ตอนที่ 1859 ทารกมังกรหลวง
“แลกเปลี่ยนกับข้า?” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา และกล่าวว่า “ดูท่าข้าคงไม่มีทางเลือก ถ้าหากข้าไม่ยอมรับคำท้า เจ้าจะละเว้นข้ารึ?”
เมื่อธิดาราชันฉีหลินที่นั่งอยู่ข้างได้ยินว่าเฟิงยี่ต้องการแลกเปลี่ยนความรู้กับหลี่ชิเย่ถึงกับยิ้มเจื่อนๆ นี่เป็นเพราะเฟิงยี่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ นึกว่าท่าทางหลี่ชิเย่ดูธรรมดาสามารถรังแกได้ การทำตัวเป็นศัตรูกับผู้ยิ่งใหญ่ที่ท่องอยู่บนโลกีย์มนุษย์ นั่นคือการรนหาที่ตาย
อย่าว่าแต่ผู้เยาว์อย่างเฟิงยี่เลย เวลานี้แม้แต่ระดับจอมเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลราชันฉีหลินของพวกเขายังไม่ต้องการเอ่ยถึงหลี่ชิเย่เลย กระทั่งสั่งปิดปากคนของตระกูลราชันฉีหลิน และบรรดาผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในสำนักต่างๆ ภายใต้การปกครองของตระกูลราชันฉีหลิน ไม่อนุญาตให้พูดถึงเรื่องของหลี่ชิเย่
การที่ระดับจอมเทพผู้แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลราชันฉีหลินได้ถ่ายทอดคำสั่งปิดปากสนิท เป็นเพราะเกรงว่าศิษย์ภายในสำนักปากไม่ดี ขณะวิจารณ์แล้วไปล่วงเกินข้อห้ามของเขาเข้า ไม่แน่นักอาจนำมาซึ่งภัยถูกล้างสำนักได้
เวลานี้เฟิงยี่กลับต้องการท้าสู้กับหลี่ชิเย่ ธิดาราชันฉีหลินขี้คร้านจะไปเอ่ยถึงอะไรอีกต่อไป มีเพียงหลังจากได้เห็นถึงความร้ายกาจของหลี่ชิเย่แล้ว นั่นแหละบรรดาผู้เยาว์ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจึงจะรู้ว่าที่ตนเองเผชิญอยู่นั้น คือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะน่าสยดสยองเพียงใด
เฟิงยี่ที่ยืนตัวตรงกล่าวด้วยท่าทีจริงจังว่า “หากท่านไม่ยินยอมข้าก็จะไม่ฝืน หรือบางทีอาจเป็นข้าความรู้ต่ำต้อย ไม่อยู่ในสายตาของท่าน แต่ว่า ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องเป็นบุรุษที่ไม่ธรรมดา สามารถเดินเคียงคู่กับฝ่าบาทได้ มีรึจะเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา”
“ไม่เลว” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ในเมื่อรู้ว่าข้าคือประเภทไม่ธรรมดายังกล้ามาท้าทายข้า? ไม่กลัวข้าสังหารเจ้ารึ?”
“ธรรมดาของผู้บำเพ็ญตนต้องไม่สยบต่อความยากลำบาก” ท่าทีของเฟิงยี่สง่าน่าเกรงขามยิ่งและทรงพลังมาก กล่าวว่า “อีกอย่าง หากไม่ลองสักครั้งแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าทำไม่ได้? อาจารย์ของข้าสั่งสอนข้าว่า ผู้หวาดหวั่นต่อความยากลำบากไม่สามารถทำการใหญ่ได้ ข้าบำเพ็ญเพียงมาหลายสิบปี มีความเชื่อมั่นในตนเองอยู่บ้าง ดังนั้น ต่อให้ท่านแข็งแกร่งมากกว่านี้ ข้าก็ยินดีทดสอบสักหน่อย”
เวลานี้เฟิงยี่พูดได้หนักแน่นมีพลังมาก แม้ว่าเข้าจงใจหาเรื่องหลี่ชิเย่ แต่คำพูดของเขาพูดได้เปิดเผยบริสุทธิ์และยึดมั่นในความเป็นธรรม ไม่ได้อาศัยเล่ห์เหลี่ยมเพทุบายแม้แต่น้อย
“ฮึ ไม่ต้องทำเป็นพูดเสียเลิศหรูหน่อยเลย สายสำนักราชันเซียนแล้วไงยิ่งใหญ่นักรึ” ในเวลานี้ปรากฎเสียงที่ดูแคลนดังขึ้น กล่าวเยาะเย้ยว่า “หรือทุกคนจะต้องรับคำท้าของเจ้าอย่างนั้นรึ สำนักใหญ่มักจะคิดว่าตนเองนั้นยอดเยี่ยม สูงส่งกว่าคนอื่น คิดว่าคนอื่นจะต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าอย่างนั้นจริงๆ”
ในเวลานี้เอง ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายหนุ่มผู้นี้สวมใส่ชุดสีทอง สวมหมวกทรงสูง เขาเป็นผู้ที่มีรูปงามใบหน้าขาวผ่อง มีท่าทีคล้ายบุรุษหน้าหยกอยู่หลายส่วน
เมื่อชายหนุ่มผู้นี้พูดออกมาเช่นนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญตนบางส่วนที่อยู่บนเวทีชมวิวเห็นด้วยลับๆ โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่เป็นสหายกับชายหนุ่มผู้นี้ หรือพวกผู้บำเพ็ญตนไร้สังกัด พวกโจรที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ยิ่งร้องตะโกนออกมา กล่าวว่า “พี่จงซ่วยพูดได้มีเหตุผลดีมาก”
“ทารกมังกรหลวง เรื่องของข้าเจ้าไม่ต้องมาสอดให้มากนัก” เฟิงยี่มองหน้าชายหนุ่มด้วยท่าทีน่าเกรงขาม เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
“ทารกมังกรหลวง…” ผู้ที่ไม่เคยได้พบเห็นชายหนุ่มผู้นี้มาก่อนล้วนแล้วแต่ แอบรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อได้ยินชื่อฉายานี้
ทารกมังกรหลวงมีชื่อจริงว่าจูจงซ่วย ถือเป็นยอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่โดดเด่นเหมือนกัน นับเป็นดาวรุ่งคนหนึ่ง มีชื่อชั้นเสมอด้วยเฟิงยี่ นับว่ามีชื่อเสียงไม่เบาในชิงโจว
แม้ว่าเขาจะมีชื่อว่า ‘ทารก’ แต่ในความเป็นจริงแล้วอายุของเขาไม่น้อย ดูจะแก่กว่าเฟิงยี่เสียอีก กระทั่งมีอายุเกือบจะเท่าๆ กับฉินไป่หลี่ที่เป็นอาจารย์ของเฟิงยี่เสียด้วยซ้ำ
“ข้าเข้ามาสอดแล้วจะทำไมรึ?” ทารกมังกรหลวงเสนอหน้าเข้ามา หัวเราะเยาะและกล่าวว่า “เฟิงยี่ หรือข้าทารกมังกรหลวงกลัวเจ้าอย่างนั้นรึ? คนอย่างข้าทารกมังกรหลวง ทนดูไม่ได้ที่สุดก็คือพวกศิษย์สายสำนักราชันเซียนอย่างพวกเจ้าที่ชอบเบ่งอำนาจรังแกคนอื่น คิดว่าตัวเองนั้นยอดเยี่ยม ยกตนข่มท่าน! หากเจ้าไม่พอใจ พวกเรามาสู้กันสักยกก็แล้วกัน!”
ผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตนไร้สังกัด พวกเขาแอบชื่นชมยกนิ้วโป้งให้กับทารกมังกรหลวง เมื่อได้ยินทารกมังกรหลวงท้าสู้กับเฟิงยี่โดยไม่เกรงใจ
“ทั้งสองคนต่างก็เป็นยอดฝีมือในระดับสวรรค์สัจธรรมด้วยกัน และมีพลังขมุกขมัวกว่าหกร้อยล้านลิตร มิน่าเล่าทารกมังกรหลวงจะไม่กลัวเฟิงยี่” รุ่นอาวุโสได้พิจารณาทารกมังกรหลวงอย่างละเอียดแล้ว จึงได้ติดสินลงความเห็นเช่นนี้
แต่ก็มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ประสบการณ์น้อยรู้สึกแปลกใจ ถึงกับเอ่ยถามผู้อาวุโสข้างกายของตนว่า “เฟิงยี่มีชาติกำเนิดจากพรรคซั่วเทียน เป็นศิษย์เอกของฉินไป่หลี่ ทารกมังกรหลวงคนนี้ถึงกับกล้าท้าทายเขาเช่นนี้ ออกจะอวดดีเกินไปหน่อยแล้วกระมัง”
“เพราะว่าอาจารย์ของทารกมังกรหลวงคือจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงอยู่ในครอบครอง แม้ว่าจอมเทพมังกรหลวงจะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญตนไร้สังกัดคนหนึ่ง แต่เขามีความแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังเป็นคนที่มีจิตใจเหี้ยมโหด ในขณะที่จอมเทพมังกรหลวงยังอยู่ในวัยหนุ่มได้ทำเรื่องที่โหดร้ายทารุณมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการปล้นฆ่าล้างตระกูลนั้นก่อคดีเอาไว้ไม่น้อย” ครั้นผู้อาวุโสผู้นี้ได้เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วไม่อยากพูดต่อไปอีก ดูหวั่นเกรงยิ่งนัก
ในขณะนี้ทารกมังกรหลวงกับเฟิงยี่เรียกได้ว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน แม้ว่าทารกมังกรหลวงจะท่าทีที่ข่มแหงผู้คน แต่เฟิงยี่ก็หาได้หวาดหวั่น หัวเราะเยาะและกล่าวว่า “ทารกมังกรหลวง หากเจ้าต้องการสู้ข้าพร้อมทุกเมื่อ เจ้าเลือกวันเวลาสถานที่มา แต่ เวลานี้เจ้าหลบไปข้างๆ เสีย อย่าได้มารบกวนข้าสนทนากับท่านผู้นี้”
ทารกมังกรหลวงไม่เกรงใจ เฟิงยี่ก็ไม่เกรงใจแม้แต่น้อยเช่นกัน ต่อให้ทารกมังกรหลวงมีประวัติความเป็นมาที่น่ากลัว เฟิงยี่เช่นเขาก็ใช่ว่าจะมายุ่งด้วยง่ายดาย
“คนอย่างข้าชื่นชอบที่จะเป็นปฏิปักษ์กับศิษย์สำนักใหญ่ที่มองว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นอย่างนี้แหละ” ทารกมังกรหลวงหัวเราะเสียงดังออกมา จากนั้นแสดงท่าคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่และกล่าวว่า “พี่น้องผู้นี้ ข้าน้อยจูจงซ่วย ผู้คนต่างเรียกข้าว่าทารกมังกรหลวง หากมีปัญหาอะไรสามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะหากมีศิษย์สำนักใหญ่อะไรต้องการหาเรื่องท่าน ข้าทารกมังกรหลวงพร้อมจัดการพวกเขาให้หมอบ”
ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ ท่าทางของทารกมังกรหลวงเรียกได้ว่าเปี่ยมด้วยคุณธรรมสูงส่งยิ่ง
“พี่จงซ่วยเป็นแบบอย่างของคนรุ่นพวกเรา…” ผู้บำเพ็ญตน และหรือผู้ที่คบหามีความสัมพันธ์กับทารกมังกรหลวงจำนวนไม่น้อยต่างออกปากชื่นชมทีหนึ่ง ต่อให้ไม่กล้าส่งเสียงดังออกมา แต่ก็ได้ยกนิ้วโป้งให้กับทารกมังกรหลวง
“ขอบใจ” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มจางๆ เท่านั้นเอง เขาลอยล่องมานานหลายล้านปี มีผู้คนประเภทไหนที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“ระวัง พวกเรากำลังเข้าสู่ใจกลางของเขตฟ้าผ่าแล้ว ผู้โดยสารอย่าได้ออกจากเรือโดยพลการ” ในเวลานี้เอง กัปตันเรือนิรันดรร้องกล่าวเสียงดังออกมา
เสียง “เปรียะ…” ดังขึ้น เวลานี้ปรากฏฟ้าแลบเป็นการใหญ่ มองเห็นสายฟ้าแลบจำนวนนับไม่ถ้วนที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง เสมือนหนึ่งเป็นงูทองที่ส่ายไปมาอย่างรุนเรง ขณะเรือนิรันดรแล่นฝ่าเข้าไป สายฟ้าฟาดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ฟาดเข้าหาตัวเรือนิรันดรดั่งเป็นแส้ศักดิ์สิทธิ์อย่างหนักหน่วง เหมือนต้องการฉีกเรือนิรันดรให้เป็นชิ้นๆ อย่างนั้น
สายฟ้าที่ฟาดเข้ามาดั่งห่าฝน ทำให้ผู้คนต้องตกใจจนตัวสั่นดั่งลูกนก พลังเช่นนี้ถึงกับทำให้ผู้คนต้องขลาดกลัว
โชคดีที่ระบบป้องกันของเรือนิรันดรสามารถขวางสายฟ้าฟาดที่รุนแรงยากจะหาใดเทียมเอาไว้ได้ และทำการล่อให้สายฟ้าเหล่านี้เข้าไปอยู่ในค่ายกล แล้วทำการกลั่นให้พวกมันกลายเป็นไฟฟ้าเหลว
ทุกคนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้มองเห็นภาพนี้แล้ว เรือนิรันดรได้ชื่อว่าเป็นเรือที่มีความปลอดภัยมากที่สุด หาใช่เป็นคำโอ้อวด
“วันหน้าหวังว่าจาะสามารถสนทนาธรรมกับท่านได้อีก” เฟิงยี่ที่เดิมต้องการหาเรื่องหลี่ชิเย่ ให้หลี่ชิเย่รู้ว่ายากและล่าถอยไปเอง แต่กลับถูกทารกมังกรหลวงเข้ามาสอด จึงหมดอารมณ์แล้ว
“ฝ่าบาท รบกวนแล้ว ศิษย์ละลาบละล้วงเข้ามารบกวนฝ่าบาท ขอได้โปรดอภัย” แม้ว่าเขาจงใจมาหาเรื่องหลี่ชิเย่ แต่ยังคงรักษาบุคลิกที่ดีของเขาเอาไว้ ให้ความรู้สึกถึงจิตใจที่บริสุทธิ์เปิดเผย
ขณะที่เฟิงยี่กำลังจะล่าถอยกลับไป หลี่ชิเย่กลับหัวเราะและกล่าวว่า “ไม่รีบ ไม่รีบ ไหนๆ ก็มาแล้วจะรีบไปไหน เจ้าบอกว่าต้องการแลกเปลี่ยนกับข้ามิใช่รึ? เอาเถอะ วันนี้ข้ามีอารมณ์ เจ้าคิดจะแลกเปลี่ยนอย่างไรหละ? “ เรื่องที่ถูกคนอื่นเขาท้าทายหลี่ชิเย่พบเห็นมาเยอะมาก แต่วันนี้ถูกเฟิงยี่ที่เป็นประเภทต้องการออกหน้าแทนอาจารย์ของตนนั้นพบไม่บ่อยนัก ยิ่งไปกว่านั้น เฟิงยี่นับว่าน่าสนใจอยู่บ้าง
เฟิงยี่กลับรู้สึกผิดคาดเมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ เขายังเข้าใจว่าหลี่ชิเย่ขี้คร้านจะแลกเปลี่ยนกับเขา เวลานี้หลี่ชิเย่ถึงกับรับคำท้าทำให้เฟิงยี่รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ดวงดาทั้งสองดูกระฉับกระเฉง ร่างกายที่ยืนตัวตรงอยู่แล้วยิ่งดูเหมือนเป็นเสากักรังวัดท่ามกลางลมที่พัดมาอย่างแรง
พูดเช่นนี้แสดงว่าท่านต้องการอย่างนั้นน่ะสิ?”เฟิงยี่ดูกระฉับกระเฉงขึ้นทันที กล่าวว่า “ไม่ทราบว่าท่านคิดจะแลกเปลี่ยนกันอย่างไรหละ? เพียงแค่สนทนาธรรม หรือว่าจะเล่นหมากล้อม และหรือตัดสินแพ้ชนะกันเลยหละ?”
ธิดาราชันฉีหลินที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับยิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นท่าทีของเฟิงยี่ดูกระฉับกระเฉงถึงเพียงนี้ เขายังไม่รู้เลยว่าในขณะนี้สัตว์ร้ายขนาดเขื่องตัวหนึ่งกำลังอ้าปากกว้างรอเขาอยู่
“จะเป็นด้านบุ๋นหรือบู้ได้ทั้งนั้น คนอย่างข้าเป็นคนปล่อยไปตามธรรมชาติ เจ้าเลือกอะไรข้าก็ยินดี” หลี่ชิเย่ยิ้มไปตามอารมณ์
“ดี ท่านนี่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ข้าหน่ะชอบคนที่มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเช่นนี้แหละ!” เฟิงยี่ก็ร้องกล่าวเสียงดังออกมา ท่าทางดีใจเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้เขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นสายฟ้าที่อยู่ในทะเลจึงบังเกิดปณิธานการต่อสู้ขึ้น หัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าท่านสนใจที่จะลงไปในทะเลกับข้าหรือไม่ ไปเดินเล่นในทะเลสายฟ้าสักรอบหนึ่ง” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ท่าทางเปี่ยมด้วยคุณธรรม ปณิธานการต่อสู้สูงลิ่ว
พลันที่เฟิงยี่พูดคำๆ นี้ออกมา ผู้คนจำนวนมากต่างทยอยกันก้มมองไปที่ทะเล มองเห็นสายฟ้าในทะเลกำลังฟาดงวงอย่างรุนแรง เสมือนหนึ่งต้องการฉีกฟ้าดินนี้ให้ขาดกระจุยอย่างนั้น ทุกคนต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อมองเห็นภาพนี้ การฝ่าลงทะเลในเวลานี้มันคือการรนหาที่ตายชัดๆ
หลี่ชิเย่เองก็มองไปที่ทะเล เห็นสายฟ้าที่เคลื่อนไหวรุนแรงแล้วถึงกับยิ้มจางๆ ออกมา
“ถ้าหากท่านคิดว่าไม่เหมาะข้าก็จะไม่ฝืนใจ พวกเราเปลี่ยนวิธีอื่นก็ได้” เมื่อเฟิงยี่เห็นหลี่ชิเย่ไม่พูดอะไรออกมา จึงกล่าวขึ้นช้าๆ
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะทีหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ดูท่าเจ้าจะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เจ้ามั่นใจว่าตัวเองสามารถผ่านเขตสายฟ้านี้ไปได้หน่ะสิ?”
“มิกล้า โอกาสสำเร็จประมาณหกส่วนมั้ง” เฟิงยี่ก็หัวเราะเสียงดังออกมา ท่าทางดูไม่สะทกสะท้าน และกล่าวว่า “โลกนี้ไหนเลยมีสิ่งที่มั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่ว่าอะไรก็ต้องมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมคงไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว กล่าวสำหรับข้าแล้วหกส่วนก็เพียงพอแล้ว!” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้น้ำเสียงดูจะอหังการยิ่ง่นัก
“หกส่วน เกรงว่าคงต้องตายอยู่ที่ตรงนี้” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ ที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง
“อาจจะต้องตายอยู่ตรงนี้ บอกได้เพียงข้านั้นอ่อนหัด” เฟิงยี่หัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “ดูแล้วทักษะท่านสู้ข้าไม่ได้อย่างชัดเจน ข้าเลือกเขตสายฟ้าถือว่าได้เปรียบยิ่งแล้ว ถ้าหากแม้แต่การท้าสู้ลักษณะเช่นนี้ยังไม่กล้า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องออกหน้าแทนอาจารย์ของข้าอีกแล้ว!”
แม้ว่าเฟิงยี่จะแลดูประมาท แต่การพูดจาของเขากลับดูอหังการยิ่ง ไหนเลยผู้อ่อนวัยจะไม่ประมาทเลินเล่อ! ด้วยอายุเช่นเฟิงยี่เหมาะที่จะทำเรื่องประมาทเลินเล่อเช่นนี้มากที่สุด