ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1837 ข่มขวัญ

ตอนที่ 1837 ข่มขวัญ

ตอนที่ 1837 ข่มขวัญ
พลันที่กษัตริย์เทียนหวงพูดคำๆ นี้ออกมา บรรดาแขกที่อยู่ในงานต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ คำพูดคำนี้ของกษัตริย์เทียนหวงหาใช่เพียงแค่ยกตนข่มท่านเท่านั้น ทั้งหมดเป็นการไม่ให้เกียรติตระกูลเผิงอย่างสิ้นเชิง

เป็นที่ทราบว่า วันนี้คืองานเลี้ยงฉลองวันเกิดของจอมเทพท่าซิง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเผิง ในฐานะที่เป็นแขกมาอวยพรวันเกิด ไม่ว่าจะมีบุญคุณความแค้นเพียงใดก็ตาม การก่อเรื่องขึ้นท่ามกลางงานเลี้ยง กระทั่งสังหารผู้คน คือพฤติกรรมที่ทำลายงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของตระกูลเผิงโดยตรง ไม่เพียงเป็นการตบหน้าตระกูลเผิงเท่านั้น เป็นการไม่ให้เกียรติแก่จอมเทพท่าซิงอีกด้วย

คำพูดของกษัตริย์เทียนหวงทำให้บรรดาแขกที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ถึงกับส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจลับๆ ออกมา ผลงานที่จอมเทพท่าซิงได้มอบให้กับร้อยชาติพันธุ์นั้นเป็นที่ประจักษ์ของทุกคน ไม่ว่าตระกูลเผิงจะเสื่อมลงหรือไม่ จอมเทพท่าคงยังคงสมควรที่บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของร้อยชาติพันธุ์ได้ให้ความเคารพ เวลานี้ กษัตริย์เทียนหวงกลับต้องการอาละวาดกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิด เป็นการไม่เห็นจอมเทพท่าซิงอยู่ในสายตา และไม่เห็นร้อยชาติพันธุ์อยู่ในสายตาอีกด้วย

“พูดเช่นนี้ แสดงว่าข้าสมควรที่รับการชี้แนะจากสุดยอดเคล็ดราชันของแคว้นหงส์ฟ้าใช่หรือไม่หละ?” เมื่อกษัตริย์เทียนหวงไม่ให้เกียรติเช่นนี้ เผิงเย่จึงเริ่มไม่เกรงใจ เขาลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาทั้งสองปรากฏประกายสายฟ้าที่แลบแปลบๆ ออกมา

แม้ว่าเป็นความจริงที่แคว้นหงส์ฟ้านั้นมีความเข้มแข็งยิ่งนัก กษัตริย์เทียนหวงเป็นพ่อตาของจินเก๋อ ซึ่งเป็นที่หวาดหวั่นของผู้คนโดยแท้จริง แต่ว่า หากกษัตริย์เทียนหวงต้องการทำลายงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของตระกูลเผิงล่ะก็ ไม่ว่าจะอย่างไรตระกูลเผิงของพวกเขาก็ไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้เอาไว้ได้

บรรพบุรุษเผิง เรื่องนี้ท่านต้องคิดให้รอบคอบ แม้ว่าท่านจะแข็งแกร่งมากกว่าข้า แต่ ข้าก็ใช่ว่าตระกูลเผิงของท่านจะมายุ่งได้โดยง่าย! ที่ข้ามาอวยพรวันเกิดในวันนี้ นับว่าได้พกพาความจริงใจยิ่งมาด้วยแล้ว” เวลานี้ กษัตริย์เทียนหวงหัวเราะเย็นชา กล่าวน่าครั่นคร้ามออกมาว่า “จอมเทพท่าซิงของตระกูลเผิงเข้าร่วมโจมตีลูกเขยของข้าในครั้งนั้น ถือว่าเป็นการประกาศศึกกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังแล้ว…”

“…หากไม่เป็นเพราะลูกเขยข้ามีน้ำใจโอบอ้อมอารี ไม่ได้ส่งกำลังเหยียบตระกูลเผิงให้ราบเป็นหน้ากลอง ตระกูลเผิงของพวกเจ้าคงไม่หลงเหลือให้เห็นแล้ว! มาวันนี้ ตระกูลเผิงของท่านยังหาญกล้าปกป้องคนร้ายที่สังหารลูกชายของข้า เป็นความผิดมหันต์ที่ไม่อาจให้อภัย! วันนี้หากตระกูลเผิงไม่ส่งมอบคนร้ายฆ่าคนออกมา ไปขอขมาและยอมรับความผิดต่อลูกเขยของข้า ยกพื้นที่ให้เป็นการชดใช้ มิฉะนั้นล่ะก็ ลูกสาวข้าจะต้องส่งกำลังโจมตีตระกูลเผิงแน่ ในมือลูกสาวข้ามีกำลังเป็นล้าน ระดับจอมเทพกว่าสิบคน ด้านหลังยังมีบรรดาราชันสวรรค์ของจ้านหวังคอยสนับสนุน ตระกูลเผิงพวกท่านก็ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน!”

