ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1926 สัตว์ประหลาด

ตอนที่ 1926 สัตว์ประหลาด

“ขึ้น…” หลังจากที่ธงราชันแต่ละอันได้ปักลงไปในภูเขาแต่ละลูกแล้ว ราชันสวรรค์ขวางเส้าร้องคำรามเสียงทุ้มต่ำทีหนึ่ง ทำมือท่ามุทรา อานุภาพจอมราชันตลบอบอวล หลักกฎเกณฑ์จอมราชันดังตึงตึงขึ้นมา

“ตูม ตูม ตูม” นาทีนี้ เสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย มองเห็นธงราชันปรากฎกลิ่นอายขมุกขมัวที่ทิ้งตัวลงมา ทันใดนั้น กลิ่นอายขมุกขมัวได้ตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดินจนเต็มพื้นที่ไม่เหลือช่องว่างอีกเลย

นาทีนี้เองได้ยินเสียงเหมือนโลหะกระทบกันดัง “ตึง ตึง ตึง” มองเห็นหลักสัจธรรมแต่ละสายสลับไขว้กันไปมา ภายในระยะเวลาอันสั้นถึงกับกลายเป็นค่ายกลจอมราชันขึ้นมา

จากนั้น ได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” ธงราชันแต่ละอันที่ปักอยู่ตามภูเขาได้พวยพุ่งเป็นประกายจอมราชันขึ้นมา เสมือนดั่งเป็นน้ำตกสวรรค์ที่เทราดลงมาอย่างนั้น ประกายจอมราชันที่ดั่งน้ำตกสวรรค์นี้ใช้ว่าจะไหลบ่าไปทั่วไร้ทิศทาง เพียงชั่วพริบตาเดียว ประกายจอมราชันที่พลุ่งพล่านทั้งหมดพลันประกอบเข้าเป็นร่างแห คล้ายเป็นชามขนาดใหญ่ที่พราวพร่างครอบลงบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ขึ้นลงสลับบริเวณนี้ โดยได้ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูเขาเอาไว้

มองเห็นราชันสวรรค์ขวางเส้าที่สามารถทำการสร้างเป็นร่างแหครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นภูเขาแห่งนี้ไว้ในพริบตา คนอื่นๆ ต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ และไม่กล้าล้ำเส้นแม้เพียงครึ่งก้าว จะอย่างไรเสียไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการไปมีเรื่องกับจอมราชันเซียนหวัง ยิ่งไปกว่านั้นราชันสวรรค์ขวางเส้าแตกต่างจากจอมราชันเซียนหวัง คนอื่นๆ ราชันสวรรค์ขวางเส้าเป็นผู้ที่ยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ จอมราชันเซียนหวังอื่นๆ จะไม่ไปถือสาบรรดารุ่นเยาว์ แต่ ราชันสวรรค์ขวางเส้ากลับแตกต่าง เขาไม่สนว่าคนผู้นั้นเป็นใคร และจะลงมือแน่นอนเพียงเพราะมองแล้วไม่สบอารมณ์

ด้วยนิสัยที่ยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ของราชันสวรรค์ขวางเส้านี่เอง จึงมีผู้ที่ซุบซิบกันว่า ราชันสวรรค์ขวางเส้าคือผู้ที่ปราศจากท่วงทีกิริยาท่าทางที่งดงาม ไม่มีความอดทนอดกลั้นมากที่สุดในบรรดาจอมราชันเซียนหวังทั้งหมด

“ทำลาย…” หลังจากที่ทำการวางร่างแหครอลคลุมพื้นที่เอาไว้แล้ว ราชันสวรรค์ขวางเส้าหมายตายอดเขาลูกหนึ่งเอาไว้และมีการลงมือในทันที หนึ่งหมัดในท่ามุทรา เห็นเพียงประกายสีทองแวบวับ หนึ่งหมัดนั้นเสมือนดั่งลูกอุกาบาตรที่พุ่งชนเข้าไป

“ตูม ตูม ตูม” เสียงฟ้าถล่มแผ่นดินทลายดังขึ้นเป็นระลอก จากการซัดใส่เข้าไปยังยอดเขาลูกนี้ ส่งผลให้ยอดเขาลูกนี้แตกละเอียดในทันที เศษหินเศษดินจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายร่วงหล่นลง ยอดเขาถูกทำลายในหมัดเดียว บรรดาเศษหินเศษดินตกลงไปในหุบเขา

หลังจากที่ยอดเขาแตกละเอียดไปแล้ว มองเห็นที่ตรงนั้นปรากฏเป็นถ้ำหิน โดยที่ถ้ำหินดังกล่าวมีลักษณะลาดชันเทลงสู่เบื้องล่างที่มืดมิด เสมือนหนึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมลงสู่นรกอเวจีอย่างนั้น

ด้านข้างของถ้ำหินมีการแกะสลักอักขระโบราณ และอักขระยันต์เอาไว้เป็นจำนวนมาก เหมือนว่าอักขระโบราณ และอักขระยันต์เหล่านี้ได้มีการสลักเอาไว้ตั้งแต่ยุคสมัยที่ดึกดำบรรพ์มาก คล้ายดั่งมีไว้เพื่อเป็นการผนึกปากถ้ำนี้เอาไว้

เพียงแต่เวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานมาก ทำให้อักขระยันต์และอักขระโบราณที่ได้แกะสลักเอาไว้สูญเสียพลังของมันเองไปแล้ว ภายใต้การโจมตีจากราชันสวรรค์ขวางเส้าในเวลานี้ จึงทำให้ อักขระยันต์และอักขระโบราณทั้งหมดถูกเปิดออก พลังผนึกปิดกั้นถูกทำลายไปทั้งหมด

ถ้ำหินที่ปรากฏออกมามืดดำสนิท ปรากฏลมที่เยือกเย็นพัดออกมาจากบริเวณที่ดำมืดนั่น ผู้คนจำนวนมากถึงกับสั่นเทิ้มเมื่อได้เห็นถ้ำหินลักษณะเช่นนี้ ถ้ำหินนี้ดูไปแล้วคล้ายดั่งเป็นปากเปื้อนเลือดขนาดใหญ่ของสัตว์ร้ายในยุคดึกดำบรรพ์ที่กำลังอ้าปากกว้าง พร้อมที่จะกลืนกินสิ่งมีชีวิตเข้าไป

แม้ว่าทุกคนไม่สามารถมองเห็นสภาพภายในถ้ำหินได้อย่างชัดเจน แต่ลางสังหรณ์บอกกับทุกคนว่า ภายในถ้ำแห่งนี้ต้องมีสิ่งที่น่ากลัวมากอย่างแน่นอน ดังนั้น ขณะที่ผู้คนจำนวนมากจับจ้องที่ถ้ำหินต่างรู้สึกขนลุกซู่ภายในใจ

“ออกมาเถอะ สัตว์ร้ายในยุคดึกดำบรรพ์” ในเวลานี้ราชันสวรรค์ขวางเส้าคำรามเสียงทุ้มต่ำออกมาด้วยลักษณะท่าทางที่ฮึกเหิมและลำพองใจ เรียกได้ว่าราชันสวรรค์ขวางเส้ามีหน้าตาที่ดีมาก นับเป็นบุรุษรูปงามแห่งยุคได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะยามที่เขาดูสดชื่นเปล่งปลั่งนั้นดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากเป็นพิเศษ แต่ว่า ตัวเขาที่อยู่ในฐานะจอมราชันกลับขาดความหนักแน่นและความฉลาดหลักแหลมและมองการณ์ไกล

พลันที่ราชันสวรรค์ขวางเส้ากล่าวขาดคำ ได้ยินเสียงดังเสียงหนึ่ง ท่ามกลางความมืดปรากฎสายตาคู่หนึ่งที่ลืมตาขึ้นมา ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อเห็นคู่ดวงตาที่มีสีแดงดั่งสีเลือดนั้นลืมตาขึ้นมา สามารถมองเห็นประกายสีแดงที่เต้นระริก เหมือนเป็นดวงตาเลือดคู่หนึ่งอย่างนั้น

ยามที่ประกายตาของดวงตาเลือดคู่นี้เต้นระริกนั้น ในใจของผู้คนจำนวนมากรู้สึกหวาดกลัว เนื่องจากพวกเขาเหมือนว่าได้เห็นสัตว์ร้ายที่ชื่นชอบเลือดกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ในทันใด นาทีนี้ทุกคนเหมือนเห็นเป็นภาพลวงตาว่าตนเองนั้นได้กลายเป็นเหยื่อของสัตว์ร้ายตัวนี้ไปแล้ว

“ตึง ตึง ตึง” ในเวลานี้เสียงของโซ่ที่มีน้ำหนักมากดังขึ้นเป็นระลอก เสมือนว่ามีอะไรบางสิ่งกำลังลากสายโซ่ที่หนักอึ้งอย่างนั้น

จากนั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าดัง “ตูม ตูม ตูม” เป็นฝีเท้าที่ลงน้ำหนักมากยากจะหาใดเทียมดังขึ้นเป็นระลอก ขณะที่เสียงฝีเท้าที่หนักอึ้งดังขึ้นนั้น กระทั่งแผ่นดินยังสะเทือนหวั่นไหว เหมือนว่าแต่ละก้าวของฝีเท้านี้สามารถเหยียบยอดเขาจนแตกละเอียดได้อย่างนั้น

สุดท้าย ปรากฏสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งคลานออกมาจากถ้ำ สัตว์ประหลาดตัวนี้มีเกล็ดสีดำปกคลุมทั่วร่าง ดูไปแล้วเหมือนเกล็ดของมังกร แต่กลับมีหมอกควันสีดำล้อมรอบ ไม่เหมือนดั่งเกล็ดมังกรที่แผ่กลิ่นอายของมังกรออกมา

แม้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะมีหัวเดียว แต่บนหัวของมันกลับเต็มไปด้วยหนามกระดูกที่แหลมคมเรียงเป็นแถวเป็นแนวทอดไปตามลำตัวกระทั่งถึงส่วนของหาง หนามกระดูกขนาดยาวที่เรียงเป็นแนวยาวเช่นนี้แลดูน่ากลัวเป็นอันมาก โดยเฉพาะที่หนามกระดูกสีขาวส่งประกายที่น่าครั่นคร้ามระเคืองตาออกมา เหมือนว่าพร้อมจะทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของผู้คน

สัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนงูและคล้ายสุนัข มันมีลำตัวดั่งงู และกลับมีสี่ขาเหมือนสุนัข ขณะที่หางของมันมีส่วนคล้ายกับหางของจระเข้ ที่น่าประหลาดมากกว่านั้นก็คือ มันมีใบหูที่ทั้งใหญ่และหนัก เหมือนดั่งหูช้าง

สัตว์ประหลาดเคลื่อนไหวช้ามาก และดูเหมือนต้องใช้แรงมาก ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ทุกย่างก้าว มันคลานออกมาจากถ้ำหินอย่างช้าๆ การที่สัตว์ประหลาดตัวนี้คลานได้ช้าและกินแรงเป็นเพราะมีเครื่องพันธนาการอยู่บนตัว โดยเครื่องพันธนาการนี้โยงกับโซ่เหล็กขนาดยักษ์สี่เส้น ไม่รู้ว่าโซ่เหล็กทั้งสี่เส้นนี้สร้างขึ้นด้วยโลหะศักดิ์สิทธิ์เช่นใด ส่งประกายเย็นยะเยือกวูบวาบเป็นระยะๆ

“ตูม ตูม ตูม…” เสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก แต่ละก้าวของสัตว์ประหลาดได้ฝากรอยเท้าที่ลึกมากลงบนพื้น โดยพื้นหินแตกละเอียดทันทีที่ถูกมันเหยียบ มันลากเอาโซ่เหล็กก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวๆ

ทุกคนต่างเข้าใจว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ถูกโซ่ล่ามเอาไว้ภายในถ้ำหิน เห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ออกแรงดึง จากนั้นได้ยินเสียง “เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด” ดังขึ้นเป็นระลอก เหมือนว่ามันกำลังลากสิ่งของที่มีน้ำหนักมากสักอย่าง

“นั่นคืออะไร?” มองเห็นโซ่เหล็กสี่เส้นในลักษณะตึง ภายในถ้ำปรากฎเสียงบางสิ่งที่ถูกลากให้เคลื่อนที่ ทุกคนจึงได้เข้าใจว่าปลายอีกด้านหนึ่งของโซ่เหล็กได้ลากสิ่งของอย่างอื่นเอาไว้

ในขณะนี้ ไม่เพียงทุกคนที่กลั้นลมหายใจมองไปที่ด้านในของถ้ำหิน แม้แต่ราชันสวรรค์ขวางเส้าก็จ้องตาเขม็งไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปด้านในไม่กะพริบตา แววตาคู่นั้นของเขาเหมือนมองทะลุผ่านเข้าไปถึงสิ่งที่อยู่ภายในถ้ำอย่างนั้น

“เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยด…” จากเสียงของสิ่งที่หนักอึ้งดังขึ้นเป็นระลอก ในที่สุดทุกคนสามารถมองเห็นสิ่งที่ถูกลากเอาไว้จากโซ่เหล็กอีกด้านหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ดูเหมือนโลงศพทองแดง แต่ก็ไม่ใชโลงศพทองแดง เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้วมันเหมือนเป็นหีบทองแดงที่มีขนาดใหญ่และยาวใบหนึ่ง

“ออกแรงเพิ่มอีกนิดก็สามารถลากออกมาได้แล้ว” แววตาทั้งสองของราชันสวรรค์ขวางเส้าเผยให้เห็นถึงความปิติยิ่งหลังจากมองเห็นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นโลงศพทองแดงอย่างนั้น

ไม่ทราบด้วยสาเหตุอันใด ราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่ต้องการเหยียบเข้าไปภายในถ้ำหิน และไม่ยอมไปลากโลงศพทองแดงนี้ด้วยตนเอง เหมือนว่าหวั่นเกรงอะไรบางอย่าง

“เอี๊ยด…” เสียงแหลมดังเหมือนฉีกขาดดังขึ้น มองเห็นโลงศพทองแดงใบนี้กำลังจะถูกลากขึ้นมาได้อยู่แล้ว แต่เหมือนว่าสัตว์ประหลาดจะมีพลังไม่ต่อเนื่อง ทำให้โลงศพทองแดงไหลกลับเข้าไปยังถ้ำหินทันที

“โฮกก…” สัตว์ประหลาดตัวนี้คำรามเสียงดังออกมา ขาทั้งสี่ยึดเกาะพื้นดินเอาไว้อย่างมั่นคง เสียง “ปุ ปุ ปุ” ดังขึ้น เศษดินเศษหินกระจาย มองเห็นพื้นหินถูกตะกรุยจนกลายเป็นร่องลึกสี่สาย

ไม่ง่ายนัก กว่าสัตว์ประหลาดจะสามารถยึดเอาโลงศพทองแดงเอาไว้ให้หยุดอยู่กับที่ จากนั้น ส่งเสียงคำรามอีกที “ตูม” เสียงดังสนั่น มันได้ลุกขึ้นยืนและลากเอาโลงศพทองแดงก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป

แต่ว่า เมื่อมันเพิ่งจะลากเอาโลงศพทองแดงขึ้นมาได้นั้น ยังคงมีพลังที่ไม่ต่อเนื่องเหมือนเดิม ทำให้โลงศพทองแดงลื่นไหลกลับเข้าไปยังถ้ำหินอีกครั้ง เหมือนว่าโลงศพทองแดงใบนี้ไม่ยอมออกไปจากถ้ำแห่งนี้

สัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ทำเช่นนี้ซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถลากเอาโลงศพทองแดงขึ้นมาจากถ้ำหินได้สำเร็จ ขณะที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าซึ่งมองเห็นภาพนี้แล้วดูจะตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ หลังจากไม่ประสบผลสำเร็จหลายครั้งแล้ว ดูเขาจะรู้สึกร้อนรนขึ้นมา

แต่ว่าเขาไม่สามารถวิ่งเข้าไปช่วยสัตว์ประหลาดนี้อีกแรง บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขามีความหวั่นเกรงอะไรบางสิ่ง จึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ถ้ำหินนั่น

สิ่งนี้ได้สร้างความประหลาดใจกับทุกคนว่า ภายในโลงศพทองแดงได้บรรจุสิ่งใดเอาไว้กันแน่ เมื่อมองเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้คิดจะลากเอาโลงศพทองแดงนี้ขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า

ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้แล้ว ต่างเข้าใจได้ว่าราชันสวรรค์ขวางเส้ามาเพื่อสิ่งที่อยู่ภายในโลงศพทองแดงใบนี้ สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนว่า ในนั้นได้บรรจุสิ่งใดเอาไว้กันแน่ถึงกับทำให้จอมราชันองค์หนึ่งต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้

“ตูม…” เสียงดังสนั่น เศษหินเศษดินปลิวกระจาย สัตว์ประหลาดตัวนี้ล้มเหลวในการลากเอาโลงศพทองแดงขึ้นมาได้อีกครั้ง เหมือนว่าโลงศพทองแดงใบนี้ไม่ยอมไปจากถ้ำหินอย่างนั้น ทุกครั้งที่มีการลากขึ้นมาได้ก็จะลื่นไหลกลับเข้าไปยังถ้ำหินอีกครั้งในทันที

เวลานี้ ราชันสวรรค์ขวางเส้าที่ได้เห็นภาพนี้แล้วก็ให้รู้สึกร้อนรน ในเวลานี้เองแววตาของเขาพลันดูน่ากลัว ยื่นมือตวัดออกไปทีหนึ่ง ได้ยินเสียงดัง “ปัง” พลันถอนเอาธงราชันที่ปักอยู่บนยอดเขาออก สลายม่านแหที่คลุมพื้นที่ออกไป

เดิมทีราชันสวรรค์ขวางเส้าวางม่านแหเอาไว้ก็เพื่อป้องกันจอมราชันเซียนหวังคนอื่นๆ มาแย่งของวิเศษกับเขา แต่ เวลานี้เขากลับยกเลิกม่านแหนี้ไป

“กินอาหารกันให้อิ่มหนำสำราญกันเถอะ แล้วจะมีเรี่ยวแรงเอง” เวลานี้ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ร้องคำรามใส่สัตว์ประหลาดตัวนี้ออกไป

“โฮกก…” สัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนรู้ฟังคำพูดของราชันสวรรค์ขวางเส้าอย่างนั้น ร้องคำรามเสียงดังออกมา จากนั้น “ปุ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นสัตว์ประหลาดอ้าปากขึ้น ลิ้นสีแดงดั่งสีเลือดได้พุ่งออกมาทันที

“อ๊ากก…” เสียงร้องที่แหลมที่เศร้ารันทดดังขึ้น ลิ้นสีแดงดั่งสีเลือดพลันพุ่งไปไกลพันล้านลี้ ทะลุเข้าไปในอกของยอดฝีมือคนหนึ่ง จากนั้น ได้ยินเสียงดัง “จี๊ด” ลิ้นดังกล่าวได้ดูดเอาเลือดแก่นของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนผู้นี้จนแห้ง กลายเป็นโครงกระดูกแห้งทันที

“ปุ ปุ ปุ” เสียงแหวกอากาศดังขึ้นเป็นระลอก ที่น่าสยดสยองมากกว่านี้ก็คือ ลิ้นของสัตว์ประหลาดตัวนี้สามารถแยกเป็นแฉกได้ เพียงชั่วพริบตาเดียว จากลิ้นสีแดงดั่งสีเลือดเพียงหนึ่งกลับกลายเป็นลิ้นขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน คล้ายดั่งเป็นหนวดรับความรู้สึกอย่างนั้น

“อ๊ากก อ๊ากก อ๊ากก…” เพียงชั่วพริบตาเดียว เสียงร้องที่แหลมดังและน่าเวทนาดังก้องไปทั่วเทือกเขาบริเวณนั้น

มองเห็นลิ้นที่แยกออกมาแต่ละลิ้นที่ชอนไชเข้าไปยังหน้าอกของยอดฝีมือคนแล้วคนเล่า และทำการดูดเอาเลือดแก่นทั้งหมดของพวกเขาจนแห้ง กลายเป็นโครงกระดูกแห้งไปทันที

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท