บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกอิจฉา เมื่อมองเห็นภาพของฉินไป่หลี่และจินเก๋อที่ต่างฝ่ายต่างเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน จะอย่างไรเสียพวกเขาเคยเป็นศัตรูมาก่อน ต่างเคยเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งมาก่อน กระทั่งมาวันนี้ขณะนั่งลงแล้วเล่นเกมพนันด้วยกัน พวกเขายังคงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว ยังคงเป็นศัตรูเช่นเดิม
แต่ว่าความเป็นศัตรูระหว่างกันของพวกเขา ไม่ได้มีความแค้นถึงขนาดกัดฟันด้วยความเคียดแค้น และไม่ได้มีความแค้นที่เอ่อล้นออกมาจากสายตา แม้ว่าระหว่างพวกเขาจะเป็นศัตรู แต่กลับต่างฝ่ายต่างเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน พานพบกันสายเกินไปอย่างนั้น นี่เป็นการต่อกรกันของสัจธรรมล้วนๆ ระหว่างพวกเขาไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวต่อกัน
กล่าวสำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากแล้ว ชั่วชีวิตของพวกเขามีศัตรูมากมาย และมีคู่ต่อสู้เป็นจำนวนมาก แต่ว่า การที่สามารถพานพบผู้ที่มีฝีมือพอๆ กัน ทั้งยังต่างฝ่ายต่างเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันเรียกได้ว่ามีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น ทั้งยังพบเจอได้ยากยิ่งกว่ายากเสียอีก
“เรือข้ามฝาก” ขณะที่ผู้คนจำนวนมากต่างจ้องมองเกมการพนันระหว่างฉินไป่หลี่กับจินเก๋ออยู่นั้น ไม่รู้ว่าใครเหลือบไปมองแม่น้ำเหิงเหอทีหนึ่ง และร้องเสียงดังออกมา
“เจ้าตาลายแล้วมั้ง ยังไม่ถึงเวลามาของเรือข้ามฟากนะ” การที่มีคนร้องเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ปฏิกิริยาแรกของผู้คนจำนวนมากก็คือมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากพันล้านปีที่ผ่านมา การปรากฏตัวของเรือข้ามฟากไม่เคยเปลี่ยน มันจะมาตรงตามเวลามาก ไม่เคยมาสาย เป็นอย่างนี้ตลอดมาเป็นพันล้านปี
“เป็นเรือข้ามฟากจริงๆ!” ยามที่ผู้คนจำนวนมากมองตามนั้น มองเห็นเรือลำหนึ่งพายเข้ามาท่ามกลางแม่น้ำเหิงเหอ สิ่งนี้พลันทำให้ทุกคนถึงกับตกใจ เวลานี้ได้สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด
“บนเรือมีคนอยู่ด้วย” มีผู้ที่สายตาดี มองเห็นบนเรือข้ามฟากว่ามีคนนั่งอยู่ตั้งแต่ระยะห่างไกล และร้องเสียงดังขึ้นมา
“มันเป็นไปได้อย่างไร ไม่เคยมีใครสามารถรอดชีวิตกลับมาได้นี่!” มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนไม่เชื่อในเรื่องนี้จากจิตใต้สำนึก แต่ว่า เมื่อจ้องมองดูให้ละเอียดแล้ว บนเรือข้ามฟากมีคนสองคนนั่งมาด้วยจริงๆ
“เป็นคนโหดอันดับหนึ่งกับธิดาราชันฉีหลิน” ครั้นเรือข้ามฟากค่อยๆ แล่นเข้ามาถึงฝั่งอย่างช้าๆ ในที่สุดทุกคนต่างมองเห็นคนที่นั่งมากับเรือได้อย่างชัดเจน หลายคนถึงกับใจหายใจคว่ำ ถึงกับเบิกตากว้างทั้งสองข้าง
“นี่ นี่ นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ กระมัง” ในเวลานี้ บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างถูกทำให้ต้องแตกตื่น เนื่องจากเรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แม้แต่ฉินไป่หลี่และจินเก๋อทั้งสองที่อยู่ในศาลเจ้าทองคำก็รู้สึกตกใจ พวกเขาต่างรู้สึกว่ามันคือปาฏิหาริย์
“นี่ นี่ นี่ นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนระดับสวรรค์สัจธรรมรุ่นอาวุโสถึงกับพูดขึ้นมาด้วยความหวาดผวาว่า “เคยมีระดับเซียนหวังที่รู้สึกสะเทือนอารมณ์ แม้แต่ตัวเขาก็ข้ามไปยังแดนนิพพานไม่ได้ เหตุใดคนโหดอันดับหนึ่งจึงมีชีวิตรอดกลับมา นี่ นี่ นี่มันชั่วร้ายผิดปรกติเกินไปแล้วกระมัง”
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำเหิงเหอ หรือว่าเรือข้ามฟากล้วนแล้วแต่ไปแล้วไปลับไม่มีกลับมา เคยมีระดับจอมเทพที่หลงอยู่ในนั้นแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย ความจริงแล้ว พันล้านปีที่ผ่านมาไม่รู้ว่ามีดาวรุ่งที่มีความปราดเปรื่องน่าทึ่งจำนวนเท่าไรเคยเข้าไปเหมือนกัน แต่หลังจากเข้าไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย และไม่มีข่าวคราวอีกนับจากนั้นเป็นต้นมา
ในขณะที่หลี่ชิเย่พาธิดาราชันฉีหลินลงเรือข้ามฟากนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่มองพวกเขาว่าจะทำได้ เป็นการรนหาที่ตายของพวกเขาชัดๆ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จะประสบความสำเร็จ ก่อนหน้านั้นในอดีตมีผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขา ยอดเยี่ยมกว่าพวกเขาก็ไม่สามารถรอดชีวิตกลับมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาทั้งสองที่เป็นเพียงผู้เยาว์เท่านั้น
แต่ว่า เวลานี้ทั้งหลี่ชิเย่และธิดาราชันฉีหลินต่างมีชีวิตกลับมาทั้งสองคน อีกทั้งยังกลับมาอย่างปลอดภัย นับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวยิ่งนัก ในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่จ้องมองหลี่ชิเย่และธิดาราชันฉีหลินที่ก้าวขึ้นมาจากเรือข้ามฟากด้วยความงุนงง
“นี่ นี่มันเป็นปาฏิหาริย์โดยแท้นะเนี่ย คนโหดอันดับหนึ่งนี่ชั่วร้ายผิดปรกติจริงๆ เขาเป็นผู้ทำลายความคิดเดิมๆ ของทุกคนอย่างแท้จริง เขาถึงกับมีชีวิตรอดกลับมาจากแดนนิพพาน เขา เขา เขาใช่เพียงแค่ฝืนลิขิตสวรรค์เท่านั้น แต่เป็นการฝืนลิขิตตลอดกาลเลยนะ!” กษัตราเฒ่าถึงกับพึมพำออกมาด้วยความหวาดผวา
“สามารถไปแดนนิพพานแล้วมีชีวิตรอดกลับมาได้ งั้นเขามิได้รับผลแห่งความสุขของเหล่าสรรพชีวิตที่อยู่ในตำนานมาแล้วรึ หรือบางทีเขาจะมีชีวิตเป็นอมตะนับจากนี้เป็นต้นไป?” ถึงกับมีผู้ที่ร้องเสียงดังขึ้นมา
ในเวลานี้ ภายในใจของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างรู้สึกแปลกใจ ในเมื่อหลี่ชิเย่และธิดาราชันฉีหลินสามารถมีชีวิตรอดกลับออกมาจากแดนนิพพาน แท้จริงแล้วพวกเขาไปได้อะไรมาบ้างหละ เป็นตำนานเล่าสืบต่อกันมาตลอดว่า ที่แดนนิพานมีผลแห่งความสุขของเหล่าสรรพชีวิต สามารถทำให้มีชีวิตเป็นอมตะได้ หรือว่าในขณะนี้ ทั้งหลี่ชิเย่และธิดาราชันฉีหลินมีชีวิตที่เป็นอมตะจริงๆ แล้วรึ?
“ผลแห่งความสุขของเหล่าสรรพชีวิต มีชีวิตเป็นอมตะ!” มีผู้ที่พึมพำออกมาเบาๆ ในขณะนี้สายตาของบางคนที่จ้องมองไปยังหลี่ชิเย่ได้เปลี่ยนไปทันที ในสายตาของพวกเขาเผยถึงความโลภมากบ้างน้อยบ้างออกมาให้เห็น
จะอย่างไรเสีย ใครบ้างหละที่ไม่ต้องการมีชีวิตเป็นอมตะ? ต่อให้ผู้นั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใดก็ตามก็ต้องการมีชีวิตเป็นอมตะ ถ้าหากสามารถมีชีวิตเป็นอมตะอยู่ในความครอบครอง เกรงว่าคงมีผู้ที่ยินดีแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนมีอยู่
เพียงแต่ชื่อเสียงด้านความโหดของหลี่ชิเย่เป็นที่เลื่องลือ ต่อให้มีผู้คนที่ต้องการอยากได้สิ่งนี้มากเหลือเกิน ก็ไม่กล้าลงมือโดยพละการ
เมื่อหลี่ชิเย่และธิดาราชันฉีหลินขึ้นจากเรือข้ามฟากแล้ว เรือข้ามฟากได้แล่นออกไปอย่างช้าๆ เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นก็หายไปท่ามกลางแม่น้ำเหิงเหอ
หลังจากที่หลี่ชิเย่กับธิดาราชันฉีหลินขึ้นมาจากท่าข้ามแล้ว ผู้คนจำนวนมากต่างทยอยหลีกเป็นทางให้โดยแยกออกไปเป็นสองข้าง
“ฮึ หลี่ชิเย่!” ขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่อยู่นั้น ส่วนใหญ่หากไม่รู้สึกสะเทือนหวั่นไหวก็ถือรู้สึกว่ามันน่าอัศจรรย์เหลือเกิน และหรือรู้สึกอยากได้มาครอบครอง และบังเกิดความละโมบขึ้นมา
แต่ทว่า ในบรรดาผู้คนเหล่านั้นมีบางคนส่งเสียงน่าเกรงขามออกมา พวกเขารู้สึกขบเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อหลี่ชิเย่ เสมือนดั่งมีความแค้นอย่างใหญ่หลวงอย่างนั้น แต่ก็ได้แต่โกรธโดยไม่กล้าพูดอะไรออกมา
แม้ว่าหลี่ชิเย่มองเห็นแล้วว่ามีคนบางคนที่จ้องมองตนอย่างโกรธแค้น จนดวงตาทั้งสองแทบพ่นเป็นไปแห่งความแค้นออกมา เพียงแต่หลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจและไม่นำมาเก็บเอาไว้ในใจ จะอย่างไรเสียผู้ที่แค้นเขาจนฝังเข้าไปในกระดูกดำนั้น บนโลกนี้มีจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงไม่ให้ความสนใจ
“ก้าวข้ามแดนนิพพาน สหายหลี่นับว่ามีบุคลิกลักษณะที่สุดยอดในหล้า” หลังจากที่หลี่ชิเย่ก้าวขึ้นมาจากท่าข้ามแล้ว จินเก๋อที่นั่งอยู่ในศาลเจ้าทองคำได้ออกปากพูดขึ้นมา เสียงของเขาทรงพลังดั่งเหล็กหิน เปี่ยมด้วยพลังเป็นอันมาก บุคลิกของเขาแลดูเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่เมื่อจินเก๋อปริปากออกมา ผู้คนใต้หล้าต่างก็รู้ดีว่าระหว่างจินเก๋อกับหลี่ชิเย่นั้นมีบุญคุณความแค้นต่อกันชนิดที่เรียกได้ว่าไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ เวลานี้ทุกคนจึงใครอยากรู้ว่าการได้พบเจอหน้ากันอีกครั้งระหว่างหลี่ชิเย่กับจินเก๋อจะมีการแลกชีวิตกันหรือไม่
แต่ทว่า พลันที่จินเก๋อปริปากพูดออกมาก็ได้สร้างความแปลกใจให้กับผู้คนจำนวนมาก การที่จินเก๋อมีความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้นั้น ในขณะนี้กลับเอ่ยคำยกย่องหลี่ชิเย่ขึ้นมา เป็นเรื่องที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้
“ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ แค่ข้ามไปเล่นๆ เท่านั้นเอง ไม่นับว่ามีบุคลิกที่สุดยอดในหล้า” หลี่ชิเย่มองดูจินเก๋อและฉินไป่หลี่และยิ้มเรียบเฉย
ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ แค่ข้ามไปเล่นๆ เท่านั้นเอง คำพูดคำนี้พลันทำให้ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องอึ้ง พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน แม่น้ำเหิงเหอที่แม้แต่ระดับจอมเทพก็ข้ามไปไม่ได้ เมื่อออกจากปากของเขากลับกลายเป็นแค่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ แค่ข้ามไปเล่นๆ เท่านั้นเอง ช่างเป็นคำพูดที่พาลเหลือเกิน นี่มันเป็นการเย้ยหยันเป็นนิรันดร์ชัดๆ ผู้ที่พยายามจะก้าวข้ามแม่น้ำเหิงเหอก่อนหน้านั้นถึงกับหมดแรง ภายใต้คำพูดคำนี้ของเขา
แต่ทว่า ในเวลานี้ไม่มีใครคนใดที่รู้สึกว่าเป็นการพูดจาอวดดีและโง่เขลาของคนโหดอันดับหนึ่ง การที่เขาสามารถมีชีวิตรอดกลับมาจากแดนนิพพานได้ ย่อมมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมา
“ลำพังคำพูดคำนี้ของพี่หลี่ เพียงพอที่จะเย้ยหยันได้ตลอดกาล” ฉินไป่หลี่อดที่จะยิ้มเจื่อนๆ ออกมาไม่ได้ แต่เขาไม่อาจไม่ยอมรับว่าหลี่ชิเย่มีคุณสมบัติที่จะพูดเช่นนี้ได้ เนื่องจากแม้น้ำเหิงเหอที่แม้แต่จอมราชันเซียนหวังยังไม่กล้าข้ามไปง่ายดาย ขณะที่หลี่ชิเย่ไม่เพียงข้ามไปแล้ว อีกทั้งยังรอดชีวิตกลับออกมาได้
บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่อุทานด้วยความชื่นชม เมื่อเห็นหลี่ชิเย่เผชิญหน้ากับจินเก๋อ ฉินไป่หลี่แล้วกลับไม่มีความเป็นศัตรูรุนแรง แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นศัตรูกัน แต่ไม่ได้มีลักษณะที่พลันเห็นหน้ากับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ด้วยจิตใจที่กว้างขวางเช่นนี้นับว่าเป็นความจริงที่หาใช่บุคคลทั่วไปสามารถเทียบเคียงได้
“อัจฉริยะบุคลย่อมเป็นอัจฉริยะบุคคล ด้วยจิตใจที่กว้างขวางเช่นนี้หาใช่พวกเราที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถเทียบเคียงได้” มีผู้เฒ่าถึงกับทอดถอนใจออกมา
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น หลี่ชิเย่เป็นผู้ที่สังหารน้องภรรยาและพ่อตาของตน คงวิ่งเข้าไปแลกชีวิตกันแล้ว
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่ง มองดูพวกเขาที่นั่งอยู่ในศาลเจ้าทองคำ และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ภายในศาลเจ้าได้ซ่อนอาวุธที่ยอดเยี่ยมมากอยู่ชิ้นสองชิ้น พวกเจ้าสามารถลองดูได้”
“สมบัติวิเศษในศาลเจ้านี้มีจำนวนมากเหลือเกิน” ฉินไป่หลี่ถูมือและหัวเราะกล่าวว่า “ข้ากับพี่จินเก๋อได้ครุ่นคิดและพินิจพิเคราะห์อยู่นานมาก เพียงแต่ข้าสติปัญญาจำกัด ไม่สามารถแยกแยะของวิเศษเซียนได้ทุกชิ้น หากว่าพี่หลี่มีความสนใจ เข้ามานั่งด้วยกันจะดีไหม?”
“ถูกต้อง เจ้ากับข้ามาพนันสักเกมดีหรือไม่?” จินเก๋อก็พูดขึ้นมาเช่นกัน ท่าทีดั่งขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ สูงตระหง่านไม่อาจสั่นคลอนได้ กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ข้าอาศัยความสง่างามล้ำเลิศเลื่องลือในหล้า ขณะที่สหายหลี่อาศัยความจัญไรตะลึงไปทั่วหล้า ข้าอยากจะได้เห็นความจัญไรของสหายหลี่!”
“จะเริ่มแล้วรึ?” บางคนถึงกับหนังตาเต้นกระตุกทีหนึ่งเมื่อเห็นจินเก๋อก็เชื้อเชิญให้เหลี่ชิเย่เข้าร่วมในเกมการพนันด้วย และกล่าวว่า “นี่จะเป็นรายการเสือพบสิงห์อย่างนั้นรึ?”
“บางทีนี่อาจเป็นโอกาสอันดีที่จินเก๋อจะได้แก้แค้นให้กับน้องภรรยาและพ่อตา” มียอดฝีมือที่คาดเดาเหตุการณ์ว่า “ในศาลเจ้าทองคำแห่งนี้ ใครไม่สามารถควบคุมจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนเอาไว้ได้ คนผู้นั้นจะต้องตายก่อน ไหนเลยจะไม่ใช่สงครามกันล่ะ?”
“เจ้าคิดจะพนันด้วยอะไร?” หลี่ชิเย่มองดูจินเก๋อแล้วยิ้มนิดหนึ่ง
“วันนี้พวกเราจะไม่พนันด้วยสิ่งของที่พื้นๆ แค่พนันด้วยการพิสูจน์ และยืนยันถึงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของแต่ละคน” เสียงของจินเก๋อดั่งเหล็กหิน และกล่าวว่า “แม้ว่าสหายหลี่จะได้สังหารน้อยภรรยาและพ่อตาของข้า แค้นนี้ต้องได้รับการชำระ และย่อมมีโอกาสได้ชำระแน่ แต่ว่า วันนี้พวกเราจะไม่พูดถึงบุญคุณความแค้นทางโลกมนุษย์ ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้จะว่ากันด้วยเรื่องสัจธรรม เรื่องจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร อย่าให้กลิ่นอายของโลกมนุษย์มาแปดเปื้อนการสนทนาธรรมของพวกเรา!”
การที่จินเก๋อพูดออกมาลักษณะเช่นนี้ เป็นการพูดที่ชัดเจนมากแล้ว
“ไม่เสียทีที่เป็นผู้ที่สวรรค์ประทานความสามารถมาให้ ไม่เสียทีที่เป็นจอมราชันในอนาคต ลำพังแค่ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ จินเก๋อก็เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ได้ครอบครองชะตาฟ้า มีสิทธิ์ได้เป็นจอมราชัน” ต่อให้เป็นยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของร้อยชาติพันธุ์ยังต้องเลื่อมใสในความใจกว้างเช่นนี้ของจินเก๋อ
หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและหัวเราะกล่าวว่า “ถ้าหากพวกเจ้าต้องการยืนยันในด้านจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร ข้าหลี่ชิเย่บอกว่ารั้งตำแหน่งอันดับสอง ทั่วหล้าไม่มีใครกล้าบอกว่าตนเองนั้นอยู่ในอันดับหนึ่ง ถ้าหากพวกเจ้าต้องการพนันด้วยการพิสูจน์เรื่องจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรกับข้าล่ะก็ พวกเจ้าพ่ายแพ้แน่นอน ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยไม่มีข้อกังขา”
“ยโสมาก!” คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ทุกคนต้องอึ้ง ผู้คนจำนวนมากต่างทยอยกันมองตากันและกัน กระทั่งมีคนพูดว่า “นี่เป็นการดูท่วงทำนองเบื้องต้นในการดูแคลนต่อบรรดาเหล่าจอมราชันเซียนหวังทั้งหมดรึ? เขาไม่กลัวว่าจะเป็นการนำมาซึ่งศัตรูที่แข็งแกร่งรึ”
“พี่หลี่พูดเช่นนี้ ทำให้ปณิธานการต่อสู้ของข้ายิ่งฮึกเหิมมากยิ่งขึ้นแล้วหละ” ฉินไป่หลี่หัวเราะเสียงดังออกมา และกล่าวว่า “เรื่องสัจธรรมและสรรพวิชาพวกเราแซงล้ำหน้าผู้อื่นได้ยากยิ่ง มีเพียงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรคู่ควรพวกเราไปขัดเกลา คำพูดของพี่หลี่ทำให้ข้าเห็นเกมกีฬาที่ชื่นชอบและเกิดคันไม้คันมืออยากเล่นขึ้นมา”
“มีอะไรที่ทำไม่ได้!” จินเก๋อเองก็พาลไม่เบา และกล่าวว่า “ต่อให้พี่หลี่เป็นผู้ที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรล้ำเลิศเป็นเอก ข้าจินเก๋อก็ยินดีพนันด้วยสักครั้ง! ยังไม่ทันได้พนันด้วยไหนเลยจะรู้ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ!”