ขณะที่กษัตริย์เทียนหวงพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ท่าทีของเขาเรียกว่าเย็นชาและข่มเหงผู้คนเหลือเกิน เป็นการหักหน้ากันอย่างเปิดเผยโดยไม่เห็นแก่หน้าอีกแล้ว

บรรดาแขกที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างใจหายใจคว่ำเมื่อกษัตริย์เทียนหวงพูดคำๆ นี้ออกมา ทุกคนต่างรู้สึกสะท้านภายในใจ นี้เป็นการหักหน้าอย่างเปิดเผยชัดๆ โดยสิ้นเชิง

กษัตริย์เทียนหวงถึงกับต้องการให้ตระกูลเผิงไปขอขมาและยอมรับผิดต่อจินเก๋อกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของจอมเทพท่าซิง ทั้งยังต้องยกพื้นที่บางส่วนเป็นการชดใช้ นี่หาใช่แค่เป็นการตบหน้าตระกูลเผิงเท่านั้น มันคือการยกเท้าเหยียบลงบนใบหน้าของตระกูลเผิงชัดๆ

คำพูดของกษัตริย์เทียนหวงสร้างความรู้สึกไม่เป็นธรรมในใจขึ้นกับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของร้อยชาติพันธุ์ แต่ว่าก็รู้สึกสะท้านภายในใจ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ และไม่กล้าเสนอหน้าออกมาพูดสักคำ

พลันที่กษัตริย์เทียนหวงพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมา ไม่ว่าใครก็ต้องประเมินตัวเองกับผลของการไปยั่วยุเขา ในมือของลูกสาวมีกองทัพนับล้าน มีจอมเทพจำนวนไม่น้อยที่ทำงานให้กับนาง แล้วยังมีบรรดาราชันสวรรค์ของจ้านหวังคอยให้การสนับสนุน นั่นย่อมบ่งบอกว่าองค์หญิงเทียนหวงจะต้องไร้เทียมทาน และปราศจากผู้ต่อกรแน่นอน ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าไปยุ่งกับนาง!

พลันที่กษัตริย์เทียนหวงพูดคำนี้ออกมาทุกคนต่างเข้าใจได้ว่า หลังจากที่จินเก๋อต้องเสียเปรียบในครั้งนั้นแล้ว ในที่สุดก็ได้งัดเอาผู้หนุนหลังออกมาแล้ว การสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งนี้ เขาจะต้องทำสำเร็จให้จงได้

ความจริงแล้ว ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างไม่รู้ว่า นี่เป็นการคุยโวของกษัตริย์เทียนหวงเท่านั้น เขาเพียงแต่ทำเหมือนเป็นจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือเท่านั้น

ถูกต้อง ในมือขององค์หญิงเทียนหวงมีกองทัพนับแสนจริง กระทั่งจอมเทพบางส่วนของตระกูลขุนนางโบราณก็อยู่ภายใต้การกำกับสั่งการขององค์หญิงเทียนหวง อีกทั้งจินเก๋อเองก็พยายามให้ได้มาซึ่งการสนับสนุนของจอมราชัน

แต่ว่า องค์หญิงเทียนหวงไม่ได้บอกว่าต้องการให้ตระกูลเผิงมาขอขมาและยอมรับผิด ตรงกันข้าม ในขณะนี้องค์หญิงเทียนหวงพยายามให้ทำตัวค่อมต่ำ รักษากองกำลังเอาไว้ บำรุงและสั่งสมกำลังให้พร้อม ทุ่มเทสรรพกำลังและทรัพยากรทั้งหมดอยู่กับจินเก๋อซึ่งเป็นสามีของนางเพื่อการสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งต่อไป

เนื่องจากองค์หญิงเทียนหวงเป็นกังวลว่าการสืบทอดชะตาฟ้าครั้งที่สองของจินเก๋อจะต้องประสบกับการโจมตีของร้อยชาติพันธุ์อีกครั้ง ดังนั้น นางต้องการความมั่นใจว่าสามารถรับประกันได้ว่าสามารถสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งที่สองได้ลุล่วง เพื่อรักษากองกำลังเอาไว้ นางจะไม่ยอมสูญเสียกำลังพลแม้แต่รายเดียวโดยเปล่าประโยชน์!

เพื่อให้การสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งที่สองสามารถสำเร็จได้อย่างราบรื่น องค์หญิงเทียนหวงถึงกับเคยแสดงความเป็นมิตรกับตระกูลราชันฉีหลิน หลงเฉิง หุบเขาตะวันรอนที่เป็นสายสำนักราชันเซียนของร้อยชาติพันธุ์ มีท่าทีต้องการเป็นพันธมิตรต่อกัน

แต่ว่า กษัตริย์เทียนหวงกลับไม่คิดเช่นนี้ เขาเข้าใจไปเองว่า ในมือของลูกสาวมีกองทัพไพร่พลนับล้าน มีจอมเทพให้สั่งการใช้งานได้ ยิ่งกว่านั้นยังได้รับการสนับสนุนจากจอมราชันเซียนหวัง จึงทำให้กษัตริย์เทียนหวงถึงกับมีความมั่นใจในตนเองที่เปี่ยมล้น ขอเพียงลูกสาวมีอำนาจอยู่ในมือ กล้าหาญกล้าขวางทางของเขา

มาครั้งนี้ เดิมทีเข้าต้องการมาหาองค์หญิงเทียนหวงให้ล้างแค้นแทนรัชทายาทเทียนหวง แต่กลับถูกองค์หญิงเทียนหวงปฏิเสธ กระทั่งยังเตือนให้เขาใจเย็นอาไว้

แต่กษัตริย์เทียนหวงฟังไม่เข้าหูกับคำพูดขององค์หญิงเทียนหวง เขาคิดอยู่อย่างเดียวคือต้องการแก้แค้นให้กับลูกชายของตนที่ตายไป

เร็วๆ นี้ เขาได้ข่าวว่าหลี่ชิเย่อาศัยอยู่ที่ตระกูลราชันฉีหลิน เขาจึงมีความมั่นใจยิ่งขึ้นว่าการตายของลูกชายตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลราชันฉีหลินอย่างแน่นอน แต่ อาศัยกำลังของเขาเพียงคนเดียวไม่สามารถทำอะไรหลี่ชิเย่ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของตระกูลราชันฉีหลิน

ดังนั้น เขาจึงได้แอบไปดึงผู้ที่จะมาร่วมเป็นพันธมิตร โดยอาศัยชื่อของบุตรีตน หวังจะจัดตั้งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งมากดดันต่อตระกูลราชันฉีหลิน

การมาเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรครั้งนี้ของกษัตริย์เทียนหวงก็เพื่อตต้องการคบหาตระกูลขุนนางโบราณหลายๆ ตระกูลที่อยู่ในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร แล้วดึงเอาตัวจอมเทพต่างๆ เข้ามาสังกัดกับฝั่งของตน

เขาไม่นึกเลยว่า จะได้พบกับหลี่ชิเย่ที่ตระกูลเผิง พลันทำให้กษัตริย์เทียนหวงบังเกิดปณิธานการฆ่าขึ้นมา เมื่อปราศจากตระกูลราชันฉีหลินคอยคุ้มครอง เขาจะต้องฆ่าเจ้าคนร้ายที่ฆ่าลูกชายของตนให้ได้ ภายในใจของเขาถึงกับบังเกิดความโลภขึ้นมา อาศัยชื่อของลูกเขยตนฮุบเอาทรัพย์สินของตระกูลเผิง!

การที่กษัตริย์เทียนหวงแสดงออกด้วยการหักหน้ากันโดยตรง พลันทำให้ใบหน้าของเผิงเย่มีสีหน้าที่ดูไม่จืดถึงขึดสุด คำพูดในลักษณะเช่นนี้เป็นใครก็ยอมรับไม่ได้ ถึงกับพูดออกมาตรงๆ ว่าต้องการให้ตระกูลเผิงของพวกเขายกพื้นที่ให้เพื่อแลกกับการสงบศึก ท่ามกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของบรรพบุรุษ ต่อให้ไม่มีเรื่องของหลี่ชิเย่ เผิงเย่ก็ไม่สามารถรับกับสิ่งนี้ได้

“กษัตริย์เทียนหวงคำพูดของท่านเกินไปแล้วนะ!” เผิงยวี่เองก็บันดาลโทสะเต็มที่ สีหน้าของเขาแดงก่ำ จ้องมองกษัตริย์เทียนหวงด้วยความโกรธ

ความจริงแล้ว บรรดาผู้บำเพ็ญตนจำนวนหนึ่งที่มาจากร้อยชาติพันธุ์ก็ไม่พอใจ และรู้สึกว่ากษัตริย์เทียนหวงทำเกินไป แต่เมื่อมีการเอ่ยถึงตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง และจินเก๋อแล้ว ทุกคนก็ต้องจนด้วยเกล้า ในชิงโจวเกรงว่าคงไม่มีใครสามารถสั่นคลอนต่อตระกูลขุนนางโบราณ และจินเก๋อแล้วหละ

“พี่เผิงพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก” ในเวลานี้ ตงกงเจิ้งยิ้มกล่าวด้วยท่าทีน่าครั่นคร้ามว่า “กษัตราท่านก็นับว่าหวังดีให้โอกาสแก่ตระกูลเผิงพวกเจ้า ถ้าหากใต้เท้าจินเก๋อนำกองทัพมาถึงล่ะก็ เกรงว่าตระกูลเผิงพวกเจ้าไม่เหลือแม้แต่ตารางนิ้วเดียว หากสามารถเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร การเฉือนพื้นที่บางส่วนเพื่อสงบศึก นับว่าเป็นทางออกที่ดี”

“ไร้สาระสิ้นดี” เวลานี้เผิงยวี่ก็ไม่สามารถอดกลั้นเพลิงโกรธในใจเอาไว้อีกต่อไป ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยุติเหตุการณ์ที่เป็นบุญคุณความแค้นท่ามกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิดเอาไว้ แต่ว่า เวลานี้เขาไม่สามารถรับกับความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาส่วนรวมเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะเกี่ยวพันถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของตระกูลเผิง หากยอมแม้กระทั่งยอมเฉือนพื้นที่เพื่อสงบศึกท่ามกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของบรรพบุรุษของตนได้ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วตระกูลเผิงม้วนเสื่อไสหัวออกไปเถอะ ไสหัวไปจากเมืองสวรรค์นอกอาณาจักรโดยตรงก็แล้วกัน

“เผิงยวี่ อย่าทำเป็นไม่รู้จักกาลเทศะ ให้เกียรติแล้วไม่รับ! “ เวลานี้ สีหน้าของตงกงเจิ้งพลันเย็นชา เรียกชื่อของเผิงยวี่ออกมาตรงๆ กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “อย่านึกว่าตระกูลเผิงพวกเจ้ายิ่งใหญ่ ตระกูลเผิงพวกเจ้าได้รับการเคารพนับถือจากร้อยชาติพันธุ์ มันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว ตระกูลเผิงพวกเจ้าในวันนี้คือบุปผาที่ร่วงโรย คือพระอาทิตย์อัสดงแล้ว…”

“…จอมเทพท่าซิงผู้ที่คอยหนุนหลังตระกูลเผิงเพียงหนึ่งเดียวได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถปรากฏตัวออกมาได้อีกแล้ว ต่อให้จอมเทพท่าซิงสามารถปรากฏตัวออกมาแล้วไง ล่วงเกินตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังก็มีแต่ตายสถานเดียว! ฮึ ขอเพียงใต้เท้าจินเก๋อยกกำลังโจมตีตระกูลเผิงพวกเจ้า ตระกูลขุนนางโบราณตงกงพวกเราจะให้การสนับสนุนเป็นคนแรก เจ้าอย่าได้นึกว่าตระกูลเผิงพวกเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด เวลานี้ใครก็ช่วยอะไรตระกูลเผิงพวกเจ้าไม่ได้!”

ในขณะนี้ ตงกงเจิ้งก็พูดจากหักหน้าขึ้นมาเช่นกัน เดิมทีตระกูลขุนนางโบราณของพวกเขาก็ต้องการอาศัยงานเลี้ยงวันเกิดคราวนี้สืบดูสภาพของตระกูลเผิง โดยตงกงเจิ้งเสนอตัวมาทำงานนี้เอง

สีหน้าของเผิงยวี่กลับกลายเป็นดำคล้ำ เมื่อตงกงเจิ้งพูดออกมาเช่นนี้ ตัวของเผิงเย่เองก็มีสีหน้าที่ดูไม่ได้เช่นกัน ดวงตาทั้งสองของเขาพลันดูน่ากลัวขึ้นในทันที ถ้าหากเขาไม่ใช่ระดับผู้อาวุโสล่ะก็ คงลงมือสังหารตงกงเจิ้งไปแล้ว

เผิงยวี่ถูกคำพูดลักษณะเช่นนี้ของตงกงเจิ้งยั่วโมโหจนโกรธถึงขีดสุด เห็นหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง!

“ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังนับเป็นตัวอะไร” ขณะที่คนถ่อยอย่างตงกงเจิ้งกำลังได้ใจอยู่นั้น ปรากฏเสียงที่เอ้อระเหยดังขึ้นมา

ทุกคนหันมองไปตามเสียง ปรากฏว่าเจ้าของเสียงก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง ในเวลานี้เขายังคงมีท่าทีที่เอ้อระเหยจิบสุราเลิศรส และทานอาหารชั้นเลิศอยู่ตรงนั้น

ขณะที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมานั้น เขาเพิ่งจะหั่นเนื้อชิ้นหนึ่งด้วยท่วงท่าที่สง่างาม กำลังส่งเข้าปากเคี้ยวกินอย่างช้าๆ ท่าทางในเวลานี้ของเขาช่างเอ้อระเหยอิสระเสรีเหลือเกิน กำลังเสพสุขเพลินไปกับมื้อนี้อยู่

ขณะที่ตระกูลเผิงกำลังมีท่าทีตาต่อตาฟันต่อฟันกับกษัตริย์เทียนหวงอยู่นั้น ทุกคนลืมไปสนิทว่ายัมีหลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บริเวณมุมห้องอย่างเงียบๆ อีกคน เวลานี้เมื่อหลี่ชิเย่ปริปากพูดขึ้นมา ทุกคนจึงนึกขึ้นได้ว่า หลี่ชิเย่นั่นแหละคือโจทย์ที่แท้จริง

“วาจาสามหาวมาก!” ตงกงเจิ้งส่งเสียงฮึออกมาเย็นชาเมื่อถูกหลี่ชิเย่พูดแทรกขึ้นมาเช่นนี้ กล่าวน่าครั่นคร้ามขึ้นมาว่า “เจ้าหนูที่ไม่รู้จักคำว่าตาย เจ้ารู้หรือไม่ว่าตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังบ่งบอกถึงสิ่งใดหรือไม่? ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังคือหนึ่งสำนักห้าราชัน เป็นผู้นำของชิงโจว หากตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังจะสังหารเจ้าก็เหมือนบี้มดให้ตายตัวหนึ่งอย่างนั้น!”

บรรดาผู้บำเพ็ญตนร้อยชาติพันธุ์ที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจลับๆ กับคำพูดของตงกงเจิ้ง ชิงโจวคือถิ่นของร้อยชาติพันธุ์ ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังจากเผ่าสวรรค์มาเป็นผู้นำของชิงโจวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!

“หนึ่งสำนักห้าราชันแค่จิ๊บๆ เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ในเวลานี้ได้เช็ดปากด้วยท่าทีที่สง่างาม จากนั้นก็เช็ดมือทั้งสอง ยังคงกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “อยู่ต่อหน้าข้า ตระกูลเฉี่ยนที่หนึ่งสำนักเก้าราชัน แล้วยังครอบครองตำราสวรรค์นั่น ยังพอจะพูดคำพูดที่แข็งกร้าวได้บ้าง ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังที่มีหนึ่งสำนักห้าราชัน มันก็แค่ขยะเท่านั้นเอง!”

ตั้งแต่ต้นจนจบ หลี่ชิเย่ไม่ได้มองหน้าตงกงเจิ้งกับกษัตริย์เทียนหวงมากกว่าครั้ง ท่าทีอิสระสบายๆ

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับงงงันอย่างสิ้นเชิง ความแข็งแกร่งของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังไร้ข้อกังขา ต่อให้ตั้งอยู่ในชิงโจว ซึ่งเป็นถิ่นของร้อยชาติพันธุ์ ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังยังคงมีชื่อเสียงที่โด่งดัง ด้วยกำลังที่ยากจะหาใดเทียม ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนฐานะของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังในชิงโจวได้ หาไม่แล้ว ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังคงไม่สืบทอดต่อมาจนถึงทุกวันนี้ได้แล้ว

……………………………………………………..

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท