ตอนที่ 1865 แหลมฮ่าวว่าง
คำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่สร้างความสะเทือนหวั่นไหวภายในใจให้กับธิดาราชันฉีหลิน กระทั่งผู้ดำรงอยู่ในฐานะหลี่ชิเย่ยังบอกว่าแข็งแกร่งมาก ย่อมบ่งบอกว่าสิ่งชั่วร้ายนี้น่าสยดสยองยิ่งนัก
ลองนึกภาพดู ท่ามกลางเรือที่ลอยลำอยู่กลับมีสิ่งชั่วร้ายหลบซ่อนตัวอยู่บนเรือด้วย หากคิดให้รอบคอบแล้ว ย่อมทำให้ต้องรู้สึกขนลุกในใจ
“จะให้สืบอย่างลับๆ หรือไม่?” ธิดาราชันฉีหลินเอ่ยถามขึ้นเบาๆ
“ช่างมันเถอะ” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมยว่า “ขอเพียงมันไม่ขัดขวางงานของข้า ไม่สนหรอกนะว่ามันจะเป็นสิ่งชั่วร้ายหรือไม่ แต่หากว่ามันไม่รู้จักคำว่าตาย ข้าก็จะสงเคราะห์มันก็แล้วกัน”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ธิดาราชันฉีหลินหายใจด้วยความโล่งอก ขอเพียงอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ก็จะปลอดภัยที่สุด ขอเพียงมีตัวเขาอยู่ ต่อให้สิ่งนั้นแข็งแกร่งหรือน่ากลัวมากกว่านี้ก็ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
“ใกล้จะถึงแหลมฮ่าวว่างแล้ว คุณชายจะลงจากเรือไปดูสักหน่อยหรือไม่?”
“แหลมฮ่าวว่างถูกผู้คนขุดค้นจนไม่มีชิ้นดีแล้วหละ ไม่รู้ว่ามีผู้คนก่อนหน้าจำนวนเท่าไร ขุดไปแล้วกี่รอบ ต่อให้มีของดีก็คงถูกขุดไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากจะมีของอะไรที่ยังไม่มีใครขุดเอาไปได้ ย่อมต้องเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่ง ของเช่นนี้ต่อให้จอมราชันเซียนหวังก็ไม่ต้องการไปแหย่มัน เพื่อป้องกันการนำมาซึ่งภัยอันตราย” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้าเบาๆ
ธิดาราชันฉีหลินก็พยักหน้าเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมา
วันต่อมา เรือนิรันดรก็ได้หยุดทอดสมออยู่ด้านนอกแหลมฮ่าวว่าง มองจากระยะไกลออกไป ดูเหมือนแหลมฮ่าวว่างจะเป็นผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาล ปกคลุมและตลบอบอวลด้วยพลังขมุกขมัว เหมือนว่าโลกทั้งใบถูกห่อหุ้มอยู่ภายในพลังขมุกขมัวอย่างนั้น
แต่ทว่า ด้วยโลกที่ถูกห่อหุ้มอยู่ภายในพลังขมุกขมัวอย่างนี้ มันกลับปราศจากชีวิตชีวาเลยแม้แต่น้อย ที่ตรงนี้มีแต่ความวิเวกวังเวง ไม่มีต้นไม้เขียวสักต้น กระทั่งแม้แต่หญ้าสักต้นยังไม่มี
แม้ว่าการยืนอยู่บนผืนแผ่นดินทอดสายตามองออกไปไกลจะเห็นเป็นเทือกเขาที่ขึ้นลงสลับ เส้นชีพจรขนาดใหญ่ที่ขดตัวอยู่ตรงนี้เสมือนหนึ่งเป็นมังกรขนาดยักษ์แต่ละตัวอย่างนั้น แลดูเหมือนคลื่นที่โหมสาดซัดและขยายวงกว้างออกไป แม้ว่าที่ตรงนี้จะเต็มไปด้วยภูเขาและเทือกเขาจำนวนมาก แต่ไม่เห็นกิ่งไม้เขียวแม้แต่กิ่งเดียว และไม่เห็นใบไม้สีเขียวแม้แต่ใบเดียว
การมายืนอยู่ ณ ที่ตรงนี้แล้วทอดสายตามองออกไป สิ่งที่สามารถมองเห็นคือดินสีดำที่สุดลูกหูลูกตาไม่มีสิ้นสุด อีกทั้งดินสีดำที่สุดลูกหูลูกตาไม่มีสิ้นสุดมีความอุดมสมบูรณ์มาก
แหลมฮ่าวว่างคือจุดแรกบนเส้นทางที่มุ่งไปยังแดนแห่งการสืบค้น เล่าลือกันว่ามันคือสถานที่ที่ถูกค้นพบเป็นแห่งแรกของแดนแห่งการสืบค้น
