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ในเวลานี้เอง ดูเผิงยวี่จะสับสนอยู่ไม่น้อย กล่าวด้วยท่าทีตระหนกว่า “เขามาได้อย่างไร? เขามากันกี่คน? มีคนของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังมาด้วยหรือไม่?”
“เรียนท่านเจ้าบ้าน ไม่มี กษัตริย์เทียนหวงมาเพียงคนเดียว” ศิษย์ผู้นี้รีบเร่งรายงาน
“มาเพียงคนเดียว” หลังจากที่เผิงยวี่ได้ยินเช่นนี้แล้วค่อยรู้สึกโล่งอกนิดหนึ่ง
จะไปโทษว่าเผิงยวี่ทำตื่นเต้นขนาดนี้ก็ไม่ถูก ศึกซุ่มโจมตีจินเก๋อในครั้งนั้น บรรพบุรุษของเขาเป็นผู้เข้าโจมตีเป็นคนแรก รับผิดชอบต้านจอมเทพของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังเอาไวเพียงผู้เดียว
ขณะที่กษัตริย์เทียนหวงก็คือพ่อตาของจินเก๋อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทราบกันดีทั่วหล้า เวลานี้ ในวันเกิดของท่านบรรพบุรุษ ตระกูลเผิงของพวกเขาไม่ได้เชิญกษัตริย์เทียนหวง ขณะที่กษัตริย์เทียนหวงกลับมาถึงที่ด้วยตนเอง แล้วจะไม่ทำให้เผิงยวี่ต้องตกใจได้อย่างไร ไม่แน่นักกษัตริย์เทียนหวงอาจฉวยโอกาสในครั้งนี้แก้แค้นให้กับลูกเขยของตนก็เป็นได้
“เพียงแต่ กษัตริย์เทียนหวงได้ยื่นเทียบขอเข้าคารวะของตระกูลขุนนางโบราณตงกงไว้ด้วย ตระกูลขุนนางโบราณตงกงจะตามมาติดๆ” ศิษย์ผู้นี้เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา
“มาพร้อมกับตระกูลขุนนางโบราณตงกงเลยรึ?” เมื่อเผิงยวี่ได้ยินข่าวเช่นนี้แล้ว ใบหน้าของเขาต้องแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ลางสังหรณ์ที่ดีเสียแล้ว
ตระกูลขุนนางโบราณตงกงนับเป็นตระกูลขุนนางโบราณขนาดใหญ่ของเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรเช่นกัน ทั้งตระกูลขุนนางโบราณและตระกูลเผิงต่างก็เคยเป็นผู้บงการสถานการณ์ของเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรมาก่อน
ตระกูลขุนนางโบราณตงกงคือสายสำนักราชันเซียน เพียงแต่ราชันสวรรค์ตงกงของพวกเขาตายด้วยสวรรค์ลงทัณฑ์ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ภายหลังตระกูลขุนนางโบราณตงกงได้กำเนิดจอมเทพหลายคนด้วยกัน เพียงแต่ว่าจอมเทพของพวกเขาหากไม่หายสาบสูญไปก็เสียชีวิต
ในฐานะที่ต่างเป็นตระกูลขุนนางโบราณขนาดใหญ่ของเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรด้วยกัน ในอดีตความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลขุนนางโบราณตงกงและตระกูลเผิงนั้นประหลาดมาก ทั้งสองฝ่ายจะว่าเป็นศัตรูก็ไม่ใช่ เป็นมิตรก็ไม่เชิง แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ตระกูลทั้งสองยังคงมีการไปมาหาสู่กัน
แต่ว่า หลังจากหลายปีมานี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายได้ตึงเครียดขึ้น เหตุผลนั้นง่ายมาก ในระหว่างที่มีการลอบโจมตีจินเก๋อในขณะนั้น ตระกูลขุนนางโบราณตงกงในฐานะเป็นเผ่าสวรรค์ ย่อมไม่ต้องกังขาว่าต้องยืนอยู่ข้างฝ่ายของจินเก๋อที่เป็นตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังอยู่แล้ว
อันที่จริงก็ไม่นับเป็นอะไร จะอย่างไรเสียต่างฝ่ายต่างก็ทำเพื่อชาติพันธุ์ของตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นอยู่เป็นประจำในสิบสามทวีป
ปัญหาก็คือ ในศึกลอบโจมตีจินเก๋อในครั้งนี้ ในการสู้รบครั้งหนึ่งจอมเทพท่าซิงได้สังหารจอมเทพกงเฉิงของตระกูลขุนนางโบราณตงกง พลันทำให้ทั้งสองตระกูลตรึงเครียดขึ้นมา และกลายเป็นศัตรูในทันที
ทั้งสองตระกูลต่างอยู่ในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรด้วยกัน พลันกลายเป็นเหมือนดั่งน้ำกับไฟที่ไม่สามารถเข้ากันได้ในทันที แม้ว่าผู้เยาว์ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถไปวิพากวิจารณ์ถึงบรรพบุรุษของตนว่าถูกหรือผิด แต่ การที่จอมเทพท่าซิงสังหารจอมเทพกงเฉิง ทำให้สองตระกูลไม่อาจอยู่ร่วมกันอย่างสันติอีกต่อไปแล้ว การที่ทายาทของทั้งสองตระกูลไม่ได้เอาชีวิตเข้าแลก นับว่าได้ควบคุมอารมณ์กันมากแล้ว
แม้ว่าหลังจากเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ทั้งตระกูลขุนนางโบราณตงกง และตระกูลเผิงไม่ได้ก่อสงครามขนาดใหญ่ขึ้น แต่เรื่องกระทบกระทั่งย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงกันได้
หลายวันที่ผ่านมา กษัตริย์เทียนหวงก็ได้ไปเป็นแขกของตระกูลขุนนางโบราณตงกง เวลานี้ได้มาที่จวนเผิง ต้องการจะหาเรื่องในวันเกิดของบรรพบุรุษอย่างนั้นรึ?” ในเวลานี้ได้ทำให้เผิงยวี่รู้สึกวิตกกังวลขึ้นมา ถึงกับเดินกลับไปกลับมาอยู่สองก้าว
เดิมตระกูลขุนนางโบราณตงกงก็ยืนอยู่ข้างฝ่ายเผ่าสวรรค์อยู่แล้ว ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง เวลานี้ กษัตริย์เทียนหวงในฐานะพ่อตาของจินเก๋อได้อยู่ด้วยกันกับตระกูลขุนนางโบราณตงกง มาคราวนี้เห็นท่าจะไม่ดีเสียแล้ว พลันทำให้เผิงยวี่อยู่ไม่เป็นสุขขึ้นมาทันที
“ผู้ที่มาคือแขก” ขณะที่เผิงยวี่กำลังวิตกกังวล หลี่ชิเย่ยิ้มและตบบ่าของเขา และกล่าวว่า “ฟ้าไม่ถล่มลงมาอยู่แล้ว หรือต่อให้ท้องฟ้าถล่มลงมาก็สามารถแบกรับเอาไว้ได้เช่นกัน! โลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ต่อให้ยากเย็นเช่นใดก็ตาม เดินไปเรื่อยๆ ทางนั้นก็จะตรงเองแหละ”
ภายใต้การตบที่บ่าของหลี่ชิเย่ ทำให้เผิงยวี่ที่มีจิตวิตกกังวลในเวลานี้ดูจะสงบลง ท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของหลี่ชิเย่เสมือนดั่งยาระงับประสาท ทำให้เผิงยวี่คลายกังวลใจลงทันที
สุดท้าย ผิงยวี่ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่งเพื่อมั่นในจิตใจเอาไว้ เขาสั่งการกับศิษย์ผู้นั้นว่า “จัดพิธีต้อนรับกษัตริย์เทียนหวงอย่างสมเกียรติที่สุด ข้าจะออกไปต้อนรับด้วยตนเอง แจ้งบรรดาบรรพบุรุษให้เตรียมการรับมือในสิ่งที่ไม่คาดฝัน เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้”
“ศิษย์รับทราบ” หลังจากศิษย์ผู้นี้ได้รับคำสั่งแล้ว จึงรีบปฏิบัติตามคำสั่งของเขาในทันที
หลังจากเผิงยวี่สั่งการลงไปแล้วจึงมีความรู้สึกว่าหายใจโล่งอกขึ้น แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าบ้าน แต่อย่างไรเสียอายุยังน้อยอยู่ ประสบการณ์ไม่เพียงพอ อีกทั้งตัวเขาเองก็ไม่แข็งแกร่งพอ ดังนั้น เมื่อต้องพบเจอเรื่องใหญ่จึงดูจะสับสนไปบ้าง
“น้องไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนให้กับพี่หลี่แล้ว” เผิงยวี่กล่าวด้วยท่าทีเสียใจ
แน่นอน ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ เผิงยวี่เองก็ไม่ต้องการให้หลี่ชิเย่ปรากฏตัว อย่างน้อยเวลานี้เขาไม่ต้องการ เนื่องจากหลี่ชิเย่ได้สังหารรัชทายาทเทียนหวง ซึ่งเป็นบุตรชายของกษัตริย์เทียนหวง ถ้าหากสองฝ่ายพบหน้ากัน เกรงว่ายังไม่ทันที่กษัตริย์เทียนหวงก้าวพ้นประตูของจวนเผิง ทั้งสองฝ่ายก็ตีกันเสียแล้ว
“ไปเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง สามารถเข้าใจความรู้สึกของเผิงยวี่ได้
หลี่ชิเย่ย่อมรู้ว่าในใจของเผิงหยี่คิดอย่างไร แต่ว่า กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ทุกอย่างล้วนแล้วแต่อย่างไรก็ได้ เขามาที่นี่เพื่ออวยพรวันเกิดให้กับจอมเทพท่าซิง สำหรับพวกกษัตริย์เทียนหวงนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา เขาไม่คิดหาเรื่องก็คือความสงบของใต้หล้าอยู่แล้ว
เผิงยวี่มองหน้าหลี่ชิเย่ด้วยความขอบคุณ จากนั้น รีบเร่งอำลาเพื่อออกไปต้อนรับกษัตริย์เทียนหวง
เป็นความจริง ที่การมาของกษัตริย์เทียนหวงได้สร้างความตื่นเต้นให้กับจวนเผิง แม้ว่าผู้คนของจวนเผิงทั้งหมดแสดงออกด้วยท่าทีที่อบอุ่น กับการมาเยือนของกษัตริย์เทียนหวง แต่ในทางลับๆ จวนเผิงก็เปรียบเสมือนหนึ่งเกาทัณฑ์ที่มีการน้าวสายและพร้อมที่จะปล่อยลูกเกาทัณฑ์ออกไป เรียกว่าพร้อมรบเต็มที่
จะไปโทษจวนเผิงทำตื่นเต้นไม่ได้ และอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดลับๆ เนื่องจากกษัตริย์เทียนหวงคือพ่อตาของจินเก๋อ อีกทั้งเวลานี้ยังใกล้ชิดกับตระกูลขุนนางโบราณตงกงยิ่งนัก กล่าวได้ว่าทั้งสองฝ่าหาใช่มิตรแต่เป็นศัตรู
โชคดีตรงที่กษัตริย์เทียนหวงไม่ได้หาเรื่อง หลังจากที่เขามาถึงแล้วนับว่ายังมีความเกรงใจ ไม่เหมือนว่าต้องการมาคิดบัญชีกับตระกูลเผิง ทำให้จวนเผิงคลายกังวลลงลับๆ
แต่ว่า จังหวะที่ตระกูลเผิงกำลังรู้สึกหายใจโล่งอก ตามติดด้วยผู้สืบทอดของตระกูลขุนนางโบราณตงกงก็ได้มาอวยพรวันเกิดด้วยแล้ว
ภายในใจของเผิงยวี่ถึงกับสะดุ้งนิดหนึ่งกับการมาถึงของตงกงเจิ้ง แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เขายังคงออกไปต้อนรับด้วยตนเอง
บริเวณด้านนอกประตู ตงกงเจิ้งเดินเข้ามาเพียงคนเดียว ตงกงเจิ้งเองก็อ่อนเยาว์มาก ท่าทางเป็นบุคคลที่มีความสามารถ ลักษณะดูสง่าผ่าเผย
“วันเกิดของบรรพบุรุษ แค่จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ภายในเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าจะไปรบกวนพี่ตงกงเข้า ขออภัย ขออภัย” เผิงยวี่ได้ให้การต้อนรับตงกงเจิ้งเข้ามาในจวน
“เกรงใจไปแล้ว เกรงใจแล้ว จวนเผิงกับตระกูลตงกงคือเพื่อนบ้าน ทั้งสองตระกูลอยู่ห่างกันแค่เอื้อม ภาษิตว่าไว้ว่า ญาติแดนไกลมิสู้สหายที่อยู่ข้างบ้าน วันเกิดของจอมเทพซิง น้องมาอวยพรโดยเฉพาะ” ตงกงเจิ้งกล่าวด้วยท่าทีรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า เหมือนว่าไม่มีความเป็นศัตรูแม้แต่น้อย
แม้ว่าการมาของตงกงเจิ้งไม่ได้แสดงความเป็นศัตรูใดๆ แต่ในใจของเผิงยวี่รู้สึกวิตกกังวล กระทั่งสามารถกล่าวได้ว่า เขาได้กลิ่นอายของพายุฝนที่มาถึงแล้ว
จอมเทพท่าซิงที่เป็นบรรพบุรุษของพวกเขาได้สังหารจอมเทพกงเฉิงของตระกูลขุนนางโบราณตงกง เวลานี้ ตงกงเจิ้งในฐานะทายาทรุ่นหลังกลับมาอวยพรวันเกิด ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็พูดยาก ความแค้นลักษณะเช่นนี้ไม่ว่าใครก็ยากจะก้าวข้ามไปได้
ครั้งนั้นหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ตระกูลขุนนางโบราณตงกงและตระกูลเผิงต่างอดกลั้นซึ่งกันและกันยิ่งนัก ไม่ได้เปิดศึกแก้แค้นกันขึ้นมา
ความจริงแล้ว แทนที่จะบอกว่าเป็นการอดกลั้น มิสู้บอกว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็เสื่อมโทรมลง แม้ว่าตระกูลขุนนางโบราณตงกงจะเป็นสายสำนักราชันเซียน แต่จอมราชันของพวกเขาได้ใต้ภายใต้สวรรค์ลงทัณฑ์ ต่อมาภายหลัง ตระกูลขุนนางโบราณตงกงได้กำเนิดจอมเทพหลายองค์ แต่ว่า หากไม่ใช่หายสาบสูญก็กูกสังหาร
จอมเทพกงเฉิงในครั้งนั้นก็คือจอมเทพเพียงหนึ่งเดียวที่คงเหลืออยู่ของตระกูลขุนนางโบราณตงกง แต่กลับต้องมาถูกจอมเทพท่าซิงสังหารไป
แม้แต่จอมเทพองค์สุดท้ายก็ไม่เหลือ ดรื่องนี้ทำให้ตระกูลขุนนางโบราณตงกงได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้ตระกูลขุนนางโบราณตงกงมีกำลังลดลงมากทีเดียว แน่นอน แม้วว่าตระกูลเผิงจอมเทพท่าซิงยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร
หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ทั้งตระกูลขุนนางโบราณตงกงและตระกูลเผิงก็ไม่มีการไปมาหาสู่กันอีก เวลานี้พลันตงกงเจิ้งมาอวยพรวันเกิดให้กับจอมเทพท่าซิงโดยกะทันหัน ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ไม่ใช่เรื่องดี
โดยเฉพาะหลังจากที่ตงกงเจิ้งถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปยังตระกูลเผิงแล้ว ท่าทางของทั้งสองคนที่ทำลับๆ ล่อๆ ซุบซิบกันขณะที่พบกับกษัตริย์เทียนหวง ยิ่งจะทำให้เผิงยวี่รู้สึกวิตกกังวลมากขึ้น
เวลานี้ ตระกูลเผิงของพวกเขามีความรู้สึกเหมือนชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านอย่างนั้น การให้กษัตริย์เทียนหวงและตงกงเจิ้งเข้ามาในจวนเผิง เป็นการนำเอาสุนัขจิ้งจอกสองตัวเข้ามาภายในจวนอย่างแน่นอน พร้อมที่จะเกิดเรื่องขึ้นตลอดเวลา
แต่ว่า ตระกูลเผิงนเวลานี้ไม่มีทางเลือก ตงกงเจิ้งและกษัตริย์เทียนหวงทั้งสองมาเพื่ออวยพรวันเกิดให้กับจอมเทพท่าซิงอย่างเปิดเผย ภาษิตว่า ผู้มาเยือนคือแขก เป็นไปไม่ได้ที่เผิงยวี่จะปฏิเสธไม่ให้ตงกงเจิ้งและกษัตริย์เทียนหวงเข้าไปภายในจวน หากเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับตระกูลเผิงใจแคบ และไม่มีกำลังความสามารถแล้วหละ
เวลานี้ ตระกูลเผิงได้คิดในทางที่แย่ที่สุดเอาไว้ พวกเขาตระเตรียมกำลังเอาไว้อย่างลับๆ เพื่อป้องกันตงกงเจิ้งและกษัตริย์เทียนหวงสมคบกับศัตรูที่อยู่ด้านนอก ทำการตีขนาบโดยประสานกันด้านนอกด้านใน บุกโจมตีจวนเผิงในวันฉลองวันเกิดกะทันหัน!