ตอนที่ 1861 กลืนกินสายฟ้าแลบ
หลังจากที่ผู้บำเพ็ญตนซึ่งเพิ่งจะเคยเห็นหลี่ชิเย่เป็นครั้งแรกได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว ต่างรู้สึกว่ายากจะเชื่อและกล่าวว่า “ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ตาม เขาก็แค่คนที่อยู่ในระดับเทียรฆชาติสัจธรรมเท่านั้น ถึงกับดุร้ายได้ถึงเพียงนี้ หรือว่าจะเป็นประเภทเสือซ่อนเล็บอย่างนั้นรึ?”
“เรื่องนี้ไม่อาจรู้ได้หรอกนะ เขากล้าเรียกตัวเองว่าคนโหดอันดับหนึ่ง ย่อมสามารถประเมินได้ว่าเขามีความดุร้ายเพียงใดแล้วหละ ข้อแรก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นกันได้ง่ายๆ สรุปก็คือ เขาเป็นคนที่ผิดปรกติ ไม่เคยกลัวใคร กล้าแหย่ทุกคน อีกทั้งฆ่าได้ทุกคน ไม่มีใครรู้ถึงประวัติความเป็นมาของเขา” ผู้บำเพ็ญตนที่เคยเห็นหลี่ชิเย่มาหลายครั้งถึงกับพูดว่า “เจ้าคนผิดปรกติผู้นี้จะต้องกวนสถานการณ์ของชิงโจวจนสะเทือนแน่นอน”
ในขณะนี้ หลี่ชิเย่ก้าวเดินอยู่ท่ามกลางเขตสายฟ้าแลบ หนึ่งก้าวหนึ่งฟ้าดิน ท่าทีสบายๆ เสมือนหนึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนอย่างนั้น ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ไล่ตามเฟิงยี่จนทัน
เฟิงยี่ไม่ยอมแพ้ แม้ว่าจะถูกหลี่ชิเย่ไล่ตามทันภายในระยะเวลาอันสั้น คำรามเสียงยาวออกมา สำแดงพลังลมปราณของตนจนถึงขีดสูงสุด พลันปะทุประกายเซียนขึ้นมาทั่วร่าง ประกายเซียนแต่ละสายที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ในชั่วพริบตาเดียวนี้เอง ได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” ช่องว่างรอบๆ ตัวของเฟิงยี่เหมือนกระเพื่อมนิดหนึ่ง ตัวเขาคล้ายดั่งกลายเป็นดาวตกพุ่งพรวดดัง “ฟิววส์”ออกไปอย่างรวดเร็วและเพิ่มกำลังให้พุ่งตัวออกไปได้เร็วขึ้น
ขณะที่เฟิงยี่เพิ่มความเร็วอย่างเต็มที่นั้น ตัวของเขาได้พุ่งออกไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ปราศจากผู้เทียบเทียม พลันทิ้งห่างหลี่ชิเย่ในทันที
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเอง ยังคงเหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเอง ยังคงหนึ่งก้าวหนึ่งฟ้าดิน ไม่เร็วและไม่ช้าเกินไปเดินเข้าไปในเขตสายฟ้าแลบ
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…” เสียงฟ้าแลบดังขึ้นเป็นระลอกอย่างรุนแรง จังหวะที่หลี่ชิเย่เหมือนเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ปรากฏว่าสายฟ้าแลบยิ่งฟาดเข้าใส่หลี่ชิเย่อย่างรุนแรง อีกทั้งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีความดุร้ายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายแล้วใช้คำว่าฝนฟ้ากระหน่ำก็ไม่สามารถเปรียบเปรยได้อีกแล้ว จำนวนสายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดเข้าใส่หลี่ชิเย่ เหมือนหนึ่งว่าสายฟ้าแลบที่อยู่ในเขตฟ้าแลบทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีความแค้นยิ่งใหญ่กับหลี่ชิเย่อย่างนั้น หากไม่ฟาดหลี่ชิเย่ให้ตาย พวกเขาจะไม่มีวันเลิกรา!
แต่ว่า ไม่ว่าจะมีสายฟ้าจำนวนเท่าไรที่ฟาดเข้าใส่หลี่ชิเย่อย่างบ้าคลั่ง ก็จะถูกลักคนาของหลี่ชิเย่ต้านรับเอาไว้ กระทั่งเรียกว่าทางที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินไปนั้นได้กลายเป็นที่ที่สายฟ้าแลบมารวมตัวกัน ที่ที่เขาเดินอยู่ปรากฎสายฟ้าแลบที่พุ่งเข้าใส่ตัวเข้ามีจำนวนมากกว่าที่ที่เฟิงยี่กำลังก้าวเดินอยู่มากทีเดียว
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่เหมือนกำลังเดินอยู่ท่ามกลางป่าแห่งฟ้าแลบ สายฟ้าแลบทุกๆ สายเหมือนเถาวัลย์ที่เลื้อยเข้ามาพันอยู่บนตัวอย่างบ้าคลั่ง เหมือนต้องการดึงตัวหลี่ชิเย่ลงไปในน้ำโดยพลันอย่างนั้น
“ไม่ถูก…” มีผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสสีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นภาพนี้ และกล่าวว่า “นี่หาใช่ลัคนาของเขาขวางสายฟ้าแลบเอาไว้ แต่เป็นลัคนาของเขาที่ทำการกลืนกินสายฟ้าแลบที่อยู่ในเขตฟ้าแลบแห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง เหมือนต้องการนำเอาสายฟ้าแลบของเขตฟ้าแลบมาเป็นของตนทั้งหมด”
ในขณะนี้ ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสที่มีความรู้ประสบการณ์กว้างไกลมองเห็นเส้นสนกลในจนได้ แรกเริ่มทีเดียวทุกคนต่างเข้าใจว่าหลี่ชิเย่อาศัยลัคนาในการต้านรับกับสายฟ้าฟาดเอาไว้ เวลานี้ดูไปแล้วมันหาใช่เป็นเช่นนั้น
“เป็นเช่นนี้จริงๆ เวลานี้สายฟ้าแลบไม่ได้ฟาดใส่ตัวเขา แต่เป็นสายฟ้าแลบที่อยู่ในเขตสายฟ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ ทั้งหมดถูกหลี่ชิเย่แยกออกมา และถูกกลืนกิน” ยอดฝีมือมองดูอย่างละเอียดแล้วพบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถึงกับพูดขึ้นด้วยความตระหนก
“ดูสิ ฟ้าแลบที่วิ่งเข้าหาเรือของพวกเราก็น้อยลงแล้ว” คนอื่นๆ ทยอยกันมองเห็นสิ่งที่แปลกไป เรือนิรันดรยังคงแล่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ว่า ยามที่เรือนิรันดรก่อเกิดคลื่นยักษ์ขึ้นมานั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสายฟ้าแลบที่ฟาดใส่เรือนิรันดรลดน้อยลงกว่ากันเยอะเลย ย่อมไม่ต้องกังขา สายฟ้าแลบในเวลานี้ถูกหลี่ชิเย่แยกออกไปเสียส่วนใหญ่
“เจ้า เจ้าหนูคนนี้แม่งประหลาดจริงๆ ถึงกับเป็นฝ่ายไปกลืนกินสายฟ้าแลบเอง สายฟ้าแลบในแดนแห่งการสืบค้นไม่รู้ว่าสยองมากกว่าโลกภายนอกเท่าไรกัน” มีผู้บำเพ็ญตนที่กล่าวด้วยความรู้สึกใจหายใจคว่ำ
ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกสยดสยอง สายฟ้าแลบในแดนแห่งการสืบค้นหาใช่กายเนื้อสามารถรองรับกับมันได้ มีคนเพียงไม่กี่คนที่ยินดีไปแหย่สายฟ้าแลบของที่นี่ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับไปกลืนกินสายฟ้าแลบ ในสายตาของทุกคนมองว่าเจ้าหมอนี่ออกจะชั่วร้ายผิดปรกติเกินไปแล้วกระมัง
แน่นอนที่สุด พวกเขาไม่รู้ว่าในลัคนาจตุลักษณ์ของหลี่ชิเย่ มีสุดยอดสิ่งของสิ่งหนึ่งที่หนึ่งไม่มีสองในหล้า…ดวงตรามิติโบราณ!”
ดวงตรามิติโบราณของหลี่ชิเย่สามารถรองรับได้กระทั่งวิบากสวรรค์ กระทั่งกลืนกินวิบากสวรรค์ได้ แค่สายฟ้าแลบกับดวงตรามิติโบราณแล้วไม่นับเป็นอะไรได้ แค่จิ๊บๆ เท่านั้นเอง
แม้ว่าท่าทางของหลี่ชิเย่คือการเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตน แต่ว่าเขาได้ควบคุมช่องว่างเอาไว้ จึงไม่ต้องใช้ลมปราณอะไรมากมายนัก ไม่จำเป็นต้องสูญเสียพลังขมุกขมัวสักเท่าไร ขณะที่แตกต่างจากเฟิงยี่ เขาได้สำแดงท่าร่างของตนจนถึงขีดสูงสุด การพุ่งไป่ข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องสูญเสียพลังลมปราณและพลังขมุกขมัวเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ต่อให้เขาพยายามพาตัวเองให้ออกห่างจากหลี่ชิเย่เพียงใดก็ตาม แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วก็เอาชนะหลี่ชิเย่ไม่ได้
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…” เวลานี้สายฟ้าแลบที่อยู่รอบๆ ตัวของหลี่ชิเย่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ที่เขาก้าวเดินผ่านไป ที่ตรงนั้นก็จะกลายเป็นศูนย์กลางฟ้าแลบ สายฟ้าแลบถูกเขาดึงแยกออกมาทั้งหมด
“โอ้แม่จ๋า เขาบ้าไปแล้วรึ” เวลานี้ยอดฝีมือของเรือนิรันดรถึงกับเสียวสันหลังวาบ เมื่อเห็นสายฟ้าแลบที่ฟาดเข้าหาเรือนิรันดรอ่อนจนเหลืออยู่ไม่กี่สายเท่านั้นเอง
มองจากระยะไกลในเวลานี้ ตัวของหลี่ชิเย่ในเวลานี้เหมือนถูกสายฟ้าแลบครอบคลุมเอาไว้ยุบยับไปทั่วร่าง เหมือนหนึ่งกลายร่างเป็นมนุษย์ไฟฟ้าแล้วอย่างนั้น เห็นแต่สายฟ้าแลบที่รินไหลอยู่ทั่วร่างจำนวนนับไม่ถ้วน
ธิดาราชันฉีหลินถึงกับยิ้มเจื่อนๆ และส่ายหน้าเมื่อได้มองเห็นภาพเช่นนี้ สำหรับเรื่องเช่นนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ลงมาท่องโลกโลกีย์มนุษย์เฉกเช่นหลี่ชิเย่มันก็แค่ฝีมือจิ๊บๆ เท่านั้นเอง การที่เขาลงแข่งกับเฟิงยี่แค่สนุกไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง มิฉะนั้นล่ะก็ อาศัยทักษะอย่างเฟิงยี่ เกรงว่าคงไม่เข้าตาของเขา
“เปรี๊ยะ…” เวลานี้ สายฟ้าแลบที่ฟาดเข้าใส่ตัวของหลี่ชิเย่มีการเปลี่ยนแปลง สายฟ้าแลบที่ฟาดเข้ามาได้พกพาเอาวงแหวนสีม่วงมาด้วย อีกทั้งจังหวะที่สายฟ้าแลบฟาดลงบนตัวหลี่ชิเย่ไม่ได้ละลานตาอย่างเดิมอีกแล้ว กระทั่งแลดูสวยงามอยู่บ้าง
“แย่แล้ว นี่เขาได้ดึงกระทั่งถึงที่สุดของเขตสายฟ้าแลบ และเขตสายฟ้าแลบกำลังจะคลั่ง และปล่อยสายฟ้าแลบชั้นวิบากภัยออกมาแล้ว” ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นอาวุโสสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นภาพนี้ รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว
ในขณะนี้ หลี่ชิเย่ที่ก้าวเดินดุจดั่งเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตนสามารถตามทันเฟิงยี่อีกแล้ว เขาเดินตีคู่ไปกับเฟิงยี่ มองดูเฟิงยี่ที่เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว หัวเราะและกล่าวว่า “วิบากภัยกำลังจะมาแล้ว เจ้ายอมแพ้ตอนนี้ยังทัน รีบหนีเอาชีวิตรอดเถอะ หาไม่แล้ว รออีกหน่อยเจ้าคิดจจะหนีก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
สีหน้าของเฟิงยี่เปลี่ยนไปเมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีดุจดั่งเดินเล่นในสวนหลังบ้านของตน เขารู้สึกว่าหลี่ชิเย่นั้นประหลาดมาก ด้วยพลังขมุกขมัวเพียงเท่านี้กลับสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ นี่มันเป็นวิชามารชัดๆ!
“ข้าจะไม่ยอมแพ้โดยง่ายดายอย่างนั้นอยู่แล้ว หากไม่บุกฝ่าไปจนถึงที่สุดข้าจะไม่ยอมเลิกราเด็ดขาด” เวลานี้แม้ว่าเฟิงยี่จะมีอาการพลังลมปราณไม่ต่อเนื่อง ยังคงไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย
ถ้าหากเจ้ายังคงยึดติดเช่นนั้นล่ะก็ ข้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้แล้ว รีบหนีไปสามารถหนีได้ไกลเท่าไรให้ไกลเท่านั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า “วิบากภัยกำลังมาแล้ว สามารถหนีออกไปได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับดวงของเจ้าแล้วหละ”
“ลุย…” เฟิงยี่คำรามเสียงดัง พลังลมปราณพวยพุ่งอย่างรุนแรง พลังขมุกขมัวเสมือนดั่งน้ำหลากที่เกิดจากเขื่อนแตกไหลทะลักลงมา แม้เฟิงยี่จะรู้อยู่แล้วว่าตนเองจะต้องพ่ายแพ้ แต่ว่าเขาไม่ยอมแสดงเจตจำนงออกมาว่าขอยอมแพ้ เขายังจะสู้ต่อไปอย่างเต็มที่ ดังนั้นในพริบตาเดียวกันนี้เขาได้ทุ่มออกไปโดยไม่เสียดายที่ต้องสูญเสียพลังลมปราณและพลังขมุกขมัวของตนไป
วิธีการเช่นนี้เป็นการเดิมพันด้วยชีวิต ต่อให้เขาสามารถบุกฝ่าไปถึงสุดท้าย แต่จะไม่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะว่ามันไม่ใช่การสูญเสียพลังขมุกขมัวธรรมดาเสียแล้ว
เสียง “ตูม…” ดังสนั่น จากการที่เฟิงยี่ทำการเพิ่มความเร็วอย่างบ้าคลั่ง ดึงระยะห่างจากหลี่ชิเย่อีกครั้งหนึ่ง และบุกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ตูม ตูม ตูม…” จังหวะที่เฟิงยี่ทิ้งห่างหลี่ชิเย่ไปได้ระยะหนึ่ง ทันใดนั้น สายฟ้าแลบทั้งหมดเหมือนเกิดระเบิดขึ้นมาทันทีทันใด ได้ยินเสียงดังตูมตามเป็นระลอก เห็นเป็นสายฟ้าแลบที่ไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งอยู่ท่ามกลางทะเล โดยสายฟ้าแลบที่ไม่มีสิ้นสุดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งประกายแวบวับเป็นวงแหวนสีม่วงออกมา
“ตูม…” เสียงดังสนั่นสั่นคลอนไปทั่วท้องทะเล สายฟ้าแลบทั้งหมดพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงดั่งพายุ ขณะที่สายฟ้าแลบที่มีวงแหวนสีม่วงพุ่งขึ้นมานั้น สามารถทำลายสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดสามารถขวางมันเอาไว้ได้
“แย่แล้ว…” บรรดาผู้คนที่อยู่บนเรือนิรันดรต่างรู้สึกตกใจยิ่ง เมื่อเห็นสายฟ้าแลบทั้งหมดในเขตสายฟ้าแลบพุ่งขึ้นมาทั้งหมด
“ตูม ตูม ตูม…” พริบตาเดียวนี้เอง สายฟ้าแลบทั้งหมดก็คล้ายดั่งน้ำหลากที่เกิดจากเขื่อนพังพุ่งเข้าหาหลี่ชิเย่อย่างรุนแรง ไม่มีใครสามารถขวางทางของสายฟ้าแลบนี้เอาไว้ได้
“แย่แล้ว…” ทันใดนั้น สีหน้าของเฟิงยี่มีอันต้องเปลี่ยนไป เขาได้เสกเอาของวิเศษออกมาทีละชิ้นๆ ในฉับพลันทันที
แม้ว่าเฟิงยี่จะทิ้งระยะห่างจากหลี่ชิเย่เป็นอันมาก แต่ทว่า เวลานี้หลี่ชิเย่เรียกว่าได้ดึงเอาสายฟ้าแลบที่มีอยู่ด้านล่างในเขตฟ้าแลบออกมาทั้งหมด ส่งผลให้ฟ้าแลบทั้งหมดพุ่งเข้าหาเขา
ขณะที่ตัวเฟิงยี่อยู่ท่ามกลางรัศมีของฟ้าแลบที่ดั่งพายุนี้ คิดจะหนีไปตอนนี้ก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว สายฟ้าแลบทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่หลี่ชิเย่ ขณะที่เฟิงยี่กลายเป็นสิ่งกั้นขวางระหว่างหลี่ชิเย่กับสายฟ้าแลบทั้งหมดนั่น
“เปิด…” เฟิงยี่คำรามเสียงดัง อาวุธแต่ละชิ้นพวยพุ่งเป็นประกายที่ทรงพลังออกมา หวังก่อเป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดต้านกับสายฟ้าแลบเหล่านั้น
“ตูม ตูม ตูม…” เสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก สายฟ้าแลบที่พุ่งเข้ามาดั่งน้ำหลากที่พุ่งโจมตีเข้ามา เป็นน้ำหลากระดับภัยพิบัติใครก็ขวางเอาไว้ไม่อยู่
ได้ยินเสียง “ปัง ปัง ปัง” ดังขึ้น ภายใต้ลักษณะของน้ำหลากที่น่าสยดสยองเช่นนี้ แนวป้องกันของเฟิงยี่ก็ขวางเอาไว้ไม่ได้ น้ำหลากที่เป็นสายฟ้าแลบเข้าโจมตีทำลายอย่างรุนแรงต่อแนวป้องกันนั่น ทำให้แนวป้องกันถูกทำลายลงทีละชั้นๆ
“เปิด…” เฟิงยี่คำรามเสียงดัง ลงมือด้วยการสำแดงเคล็ดเซียนหวังหมายต้านทานกับสายฟ้าที่ดั่งน้ำหลากนี้ แต่ไม่สามารถต้านเอาไว้ได้อยู่แล้ว สายฟ้าที่ดั่งน้ำหลากนี้พลันทำลายหลักกฎเกณฑ์เซียนหวังของเขาจนแหลกละเอียด สายฟ้าแลบได้ฟาดลงบนตัวของเขา ส่งเสียงดัง “เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ” เห็นควันสีดำลอยขึ้น ภายใต้สายฟ้าที่ดั่งน้ำหลากนี้ร่างของเขาพร้อมจะถูกเผ่าไหม้จนกลายเป็นเถ้าธุลีได้ทุกเมื่อ
“แย่แล้ว…” เฟิงยี่ในเวลานี้ผวายิ่งนัก ในขณะนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ได้แต่มองตาปริบๆ กับสายฟ้าที่ดั่งน้ำหลากนี้พุ่งเข้าหาตนอย่างรุนแรง นาทีนี้เฟิงยี่รู้ตัวว่าคงไม่รอดแน่ ภายใต้สายฟ้าที่ดั่งน้ำหลากลักษณะเช่นนี้ เขาต้องถูกซัดจนกลายเป็นจุนไม่เหลือแม้แต่ซากแน่นอน
“จบสิ้นแล้ว…” ยอดฝีมือจำนวนมากที่อยู่บนเรือนิรันดรต่างลงความเห็นว่าคราวนี้เฟิงยี่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน เมื่อมองเห็นเฟิงยี่ที่สุดจะต้านรับเอาไว้ได้ท่ามกลางสายฟ้าที่ดั่งน้ำหลากนั่น ต้องกลายเป็นจุนในชั่วพริบตาอย่างแน่นอน