ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1927 สูญเสีย

ตอนที่ 1927 สูญเสีย

หลังจากที่สัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ดูดเลือดสดๆ บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นจนแห้งแล้ว ได้ยินเสียงดัง “ตึง ตึง ตึง” ดังขึ้น เกล็ดทั่วตัวถึงกับตั้งชูชันขึ้นและแผ่ประกายสีเลือดออกมา เหมือนว่าเขาได้ฟื้นฟูพลังกลับมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ในเวลานี้ สัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนยังไม่หายอยาก แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากเผลบๆ จากนั้น อ้าปากที่เปื้อนเลือด ลิ้นสีแดงเลือดถูกปล่อยออกมาและฉกไปข้างหน้า

“ปุ ปุ ปุ” ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ลิ้นที่ฉกออกมาได้แยกออกเป็นแฉกๆ หลายสิบอัน พุ่งเป้าไปยังยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ห่างไกลออกไป

ลิ้นของสัตว์ประหลาดตัวนี้นับว่ามีความยาวมากเหลือเกิน สามารถก้าวข้ามพันล้านลี้ในฉับพลันทันที คล้ายดั่งเป็นหอกศักดิ์สิทธิ์แต่ละเล่มที่พุ่งเสียบทะลุอกของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน

“แม่เจ้า รีบหนีกันเร็ว” ในเวลานี้ บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดได้สติกลับมาแล้ว ทุกคนเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรราชันสวรรค์ขวางเส้าจึงได้ถอนร่างแหที่คลุมพื้นที่ออกไป เป็นเพราะเขาได้ถือเอาบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ยืนดูความคึกครื้นเป็นอาหารของสัตว์ประหลาด

ในขณะนี้ ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่ขวัญหนีดีฝ่อ หันหลังจากไปทันที

“อ๊ากก” พลันปรากฏยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนหลายสิบคนต้องตายอนาถภายใต้ลิ้นของสัตว์ประหลาดตัวนั้น สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็รู้ดีว่าใครแข็งแกร่งใครอ่อนด้อย แม้ว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าจะใกล้กับมันมาก แต่มันก็รู้ว่าไม่สามารถไปหาเรื่องกับราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ ดังนั้น มันจึงไม่ลงมือกับราชันสวรรค์ขวางเส้า แต่เลือกที่จะลงมือกับผู้ที่อ่อนแอกว่าแทน

“ในเมื่อมาแล้ว ก็รั้งอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน” ทุกคนต่างตกใจกับสัตว์ประหลาดตัวนี้และหันหลังวิ่งหนีเต็มกำลัง เพียงชั่วพริบตาเดียวก็หนีไปถึงขอบฟ้าเพื่อหลบออกจากที่ตรงนี้ไป

แต่ทว่า ราชันสวรรค์ขวางเส้าไหนเลยจะยอมปล่อยให้อาหารหนีไปได้ตามอำเภอใจ หัวเราะเสียงดัง กางนิ้วทั้งห้าออก “ตูม” เสมือนหนึ่งเป็นภูเขาห้าลูกปิดกั้นฟ้าดินจนสนิท ขวางทางบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่กำลังหลบหนีเอาไว้

“อ๊ากก” เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ด้านหลังซึ่งถูกขวางทางเอาไว้จำนวนมากพลันถูกลิ้นของสัตว์ประหลาดแทงทะลุอก และถูกดูดเลือดจนแห้ง

“ทำลาย” มีผู้ที่มองเห็นนิ้วมือทั้งห้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าที่คล้ายดั่งขุนเขาขวางทางเอาไว้ จึงเสกเอาอาวุธวิเศษของตนออกมา หมายตีฝ่าออกไป

“ไม่เจียมตัว!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าส่งเสียงฮึออกมา “ตูม” อานุภาพราชันสยบเหล่าชั้นฟ้า “ปัง” อาวุธที่ซัดออกมาถูกทำลายไปโดยพลัน ราชันสวรรค์ขวางเส้าตวัดแขนเสื้อทีหนึ่ง พลันส่งพวกยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่คิดจะหลบหนีกลับไปยังหุบเขาในทันที

