หลังจากที่เรือนิรันดรได้เติมเสบียงเรียบร้อยแล้วก็ได้ออกเดินทางอีกครั้ง มุ่งหน้าเส้นทางสู่ไกลกันดารต่อไป
ไกลกันดารคือสถานีสุดท้ายของแดนแห่งการสืบค้น และคือสถานที่ที่ห่างไกลที่สุดของแดนแห่งการสืบค้น ขณะเดียวกันยังเป็นสถานที่ที่อันตรายมากที่สุดของแดนแห่งการสืบค้นอีกด้วย ในแดนแห่งการสืบค้นนี้อย่าว่าแต่ยอดฝีมือทั่วไปแลย ต่อให้เป็นระดับจอมเทพ กระทั่งระดับจอมราชันเซียนหวังก็มีความเป็นไปได้ที่เอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้ ความอันตรายของไกลกันดารเรียกได้ว่าสามารถทำให้ผู้คนต้องหน้าถอดสีเมื่อมีการเอ่ยถึง
ระยะทางที่มุ่งสู่ไกลกันดารนั้นไกลมาก ขณะที่เรือนิรันดรก็สงบเงียบกว่าเดิมมาก เนื่องจากผู้โดยสารที่จะไปยังไกลกันดารมีจำนวนน้อยลงมาก ต่อให้เป็นผู้ที่มีเงินมากพอที่จะไปยังไกลกันดารได้ก็ไม่กล้าเสี่ยงโดยง่ายดาย เนื่องจากการไปที่ไกลกันดารมักจะเป็นการไปรนหาที่ตายอยู่เสมอๆ
ในระหว่างการเดินทาง หลี่ชิเย่ได้กักตนฝึกวิชาโดยไม่ออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว หลายวันมานี้อู่ฟ่งหยิ่งได้มาหาหลี่ชิเย่ แต่ว่าถูกธิดาราชันฉีหลินกันเอาไว้ เนื่องจากหลี่ชิเย่ได้สั่งเอาไว้ว่าไม่พบผู้ใดทั้งสิ้น และทำการปิดกั้นช่องว่างเอาไว้ด้วย
จะว่าไปแล้วก็ให้รู้สึกแปลก อู่ฟ่งหยิ่งกลับไม่เอะอะโวยวาย และรอคอยการกลับออกมาของหลี่ชิเย่อย่างสงบ
ช่วงการเดินทางไปยังไกลกันดาร หลี่ชิเย่กักตนไม่ได้ก้าวออกจากประตูแม้เพียงก้าวเดียว โดยมีธิดาราชันฉีหลินคอยเฝ้าอยู่หน้าประตูอย่างแข็งขัน เนื่องจากหลี่ชิเย่ได้ปิดกั้นช่องว่าง ทำให้ภายในบ้านเงียบสงบยิ่งนัก
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ธิดาราชันฉีหลินที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเข้าใจว่า หลี่ชิเย่กำลังฝึกวิชาอย่างขะมักเขม้น กำลังบรรลุสุดยอดสัจธรรมสูงสุดท่ามกลางช่องว่างที่ถูกปิดกั้นเด็ดขาด
แต่ว่า ธิดาราชันฉีหลินกลับไม่รู้ว่า ภายในบ้านปราศจากเงาของหลี่ชิเย่ หลี่ชิเย่ไม่ได้อยู่ภายในบ้านนี้แล้ว เขาเพียงแค่ปิดกั้นช่องว่างเอาไว้เท่านั้นเอง
หลี่ชิเย่กระทั่งไม่ได้อยู่ภายในเรือนิรันดรด้วยซ้ำ ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้หลบออกไปจากเรือนิรันดรตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีใครสามารถติดตามร่องรอยของหลี่ชิเย่ได้เลย และไม่มีใครสามารถคำนวณถึงร่องรอยของหลี่ชิเย่ได้ ไม่เว้นแม้แต่ระดับจอมราชันเซียนหวัง เนื่องจากหลี่ชิเย่ได้ทำการลบร่องรอยทุกอย่างออกไปจนหมดสิ้น
ขณะที่ออกเดินทางจากเมืองตี้ฮว่าเพื่อไปยังไกลกันดารนั้น หลี่ชิเย่ได้ทำการลบร่องรอยทั้งหมดที่ตนเองเคยเหลือทิ้งเอาไว้ในมิติแห่งกาลเวลา ทำให้ไม่มีใครสามารถติดตามร่องรอยของเขาได้อีกต่อไป ไม่มีใครสามารถคำนวณหาได้ ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายลงมือคำนวณหาก็จะไม่ได้คำตอบเช่นกัน
เนื่องจากหลี่ชิเย่ได้เตรียมการตั้งแต่แรกเอาไว้อยู่แล้ว กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว การไปไกลกันดารแค่ทางผ่านเท่านั้นเอง และเป็นตัวล่อเท่านั้นเอง ท่ามกลางเส้นทางสายนี้ จุดประสงค์หลักที่แท้จริงของหลี่ชิเย่คือต้องการพบกับคนผู้หนึ่ง กระทั่งกล่าวได้ว่า การมาที่ชิงโจวของหลี่ชิเย่นั้น แท้จริงแล้วจุดประสงค์คือต้องการพบคนๆ นี้
ในนี้เกี่ยวพันถึงความลับที่ยิ่งใหญ่มาก ความลับที่ไม่อนุญาตให้ผู้หนึ่งผู้ใดล่วงรู้ได้อย่างเด็ดขาด
ในช่องว่างที่ไม่มีใครทราบ พิกัดตำแหน่งที่ไม่มีใครรู้ สถานที่ที่ไม่มีผู้ใดทราบ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่มีใครรู้ ณ ที่ตรงนี้ทุกอย่างถูกปกปิดเอาไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะอะไร เป็นสิ่งมีชีวิตใด เป็นสถานที่ที่ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถสอดแนมหรือมองเห็นได้ ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับสูงสุด หรือจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายก็ไม่สามารถทำการสอดแนมได้
มันเป็นที่สุดของสถานที่ลับ สถานที่ที่ถูกซ่อนเร้นขั้นเด็ดขาด กระทั่งพูดได้อย่างไม่เป็นการอวดอ้างได้เลยว่า เป็นสถานที่ที่แม้แต่สวรรค์ก็สอดแนมไม่ถึง
หลี่ชิเย่นั่งอยู่ที่ตรงนี้เอง นั่งรอคอยอยู่เงียบๆ ปราศจากซุ่มเสียงใดๆ เสมือนหนึ่งได้หลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับช่องว่างลับสุดยอดแห่งนี้
สถานที่แห่งนี้ใช้คำว่าลับสุดยอดยังไม่สามารถเปรียบเปรยได้ เนื่องจากช่องว่างที่ลับสุดยอดแห่งนี้มีผู้ที่รู้อยู่เพียงสองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือตัวเขาเอง อีกคนหนึ่งก็คือคนที่หลี่ชิเย่ต้องการจะรอ กระทั่งพูดได้อย่างไม่เป็นการคุยโม้ว่า แม้แต่ราชันเซียนหมิงเหรินในครั้งครานั้นก็ไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้
เนื่องจากสิ่งนี้เป็นความลับที่สะเทือนฟ้า เป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ตลอดกาล ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถล่วงรู้ความลับนี้ได้
สุดท้าย ช่องว่างได้มีการกระเพื่อมทีหนึ่ง มีคนผู้หนึ่งมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว เขาคือผู้ที่หลี่ชิเย่รอคอยนั่นเอง
บุคคลผู้นี้ลับสุดยอด หน้าตา สัญลักษณ์ ฐานะ ชื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาถูกปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาไม่อนุญาตให้ผู้ใดสอดแนมได้
“ว่ากันตามเวลาที่นัดหมาย ท่านมาสายแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบๆ เมื่อมองเห็นผู้ที่มา
ผู้ที่ปรากฏถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางความลับสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นฐานะของเขา ประวัติความเป็นมา ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาในโลกนี้มีผู้ที่รู้อยู่เพียงคนเดียว คนผู้นี้ก็คือหลี่ชิเย่!
“หนทางห่างไกล การที่จะมาสักครั้งไม่ง่ายเลย” ผู้ที่มาถึงกับยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “อีกอย่าง สายตามากมายเหลือเกิน การออกจากบ้านไกลๆ สักครั้งใช่เป็นเรื่องง่ายดาย”
หลี่ชิเย่เพียงแค่หัวเราะทีหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ท่ามกลางใบหน้าที่ยิ้มแย้มเรียบๆ นี้
“ชาตินี้สมควรมาได้แล้วสิ” สุดท้าย หลี่ชิเย่ได้เอ่ยปากขึ้นช้าๆ
“ต่อให้ไม่สมควรมา ก็สมควรจบสิ้นกันได้แล้ว” ผู้ที่มาได้พูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อ ท่านตัดสินใจออกเดินทางแล้ว ก็ได้เวลาสมควรให้มันจบสิ้นได้แล้ว”
“ถูกต้อง ได้เวลาให้มันจบสิ้นได้แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “กวาดล้างพวกคนชั่วเหล่านี้หมดแล้ว ก็สมควรแก่เวลาที่ข้าออกเดินทางได้แล้ว ให้ข้าได้ต้อนรับการต่อสู้เป็นครั้งสุดท้ายอย่างหมดห่วงก็แล้วกัน”
“ท่านมีความมั่นใจกับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายหรือไม่?” ผู้ที่มาจ้องมองดูหลี่ชิเย่ อย่างจริงจัง และกล่าวว่า “ถ้าหากท่านมีชัยกลับมาจากการต่อสู้ครั้งสุดท้าย คนชั่วที่ว่าไหนเลยมีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง มันก็แค่หยากไย่ที่สามารถปัดออกไปเบาๆ เท่านั้นเอง”
“บนเส้นทางสายนี้ ใครเล่าสามารถบอกได้เต็มร้อยว่าจะเป็นผู้ชนะ? คนที่ก้าวเดินผ่านไปมีมากมายเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบๆ และกล่าวว่า “สุดท้ายแล้ว เคยมีใครทำได้สำเร็จบ้างหละ? สิ่งนี้มันไม่ได้ง่ายเหมือนเพียงแค่บุกเบิกยุคสมัยที่ใหม่ทั้งหมดแค่นั้น!”
ผู้ที่มาได้นิ่งเงียบกับคำพูดเช่นนี้ เป็นความจริงที่มีผู้ก้าวเดินบนเส้นทางนี้มากมายเหลือเกิน แล้วมีใครบ้างที่สามารถได้รับชัยชนะเล่า? ไม่มีใครรู้ว่าหลังผ่านการต่อสู้ครั้งสุดท้ายแล้วจะเป็นเช่นใด เมื่อก้าวเดินถึงสุดท้ายแล้ว ต่อให้สามารถเอาชนะในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้จริงๆ ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะได้ต้อนรับสิ่งใดกันแน่!
“นี่แหละคือการรับประกันสองชั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบๆ ว่า “การกวาดล้างสิ้นคนชั่ว นอกจากสามารถต่อสู้ครั้งสุดท้ายอย่างสบายใจแล้ว ยังไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาขัดแข้งขัดขา ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ต่อให้สามารถรอดชีวิตกลับจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายมาได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นความืดมิดที่ว่าก็ไม่คงอยู่อีกต่อไป โลกในอนาคตก็อยู่ในกำมือของท่าน สามารถอดทนผ่านไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับท่านและพวกเขาสามารถนำพาโลกใบนี้ให้ก้าวล้ำไปได้หรือไม่แล้ว!”
“ข้าไม่ใช่พระเจ้าที่ช่วยโลก” ผู้ที่มาหัวเราะและส่ายหน้า กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ข้าก็ไม่ใช่เป็นผู้เฝ้าปกป้องเส้นทางสายนี้”
“จะมีใครรู้เล่าว่าใครเป็นพระเจ้าช่วยโลก ใครเป็นผู้ปกป้องคุ้มครอง” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาและกล่าวว่า “ภายในใจของผู้คนในหล้า ข้าเป็นได้แค่คนฆ่าสัตว์คนหนึ่งเท่านั้น ในใจของเหล่าจอมราชันเซียนหวังเช่นพวกท่าน ข้าเป็นเพียงมือมืดที่คอยบงการพวกเจ้าเท่านั้นเอง”
“ท่านไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ปกป้องคุ้มครอง แต่ท่านกลับไม่เคยได้ปล่อยวางเสียที” ผู้ที่มาได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ทำไมจะไม่ได้ หากจะให้คนทั่วหล้าได้รับรู้”
“ท่านเองก็ปกปิดฐานะเอาไว้มิใช่รึ มีใครเล่าที่รับรู้ถึงฐานะที่ลึกลับของท่านกันหละ?” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “ในวันนี้ของท่านมีเส้นทางสายอื่นที่สามารถเลือกได้ แต่ท่านก็ยังคงก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้ของพวกเราต่อไป นั่นเป็นเพราะอะไร? ชื่อเสียงในโลกกล่าวสำหรับข้าแล้วไม่นับเป็นอะไร ต่อให้ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ของข้าในยุคสมัยนี้ก็ไม่นับเป็นอะไร! ข้าเพียงทำในสิ่งที่ข้าอยากทำเท่านั้นเอง สุดเพียงเท่านี้แหละ ข้าไม่ใช่พระเจ้าที่ช่วยโลก และไม่ใช้ผู้ปกป้องคุ้มครองอะไรนั่น”
ผู้ที่มาไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่พวกเขาได้เลือกเอาไว้ หากขาดการระมัดระวังแม้เพียงน้อยนิด พวกเขาอาจจะต้องถูกผู้คนในโลกสาปส่งเป็นหมื่นปี กระทั่งวันหนึ่งสิ่งที่พวกเขากระทำล้มเหลว พวกเขาก็อาจจะถูกชนรุ่นหลังพูดบิดเบือนจนกลายเป็นมารร้ายที่ชั่วช้าก็เป็นได้!
ต่อให้มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจถูกผู้คนพูดบิดเบือนจนกลายเป็นมารร้ายที่ชั่วช้าสามานย์ พวกเขายังคงก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้ต่อไป เนื่องจากหากพวกเขาไม่ก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางสายนี้ล่ะก็ ในอนาคตขณะการทำลายล้างยังไม่ทันเกิด โลกก็กลายเป็นความมืดมิดไปแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงได้ตัดสินใจเลือกเดินบนเส้นทางสายนี้!
“ตาแก่พวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” สุดท้าย พวกเขาได้สนทนาถึงเรื่อง เฉพาะขึ้นมาแล้ว พวกเขากำลังวางแผนเรื่องใหญ่ที่สะเทือนฟ้า เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถให้ผู้อื่นรับรู้ได้ตลอดกาล
“ซ่อนตัวได้มิดชิดมาก” ผู้ที่มาได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในใจของพวกเขารู้ดีว่า มีจอมราชันเซียนหวังที่ไม่ยอมเลิกราแน่นอน และพวกของราชันเซียนเจียวเหิงก็ไม่ยอมรามือเพียงเท่านี้แน่ ดังนั้น จึงแอบซ่อนตัวได้มิดชิดมาก ไม่ว่าจะเป็นพวกเขา หรือพวกของเจียวเหิงที่เป็นจอมราชันเซียนหวังหลายคน ต่างสืบข่าวคราวไม่ได้”
“วางใจเถอะ เจียวเหิงไม่ตายง่ายๆ อย่างนั้นหรอกนะ” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “ด้วยนิสัยของเขา ขอเพียงถูกเขาจับได้เขาก็จะสู้ไปจนถึงที่สุด! ราชันเซียนเฉกเช่นพวกเขาทั้งหลายได้ทุ่มเทให้กับเส้นทางสายนี้ไปไม่น้อยเลย สิ่งที่พวกเขาถวายให้บนเส้นทางสายนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายของพวกราชันเซียนหมิงเหรินเลย!”
พวกของราชันเซียนหมิงเหรินเลือกที่จะก้าวเดินบนเส้นทางของการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่เฉกเช่นพวกของราชันเซียนเจียวเหิงหลายองค์ในฐานะราชันเซียนผู้ปราศจากผู้ต่อกรของเก้าแดน กลับเลือกที่จะเดินบนเส้นทางอีกสายทางที่แตกต่างจากคนอื่น
ในนี้ได้เกี่ยวโยงถึงสงครามที่ยืดเยื้อและยาวนานตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เพียงแต่มันเป็นสงครามที่ผู้คนบนโลกไม่ได้รับรู้เท่านั้นเอง
“บางที ท่านควรตามหาชิงมู่ผู้ลึกลับให้พบ ในมือของเขามีข่าวคราวมากกว่าเสียอีก” ผู้ที่มาได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“ต้องการพบชิงมู่ก็ใช่เป็นเรื่องง่าย สมควรได้พบเขาจะปรากฏตัวออกมาเอง” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในใจของชิงมู่คงคิดคำนวณเอาไว้แล้วหละ เขามีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน เรื่องราวหลายๆ เรื่องเขาเข้าใจเป็นอย่างดี”
ราชันเทพชิงมู่คือจอมราชันคนแรกของสิบสามทวีป แต่เป็นจอมราชันที่ลึกลับมากที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ใด ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว กระทั่งไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นหรือตายด้วยซ้ำ
“ไม่ว่าเขาจะหลบซ่อนตัวมิดชิดเพียงใดก็ตาม ชาตินี้ก็ต้องได้เวลาที่ต้องสิ้นสุดลงแล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ถ้าหากพวกเขาไม่ปรากฏตัวออกมา หากจำเป็น พวกเราก็ต้องล่อเสือออกจากถ้ำ ทำให้พวกเขาต้องออกมา ย่อมต้องมีจังหวะที่พวกเขาอดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่บ้างหละ!”
“จัดการกำจัดจอมราชันเซียนหวังบางส่วนก่อนเป็นอันดับแรก!” ผู้ที่มาได้กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ไม่ว่าจะเป็นท่านหรือข้า เมื่อถึงเวลาเปิดศึกก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าทุกคนจะยืนอยู่ข้างฝ่ายของพวกเรา อีกทั้งท่าทีของจอมราชันเซียนหวังบางคนก็มีแนวโน้มที่ชัดเจนมาก! ถึงเวลานั้นพวกเราอาจมีความเป็นไปได้ที่จะตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมปราบปรามก็เป็นได้”
“เรื่องนี้จำเป็นอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ที่สมควรจัดการก็ให้จัดการเสีย กำจัดเด็ดปีกของพวกเขาเสีย อย่าให้พวกเขาบินขึ้นมาได้ ไม่ปล่อยให้พวกเขามีลูกสมุน เพราะหากมีลูกสมุนมากเกินไป พวกเราก็ไม่สามารถล่อพวกเขาออกมา! เมื่อใดที่พวกเขาแอบซ่อนมิดชิดเกินไป เกรงว่าพวกเราจะพลาดโอกาสไป”
“เริ่มลงมือกับใครก่อน?” ผู้ที่มาเอ่ยขึ้น
“เรื่องนี้พวกเราไม่สามารถทำให้โจ่งแจ้งเกินไปใช่ไหม” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและกล่าวว่า “ภายในใจของพวกเรามีรายชื่อเอาไว้ก็พอแล้ว คนไหนสมควรฆ่าก็ให้ฆ่าเสียโดยไม่มีการละเว้น ไม่สนว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวัง! ไม่อนุญาตให้พวกเขายืนอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่ง!”