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าคำพูดเช่นนี้เป็นความจริงหรือเท็จ แต่ อย่างน้อยที่สุดกล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนส่วนใหญ่แล้ว แหลมฮ่าวว่างนับเป็นสถานที่เหมาะแก่การขุดค้นจริงๆ เพราะระดับจอมราชันเซียนหวังจะไม่ร่วมอยู่ในขบวนด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้บำเพ็ญตนที่มาแดนแห่งการสืบค้นเป็นครั้งแรกก็จะมาที่แหลมฮ่าวว่างนี่แหละ เหตุผลนั้นง่ายมาก แหลมฮ่าวว่างมีความปลอดภัย โดยพื้นฐานแหลมฮ่าวว่างถูกผู้คนขุดค้นจนทั่วไปหมดแล้ว ดังนั้น แหลมฮ่าวว่างจึงไม่มีอันตรายอะไรอีก กระทั่งถูกยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุดของแดนแห่งการสืบค้น
ขณะเดียวกัน แม้ว่าแหลมฮ่าวว่างจะถูกผู้คนขุดค้นจนพรุนไปหมดแล้วก็จริง แต่จะอย่างไรเสียก็ต้องมีจุดที่ถูกละเลยไปบ้าง บางครั้งอาจมีผู้ที่เก็บของวิเศษได้ หรือบางทีอาจขุดพบสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ บ้าง
ด้วยเหตุนี้เอง แหลมฮ่าวว่างก็คือจุดแรกของการเยือนที่ดีที่สุดของแดนแห่งการสืบค้น โดยเฉพาะสำหรับผู้บำเพ็ญตน ที่ต้องการมาท่องเทียวอย่างเดียวแล้ว ไม่มีสถานที่แห่งใดดีไปกว่าแหลมฮ่าวว่างอีกแล้ว ค่าใช้จ่ายถูก ปลอดภัยและไม่มีความเสี่ยง หลังจากได้เคยมาที่แดนแห่งการสืบค้นครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากกลับไปสามารถเป็นต้นทุนที่นำไปคุยได้ ขณะเดียวกันยังสามารถขุดหาสมบัติเล่นๆ ในแหลมฮ่าวว่างเผื่อเก็บหาเศษได้ ไม่แน่นักถ้าโชคดีอาจสามารถขุดอะไรได้บางอย่าง
“ผู้โดยสารทุกท่าน ถึงแหลมฮ่าวว่างแล้ว ผู้โดยสารที่มาสถานีนี้เชิญลงจากเรือได้ เรือของเราจะแวะอยู่ที่ท่าเรือนี้ห้าวัน ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังสถานีอื่นๆ สามารถขึ้นฝั่งไปเดินเที่ยวชมกันได้ ภายในห้าวันจะต้องกลับขึ้นเรือ หากเลยเวลาทางเราจะไม่รอ” หลังจากที่เรือนิรันดรทอดสมอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กัปตันเรือได้บอกกล่าวต่อนักท่องเที่ยวทุกคน
ผู้คนจำนวนมากต่างทยอยกันลงจาเรือเมื่อได้ยินคำพูดของกัปตันเรือ ต่อให้เป็นผู้ที่ไม่ได้เดินทางมาที่แหลมฮ่าวว่างก็อยากจะลงไปเดินดูแหลมฮ่าวว่างสักครั้ง โดยเฉพาะกับผู้ที่เพิ่งจะมาแดนแห่งการสืบค้นเป็นครั้งแรก ยิ่งไม่อยากจะพลาดโอกาสนี้ไป
ในเวลานี้ ครึ่งหนึ่งของผู้โดยสารของเรือนิรันดรได้ลงจากเรือเพื่อขึ้นฝั่งไปยังแหลมฮ่าวว่าง เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้เรือนิรันดรกลายเป็นเงียบสงบขึ้นเป็นอันมาก
หลังจากผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากได้ขึ้นไปยังแหลมฮ่าวว่างแล้ว ต่างทยอยกันขุดหาสมบัติกัน บางคนขุดเป็นหลุมลึกลงไป บางคนเลื่อยตัดภูเขา และบ้างไปผจญภัยยังหุบเหวลึก
“แหลมฮ่าวว่างได้มีสถานที่ที่อันตรายเลยนี่” ผู้บำเพ็ญตนที่เพิ่งเคยมาแหลมฮ่าวว่างเป็นครั้งถึงกับกล่าวด้วยความผิดหวัง เมื่อมองเห็นเทือกเขาที่ขึ้นลงสลับแล้ว
“ต่อให้มีสถานที่ที่อันตรายอะไรก็ตาม คงไม่ถึงรุ่นพวกเราแล้วหละ” ผู้อาวุโสที่เดินทางมาด้วยกล่าวว่า “แหลมฮ่าวว่างเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถขึ้นมาได้เป็นแห่งแรก ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่ถูกค้นพบก่อนสถานที่อื่นของแดนแห่งการสืบค้น ที่ตรงนี้อย่าว่าแต่มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่เคยมาแล้ว กระทั่งจอมเทพ จอมราชันจำนวนมากก็เคยมา ที่ตรงนี้ถูกขุดค้นไปทั่วมานานแล้ว สิ่งที่สมควรถูกขุดเอาไปล้วนแล้วแต่ถูกขุดไปนานแล้ว”
“แหลมฮ่าวว่างเคยขุดพบของวิเศษหรือไม่?” เมื่อผู้เป็นศิษย์ได้ยินคำพูดเช่นนี้ของผู้อาวุโสแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“เคย แหลมฮ่าวว่างเคยปรากฏของวิเศษมากมาย กระทั่งแม้แต่ระดับจอมเทพบางส่วนก็เพราะได้รับของวิเศษจากแหลมฮ่าวว่างจึงร่ำรวยขึ้นมา เล่าลือกันว่า มีจอมราชันของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังขุดพบโครงกระดูกของเซียนมาได้โครงหนึ่ง ของล้ำค่ายากจะหาสิ่งใดเทียมนี้ถูกตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังนำมาเป็นของวิเศษประจำเผ่า
“โครงกระดูกเซียน เป็นโครงกระดูกของเซียนจริงๆ รึ?” ศิษย์ผู้นี้ถึงกับตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาทั้งสองของเขาเบิกกว้างมาก
ผู้อาวุโสผู้นี้ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ไม่แน่ใจ บุคคลภายนอกไม่มีใครเคยเห็น แต่ได้ยินว่าขณะตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังได้โครงกระดูกโครงนี้มานั้น เคยมีจอมราชันเซียนหวัง ไปทำการศึกษามา ส่วนจะเป็นโครงกระดูกอะไรนั้น ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังปิดเป็นความลับไม่ยอมเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก
พวกเราไปขุดบ้าง ไม่แน่นักอาจสามารถขุดพบกระดูกเซียนอะไรนั่น” ศิษย์ผู้นี้หลังจากได้ยินเรื่องราวนี้แล้ว ถึงกับตื่นเต้นดีใจอยากจะลองเต็มที
“ฝันกลางวันให้มันน้อยๆ หน่อย” หนึ่งฝ่ามือของผู้อาวุโสซัดเข้าให้ที่ท้ายทอย หัวเราะเยาะเย้ยและด่าว่าออกไปว่า “แหลมฮ่าวว่างถูกคนเขาขุดจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ถ้าหากมีกระดูกเซียนจริงล่ะก็ยังรอมาถึงเจ้าอย่างนั้นรึ ขุดไปสุ่มๆ ก็แล้วกัน จะอย่างไรเสียพวกเราก็แค่ขึ้นมาเที่ยวชมเท่านั้นเอง เรื่องอย่างนี้ปล่อยไปตามวาสนาก็แล้วกัน”
แม้จะถูกผู้อาวุโสพูดกระทบเช่นนี้ แต่บรรดาศิษย์ที่ติดตามมายังคงดีใจเป็นอย่างยิ่ง ขุดหาไปทั่ว แน่นอน พวกเขาขุดไม่พบสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น
“คู่มือแนะแนวขุดหาสมบัติ เล่มละสามพันศิลาขมุกขมัว เป็นคู่มือแนะแนวขุดหาสมบัติที่ราชันซื่อตี้วาดกับมือเอง การยึดกุมพื้นที่ในแหลมฮ่าวว่าง ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาอย่าพลาด คู่มือแนะแนะแนวขุดหาสมบัติที่ท่านควรมีไว้ในครอบครองสักเล่มหนึ่ง” ขณะที่ผู้คนจำนวนมากขึ้นมาบนแหลมฮ่าวว่างนั้น ทุกคนจึงได้พบว่ามีผู้บำเพ็ญตนที่มาทำการค้าอยู่บริเวณนี้ก่อนหน้า
แม้ว่าแดนแห่งการสืบค้นไม่เหมาะสำหรับการฝึกฝน แต่ยังคงมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมาทำการค้าตามที่ต่างๆ ของแดนแห่งการสืบค้น การทำการค้าของพวกเขาก็สะดวกสบาย แค่ทำเป็นแผงชั่วคราวขึ้นมาแผงหนึ่งก็สามารถร้องขายสินค้าได้แล้ว
ในเวลานี้ ที่แหลมฮ่าวว่างมีแผงค้าอยู่เป็นจำนวนมาก มีแผงขายคู่มือแนะนำการขุดหาสมบัติ แผงขายพลั่ววิเศษ แผงขายของพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษ
“หินผาผาสือเป็นหินขนาดเล็กที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะของแหลมฮ่าวว่าง ต้องใช้เวลาสามร้อยปีจึงจะปรากฎออกมาสักเม็ดหนึ่ง นี่คือของที่ระลึกที่หรูหราที่สุดของแหลมฮ่าวว่างกับการมาเที่ยวครั้งนี้ ซื้อหินปาปาสือนี้ไปมอบให้กับผู้ใหญ่ มอบให้กับคนรัก มอบให้ผู้เยาว์ ถือเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งในการมาเที่ยวแดนแห่งการสืบค้นในครั้งนี้”
แม้ว่าจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ที่แหลมฮ่าวว่าง แต่ว่า แผงค้าสารพัดกลับมีอยู่เป็นจำนวนมาก พ่อค้าจำนวนมากที่มาถึงแหลมฮ่าวว่างแต่วันต่างส่งเสียงตะโกนเสนอขายสินค้าของตน
ความจริงแล้ว ที่แหลมฮ่าวว่างไม่ได้มีเพียงเรือนิรันดรเพียงลำเดียวที่จอดอยู่เท่านั้น ยังมีเรืออีกเป็นจำนวนมากที่จอดอยู่ตรงนั้น มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ แน่นอน เรือนิรันดรถือเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแล้ว
แม้ว่าแหลมฮ่าวว่างจะไม่สามารถอยู่อาศัยได้ แต่ว่า มันมีความคึกครื้นเป็นอันมากตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกๆ วันจะมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับหมื่นคนที่มาเยือนแหลมฮ่าวว่าง เรียกได้ว่ารถราวิ่งกันขวักไขว่ดุจสายน้ำไม่มีขาดสาย
แหลมฮ่าวว่างเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้เมืองสวรรค์นอกอาณาจักรมากที่สุด กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว หากไม่มีเงินมากพอที่จะไปยังสถานที่ที่ไกลกว่านี้ การมาเที่ยวชมที่แหลมฮ่าวว่างถือว่าใช้ได้อยู่ ยิ่งไปกว่านั้น แหลมฮ่าวว่างมีความปลอดภัย ค่าใช้จ่ายต่ำ และใช้เวลาไม่มาก
เรือนิรันดรจอดอยู่ด้านนอกของแหลมฮ่าวว่าง หลี่ชิเย่ไม่ให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ภายนอก อีกทั้งสองวันที่ผ่านมานี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการพูดไกล่เกลี่ยของธิดาราชันฉีหลินได้ผล หรือเป็นเพราะอู่ฟ่งหยิ่งขึ้นไปยังแหลมฮ่าวว่างกันแน่ สรุปก็คืออู่ฟ่งหยิ่งไม่ได้มากวนหลี่ชิเย่ในสองวันที่ผ่านมา
เพียงชั่วพริบตาเดียว เรือนิรันดรได้จอดทอดสมออยู่ที่แหลมฮ่าวว่างมาได้สี่วันแล้ว และเกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างกะทันหันในวันที่ห้า
“แว้งค์” เสียงที่ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นเอง เดิมหลี่ชิเย่ที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกวิชาอยู่พลันลืมตาทั้งสองขึ้นมาพร้อมกับลุกพรวดพราด และเดินออกไปนอกบ้าน
“คุณชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว?” การที่หลี่ชิเย่จู่ๆ ก้าวพรวดพราดออกไป ทำให้ธิดาราชันฉีหลินถึงกับตกตะลึง เพราะหลายวันที่ผ่านมาหลี่ชิเย่ไม่เคยสนใจหรือถามไถ่ถึงเรื่องราวภายนอกที่เกิดขึ้น เอาแต่กักตนฝึกฝนอย่างเดียว
“เกิดเรื่องแล้ว” เวลานี้หลี่ชิเย่จ้องมองไปที่แหลมฮ่าวว่าง ดวงตาทั้งสองเพ่งไปข้างหน้า มองไปที่ทิศทางที่ตั้งของแหลมฮ่าวว่างอย่างใจจดใจจ่อ
“เกิดเรื่องแล้ว?” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับเสียวสันหลังวาบ เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ และจ้องมองไปยังทิศทางที่ตั้งของแหลมฮ่าวว่าง
คำว่า “เกิดเรื่องแล้ว” เหมือนกัน หากออกจากปากของหลี่ชิเย่ล่ะก็ ธิดาราชันฉีหลินสามารถรับรู้ได้ถึงความรุนแรงของเรื่องราวที่เกิดขึ้น เนื่องจากเฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะหลี่ชิเย่หากเป็นเรื่องทั่วๆ ไปจะไม่เรียกว่าเป็นเรื่องอะไรอยู่แล้ว หากแม้กระทั่งหลี่ชิเย่ยังพูดว่ามีเรื่อง ย่อมต้องมีเรื่องอย่างแน่นอน
แหลมฮ่าวว่างในขณะนี้ยังคงเงียบสงบ ยังคงคึกครื้นยิ่งนัก เหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“แย่แล้ว แย่แล้ว รีบหนีเร็ว” ในพริบตาเดียวกันนี้เอง ได้เห็นร่างเงาหลายคนที่มีความเร็วสูงมาก ดูจากความเร็วของพวกเขาก็รู้ได้ว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือที่ยอดเยี่ยมมาก จะต้องเป็นระดับผู้ได้รับการเคารพสูงสุดของระดัยสวรรค์สัจธรรม
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วหละ?” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างตกตะลึงเมื่อมองเห็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้จำนวนหลายคน ถึงกับตกใจจนต้องวิ่งหนีขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเหล่านี้ได้วิ่งกลับไปถึงเรือในชั่วพริบตาเดียว มีเพียงยอดฝีมือที่ใจดีคนหนึ่งที่ร้องกล่าวเสียงดังออกมาว่า “รีบหนีกันเถอะ ภัยพิบัติมาแล้ว” กล่าวขาดคำแล่นเรือไปจากแหลมฮ่าวว่างด้วยความเร็วสูงสุด
ผู้คนจำนวนมากเพียงแค่ตะลึงนิดหนึ่งเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ ไม่ได้รับรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องราว มีเพียงผู้บำเพ็ญตนส่วนน้อยที่มีความรอบคอบและประสบการณ์สูงที่รีบไปจากทันที
“แจ้งเตือนภัย เปิดระบบป้องกันภัย” ในเวลานี้ กัปตันเรือที่มากประสบการณ์สั่งการกับลูกเรือทันทีว่า “เรียกนักท่องเที่ยวกลับเข้าเรือ มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแล้ว”
“ตึง ตึง ตึง” ในเวลานี้ เสียงหวอแจ้งเตือนภัยของเรือนิรันดรดังก้อง และถูกส่งเข้าไปยังแหลมฮ่าวว่าง เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนภัยเช่นนี้แล้ว มีนักท่องเที่ยวของเรือนิรันดรที่มีปฏิกิริยาไวรีบไปจากทันที แต่ยังคงรั้งรออยู่ที่แหลมฮ่าวว่าง พวกเขาต่างรู้สึกแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่แหลมฮ่าวว่างกันแน่
…………………………………………………………………….