“อ๊ากก” เสียงร้องน่าเวทนาดังไม่ขาดสาย บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ถูกแขนเสื้อสลัดให้กลับไปบริเวณหุบเขาพลันถูกสัตว์ประหลาดดูดเลือดจนแห้งทันที

“ไหนๆ ก็มาแล้วก็รั้งอยู่ต่อไปเถอะ” บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนต่างแตกฮือหนีไปคนละทิศคนละทาง แต่ว่า ราชันสวรรค์ขวางเส้าในเวลานี้หัวเราะเสียงดัง พลันหงายมือออกปรากฎประกายที่ละลานตา หลักกฎเกณฑ์ราชันแต่ละสายลงมาจากฟากฟ้า เสมือนหนึ่งน้ำตกส่งเสียงดังตูมตาม เข้าขวางทางบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่กำลังหนีไปคนละทิศคนละทาง

เสียง “ปัง” ดังขึ้นเป็นระยะ ผู้ที่มีทักษะอ่อนถูกราชันสวรรค์ขวางเส้าจับโยนกลับไปยังหุบเขาเลี้ยงเป็นอาหารสัตว์ประหลาด ทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมากเหลือเกิน ไม่สามารถรับมือได้อยู่แล้ว

“ตูม ตูม ตูม” เสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก ในกลุ่มที่ยืนดูความคึกคักก็มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนบางคนที่เป็นระดับจอมเทพที่มีหนึ่งถึงสองดวงตราสัญลักษณ์ในครอบครอง เดิมทีบรรดาจอมเทพเหล่านี้เพียงต้องการพาผู้เยาว์ของตนออกมาเพิ่มพูนประสบการณ์ ไม่นึกเลยว่าจะพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ เวลานี้บรรดาจอมเทพเหล่านี้ต่างคุ้มครองผู้เยาว์ของตนหลบหนี

ดังนั้น จอมเทพเหล่านี้จึงได้ลงมือทำลายกฎเกณฑ์ของจอมราชันเพื่อคุ้มครองให้ผู้เยาว์ของตนหนีไปให้ไกล

“คิดจะหนี ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ” ในขณะนี้ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ไล่ตามไปด้วยตนเอง ฉับพลันก็ไปปรากฏอยู่ด้านบนท้องฟ้าของบรรดายอดฝีมือที่กำลังหลบหนี

“ราชันสวรรค์ขวางเส้า อย่าลืมฐานะของตนสิ” จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองดวงอดที่จะร้องกล่าวด้วยเสียงอันดังออกมา

ราชันสวรรค์ขวางเส้าหัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “ฐานะ ฐานะอะไร? ”

“ท่านคือจอมราชันของเผ่าสวรรค์ มีชาติกำเนิดจากเผ่าสวรรค์เช่นกัน ท่านสมควรเป็นจอมราชันที่ได้รับการเคารพรักยิ่งจากเผ่าเดียวกัน ไม่ใช่จอมปีศาจที่นำผู้ด้อยกว่ามาเป็นอาหาร!” จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองดวงกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า จอมราชันที่ได้รับการเคารพรักยิ่ง?” ราชันสวรรค์ขวางเส้าหัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นจอมราชัน จำเป็นต้องอาศัยพวกเจ้ามาเคารพรักด้วยรึ? ในสายตาของข้า พวกเจ้าเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้นเอง มีคนยักษ์คนไหนบ้างที่ต้องให้ความสนใจต่อความเห็นของมดปลวก!”

“อย่าลืมไปสิ ท่านเป็นจอมราชัน จอมราชันจะพุ่งเป้าไปยังผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า คุ้มครองผู้อ่อนแอกว่า!” จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองดวงร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำ

“ใครบอกว่าจอมราชันต้องให้ความคุ้มครองผู้ที่อ่อนแอกว่า?” ราชันสวรรค์ขวางเส้าหัวเราะน่าครั่นคร้ามออกมา และกล่าวว่า “ในสายตาของจอมราชัน พวกเจ้าเป็นเพียงแกะที่อ้วนพีเท่านั้น อยากจะเชือดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ!”

