ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1833 สายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์

ตอนที่ 1833 สายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์

ตอนที่ 1833 สายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์
หลังจากได้ยินคำพูดของเผิงยวี่แล้ว หลี่ชิเย่ได้ทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “จอมเทพยังคงจดจำแต่ร้อยชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม ก็จะถือเอาเรื่องของร้อยชาติพันธุ์เป็นหน้าที่ของตน

หลี่ชิเย่ไม่ได้รู้สึกว่าศึกลอบโจมตีเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดคิดแล้ว เนื่องจากเรื่องลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นในแดนสิบมากเหลือเกิน เกิดขึ้นทุกยุคสมัย กระทั่งเกิดขึ้นหลาครั้ง หรือกว่าสิบครั้งในยุคสมัยเดียว

แม้ว่า เผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่านี้จะมีการลงนามในสัญญากับร้อยเผ่าพันธุ์ แต่ก็มีขัดแย้งและปะทะกันตลอด บนเส้นทางที่ก้าวไปยังจอมราชันเซียนหวังจะเป็นเวลาที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกันดุเดือดมากที่สุด

ทุกยุคสมัยล้วนแล้วแต่เคยปรากฎเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์โจมตีดาวรุ่งที่อยู่ต่างฝ่ายซึ่งกันและกันกับร้อยชาติพันธุ์ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ต้องการเห็นฝ่ายตรงข้ามกำเนิดจอมราชันเซียนหวังขึ้นมาใหม่

ต่อให้เผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์และร้อยชาติพันธุ์ไม่โจมตีซึ่งกันและกันแล้ว แต่ เมื่อการสืบทอดชะตาฟ้าถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว ก็จะมีจอมเทพหรือผู้ยิ่งใหญ่คนใดคนหนึ่งของตระกูลขุนนางโบราณแห่งใดแห่งหนึ่ง หรือสำนักใดสำนักหนึ่งก่อให้เกิดการลอบโจมตีกันขึ้นมา

แม้ว่าในแดนที่สิบจะมีชะตาฟ้าถึงเจ็ดสิบสองสาย แต่ว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทุกยุคสมัยจะปล่อยให้ชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายถูกสืบทอดไปได้จนหมดสิ้น

ถ้าหากว่าชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายถูกสืบทอดไปจนหมดแล้ว สิบสามทวีปอาจจะเข้าสู่ยุควิบากแห่งเต๋า เนื่องจากหากชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายถูกสืบทอดไปจนหมดล่ะก็ ก็จะดึงเอาพลังขมุกขมัวทั้งหมดออกจากสิบสามทวีป และสยบพลังของโลกในยุคดึกดำบรรพ์ของสิบสามทวีปเอาไว้ทั้งหมด

หากเป็นเช่นนี้จะทำให้ทั่วทั้งสอบสามทวีปตกอยู่ในยุคที่น่ากลัว ซึ่งส่งผลให้การฝึกของชนรุ่นหลังก้าวไปด้วยความยากลำบากยิ่ง และทำให้จอมราชันเซียนหวัง จอมเทพและเทพโบราณในอดีตได้รับผลกระทบสูงมาก โดยเฉพาะกล่าวสำหรับจอมเทพแล้ว หากชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายถูกสืบทอดไปจนหมด เช่นนั้นแล้ว พวกเขาอย่าหวังจะมีความก้าวหน้าในการฝึกยุคสมัยนี้อีกเลย อย่าหวังจะได้ทำอะไร พวกเขาจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบและสยบมากที่สุด

ด้วยเหตุนี้เอง ระดับจอมเทพไม่ต้องการเห็นชะตาฟ้าทั้งเจ็ดสิบสองสายถูกสืบทอดไปจนหมดมากที่สุด กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังแล้ว พวกเขาก็ไม่เห็นอยากจะเห็นสภาพเช่นนี้เหมือนกัน

ดังนั้น เมื่อไหร่ที่จำนวนชะตาฟ้าเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ก็จะมีผู้ยิ่งใหญ่ก่อศึกการโจมตีขึ้น เพื่อให้ชะตาฟ้าที่ยังคงเหลืออยู่ไม่ถูกใครสืบทอดไปได้อีก มีเพียงเช่นนี้ หลังจากหนึ่งหมื่นปีผ่านไป ชะตาฟ้าที่คงเหลืออยู่ก็จะสลายคืนสู่ฟ้าดินอีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้เอง ทุกยุคสมัยก็จะมีชะตาฟ้าหลงเหลืออยู่ และค่อยๆ กลายเป็นเหตุการณ์ปรกติเสียแล้ว

และส่งผลให้ดาวรุ่งที่มีโอกาสได้กลายเป็นจอมราชันเซียนหวังในทุกยุคสมัยต้องชิงลงมือก่อนก้าวหนึ่งเสมอ มิฉะนั้นล่ะก็ หากสืบทอดชะตาฟ้าช้าไป ดาวรุ่งคนหรือสองคนสุดท้ายที่จะสืบทอดชะตาฟ้ามีสิทธิ์ถูกโจมตีโดยผู้อาวุโสมากที่สุด

“ถูกต้อง” เผิงยวี่รู้สึกภูมิใจเมื่อได้ยินหลี่ชิเย่กล่าวชมบรรพบุรุษของตน และกล่าวว่า “ท่านบรรพบุรุษให้ความใส่ใจต่อเรื่องราวของร้ายชาติพันธุ์เสมอมา เขานึกึงร้อยชาติพันธุ์อยู่ตลอด เขาเคยสั่งสอนลูกหลานว่า หากร้อยชาติพันธุ์อ่อนแอ ตระกูลเผิงของพวกเราก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้”

“รังที่คว่ำลงไหนเลยจะมีไข่ที่สมบูรณ์ได้” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมา จอมเทพท่าซิงเป็นผู้ที่ผ่านศึกล่าราชันมาเขารับรู้อย่างลึกซึ้งถึงความเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมของร้อยชาติพันธุ์ ถ้าหากไม่มีรูปแบบในวันนี้ ก็จะไม่มีความเจริญรุ่งเรืองของร้อยชาติพันธุ์

“ไม่รู้ว่าท่านบรรพบุรุษเวลานี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว” เมื่อพูดถึงบรรพบุรุษของตนเองแล้ว เผิงยวี่ดูจะคุยมากขึ้นเหลือเกิน เขาถึงกับมีท่าทีที่สลดนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “นับตั้งแต่ศึกลอบโจมตีแล้วก็ไม่ได้มีข่าวคราวของท่านอีกเลย และท่านก็ไม่ได้ติดต่อกับทางตระกูลเลย”

ศึกษการลอบโจมตีในครั้งนั้น จอมเทพท่าซิงเป็นผู้รับผิดชอบด้านหนึ่งโดยลำพัง เรียกได้ว่ากล้าหาญยิ่งนัก ต่อมามีข่าวลือว่า จอมเทพท่าซิงได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่เบาจากการศึกในครั้งนี้ จะอย่างไรเสียตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังใช่จะยุ่งได้โดยง่ายดาย พวกมันคือสำนักที่มีห้าจอมราชัน ต่อให้จอมราชันของพวกเขาไม่ปรากฏตัวออกมาแล้ว สำพังจำนวนจอมเทพของพวกเขาเพียงพอจะทำให้ผู้คนต้องตกใจแล้ว

เผิงยวี่เป็นเพียงชนรุ่นหลังที่เป็นหลาน เขาไม่มีสิทธิ์รับรู้ถึงพิกัดตำแหน่งที่จอมเทพท่าซิงหลบซ่อนตัว และไม่มีสิทธิ์ที่จะไปติดต่อจอมเทพท่าซิงได้

ขณะที่มาถึงวันนี้ ตระกูลเผิงไม่เหมือนเช่นในอดีตอีกแล้ว รุ่นอาวุโสด้อยหลอ ส่งผลให้ตระกูลเผิงไม่สามารถติดต่อจอมเทพท่าซิงได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงให้ลูกหลานไปขอเฝ้าจอมเทพท่าซิงอีกเลย

เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง แม้ว่าวันเกิดของจอมเทพท่าซิงกำลังจะมาถึง ลูกหลานเฉกเช่นเผิงยวี่เหล่านี้ได้แต่อวยพรวันเกิดจากระยะห่างไกล ไม่สามารถจัดงานฉลองวันเกิดให้กับบรรพบุรุษของตนจริงๆ สักครั้ง

“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ บรรพบุรุษของเจ้ามีสายเลือดเก้ากระถางในครอบครอง เขาสามารถผ่านไปได้อยู่แล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสองสายเลือดโบราณ ความแข็งแกร่งของมันใช่ว่าเจ้าจะสามารถจินตนาการได้”

ในสิบสามทวีปเป็นโลกที่บ่งชี้ความแข็งแกร่งและอ่อนด้อยด้วยสายเลือด อาศัยสายเลือดตัดสินทุกอย่าง แน่นอน สายเลือดที่บ่งบอก ณ ที่ตรงนี้หมายถึงสี่ยอดสายเลือดเซียน แปดยอดสายเลือดโบราณ และสิบสองสายเลือดบรรพบุรุษ!

ในบรรดาสายเลือดนั้น ยิ่งสายเลือดมีความโบราณมากเท่าไรก็จะแข็งแกร่งมากเท่านั้น เนื่องจากสายเลือดยิ่งโบราณมากเท่าไรก็จะบ่งบอกถึงความดั้งเดิมของมัน และเข้าใกล้ลักษณะของฟ้าดินที่เริ่มบุกเบิก

ดังนั้น สายเลือดบรรพบุรุษมีความหมายคือ การหวนคืนสู่บรรพบุรุษ สายเลือดประเภทนี้สามารถไล่เรียงถึงยุคต้นกำเนิดของแต่ละชาติพันธุ์ สายเลือดโบราณ หมายถึงการเข้าถึงสายเลือดประเภทนี้สามารถไล่เรียงถึงยุคที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งที่เป็นยุคของเทพนิยาย สำหรับสายเลือดเซียนนั้นยิ่งมีความลึกลับมากกว่า ตามตำนานเล่าว่า ในยุคที่ดึกดำบรรพยิ่งเคยมีเซียนปรากฏ ดังนั้น จึงมีการถ่ายทอดสายเลือดเซียนสู่ชนรุ่นหลัง

“นั่นสิ สายเลือดเก้ากระถางของท่านบรรพบุรุษมีความแข็งแกร่งเสมอมา ฟังจากผู้อาวุโสของตระกูลเล่าว่า สายเลือดเก้ากระถางของท่านบรรพบุรุษมีความบริสุทธิ์ยิ่งนัก น่าเสียดายที่ไม่สามารถทะลุส่วนที่เป็นคอขวดได้ เพื่อกลายเป็นสายเลือดราชามนุษย์” เผิงยวี่กล่าวด้วยความรู้สึกที่อิจฉาอยู่บ้าง

บนโลกหล้ามีสี่ยอดสายเลือดเซียน แปดยอดสายเลือดโบราณ สิบสองสายเลือดบรรพบุรุษ โดยที่สายเลือดเหล่านี้แบ่งออกเป็นสี่สายใหญ่ๆ ซึ่งก็คือแทนสี่เผ่าพันธุ์ใหญ่ โดยสายแยกของสี่ยอดสายเลือดจะแทนเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร เผ่าเทพ และร้อยเผ่าพันธุ์ ซึ่งมีเผ่ามนุษย์เป็นตัวแทน

เหตุผลนั้นง่ายมาก สายเลือดเซียนของร้อยชาติพันธุ์ปรากฏขึ้นมาบนตัวของมนุษย์เป็นคนแรก แม้ว่าสายเลือดราชามนุษย์ถูกยกย่องให้เป็นสายเลือดของร้อยชาติพันธุ์ แต่ที่ถูกต้องมันคือสายเลือดของเผ่ามนุษย์ แน่นอนที่สุด ในบรรดาร้อยชาติพันธุ์อื่นๆ ก็เคยปรากฏสายเลือดราชามนุษย์เหมือนกัน

สายเลือดราชาคือหนึ่งในสี่ยอดสายเลือดเซียน และเป็นตัวแทนสายเลือดสูงสุดของร้อยชาติพันธุ์ ขณะที่สายเลือดเก้ากระถางของจอมเทพท่าซิงคือหนึ่งในสองสายเลือดโบราณที่อยู่ภายใต้สายเลือดราชามนุษย์

สายเลือดเก้ากระถางเป็นสายเลือดที่มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก เนื่องเพราะมีสายเลือดลักษณะเช่นนี้ จึงทำให้จอมเทพท่าซิงที่มีดวงตราสัญลักษณ์เก้าดวงที่ประสานเข้าด้วยกันดูจะองอาจห้าวหาญเป็นพิเศษ!

“โดยพื้นฐานแล้ว สายเลือดโบราณกลับกลายเป็นสายเลือดเซียนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ถ้าหกาสามารถกลายเป็นสายเลือดเซียนมิเย่เลยรึ นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมา มีผู้คนเท่าไรที่เคยพินิจพิเคราะห์มาก่อน ถ้าหากสายเลือดบรรพบุรุษกลายเป็นสายเลือดโบราณยังพอจะมีหวังอยู่นิดหนึ่ง สายเลือดโบราณกลายเป็นสายเลือดเซียน โดยพื้นฐานแล้วไม่ต้องไปคาดหวัง เพราะโดยพื้นฐานไม่สามารถทำได้สำเร็จ ต่อให้บริสุทธิ์กว่านี้ก็ทำไม่ได้”

สายเลือดแตกต่างจากคุณสมบัติกาย คุณสมบัติกายในเก้าแดนยังมีโอกาสเลื่อนให้สูงขึ้นได้ แต่ว่า ในแดนสิบ โอกาสที่สายเลือดสามารเลื่อนขึ้นมีอัตราส่วนที่ต่ำมากจนมองข้ามมันไปได้

เหมือนดั่งที่หลี่ชิเย่พูดเอาไว้ สายเลือดบรรพบุรุษกลายเป็นสายเลือดโบราณยังพอมีหวัง แต่สายเลือดโบราณกลายเป็นสายเลือดเซียนไม่ต้องไปคิด สายเลือดเซียนแทนความสูงสุด ความน่ากลัวของสายเลือดเซียนอยู่เหนือความคาดคิดของผู้คน เมื่อไรที่มีสายเลือดเซียนในครอบครองนับว่ายอมเยี่ยมมากแล้ว

“ได้ยินว่าบรรพบุรุษที่มีสายเลือดโบราณในครอบครอง หากเวลาผ่านไปนาน สายเลือดดังกล่าวมีโอกาสที่จะกำเนิดทายาทที่เป็นสายเลือดเซียนในระดับหนึ่ง” เผิงยวี่อดที่จะพูดออกมาเบาๆ ภายในใจบังเกิดความกระหายยากเล็กน้อย

บรรพบุรุษของพวกเขามีสายเลือดเก้ากระถาง แต่ลูกหลานของตระกูลเผิงกลับไม่มีใครได้สืบทอดสายเลือดเก้ากระถางของบรรพบุรุษพวกเขาสักคน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ตระกูลเผิงพวกเขารู้สึกเสียใจมากที่สุด จะอย่างไรเสียสายเลือดเก้ากระถางนั้นล้ำค่ายิ่งเหลือเกิน ลูกหลานตระกูลเผิงย่อมกระหายอยากให้สายเลือดนี้ได้สืบทอดต่อไป

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตระกูลเผิงของพวกเขาไม่สามารถกำเนิดทายาทรุ่นหลังที่มีสายเลือดเก้ากระถางสักคน แม้แต่สายเลือดที่หวนกลับคืนสู่บรรพบุรุษทั้งสามของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ไม่ได้ให้กำเนิดสักคน

สิ่งนี้ทำให้ตระกูลเผิงของพวกเขารู้สึกกระหายนิดๆ ก็คือ เล่าลือกันว่า เมื่อสายเลือดหนึ่งมีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานแล้ว มีโอกาสในระดับหนึ่งที่จะปรับสถานะให้สูงขึ้นได้

“มันมีโอกาสเช่นนี้จริง แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความแข็งแกร่งของสายเลือดของตน” สำหรับความกระหายน้อยๆ ของเผิงยวี่นั้น หลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มนิดหนึ่งและกล่าวว่า “ถ้าหากตนเองไม่มีสายเลือดที่แข็งแกร่งล่ะก็ มันจะเป็นไปไม่ได้ ยกตัวอย่างสายเลือดเก้ากระถางตระกูลเผิงของเจ้า…”

“…ถ้าหากต้องการจะยกระดับจากสายเลือดเก้ากระถางขึ้นเป็นสายเลือดราชามนุษย์ อย่างน้อยต้องผ่านการขัดเกลาจากสายเลือดของจอมราชันเซียนหวัง หรืออีกนัยหนึ่งว่า หลังจากที่ตระกูลเผิงของพวกเจ้าได้ให้กำเนิดเซียนหวังอย่างน้อยสามรุ่น อีกทั้งหนึ่งในนั้นมีเซียนหวัง หรือราชินีเซียนที่มีสายเลือดเก้ากระถาง หลังจากผ่านการขัดเกลาจากสายเลือดที่แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว เป็นความจริงที่มีโอกาสสายเลือดถูกยกระดับขึ้นเป็นสายเลือดราชามนุษย์ แต่ว่า อัตราส่วนนั้นมีน้อยจนไม่สามารถจินตนาการได้…”

เผิงยวี่ถึงกับยิ้มเจื่อนๆ เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ เรื่องเซียนหวังตระกูลเผิงของพวกเขาไม่กล้าจะกระหายอยากแล้ว หากสามารถทำให้ตระกูลเผิงของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองขึ้นก็นับว่าไม่เลวแล้วหละ

“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกลัดกลุ้ม มันเป็นเรื่องปรกติ” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “ความล้ำค่าของสายเลือดเซียนเป็นสิ่งที่สายสำนักราชันเซียนต้องการแต่ก็ไม่ได้มา สายสำนักราชันเซียนจำนวนเท่าไรที่เกี่ยวดองสมรสกันมารุนแล้วรุ่นเล่า และไปเทียบสายเลือดมารุ่นแล้วรุ่นเล่าก็ยากที่จะได้สายเลือดเซียน…”

“…แน่นอน สายสำนักราชันเซียนยังมีโอกาสปรากฎสายเลือดเซียนมากกว่าตระกูลขุนนางโบราณเสียอีก ยิ่งสายเลือดมีความแข็งแกร่งมากเท่าไร โอกาสปรากฎสายเลือดเซียนก็จะยิ่งสูง” หลี่ชิเย่ได้กล่าวต่อว่า “นี่เป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร และเผ่าเทพสามเผ่าจึงได้สายเลือดเซียนก่อนร้อยชาติพันธุ์ของพวกเรา เนื่องจากพวกเขาแข็งแกร่งกว่าพวกเราตั้งแต่แรก สายเลือดของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าพวกเราตั้งแต่แรก…”

“…ภายหลัง ร้อยชาติพันธุ์ได้แข็งแกร่งขึ้นช้าๆ สายเลือดก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งท้ายที่สุด ก็ได้กำเนิดสายเลือดราชามนุษย์ที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์พวกเราเป็นองค์แรก และเป็นการถือกำเนิดเซียนหวังที่ไม่ได้มีชะตาฟ้าสิบสองสายกลับสามารถช่วงชิงความเป็นหนึ่งกับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายได้ เขาคือราชามนุษย์ลิ่วเต้า!”

เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับทอดถอนใจทีหนึ่ง ความจริงแล้ว การวิวัฒนาการของสี่ยอดสายเลือดก็เป็นการแทนการวิวัฒนาการของสี่เผ่าพันธุ์ มีเพียงเผ่าพันธุ์ของตนยิ่งแข็งแกร่งเท่าไร สายเลือดของเผ่าพันธุ์ตนเองจึงจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น มิธะนั้นแล้วผลจำตรงกันข้าม

“เรื่องนี้ก็ถูก” เผิงยวี่ก็ยอมรับว่าการที่ตระกูลเผิงพวกเขาคาดหวังปรากฏสายเลือดเซียนนั้น เป็นเพียงความเพ้อฝันเท่านั้น เขายิ้มเจื่อนๆ และกล่าวว่า “ผู้เม่าภายในตระกูลคาดหวังว่าสามารถให้กำเนิดผู้ที่มีสายเลือดเก้ากระถางสักคนหนึ่ง อย่างน้องที่สุดทำให้สำนักมีโอกาสสืบทอดต่อไปได้”

“ขอเพียงลูกหลานรุ่นหลังของตระกูลเผิงสามารถสืบทอดต่อไปยังคงมีโอกาส” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “เรืองของสายเลือดได้แต่เป็นไปตามวาสนา สำคัญที่สุดตัวเองจะต้องแข็งแกร่ง ขอเพียงตัวเองมีความแข็งแกร่งแล้ว สายเลือดขอองลูกหลานที่เป็นทายาทรุ่นหลังก็จะแข็งแกร่งตาม”

……………………………………………………………………………………..

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท