ตอนที่ 1874 อู่ฟ่งหยิ่งไม่ยอมรับ
ในครั้นนั้น หลี่ชิเย่ได้เข้าใจถึงระบบเคล็ดวิชาของยุคสมัยนั้น ต่อมา หลังจากผ่านการทดลองต่างๆ นานามาแล้ว เรียกได้ว่าทำให้หลี่ชิเย่สามารถรู้ถึงเคล็ดวิชาการบังคับควบคุมอาวุธจำนวนมากของยุคสมัยนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง ภายหลังราชันเซียนปิงอวี่ได้รับการชี้แนะจากหลี่ชิเย่ จึงได้ครอบครองศิลาจารึกสกัดฟ้า มิฉะนั้นแล้ว การที่คิดจะบังคับควบคุมสุดยอดอาวุธของอีกยุคสมัยหนึ่งใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย
กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว ไม่มีอะไรน่ายินดีนัก หลังจากได้ครอบครองศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณ สิ่งนี้สำหรับเขาแล้วมันคือเรื่องที่สามารถทำให้คล่องมือและราบรื่นอยู่แล้ว ตรงกันข้าม กลับทำให้หลี่ชิเย่รู้สึกผิดหวังเล็กๆ
ในความหมายของบางแง่มุม ศิลาจารึกสกัดฟ้าคือเศษปลายหรือขอบวัตถุดิบของศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณที่อยู่ตรงหน้า หรือบางทีจะเรียกว่าเป็นของเลียนแบบ แต่ศิลาจารึกสกัดฟ้านั้นทรงอานุภาพยิ่งนัก
ซึ่งสิ่งนี้ได้ทำให้หลี่ชิเย่ฝากความหวังไว้กับศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณเอาไว้สูงมาก บางทีศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณนี้อาจเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก เสียดาย เมื่อได้ศิลาจารึกและแท่นบูชาโบราณมาอยู่ในมือแล้ว หลี่ชิเย่จึงได้พบว่ามันต่างจากสิ่งที่เขาได้คาดหวังเอาไว้ ศิลาจารึกและแท่นบูชาโบราณนี้ไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่คิด ความยอดเยี่ยมและอานุภาพของมันยังห่างชั้นอยู่ไม่น้อยทีเดียว มันยังมีข้อจำกัดในระดับหนึ่ง
นี่คือเหตุผลที่ทำให้หลี่ชิเย่รู้สึกผิดหวัง
แต่ทว่า การที่ศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณเป็นของยอดเยี่ยมหรือไม่นั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ หลังจากผ่านไปก็เข้าใจแล้วว่า ถ้าหากเป็นของยอดเยี่ยมล่ะก็ คิดจะได้มันมาครอบครองใช่จะเป็นเรื่องง่ายดาย ถ้าหากเป็นของยอดเยี่ยมจริง เกรงว่าคงจะไปสร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาจอมราชันเซียนหวังที่หลบซ่อนตัวอยู่ในแดนแห่งการสืบค้นนี่แล้ว และพวกเขาต้องลงมืออย่างแน่นอน
“แว้งค์” เสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้หลี่ชิเย่ได้หุบฝ่ามือลง และตัวอักขระยันต์สีทองบนฝ่ามือของเขาก็ได้หายไปด้วย
เวลานี้ ทุกคนต่างมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนหน้านั้นผู้คนจำนวนไม่น้อยคิดจะได้ครอบครองศิลาจารึกนี้เอาไว้ กระทั่งแม้แต่ซั่งกวานถู และฉินไป่หลี่ก็ประสบความล้มเหลวไปแล้ว
เวลานี้หลี่ชิเย่กลับทำได้สำเร็จ อีกทั้งความสำเร็จของหลี่ชิเย่ได้มาอย่างลื่นไหลและง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปาก เหมือนว่าสิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้วเป็นเพียงสิ่งที่ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง สามารถสำเร็จได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง
นาทีนี้ทุกคนจึงได้เข้าใจว่า ที่หลี่ชิเย่พูดก่อนหน้านั้นหาใช่เป็นการพูดจาสามหาว ที่เขาพูดมานั้นเป็นความจริงเท่านั้น เขาบอกว่าสามารถนำเอาศิลาจารึกมาครอบครองได้อย่างง่ายดาย และนี่คือเขาสามารถทำได้อย่างง่ายดายจริงๆ แล้ว
ในเวลานี้ แม้แต่อู่ฟ่งหยิ่งก็ต้องอ้าปากค้าง ในขณะนี้นางไม่มีภาพพจน์ของกุลสตรีเหลืออยู่โดยสิ้นเชิง แน่นอนที่สุด นางไม่เคยมีภาพของกุลสตรีตลอดมาอยู่แล้ว
ในความคิดของอู่ฟ่งหยิ่ง ต่อให้หลี่ชิเย่มีความเป็นปีศาจอย่างไรก็ตาม หากคิดจะเอาศิลาจารึกกับแท่นบูชาโบราณมาอยู่กับมือ เกรงว่าคงต้องใช้ความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เขากลับสามารถครอบครองศิลาจารึกและแท่นบูชาโบราณได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดนี้ได้เหนือความคาดคิดของนางอย่างสิ้นเชิง สร้างความตกใจให้กับอู่ฟ่งหยิ่งอย่างยิ่ง
ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด หนึ่งเดียวที่ไม่รู้สึกเหนือความคาดคิดก็คือธิดาราชันฉีหลินแล้วหละ ในขณะนี้ ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะทำอะไรได้สำเร็จนางก็ไม่รู้สึกตกใจอีกแล้ว เฉกเช่นระดับผู้ยิ่งใหญ่เช่นเขา ยังจะมีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้อีกหรือ?
ขณะที่หลี่ชิเย่หุบฝ่ามือลง ได้จ้องมองอู่ฟ่งหยิ่งทีหนึ่ง ท่าทีจะว่ายิ้มก็ไม่เชิง กล่าวว่า “เจ้ายังจะมาแย่งชิงอีกมั้ย?”
ทุกคนต่างจ้องมองไปยังอู่ฟ่งหยิ่งเมื่อได้ยินหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ขณะที่เวลานี้ผู้คนจำนวนมากถึงกับถอยหลังไปหนึ่งก้าว พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ ในสายตาของพวกเขามองว่าหลี่ชิเย่นั้นชั่วร้ายผิดปรกติสุดๆ
ในขณะนี้ ในสายตาของพวกเขามองว่า หลี่ชิเย่จะแข็งแกร่งหรือไม่หาใช่เป็นเรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว ในสายตาของพวกเขา เจ้าหนูผู้นี้คือพวกนอกรีต เป็นปีศาจตนหนึ่ง ไม่สามารถนำเอาข้อกำหนดปรกติมาชี้วัด พวกเขาต่างต้องการออกห่างให้ไกลจากเจ้าหนูที่ชั่วร้ายผิดปรกติเช่นนี้สักหน่อย เพื่อป้องกันนำมาซึ่งภัยพิบัติ!
“แย่งสิ ทำไมถึงไม่กล้า! “ เมื่ออู่ฟ่งหยิ่งได้สติกลับมา ดวงตาทั้งสองพลันดูน่ากลัว พริบตาเดียวกันนี่เอง ดวงตาทั้งสองพลันสว่างไสวขึ้น เห็นประกายตาที่เบ่งบาน เหมือนเปิดโลกออกมาอีกโลกหนึ่งอย่างนั้น
“งั้นก็ต้องเตรียมตัวให้ดีหละ อย่าได้เหมือนคราวก่อนถูกข้าสยบได้ในทันทีอีก!” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยขึ้นมา
“ไร้สาระ…” อู่ฟ่งหยิ่งในฐานะเป็นโฉมตรูแห่งยุค แต่กลับมีวาจาที่หยาบคาย พลันที่กล่าวขาดคำ “ตูม” เสียงดังสนั่น พลังลมปราณส่งเสียงดังตูมตาม แต่ว่า พลังลมปราณของนางกลับไม่ได้พุ่งออกมาจากร่างกาย ลมปราณทั้งร่างส่งเสียงคำรามอยู่ภายในร่างกาย นาทีนี้ทุกคนต่างสงสัยว่าภายในร่างกายาของนางได้ซ่อนมังกรยักษ์เอาไว้ตัวหนึ่งใช่หรือไม่
อู่ฟ่งหยิ่งในฐานะที่เป็นสุดยอดสาวงามแห่งยุค รูปร่างบอบบางสวยงามอรชรอ้อนแอ้น แต่ว่า นาทีนี้ไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงรูปร่างบอบบางสวยงามอรชรอ้อนแอ้นของนาง ทุกคนมองว่าในเวลานี้นางคือมังกรที่กำลังโกรธจัด ทั่วร่างของนางได้แฝงไว้ซึ่งพลังที่สามารถทำลายฟ้าดินได้
“ตูม…” เสียงดังสนั่น เมื่ออู่ฟ่งหยิ่งปลดปล่อยพลังออกมา ละที่น่ากลัวได้พุ่งโจมตีออกมา ภูเขาแต่ละลูกที่อยู่รอบๆ บริเวณพลันพังทลายลง ฉับพลันถูกทำลายทิ้งไป
นาทีนี้อู่ฟ่งหยิ่งไม่ได้ล้อเล่นแต่เอาจริง ถือเป็นการทุ่มพนันสุดตัว
“อ้ายสารเลว ตายเสียเถอะ!” อู่ฟ่งหยิ่งร้องเสียงแหลมดังออกมา ขาดคำ นัยน์ตาของนางเบิกกว้างด้วยความโกรธ ฉับพลันนั้น ได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” ปรากฎมีหงส์ตัวหนึ่งบินออกมาจากภายในดวงตาของนาง
“อิ้ววว…” เสียงของหงส์ดังก้องไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้น หงส์ตัวนั้นได้กางปีกสองข้างพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นได้จิกหัวพุ่งลงมา จะงอยปากของหงส์ที่แหลมคมดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จิกเข้าหาหลี่ชิเย่ ไม่ต้องสงสัยในอานุภาพความคมจะงอยปากของมัน สามารถจิกทะลุทุกสิ่งทุกอย่างในบัดดล ต่อให้เป็นโล่ศักดิ์สิทธิ์ก็มีสภาพที่บางเหมือนดั่งกระดาษเท่านั้นภายใต้การจิกจะงอยปากของหงส์ตัวนี้
หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกกระทั่งหนังตาเมื่อต้องเผชิญกับหงส์ที่พุ่งตัวจิกลงมา และไม่ได้จ้องมองมันมากมายนัก เพียงผุดความคิดขึ้นมาเท่านั้น
“ปัง…” จะงอยปากอันแหลมคมของหงส์ยังไม่ทันจิกถูกตัวของหลี่ชิเย่ ก็ถูกกำแพงใหญ่ที่ไร้รูปขวางเอาไว้
“อิ้ววว…” เมื่อหงส์โจมตีไม่เป็นผล จึงอ้าปาก “ฟู่วว” พ่นเป็นไฟที่เทราดลงมา
“ช่าาา…” ขณะที่เพลิงหงส์ได้เทราดลงมานั้น พื้นดินที่ถูกเพลิงหงส์หกใส่ก็จะถูกเผาไหม้จนละลาย โดยภูเขาหลายลูกที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถูกทำให้หลอมละลายไปกว่าครึ่ง ภายใต้เพลิงหงส์ที่น่ากลัวเช่นนี้ ภูเขาจำนวนหลายลูกถูกเผาผลาญจนราบเป็นหน้ากลองภายในระยะเวลาอันสั้น
ภาพที่เห็นน่าสยดสยองยิ่ง หลายคนรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่กับภาพที่ได้เห็น โดยเฉพาะไอร้อนที่พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า ทำเอายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างทยอยกันถอยหลังออกไป ทิ้งช่วงห่างให้เพียงพอ ต่อให้ถูกสะเก็ดเพลิงกระเด็นเข้าตัวแม้เพียงน้อยนิดก็อาจมีสิทธิ์ถูกเผ่าร่างจนกลายเป็นจุณได้
ผู้คนต่างรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเมื่อได้เห็นภาพนี้ บางคนอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ว่า “นี่เป็นหงส์ตัวจริงรึ?” เห็นชัดว่ามันบินออกมาจากนัยน์ตาของอู่ฟ่งหยิ่ง คนที่รู้จักเวทมนต์ก็ต้องรู้ว่ามันก็แค่อาศัยเวทมนต์แปลงขึ้นมาเท่านั้น แต่ เวลานี้หงส์ตัวนี้กลับแลดูเหมือนจริงมาก โดยเฉพาะเพลิงหงส์นั้นได้สร้างความหวั่นเกรงต่อผู้คนมากมายเหลือเกิน
“เล่าลือกันว่านี่เป็นความลับที่ไม่ถ่ายทอดของหลงเฉิน” มีรุ่นอาวุโสผู้หนึ่งได้พึมพำออกมา
เสียง “ฟู่ววว ฟู่ววว ฟู่ววว…” ดังขึ้น ขณะที่เพลิงหงส์ที่เทราดลงมานั้น สามารถเผาทำลายภูเขาได้ในพริบตาเดียว แต่ว่า มันกลับลุกล้ำในระยะสามฟุตเหนือศีรษะของหลี่ชิเย่ไม่ได้ เพลิงหงส์ทั้งหมดได้แต่อ้อมตัวหลี่ชิเย่ไปและไหลรินลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง
ในเวลานี้ ท่าทางของหลี่ชิเย่แลดูคล้ายดั่งถือกำเนิดขึ้นใหม่ภายใต้การอาบด้วยเปลวเพลิง ขณะที่หงส์เพลิงที่เทราดลงมาอย่างไม่ขาดสาย ภายใต้เพลิงหงส์เหมือนมีกำแพงด้านหนึ่งคอยคุ้มครองตัวเขาอยู่อย่างนั้น เป็นความรู้สึกที่อัศจรรย์ใจยิ่งนัก
“ถึงแม้ว่าเจ้าสามารถฝึก “เคล็ดวิชาเนตรหงส์” ของหลงเฉินพวกเจ้าจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว แต่ คิดจะสู้กับพลังความคิดของข้าล่ะก็ เท่ากับเป็นการอวดอ้างวิชาต่อหน้าปรมาจารย์เสียแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวและส่ายหน้า โดยปล่อยให้เพลิงหงส์ไหลรินไปตามใจชอบ
พลันที่หลี่ชิเย่กล่าวขาดคำ ความคิดพลันแปรเปลี่ยน ได้ยินเสียงดัง “ปุ” หงส์ที่กำลังเพลินกับการพ่นไฟอยู่พลันถูกมือยักษ์ไร้รูปบีบจับเอาไว้ จากนั้นได้ยินเสียงร้องน่าเวทนาดัง “แว๊กก” หงส์ตัวนี้พลันถูกบีบจนตาย ร่างของมันจางหายไปทันทีโดยปราศจากร่องรอย
พลันที่หงส์ซึ่งเกิดจากเวทมนต์ถูกบีบจนตาย ร่างของอู่ฟ่งหยิ่งถึงกับก้าวถอยหลังตึง ตึง ตึงติดต่อกันหลายก้าว ใบหน้าของนางพลันดูขาวซีดทันที เนื่องจากหงส์ตัวนี้มีพลังความคิดของนางแฝงอยู่ภายใน
การที่หลี่ชิเย่บีบหงส์ตัวนี้ตายโดยฉับพลันทันที เท่ากับเป็นการบดขยี้ปณิธานของนางไปด้วย ทำให้นางได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แม้ว่าดูไม่ออกถึงอาการบาดเจ็บของนาง แต่ อาการบาดเจ็บของนางคราวนี้ไม่เบาทีเดียว
“ถ้าหากเจ้ามีฝีมือเพียงเท่านี้ล่ะก็ เกรงว่าไม่ต้องพูดถึงการแย่งชิงของวิเศษของข้าเลย แม้แต่เส้นขนสักเส้นเจ้าก็แตะต้องไม่ได้” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ ขณะมองดูอู่ฟ่งหยิ่งทีหนึ่ง
“ข้านี่แหละจะตัดมือข้างนั้นของเจ้าออกมา เพื่อชิงเอามันมาให้ได้!” อู่ฟ่งหยิ่งพลันโกรธและคำรามเสียงดังออกมา จากนั้นได้ยินเสียง “กรรร” เป็นเสียงคำรามของมังกรดังขึ้นมา
“ตึง” ท่ามกลางเสียงคำรามของมังกร ปรากฏเสียงที่แหลมคมยิ่งดังออกมา อู่ฟ่งหยิ่งในขณะนี้ปรากฎทวนยาวอยู่ในมือแล้ว
ทวนยาวเล่มนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่ กระทั่งดูไปแล้วกลับมีขนาดเล็กเรียวอยู่สามส่วน ตัวของทวนแลดูขาวสะอาดดั่งหยกทั้งเล่ม เหมือนเจียระไนสร้างขึ้นมาจากหยกขาวอย่างนั้น กระทั่งส่วนปลายแหลมของทวนก็เป็นเช่นนั้น แม้ว่าจะดูเหมือนเจียระไนขึ้นจากหยกขาว แต่มันกลับคมกริบยิ่งนัก ส่งประกายเยือกเย็นดั่งหิมะออกมาแวบวับ ทำให้ผู้คนถึงกับเกิดความรู้สึกขนลุกซู่เมื่อได้เห็นปลายทวนเล่มนี้ ทำให้รู้สึกลำคอที่เย็นวาบหลายคนรู้สึกเหมือนว่าปลายทวนได้แทงทะลุเข้าลำคอของตนเสียแล้วเวลานี้
“เจ้าสารเลว วันนี้ข้านี่แหละจะสั่งสอนเจ้าเอง!” ทวนยาวของอู่ฟ่งหยิ่งชี้ไปข้างหน้า “ตูม” ยังไม่ทันที่นางได้ลงมือ แต่พลังของทวนก็ได้ทะลุผ่านฟ้าดิน พลังทวนสายหนึ่งที่คมกริบยากจะหาใดเทียมได้แทงใส่หลี่ชิเย่ทันที
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ต่อให้พลังทวนที่โหดร้ายมากกว่านี้ก็ต้องถูกความคิดของหลี่ชิเย่ต้านเอาไว้ ไม่สามารถตีแตกแนวป้องกันของหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว
หลี่ชิเย่มองดูทวนยาวที่อยู่ในมือของอู่ฟ่งหยิ่งด้วยความรู้สึกเหนือความคาดคิด กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ดูท่าในคลังสมบัติของหลงเฉินยังคงมีของดีอยู่หลายชิ้นทีเดียว ทวนเล่มนี้สร้างขึ้นโดยกระดูกสันหลังของมังกรแท้จริงที่สำเร็จขั้นสมบูรณ์ จิตวิญญาณยังไม่เสื่อมสลายแม้แต่น้อยนิด สร้างขึ้นโดยอาศัยฝีมือของราชันเซียน เห็นทีราชันเซียนฉานหลงที่เป็นปฐมบรรพบุรุษพวกเจ้าคงสังหารมังกรแท้จริงที่สำเร็จมรรคผลขั้นสมบูรณ์ แล้วเลาะเอากระดูกสันหลังออกมา”
“เท่าที่ข้ารู้มา มีอยู่วันหนึ่งมังกรแท้จริงธาตุไฟเข้าแทรก ต่อมาก็ไม่มีข่าวอีกเลย ที่แท้ตายด้วยน้ำมือของราชันเซียนฉานหลง” หลี่ชิเย่กล่าวพร้อมกับเอามือลูบคางและหัวเราะขึ้นมา
“สังหารมังกรแท้จริง! มังกรแท้จริงที่สำเร็จมรรคผลขั้นสมบูรณ์!” ภายในใจของยอดฝีมือรุ่นอาวุโสถึงกับเต้นกระตุกภายในใจทีหนึ่ง เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของหลี่ชิเย่ พวกเขาย่อมรู้ว่ามังกรแท้จริงที่สำเร็จมรรคผลขั้นสมบูรณ์บ่งบอกถึงสิ่งใด
ขณะที่ราชันเซียนฉานหลงกลับสังหารมังกรแท้จริงที่สำเร็จมรรคผลขั้นสมบูรณ์ ช่างเป็นความสามารถที่น่ากลัวเช่นใด
ราชันเซียนฉานหลงไม่เสียทีที่เป็นปฐมบรรพบุรุษของหลงเฉินนะเนี่ย ความแข็งแกร่งของเขาหาใช่จอมราชันเซียนหวังทั่วไปสามารถต่อกรได้” มีผู้ที่พึมพำออกมา
……………………………………………………………