“ท่าน” คำพูดของราชันสวรรค์ขวางเส้าพลันทำให้จอมเทพผู้นี้ต้องอึ้ง เนื่องจากพวกเขาไม่เคยพบเจอจอมราชันลักษณะเช่นนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชาติกำเนินจากเผ่าใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู อย่างน้อยที่สุดพวกเขามีความสง่าผ่าเผย

แต่ ราชันสวรรค์ขวางเส้ากลับแตกต่าง เขาเหมือนไอ้ระยำที่ทำอะไรตามอำเภอใจมากว่า!

“เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว รับมือกระบี่ข้า” ราชันสวรรค์ขวางเส้าหัวเราะเสียงดัง กระบี่ที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงคำตาม “ตึง” หนึ่งกระบี่สะบั้นเก้าแดน หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา กวาดล้างสิ้นหมื่นแดน!

“ทำลาย” จอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองดวงผู้นี้คำรามเสียงดัง เสกเอาโล่ยักษ์ออกมา ต้านรับกับกระบี่ราชันที่ฟาดฟันลงมา พลันเกิดสะเก็ดไฟแตกกระจาย เสมือนดั่งเป็นการระเบิดจากดวงดาวพุ่งชนอย่างนั้น

“ดวงตราสัญลักษณ์สองดวงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ราชันสวรรค์ขวางเส้าหัวเราะเสียงดัง “ตูม” เสียงดังสนั่น ชะตาฟ้าปรากฏขึ้นมา “แช้งค์” เสียงกระบี่ร้องคำราม ทันใดนั้น อานุภาพจอมราชันที่น่ากลัวยิ่งได้อาละวาดเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน กระบี่ราชันทั้งสามพุ่งขึ้นท้องฟ้า เสมือนดั่งกระบี่สวรรค์ขนาดใหญ่ยากจะเทียบเทียมสามเล่ม สามารถผ่าจักรวาลออกเป็นสองซีกได้

อีกด้านหนึ่ง ซึหุนหลินที่เห็นราชันสวรรค์ขวางเส้าเอาจริง จึงกล่าวกับพวกอู่ชีที่อยู่ข้างกายว่า “พวกเราไปกันเถอะ ราชันสวรรค์ขวางเส้าจิตวิปลิตไปแล้ว หลายปีผ่านไปนิสัยที่โอหังและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ไม่เคยเปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว”

เมื่อเทียบกับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนคนอื่นๆ ที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแล้ว ซึหุนหลินกลับดูไม่สะทกสะท้านกว่ากันมากทีเดียว เนื่องจากเขาไม่ได้เกรงกลัวต่อราชันสวรรค์ขวางเส้า ดังนั้น ก่อนที่เขาจะไปจากจึงดูไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้หนีแบบแตกตื่นและหนีหัวซุกหัวซุน

“นี่มันจอมราชันแบบไหนกัน มีจอมราชันคนไหนที่ทำเหมือนอย่างเขากัน” อู่ฟ่งหยิ่งถึงกับสงสัยเมื่อเห็นราชันสวรรค์ขวางเส้าถึงกับจับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน โยนเข้าไปในหุบเขาเลี้ยงสัตว์ประหลาด

ความจริงแล้ว การที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าในฐานะที่เป็นจอมราชันทำเรื่องที่นอกคอกเช่นนี้ขึ้น นับว่าอยู่เหนือความคาดคิดของพวกรุ่นเยาว์อย่างอู่ชีเป็นอันมาก ในความคิดของพวกเขา จอมราชันเซียนหวังคือผู้มีลักษณะอันน่าเกรงขามสูงสุด พวกเขาพร้อมรับกับการโจมตีของผู้ที่แกร่งกว่า ปกป้องผู้ด้อยกว่า แต่เรื่องเช่นนี้กลับไม่พบเห็นบนตัวของราชันสวรรค์ขวางเส้า

“อ๊ากก” ในเวลานี้เอง เสียงร้องแหลมน่าเวทนาดังขึ้น ราชันสวรรค์ขวางเส้าในขณะนี้สำแดงกระบี่สามเล่มพร้อมกัน ภายใต้พลังชะตาฟ้าทำให้เขาสามารถสังหารจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สองดวงผู้นั้น และจอมเทพผู้นั้นกับผู้เยาว์ของเขาล้วนแล้วแต่ถูกราชันสวรรค์ขวางเส้าจับโยนเข้าไปเป็นอาหารให้กับสัตว์ประหลาดในหุบเขา

“ในเมื่อมาแล้วยังคิดจะหนีอีกรึ?” ในขณะนี้ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้จับจ้องไปที่พวกของซึหุนหลิน แค่ก้าวเท้าก้าวเดียวก็ไปปรากฏตัวอยู่บนท้องฟ้าด้านบนพวกเขา

แม้ว่าซึหุนหลินจะถูกราชันสวรรค์ขวางเส้าจับจ้องเอาไว้ก็ไม่ได้แสดงอาการรนลานสักเท่าไร เขาหันหลังกลับมาด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้านยิ่ง ยืนประสานมืออยู่ในแขนเสื้อ มองดูราชันสวรรค์ขวางเส้าและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ราชันสวรรค์ขวางเส้า เจ้ากับข้าน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง ข้าแค่พาผู้เยาว์สามคนมาเดินเล่นเท่านั้นเอง”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ซึหุนหลิน ข้าเคยได้ยินชื่อของเจ้า” ราชันสวรรค์ขวางเส้าหัวเราะเสียงดัง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ครั้งนั้นขณะอยู่ที่เป่ยเจียงเจ้าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญตนตัวน้อยๆ คนหนึ่งเท่านั้น คิดเข้าไปเป็นศิษย์ของเมืองถู่เฉินแต่ไม่ได้รับการพิจารณา”

ซึหุนหลินไม่ได้แสดงอาการโกรธสำหรับคำพูดของราชันสวรรค์ขวางเส้า เพียงยิ้มกล่าวด้วยท่าทีสงบนิ่งว่า “ถูกต้อง ครั้งนั้นข้าเป็นเพียงตัวน้อยๆ ที่ไร้ชื่อในเป่ยเจียงเท่านั้น เมื่อเทียบกับเจ้าที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า เรียกได้ว่าไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง ครั้งนั้นเจ้าปราศจากผู้ต่อกรในรุ่นเดียวกันแล้ว”

พวกของอู่ชีต่างรู้สึกเหนือความคาดคิดเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของซึหุนหลิน ไม่นึกเลยว่าซึหุนหลินจะเป็นผู้อยู่ในยุคสมัยเดียวกันกับราชันสวรรค์ขวางเส้า

ในที่สุดเวลานี้พวกของอู่ชีจึงได้เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรซึหุนหลินถึงได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับราชันสวรรค์ขวางเส้ามากมาย ที่แท้พวกเขาเกิดในยุคสมัยเดียวกัน

“แหะ แค่คนที่ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งในวันนั้นเท่านั้นเอง มาวันนี้ถึงกับกล้าทำกำแหงต่อหน้าข้า เกรงว่าครั้งนั้นที่เมืองถู่เฉิน ข้าแค่พูดคำเดียวก็สามารถทำให้เจ้าขวัญหนีดีฝ่อได้แล้ว” ดวงตาทั้งสองของราชันสวรรค์ขวางเส้าพลันดูน่ากลัว เผยปณิธานการฆ่าออกมา

เรื่องเช่นนี้สำหรับราชันสวรรค์ขวางเส้าแล้วคือเสี้ยนหนามอันหนึ่ง ราชันสวรรค์ขวางเส้าในครั้งนั้นคือสุดยอดดาวรุ่งในหล้า หมางเมินเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ในรุ่นเดียวกันราชันสวรรค์ขวางเส้าคือผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรเสียแล้วในขณะนั้น

ขณะที่ในเวลาเดียวกัน ซึหุนหลินเป็นเพียงคนที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรเท่านั้น พยายามขอเข้าสำนักเป็นผู้บำเพ็ญตนด้วยความยากลำบาก

ลองนึกภาพดู ราชันสวรรค์ขวางเส้าในเวลานั้นมีฐานะสูงเด่น มีหน้ามีตาไร้ขีดจำกัด ขณะที่ซึหุนหลินยังอยู่ในฐานะดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดด้วยความยากลำบาก

แต่ทว่า เวลาได้ผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ราชันสวรรค์ขวางเส้ายังคงเป็นเพียงจอมราชันที่มีเพียงชะตาฟ้าเดียวเท่านั้น ขณะที่ซึหุนหลินคือจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงแล้ว

ความแตกต่างตรงจุดนี้ทำให้ภายในใจของราชันสวรรค์ขวางเส้ารู้สึกไม่สบายใจ ถ้าหากเขาคือจอมราชันที่มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครอง เขาย่อมสามารถเป็นเหมือนดั่งเช่นครั้งครานั้นที่หมางเมินต่อซึหุนหลินโดยสิ้นเชิงได้

เสียดาย ซึหุนหลินในเวลานี้ได้มีฐานะที่เท่าเทียมกับเขาแล้ว

“ถูกต้อง” ซึหุนหลินเองไม่ได้รู้สึกโกรธ และไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอาย เขายิ้มกล่าวว่า “ข้ายังจำได้ ครั้งนั้นขณะเจ้ามาที่เป่ยเจียง มีหน้ามีตาอย่างเต็มที่ ได้รับการต้อนรับจากองค์หญิงของเป่ยเจียงด้วยตนเอง ครั้งนั้น พลันที่เจ้าลงมือก็เอาชนะแปดผู้กล้าแห่งเป่ยเจียงได้ ขณะที่ข้าต้องการเข้าเป็นศิษย์สำนักเมืองถู่เฉินแต่ไม่ได้รับการตอบรับ ความมีหน้ามีตาของราชันสวรรค์ขวางเส้าในครั้งนั้น นับว่าเป็นที่อิจฉาของผู้ที่อยู่ในรุ่นเดียวกันโดยแท้จริง”

พวกของอู่ชีต่างรู้สึกถึงความสับสนของกาลเวลา เมื่อได้ฟังคำจากซึหุนหลินแล้ว

ราชันสวรรค์ขวางเส้าในครั้งนั้นนับว่าเป็นหนึ่งเดียวในหล้า มีหน้ามีตา เรียกว่าเป็นเอกในกลุ่มคนรุ่นเดียวกัน ในยุคสมัยนั้นซึหุนหลินนับเป็นอะไรได้ ในสายตาของราชันสวรรค์ขวางเส้าเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น

แต่ทว่า ซึหุนหลินในเวลานี้นับว่ามีกำลังความสามารถแข็งแกร่งมากทีเดียว เพียงพอที่จะเทียบเคียงกับราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าด้วยซ้ำ

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ผู้คนถึงกับทอดถอนใจออกมาว่า กาลเวลาสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้จริงๆ

ขณะเดียวกัน ยังสร้างความหวั่นไหวในใจให้กับพวกของอู่ชีว่า พรสวรรค์ไม่ได้แทนทุกสิ่งทุกอย่าง ราชันสวรรค์ขวางเส้ายอดเยี่ยมมากน่ะสิ พรสวรรค์ที่สูงเด่นยากจะหาผู้ใดเทียม แต่ท้ายที่สุดแล้วยังคงต้องตกที่นั่งในฐานะจอมราชันที่มีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งสายเท่านั้น!

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท