ตอนที่ 1843 จอมเทพเสินกง
ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อเห็นร่างเงาของจอมราชันถูกผลักดันจนต้องก้าวถอยหลังไปทีละก้าวๆ ภายในใจของผู้คนจำนวนมากรู้สึกขนลุก เจ้าลูกบอลลูกนี้มันทรงพลังมากน้อยเพียงใดกันแน่นะ?
“อย่างไรเสียก็เป็นเพียงจอมราชันที่มีชะตาฟ้าเพียงสี่สายเท่านั้น” หลี่ชิเย่ถึงกับส่ายหน้าและพูดขึ้นมา เมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้แล้ว
“ตูม ตูม ตูม” ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม ลูกบอลขนาดยักษ์มีขนาดที่ใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง เดิมทีที่มันได้หมุนช้าลงนั้น เวลานี้กลับหมุนเร็วมากขึ้นๆ มันกำลังหมุนเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ตนมากขึ้น
นี่แหละคือความน่ากลัวของไม้บรรพจารย์สิบแปดผัน มันมีพลังของต้นบรรพจารย์สามต้นอยู่ในครอบครอง ขอเพียงมันสามารถระเบิดพลังรุนแรงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้ว่ามันสามารถระเบิดพลังออกมาได้จนถึงระดับไหนกันแน่
ขณะเดียวกัน จากการที่ลูกบอลได้หมุนอย่างรวดเร็ว และร่างเงาของจอมราชันถูกกดดันจนต้องถอยหลังไปทีละก้าวๆ อีกทั้งรัศมีของจอมราชันก็หมองลงเรื่อยๆ จากกาลเวลาที่ล่วงเลยผ่านไป
“ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป ร่องรอยของจอมราชันก็ต้องถูกทำลายไป” ผู้อยู่ในฐานะสมควรได้รับการเคารพยิ่งระดับสวรรค์สัจธรรมเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ถึงกับมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป และกล่าวด้วยความรู้สึกใจหายใจคว่ำ
ลูกบอลลูกนี้ทรงพลังมากเหลือเกิน ช่างวิปลิตโดยแท้ บนโลกหล้าถึงกับมีอาวุธประหลาดถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการของผู้คน ช่างเหนือความคาดคิดมากเหลือเกิน” ผู้ที่มองเห็นภาพนี้กล่าวด้วยความรู้สึกที่สะเทือนหวั่นไหวยิ่งนัก
มันเป็นภาพที่สะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนโดยแท้ สามารถทำลายได้กระทั่งร่องรอยของจอมราชันเซียนหวัง ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าเจ้าลูกบอลลูกนี้มีขนาดใหญ่โตถึงระดับเช่นใดแล้ว
เดิมทีบรรดาศิษย์ของตระกูลขุนนางโบราณตงกงที่เพิ่งจะมีเพลิงแห่งความหวังที่ลุกโชนขึ้นมา พวกเขาต้องมีใบหน้าที่ซีดเผือดอีกครั้ง เหมือนหนึ่งตกลงไปในหลุมน้ำแข็งอย่างนั้น หากแม้ร่องรอยราชันสวรรค์ตงกงของพวกเขายังถูกทำลายล่ะก็ เกรงว่าตระกูลขุนนางโบราณตงกงของพวกเขาคงหนีไม่พ้นเคราะห์กรรมถูกทำลายล้างเสียแล้ว
ในเวลานี้เองมีผู้ที่พึมพำออกมาว่า “จะต้านไม่ไหวอยู่แล้ว” ในขณะนี้ทุกคนต่างมองออกว่า ร่องรอยของจอมราชันไม่สามารถต้านรับได้อีกต่อไปแล้ว หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ต้องถูกทำลายโดยสิ้นเชิงแน่นอน
“แว้งค์…” เสียงหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่ร่องรอยของจอมราชันกำลังจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงนั้น ฉับพลัน ภายในบริเวณที่อยู่ลึกเข้าไปที่สุดของตระกูลขุนนางโบราณตงกงปรากฎประกายศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งออกมา ประกายศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวเสมือนหนึ่งเป็นกระบี่เทวะเล่มหนึ่งที่แทงทะลุเป็นสายขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง เหมือนต้องการผ่าท้องฟ้าให้แยกออกอย่างนั้น
เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้นมา ทันใดนั้นเอง อานุภาพศักดิ์สิทธิ์ได้อาละวาดไปทั่วเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร อานุภาพจอมเทพเหมือนดั่งน้ำหลากที่พุ่งออกมา ก่อเกิดคลื่นยักษ์ที่สาดซัดขึ้นไปบนท้องฟ้าท่วมดวงดาวนับล้านล้านดวงจนจมมิด
“ตึง ตึง ตึง” เสียงโซ่ศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นเป็นระลอก หลักกฎเกณฑ์แต่ละสายของจอมเทพพลันพุ่งขึ้นท้องฟ้าดุจดั่งน้ำตก ท่ามกลางหลักกฎเกณฑ์จอมเทพปรากฏร่างเงาที่สูงใหญ่ยากจะหาใดเทียมร่างหนึ่ง เขาก้าวเดินมาท่ามกลางรัศมีที่ปกคลุมบนตัวเขา
การก้าวเดินเข้ามาทีละก้าวๆ ของเขา เสมือนหนึ่งได้หอบเอาท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมาด้วยอย่างนั้น มองเห็นดวงดาวแต่ละดวงที่หมุนรอบอยู่ด้านข้างซ้ายขวาของเขา คู่ดวงตาคู่นั้นของเขาข้างซ้ายกลายเป็นดวงจันทรา ข้างขวากลายเป็นดวงตะวัน ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเขาสามารถควบคุมฟ้าดิน ยามที่เขายืนอยู่ตรงนั้น เมืองสวรรค์นอกอาณาจักรดูช่างเล็กจิ๋วขนาดนั้น เหมือนว่าเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรไม่สามารถรองรับกับน้ำหนักของเขาได้
“นี่มัน…” อานุภาพจอมเทพที่ปะทุขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนและสรรพชีวิตทั้งหมดในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรต่างตื่นตระหนกเป็นการใหญ่ ทุกคนถูกทำให้ต้องตกใจจนตะลึง นี่เป็นการปรากฏตัวของจอมเทพองค์หนึ่ง
“จอมเทพปราศจากผู้ต่อกร…” ไม่รู้ว่าใครที่ร้องเสียงหลงออกมา และตื่นกลัวจนก้มลงกับพื้น
ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรต่างถูกสยบโดยอานุภาพจอมเทพที่ปราศจากผู้ต่อกรนี้ ทยอยกันหมอบลงกับพื้น กระทั่งลุกขึ้นมาไม่ไหว สร้างความหวาดหวั่นให้กับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากจนมีสีหน้าขาวซีด
“จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง และเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันทั้งสิบดวง!” แม้แต่ผู้ได้รับการเคารพสูงสุดระดับสวรรค์สัจธรรมก็มองดูจอมเทพที่ปรากฎตัวอย่างกะทันหันด้วยความเคารพยำเกรงายิ่งนัก
“จอมเทพเสินกง!” ยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมที่มีพลังขมุกขมัวหกร้อยล้านลิตรถึงกับมีใบหน้าที่ขาวซีด คุกเข่าลงกับพื้นด้วยท่าทีที่เคารพยิ่ง เขาได้จดจำประวัติความเป็นมาของจอมเทพผู้นี้ได้แล้ว
“จอมเทพเสินกง…” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างตกใจจนใบหน้าขาวซีดเมื่อได้ยินชื่อนี้ ซึ่งชื่อของเขาก็คล้ายดั่งเจ้าตัวที่เปี่ยมด้วยอำนาจสูงสุดของเขา
“ท่านบรรพบุรุษ…” ในเวลานี้ ศิษย์ตระกูลขุนนางโบราณตงกงทั้งหมดล้วนแล้วแต่ก้มกราบกับพื้น สยบทั้งกายและใจ พวกเขาตื้นตันจนน้ำตานองหน้า ร้องเสียงดังออกมาว่า “พวกเรารอดแล้ว”
“จอมเทพเสินกง…” เผิงเย่เองก็ต้องผวาเมื่อได้เห็นจอมเทพผู้นี้เข้า ใบหน้าขาวซีด แม้ยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมอย่างเขาที่มีพลังขมุกขมัวถึงแปดร้อยล้านลิตรก็ยืนไม่ติดภายใต้อานุภาพเช่นนี้ก็ยืนได้ไม่มั่นคงเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้เผิงเย่รู้สึกถึงเท้าสองข้างที่อ่อนแรงยิ่งกว่าไม่ใช่เพียงแค่อานุภาพจอมเทพ แต่เนื่องจากข่าวนี้มากะทันหันเหลือเกิน เขาไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยแม้แต่น้อย และตระกูลเผิงของพวกเขาก็ไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เช่นกัน
จอมเทพเสินกง! คือจอมเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลขุนนางโบราณตงกง มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง และเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันทั้งสิบดวงอยู่ในครอบครอง ภายหลัง ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบแน่ชัด จอมเทพเสินกงได้หายไปโดยปราศจากข่าวคราวใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนดั่งหายเข้าไปในดินแดนแห่งการสืบค้นที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาอย่างนั้น
ระดับบรรพบุรุษแต่ละรุ่นในยุคสมัยต่อมาต่างพยายามทดลองติดต่อกับจอมเทพเสินกง กระทั่งจอมเทพกงเฉิงในยุคหลังก็เคยทดลองติดต่อกับจอมเทพเสินกงเช่นกัน แต่กลับไม่มีคำตอบใดๆ ทั้งสิ้น
สิ่งนี้ได้สร้างความรู้สึกสิ้นหวังแก่ผู้คนในยุคหลังของตระกูลขุนนางโบราณตงกง ต่างเข้าใจว่าบรรพบุรุษจอมเทพเสินกงของพวกเขาจะต้องประสบเหตุที่ไม่คาดฝันจนเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ได้คงอยู่บนโลกมนุษย์อีกต่อไป
กล่าวได้ว่าเรื่องราวเรื่องนี้ในครั้งนั้นได้สร้างผลกระทบขึ้นมากต่อตระกูลขุนนางโบราณตงกงของพวกเขา ควรจะทราบว่า การที่จอมเทพเสินกงเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง และเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันทั้งสิบดวงองค์หนึ่ง เขานับเป็นจอมเทพผู้ที่เข้าถึงพลังตัวตนอันแท้จริงได้อย่างถ่องแท้คนหนึ่ง! ความแข็งแกร่งของเขาไม่จำเป็นต้องสรรหาคำพูดใดๆ มาเปรียบเปรย
กระทั่งเคยมีผู้ที่คิดว่าจอมเทพเสินกงแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชันสวรรค์ตงกงของตระกูลขุนนางโบราณตงกงเสียอีก เนื่องจากราชันสวรรค์ตงกงเป็นจอมราชันที่ครอบครองชะตาฟ้าเพียง
สี่สายเท่านั้น ขณะที่จอมเทพเสินกงกลับได้ครอบครองดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง และเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันทั้งสิบดวง!
การสูญเสียจอมเทพลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดก็ตาม หรือต่อให้เป็นสายสำนักราชันเซียน ก็ถือเป็นการสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
ทุกคนต่างก็คิดว่าจอมเทพเสินกงได้เสียชีวิตไปแล้ว เวลานี้จู่ๆ กลับมาปรากฎต่อหน้าผู้คนทุกคนอย่างกะทันหัน เรียกว่าทำให้ผู้คนจำนวนมากตกใจจนตะลึงอยู่ตรงนั้น
ก่อนหน้านั้น ตงกงเจิ้งเคยออกมาถ่ายทอดคำพูดของบรรพบุรุษจอมเทพของพวกเขา ซึ่งตอนนั้นทุกคนต่างเข้าใจว่าเป็นการถือโอกาสสร้างสถานการณ์ลวงเท่านั้นเอง โดยอาศัยชื่อของจอมเทพมาทำให้หลี่ชิเย่ต้องหวาดกลัว ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง ที่แท้จอมเทพเสินกงที่หายสาบสูญไปนั้นได้กลับมาแล้วจริงๆ !
หลังจากที่บรรดาศิษย์ตระกูลขุนนางโบราณตงกงได้สติกลับมาแลว พวกเขาถึงกับดีใจอย่างยิ่ง จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวงของพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าตระกูลขุนนางโบราณตงกงของพวกเขามีโอกาสรอดแล้ว สิ่งนี่ไม่เพียงบ่งบอกว่าตระกูลขุนนางโบราณตงกงของพวกเขารอดตายเท่านั้น ยังหมายถึงตระกูลขุนนางโบราณตงกงในอนาคตจะต้องรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง จะได้ผงาดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ตระกูลขุนนางโบราณตงกงของพวกเขาจะได้ต้อนรับความรุ่งเรืองอีกครั้ง!
สำหรับเผิงเย่และเผิงยวี่ ใบหน้าของทั้งสองคนขาวซีด เมื่อจอมเทพเสินกงของตระกูลขุนนางโบราณตงกงยังคงมีชีวิตอยู่ ขณะที่จอมเทพท่าซิงพวกเขากลับปราศจากข่าวคราวโดยสิ้นเชิง สร้างความสะท้านขึ้นภายในใจของพวกเขา
กระทั่งพวกของเผิงเย่รู้สึกหวาดหวั่นเรื่องๆ หนึ่ง…บางที บรรพบุรุษจอมเทพท่าซิงของพวกเขาได้เสียชีวิตลงแล้ว
การที่ตระกูลเผิงของพวกเขาได้จัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดขึ้น เพียงต้องการอวยพรบรรพบุรุษของพวกเขาจากระยะห่างไกล และอีกหนึ่งเป้าหมายก็คือ เป็นการบอกเป็นนัยสำหรับผู้ที่จ้องตระกูลเผิงตาเป็นมันว่า จอมเทพท่าซิงบรรพบุรุษของพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่
แต่ทว่า ในขณะนี้ เผิงเย่ไม่เชื่อมั่นในตนเองแม้แต่นิดเดียว ไม่มีความมั่นใจแม้เพียงน้อยนิด ตระกูลเผิงของพวกเขาได้ผูกความแค้นขั้นความเป็นความตายกับตระกูลขุนนางโบราณตงกงเอาไว้แล้ว ถ้าหากหลี่ชิเย่ต้านจอมเทพเสินกงไม่อยู่ล่ะก็ เมื่อหลี่ชิเย่ถูกสังหารไปแล้ว รายต่อไปก็คงเป็นคิวของตระกูลเผิงของพวกเขาต้องถูกทำลายแล้ว
ในเวลานี้ หัวใจดวงนั้นของเผิงเย่เหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งอย่างนั้น นาทีนี้เขาเหมือนได้เห็นภาพของตระกูลเผิงขณะถูกทำลาย และเขารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่หลี่ชิเย่จะต้านจอมเทพเสินกงเอาไว้ได้
“จอมเทพผู้มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง” ผู้คนจำนวนมากต่างจ้องมองจอมเทพเสินกงด้วยความเคารพยำเกรง ยามที่เขาก้าวเดินเข้ามาทีละก้าวๆ นั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกสยบจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ ต้องหมอบกราบกับพื้น
ต่อให้จอมเทพเสินกงไม่ได้ตั้งใจสยบทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตาม แต่ ขณะที่อานุภาพจอมเทพของเขาถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่สามารถแบกรับเอาไว้ได้ พลังเช่นนี้ช่างแข็งแกร่งมากเหลือเกิน
เป็นที่ทราบกันว่า จอมเทพเสินกงที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวงที่ประสานเข้าด้วยกันเมื่อเทียบกับราชันสวรรค์ตงกงแล้วมีแต่แข็งแกร่งกว่าไม่มีคำว่าอ่อนด้อยกว่ากัน ลองนึกภาพดู จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบดวง และเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันทั้งสิบดวงมายืนอยู่ตรงหน้า แล้วบุคคลผู้นั้นจะยังคงยืนได้อย่างมั่นคงรึ? อย่าว่าแต่เผิงเย่ที่มีพลังขมุกขมัวแปดร้อยล้านลิตรเลย ต่อให้เป็นผู้ได้รับความเคารพสูงสุดระดับสวรรค์สัจธรรมที่มีพลังขมุกขมัวสามพันล้านลิตร เกรงว่าก็คงไม่สามารถรับกับพลังเช่นนี้เอาไว้ได้ ถ้าหากจอมเทพระดับเช่นนี้ตั้งใจจะสยบล่ะก็ ผู้ได้รับความเคารพสูงสุดระดับสวรรค์สัจธรรมที่มีพลังขมุกขมัวสามพันล้านลิตรด็ต้องคุกเข่าลงโดยตรงเช่นกัน
“ปัง…” เวลานี้ จอมเทพเสินกงได้ลงมือแล้ว หนึ่งมือที่ยกขึ้นมาได้ขวางลูกบอลขนาดยักษ์ที่กลิ้งเข้ามาหา ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม “ตูม ตูม ตูม” ที่ดังขึ้นเป็นระลอก ลูกบอลได้กลิ้งช้าลงเรื่อยๆ และเสียงก็ค่อยๆ เบาลงๆ จนหยุดลงในที่สุด
“ดี…” เวลานี้ บรรดาศิษย์ตระกูลขุนนางโบราณตงกงที่คุกเข่าอยู่กับพื้นได้ร้องออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดการลงมือของบรรพบุรุษพวกเขาสามารถขวางการกลิ้งของลูกบอลลูกนี้เอาไว้ได้ ฝันร้ายที่น่ากลัวได้สิ้นสุดลงในที่สุด
“คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากก…” หลังจากที่จอมเทพเสินกงได้หยุดลูกบอลเอาไว้แล้ว ลูกบอลได้เริ่มเปลี่ยนรูปของมัน มองเห็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนที่เปรียบประดุจน้ำหลากพุ่งเข้าหาหลี่ชิเย่ เมื่อไปถึงฝ่ามือของหลี่ชิเย่แล้วได้หดตัวลงอย่างรวดเร็ว เหมือนหนึ่งกาลเวลาที่ย้อนกลับ เพียงชั่วพริบตาเดียว ลูกบอลขนาดยักษ์สุดจะหาใดเทียมได้หดตัวไปอยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่
เวลานี้ สิ่งที่อยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่เป็นเพียงลูกบอลขนาดเล็กที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือที่มีสามสีสลับกันเท่านั้น ไม่มีอะไรสดุดตา
ถ้าหากไม่เป็นเพราะได้เห็นภาพนี้กับตาของตนเอง ไม่ว่าใครก็ยากจะเชื่อว่า ลูกบอลขนาดเล็กลูกนี้กลับสามารถทำลายตระกูลขุนนางโบราณตงกงได้ ลูกบอลขนาดเล็กเช่นนี้กลับมีอานุภาพที่สมควรแก่การเคารพยำเกรง
ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกอิจฉาและอยากได้ไม้บรรพจารย์สิบแปดผันที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่เป็นอันมาก ของวิเศษชิ้นนี้สุดยอดหาผู้ใดเทียมอย่างแน่นอน รับประกันได้ว่าไม่เป็นรองต่อศาสตราวุธเต๋าของจอมราชันเซียนหวังใดๆ ทั้งสิ้น อานุภาพของมันสุดจะจินตนาการได้ หากว่าได้ครอบครองของวิเศษชิ้นนี้ล่ะก็ รับรองว่าสามารถผงาดในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าใครก็ไม่กล้ามายุ่งกับตน