ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1852 มองไกล

ตอนที่ 1852 มองไกล

ตอนที่ 1852 มองไกล
ยายเฒ่าถึงกับสะท้านภายในใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ขององค์หญิงเทียนหวง ถึงกับเหงื่อไหลรินออกมา ก้มกราบขอรับพระอาญา “ฝ่าบาทโปรดลงพระอาญา เป็นข้าที่มองตื้นและความรู้ต่ำต้อย คิดแต่จะแก้แค้นให้กับพระองค์ท่าน”

องค์หญิงเทียนหวงทอดถอนใจออกมาเบาๆ ขณะจ้องมองยายเฒ่า และกล่าวว่า “ลุกขึ้นเถอะ ท่านติดตามข้ามานาน คิดอยากจะล้างแค้นให้กับเสด็จพ่อของข้าก็เป็นเรื่องปรกติ”

ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว องค์หญิงเทียนหวงมองออกไปด้านนอกแล้วถึงกับสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ท่าทีดูจะจนด้วยเกล้าอยู่บ้าง กล่าวว่า “ข้าแค้นใจนักที่ไม่สามารถแก้แค้นให้กับเสด็จพ่อและน้องชายที่ตายไป!”

“ขอเพียงท่านเขยสามารถกลายเป็นจอมราชัน ทุกอย่างก็จะแก้ไขได้ทันที” ยายเฒ่าเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ก็คงทำได้เท่านี้ หากท่านพี่ไม่สามารถกลายเป็นจอมราชันได้ ทุกอย่างก็เหนื่อยเปล่า ชื่อเสียงลาภยศ อำนาจล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเมฆหมอกที่จางหายไป หากถึงวันนั้นจริงๆ เกรงว่าแคว้นหงส์ฟ้าก็ต้องได้รับเคราะห์กรรมตามไปด้วย” องค์หญิงเทียนหวงจ้องมองยายเฒ่าด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง

คำพูดขององค์หญิงเทียนหวงทำให้ยายเฒ่าหนาวสะท้านในใจ ก่อนหน้านั้นนางถูกความแค้นบังตา หลังจากได้ฟังคำขององค์หญิงเทียนหวงแล้ว เหมือนได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง เหมือนดั่งที่องค์หญิงเทียนหวงได้พูดเอาไว้อย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นพวกนาง หรือเป็นแคว้นหงส์ฟ้าของพวกเขา ฐานะของพวกเขาได้รับการยกระดับสูงขึ้นมากหลังจากการเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง มิฉะนั้นล่ะก็ อาศัยแคว้นหงส์ฟ้าที่เป็นหนึ่งสำนักหนึ่งเซียนหวังของพวกเขา ย่อมยากที่จะพูดคุยกับหนึ่งสำนักสองราชัน หรือหนึ่งสำนักสามราชันได้อยู่แล้ว

แต่ อำนาจ ฐานะ เกียรติยศทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการต่อสู้ด้วยตัวของพวกเขาเอง แต่เป็นการสร้างอยู่บนตัวของจินเก๋อ ถ้าหากจินเก๋อไม่สามารถเป็นจอมราชันได้ เมื่อถึงวันนั้น เกรงว่าแคว้นหงส์ฟ้าของพวกเขาจะต้องได้รับผลกระทบ กระทั่งอาจเป็นไปได้ว่าจะได้รับการคิดบัญชีจากภายในของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังเอง!

“ท่านเขยจะต้องเป็นจอมราชันให้ได้” ยายเฒ่าก็เข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้ นาทีนี้นางเองก็มองทะลุปรุโปร่ง การเป็นจอมราชันของจินเก๋อสำคัญยิ่งกว่าการแก้แค้น มิฉะนั้นล่ะก็ช้าหรือเร็วพวกเขาก็ต้องถูกเฉดหัวออกจากสำนักแน่!

“ถูกต้อง” ท่าทีขององค์หญิงเทียนหวงดูหนักแน่นจริงจัง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “การสืบทอดชะตาฟ้าของท่านพี่ในครั้งนี้ จะไม่อนุญาตให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาอย่างเด็ดขาด ไม่เพียงแต่ข้าไม่ยอม ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังเองก็ไม่ยอมเช่นกัน กำลังที่อยู่ในมือของข้า เว้นแต่ทำเพื่อการสืบทอดชะตาฟ้าของท่านพี่แล้ว จะไม่มีการใช้กำลังทหารแม้แต่คนเดียวกับเรื่องอื่นๆ อย่างเด็ดขาด

การตัดสินใจขององค์หญิงเทียนหวงมีความเด็ดขาดมาก ต่อให้เทียบน้ำหนักระหว่างแค้นที่ฆ่าบิดาแล้ว นางก็จะถือเอาการขึ้นดำรงตำแหน่งจอมราชันของจินเก๋อเป็นอันดับหนึ่ง!

“ข้าจะให้การสนับสนุนฝ่าบาทอย่างเต็มที่” ยายเฒ่ารีบกล่าวขึ้น

องค์หญิงเทียนหวงพยักหน้า และกล่าวว่า “แม่นม ท่านเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีฐานะและคำพูดของท่านมีน้ำหนักในราชสำนัก ดังนั้น เวลานี้ข้าต้องการให้ท่านกลับไปที่แคว้นหงส์ฟ้าไปควบคุมสถานการณ์ กษัตริย์เพิ่งจะสวรรคต ราชสำนักจะต้องลงความเห็นแก้แค้นให้กับเสด็จพ่อ ดังนั้น ข้าต้องการให้แม่นมควบคุมสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้ ข้าไม่ต้องการให้พวกเขาก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมามากมายก่อนที่ท่านพี่จะได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจอมราชัน!

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะต้องช่วยองค์หญิงกวาดล้างสิ่งกีดขวางให้สิ้น” ยายเฒ่ากล่าวหนักแน่น

“กลับไปเตือนบรรดาอ๋อง และน้องๆ ทั้งหลาย ห้ามพวกเขาเคลื่อนกำลังทหารโดยพลการ หากไม่ได้รับการอนุญาตจากข้าแล้วใครก็ห้ามไปหาเรื่องหลี่ชิเย่ ยิ่งไม่อนุญาตไปแก้แค้นตระกูลเผิง!”

องค์หญิงเทียนหวงกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “การที่หลี่ชิเย่กล้าทำอำนาจบาตรใหญ่ในเขตฉีหลิน ทั้งที่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร แต่ยังคงกล้าสังหารเสด็จพ่อและน้องชาย เป็นการบ่งบอกว่าเขามีความมั่นใจอย่างเพียงพอ! ใครไปแหย่เขาอีกเท่ากับเป็นการสร้างปัญหาให้กับข้า! ยังมี ห้ามใครไปที่บ้านตระกูลเผิงทั้งนั้น! จอมเทพท่าซิงกลับคืนสู่โลกปัจจุบันแล้ว ใครไปก็เท่ากับไปรนหาที่ตาย อีกอย่าง จอมเทพท่าซิงสร้างผลงานคุณูปการให้กับร้อยชาติพันธุ์เป็นอันมาก เขามีผลกระทบสูงมากในร้อยชาติพันธุ์…”

“…ตระกูลขุนนางโบราณเทียนหวงก็เป็นส่วนหนึ่งของร้อยชาติพันธุ์ แม้ว่าจะใกล้ชิดกับเผ่าสวรรค์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะต้องยืนอยู่ในฐานะเป็นปฏิปักษ์กับร้อยชาติพันธุ์! เวลานี้ จอมเทพท่าซิงดูแลตระกูลเผิง ใครไปหาเรื่องตระกูลเผิงก็คือเป็นศัตรูกับร้อยชาติพันธุ์! ดังนั้น ในราชสำนักใครผู้ใดกล้าไปหาเรื่องตระกูลเผิงก็อย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่หน้า ถึงเวลานั้นไม่จำเป็นต้องรอให้จอมเทพท่าซิงสังหารเขา ข้านี่แหละจะเป็นผู้สังหารเขาด้วยมือของข้าเอง!”

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว องค์หญิงเทียนหวงมีทีท่าที่หนักแน่นจริงจังเหมือนเป็นการสั่งการอย่างเด็ดขาดแล้ว ทั้งที่ดูจะเป็นการพูดไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง

“ข้าจะปฏิบัติตามรับสั่งของฝ่าบาท เจ้าสารเลวน้อยตัวไหนกล้าเพิกเฉยต่อคำสั่งของฝ่าบาท ข้าก็จัดการเด็ดหัวของเขาออกมา” ยายเฒ่าติดตามองค์หญิงเทียนหวงมานาน รู้ว่าคำสั่งเด็ดขาดขององค์หญิงเทียนหวงหมายถึงสิ่งใด หากใครกล้าฝ่าฝืน ไม่ว่าจะเป็นใครนางก็ไม่เห็นแก่หน้าทั้งนั้น

“ไปเถอะ ข้าหวังว่าแคว้นหงส์ฟ้าสามารถสงบสุขปราศจากเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้น อย่าได้หาเรื่องให้กับข้าอีก! ก่อนที่ท่านพี่จะได้เป็นจอมราชัน ใครก่อเรื่องก่อราวขึ้นมาล่ะก็ อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยมไร้ความปราณี! ขณะเดียวกันช่วยเตือนทุกคนในราชสำนัก อย่านึกว่าจะอาศัยตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังมาคอยหนุนหลัง แล้วสามารถออกไปทำเป็นจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือ ใช้อำนาจบาตรใหญ่! ถ้าหากให้ข่าวนี้เข้าหูข้าล่ะก็ ข้าจะสังหารเขากับมือของข้าเอง!” ท่าทีขององค์หญิงเทียนหวงในเวลานี้เย็นยะเยือก

ความจริงแล้ว องค์หญิงเทียนหวงล่วงรู้พฤติกรรมของบิดาและน้องชายของตนที่ไปก่อเอาไว้ข้างนอกอย่างชัดเจน นางเข้าใจเป็นอย่างดีที่น้องชายและบิดาของตนอาศัยการเกี่ยวดองสมรสกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง แล้วไปวางอำนาจบาตรใหญ่ ทำตัวเป็นจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือ เพียงแต่คนหนึ่งคือน้องชายที่นางรักแบบลุ่มหลงมาตั้งแต่เด็ก อีกคนเป็นบิดาของตน องค์หญิงเทียนหวงไม่สามารถลงโทษพวกเขาเท่านั้นเอง

เวลานี้กลับแตกต่างกันแล้ว ในขณะนี้องค์หญิงเทียนหวง สามารถทำได้เต็มที่ ทำให้นางสามารถสั่งการด้วยคำสั่งเด็ดขาดเพื่อบรรลุตามปณิธานของตนได้แล้ว!

ตระกูลเผิงนั้นคึกครื้นอย่างยิ่งในขณะนี้ กระทั่งเรียกได้ว่าเดือดพล่านขึ้นมาในทันทีก็ว่าได้ ในเวลานี้ ตระกูลเผิงใช่เพียงแค่ประดับโคมไฟเท่านั้น พูดอย่างไม่เกินเลยได้ว่า ตระกูลเผิงในเวลานี้มีการแต่งเนื้อแต่งตัวกันใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านนอกหรือด้านในก็มีการตกแต่งใหม่ ขณะเดียวกันทุกระดับชั้นในตระกลูเผิงต่างยิ้มแย้มแจ่มใส

วันนี้คือวันมงคลวันฉลองวันเกิดของจอมเทพท่าซิง เดิมงานฉลองดังกล่าวได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ขณะนี้ตระกูลเผิงได้จัดให้มีงานเลี้ยงขึ้นมาให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทั่วหล้าขึ้นอีกครั้ง

ก่อนหน้านั้น ตระกูลเผิงเคยอวยพรวันเกิดให้กับบรรพบุรุษจากระยะไกลไม่เป็นการเอิกเกริก แต่เวลานี้กลับเปิดประตูใหญ่เชื้อเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านโดยไม่ปฏิเสธผู้ใด ช่างเป็นที่คึกครื้นยิ่งนัก

แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีสำนักจากร้อยชาติพันธุ์จำนวนไม่น้อยได้ส่งศิษย์เป็นตัวแทนมาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิด แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นศิษย์ระดับธรรมดาเท่านั้นที่มาร่วมงาน เพื่อแสดงความเคารพต่อจอมเทพท่าซิงเท่านั้น

แต่ว่า การเปิดให้มีการจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดขึ้นมาอีกครั้ง แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากกระทั่งสายสำนักราชันเซียนต่างส่งระดับผู้ยิ่งใหญ่มาร่วมงานอวยพรอีกครั้งเป็นการเร่งด่วนพร้อมกับของขวัญอวยพรวันเกิดล้ำค่า สายสำนักราชันเซียนเหล่านี้กระทั่งส่งจอมเทพระดับล่างมาอวยพรให้กับจอมเทพท่าซิงด้วยตนเอง

ในขณะนี้ ตระกูลเผิงเต็มไปด้วยบรรยากาศที่คึกครื้น ทุกคนภายในสำนักต่างยินดีปลื้มอกปลื้มใจ วันนี้สำหรับตระกูลเผิงแล้วนับว่าเป็นวันที่เป็นมงคลยิ่ง ไม่เพียงเพราะบรรพบุรุษของพวกเขาได้กลับมาอย่างปลอดภัยเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเผิงได้เข้าครอบครองทรัพย์สินของตระกูลขุนนางโบราณตงกงทั้งหมด เรียกว่าเป็นโชคสองชั้นก็ว่าได้

จอมเทพท่าซิงปล่อยให้ผู้เยาว์ทุกคนไปสนุกคึกครื้นกัน ตัวเขาขี้คร้านจะไปยุ่งกับงานเลี้ยงฉลองวันเกิดนั่น

ภายในตำหนัก มีเพียงหลี่ชิเย่ จอมเทพท่าซิง เผิงเย่ และเผิงยวี่ที่อยู่ในเหตุการณ์ เผิงเย่นั้นคือระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากที่สุด ย่อมมีสิทธิ์เข้าพบบรรพบุรุษของตน ขณะที่เผิงยวี่เป็นเจ้าบ้านคนปัจจุบัน เป็นความหวังของตระกูลเผิงในอนาคต ดังนั้น เขาก็ต้องได้พบกับบรรพบุรุษของตนเอง

ทั้งเผิงเย่และเผิงยวี่ต่างไม่สามารถระงับอารมณ์ที่ดีใจเอาไว้ได้ กล่าวสำหรับเผิงเย่แล้วเขาถึงกับทอดถอนใจภายในใจ ตระกูลเผิงของพวกเขาเงียบสงบมาเป็นเวลานาน ทนทรมานมาเป็นเวลาไม่น้อย ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงแล้ว

สำหรับเผิงยวี่นั้น ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงขณะนี้เขารู้สึกเหมือนมึนงงไปหมด เขาเติบโตมาด้วยการฟังเรื่องราวเกี่ยวกับบรรพบุรุษของเขาตั้งแต่เด็ก ดังนั้น เขาจึงสามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างละเอียดแม่นยำตั้งแต่เด็ก รู้ชัดเจนในทุกๆ สมรภูมิรบ โดยเฉพาะศึกล่าราชัน เขาถึงกับสามารถท่องได้อย่างคล่องแคล่วไม่มีติดขัด

เขามีความเลื่อมใสศรัทธาในตัวของบรรพบุรุษมาตั้งแต่เด็ก และถือเอาบรรพบุรุษของตนเป็นความภาคภูมิใจ และมีบรรพบุรุษของตนเป็นต้นแบบ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าในขณะที่ตนมีชีวิตอยู่ยังคงสามารถพบกับบรรพบุรุษด้วยตนเอง ความสุขเช่นนี้มาถึงได้รวดเร็วเหลือเกิน

เป็นที่ทราบกันดีว่า ในหลายๆ รุ่นของตระกูลเผิงที่ผ่านมา เจ้าบ้านของตระกูลเผิงคิดจะเข้าพบบรรพบุรุษของตนแต่ไม่ได้พบ เพราะบรรพบุรุษไม่ต้องการพบกับพวกเขาอยู่แล้ว แม้แต่เผิงเย่ที่เป็นบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากที่สุดของตระกูลเผิงในเวลานี้ก็ไม่สามารถไปพบได้ เว้นแต่บรรพบุรุษจะเรียกหาเท่านั้น

เวลานี้เผิงยวี่สามารถเข้าพบบรรพบุรุษของเขาได้ ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองนั้นช่างโชคดีเสียเหลือเกิน

ภายในตำหนักในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ขึ้นไปนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงด้วยการนั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเผิงเย่หรือเผิงยวี่ต่างตำลึงนิดหนึ่งกับท่าทีที่เย่อหยิ่งของหลี่ชิเย่ พวกเขารู้สึกว่าหลี่ชิเย่นั้นอวดดีเกินไป แม้แต่บรรพบุษพวกเขาก็อยู่ที่ตรงนี้ด้วย เขายังคงไปนั่งในตำแหน่งสูงสุดอีก

แต่ว่าพวกเผิงเย่และเผิงยวี่ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรออกมา พวกเขาเดินเข้ามาหมายเข้าพบกับบรรพบุรุษของตน

ทว่าจอมเทพท่าซิงไม่ได้ให้ความสนใจต่อลูกหลานของตนมากนัก เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปคารวะตรงด้านหน้าหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ข้าน้อยคารวะใต้เท้า วันนี้ร่างแท้จริงของใต้เท้าเดินทางมาไกล ข้าน้อยไม่ทันได้ต้อนรับด้วยตนเอง นับว่าละอายยิ่งนัก!”

หลี่ชิเย่ ประคองตัวเขาให้ลุกขึ้นด้วยตัวเองด้วยท่าทียิ้มๆ และยิ้มกล่าวว่า “ใยเจ้ากับข้ายังต้องห่างเหินมากมายเพียงนี้ ประเพณีเช่นนี้ให้ละเว้นไปเสีย นั่งลงเถอะ วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า ในฐานะที่เป็นเจ้าของงานวันเกิด ไม่จำเป็นต้องเกรงใจมากมายเพียงนี้”

“ใต้เท้ากล่าวเช่นนี้ มิทำให้ข้าทำตัวไม่ถูกรึ?” จอมเทพท่าซิงถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “ใต้เท้ามาอวยพรวันเกิดให้กับข้า เป็นการทำให้ข้าต้องอายุสั้นนะ”

คำพูดของจอมเทพท่าซิงใช่จะไม่มีเหตุผล ในสายตาของผู้อื่น จอมเทพท่าซิงนั้นมีอายุมากกว่าหลี่ชิเย่มากทีเดียว แต่ ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อจอมเทพท่าซิงต้องอยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ เขาเป็นได้แค่ผู้เยาว์คนหนึ่งเท่านั้น ครั้งนั้น ตอนที่เขาให้คำชี้แนะต่อจอมเทพท่าซิงนั้น จอมเทพท่าซิงยังเป็นเพียงชายหนุ่มที่เปี่ยมด้วยความกล้าไม่ห่วงเรื่องอันตรายทั้งสิ้น

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมากับคำพูดของจอมเทพท่าซิง

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ พลันทำให้เผิงเย่และเผิงยวี่ทั้งสองคนต้องอ้าปากค้าง พวกเขายืนงงเป็นไก่ตาแตก ถูกทำให้หวั่นไหวจนไม่อาจเรียกสติกลับคืนมา

กล่าวสำหรับตระกูลเผิงของพวกเขาแล้ว จอมเทพท่าซิงคือผู้ที่อยู่ในฐานะสูงสุด ทำให้ลูกหลานตระกูลเผิงทุกรุ่นต้องแหงนมอง ความจริงแล้ว อย่าว่าแต่ตระกูลเผิงของพวกเขาเลย ในฐานะที่เป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์เก้าดวงประสานเข้าด้วยกัน ทั้งยังได้ครอบครองสายเลือดเก้ากระถาง ย่อมไม่เป็นที่กังขาว่า ในชิงโจวจอมเทพท่าซิงมีฐานะที่สำคัญมากทีเดียว

หาไม่แล้ว หลายปีก่อนขณะเหรินเซิ่นลอบโจมตีจินเก๋อในตอนนั้น คงไม่เดินทางมาเชิญจอมเทพท่าซิงด้วยตนเองแล้ว สิ่งนี้ไม่เพียงบ่งบอกว่าจอมเทพท่าซิงมีกำลังความสามารถที่แข็งแกร่ง ยังเป็นเพราะจอมเทพท่าซิงมีบารมีที่สูงมากในหมู่ร้อยชาติพันธุ์ เรียกได้ว่า หากจอมเทพท่าซิงออกมาเป็นผู้ริเริ่มจะต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้คนเป็นจำนวนมาก

ในชิงโจว จอมเทพท่าซิงใช่เพียงสามารถเสมอด้วยกับจอมเทพด้วยกันเอง กระทั่งจอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนจำนวนไม่น้อย จอมเทพท่าซิงก็มีศักดิ์และศรีเท่ากันกับพวกเขาเหล่านั้น

……………………………………………………………..

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท