“ดังนั้น จ้านหวัง ข้าอยากจะถามเจ้าว่าได้เตรียมการพร้อมแล้วยังสำหรับอนาคต?” ในขณะนี้หลี่ชิเย่ได้จ้องเขม็งไปที่ราชันสวรรค์จ้านหวัง และกล่าวว่า “อนาคต เจ้าจะรบเพื่ออะไรหละ? ธาตุแท้ภายในของเจ้าอยู่ตรงไหน? เจ้าสามารถปกป้องตระกูลของเจ้าได้หรือไม่? เจ้าสามารถปกป้องเผ่าพันธุ์ของเจ้าได้หรือไม่?” คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้จอมราชันทั้งสามของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังมองไปที่ราชันสวรรค์จ้านหวังพร้อมกัน แม้จะกล่าวว่าพวกเขาไม่สามารถล่วงรู้ถึงความลับบางอย่าง แต่ เรื่องบางเรื่องพวกเขาสามารถจินตนาการได้
สุดท้าย ราชันสวรรค์จ้านหวังได้ปริปากพูดขึ้นมาแล้ว เขาได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ท่านปรมาจารย์ พวกเราไม่พูดถึงอนาคต ข้าแค่ต้องการรู้ว่าเพราะอะไรท่านปรมาจารย์ถึงได้เลือกตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังของข้า ขอยืมคำพูดที่ท่านปรมาจารย์เคยพูดเอาไว้เมื่อครั้งกระนั้นว่า ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังพวกเราเป็นเพียงแค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งของตระกูลเฉี่ยนเท่านั้นเอง มาวันนี้ท่านปรมาจารย์กลับเลือกพวกเราได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่อาจไม้รู้สึกแปลกใจได้”
สิ่งนี้จะไปโทษราชันสวรรค์จ้านหวังที่มีความรู้สึกหวาดระแวงเช่นนี้ได้ จะอย่างไรเสียราชันสวรรค์จ้านหวังและตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังคือผู้ให้การสนับสนุนที่มั่นคงที่สุดของเผ่าสวรรค์ ถ้าหากมีการเปิดศึกระหว่างเผ่าสวรรค์และร้อยชาติพันธุ์ขึ้น ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังของพวกเขาต้องเป็นสายสำนักราชันเซียนกลุ่มแรกที่ก้าวออกมาอย่างแน่นอน
เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับเจาะจงเลือกพวกเขา สมควรจะทราบว่า อีกาทมิฬที่ยืนอยู่ข้างฝ่ายร้อยชาติพันธ์คือผู้ที่เป็นศัตรูกับพวกเขาทุกยุคทุกสมัย อีกทั้งยังเคยเกิดศึกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “เพราะว่าข้าเชื่อใจพวกเจ้า แม้ว่าพวกเจ้าจะเป็นจอมราชันของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง”
พลันที่พูดคำๆ นี้ออกมา เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตามหากได้ยินแล้วก็ต้องรู้สึกประหลาด ผู้ดำรงอยู่ในฐานะอีกาทมิฬที่เคยห้ำหั่นกันชนิดต้องตายไปข้างหนึ่ง เคยแตกหักกันอย่างเปิดเผย ต่างฝ่ายต่างอยากจะตัดศีรษะของอีกฝ่ายเสีย อยากจะทำให้อีกฝ่ายตายเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ไม่ว่าจะยืนอยู่ในฐานะของร้อยชาติพันธุ์ หรือในฐานะของเผ่าสวรรค์ พวกเขาทั้งสองคือน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้ และเป็นศัตรูกันทุกชาติไป
แต่ว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมา เชื่อใจพวกเขา เชื่อใจผู้เป็นศัตรู เรื่องแบบนี้ในสายตาของบุคคลภายนอกมันช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน เป็นเรื่องที่สุดจะจินตนาการได้
คราวนี้ได้ทำให้พวกราชันสวรรค์จ้านหวังทั้งสี่นิ่งเงียบพร้อมกันทันที พวกเขาเคยต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับหลี่ชิเย่ เป็นศัตรูชั่วกัปชั่วกัลป์ แต่เวลานี้หลี่ชิเย่กลับเลือกพวกเขา นับว่าให้ความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้จริงๆ
“จอมราชันเซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์มีจำนวนไม่น้อย” ในเวลานี้ราชันสวรรค์จ้านหวังได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ท่านปรมาจารย์กลับเลือกพวกเรา”
“ก็ใช่ว่าจะเลือกพวกเจ้าเท่านั้นเอง ยังมีคนอื่นๆ อีก” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “เจ้าคิดว่าอาศัยเพียงพวกเจ้าสามารถกินไกลกันดารได้ทั้งหมดรึ? อาศัยเพียงพวกเจ้าสี่คนมันก็แค่ไปรนหาที่ตายเท่านั้นเอง”
“พูดมาก็ถูก” ราชันสวรรค์จ้านหวังพยักหน้า เขาไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นการดูถูกพวกเขา ในฐานะที่เป็นจอมราชันผู้มีชะตาฟ้าสิบสาย เขารับรู้ถึงความน่ากลัวของไกลกันดาร เขายังรู้ว่าการเปิดศึกกับไกลกันดารเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด
ราชันมารเทียนหลุนที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายอยู่ในครอบครองก็ต้องต่อสู้จนตัวตายอยู่ในไกลกันดาร นับประสาอะไรกับพวกเขากันเล่า
“เป็นไปไม่ได้ที่คนหนึ่งคนใด หรือเผ่าพันธุ์เผ่าหนึ่งจะยึดเอาเรื่องดีๆ ทั้งหมดในโลกไปฝ่ายเดียว” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ในเมื่อมีผลประโยชน์ก็สมควรแบ่งปันกันบ้าง ทุกสิ่งยากตอนเริ่มต้น แต่อย่างไรเสียก็ต้องมีการเริ่มต้น บางทีนี่อาจเป็นการเริ่มต้นระหว่างร้อยชาติพันธุ์กับเผ่าสวรรค์ หรือบางทีวันหนึ่งร้อยชาติพันธุ์อาจร่วมมือก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกัน อนาคตใครจะบอกได้?”
“ใครก็บอกอนาคตไม่ได้” ราชันสวรรค์จ้านหวังยอมรับในคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่ พยักหน้าและกล่าวว่า “เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางทีอาจเป็นไปตามความคิดของท่านปรมาจารย์ ศัตรูในอดีตจะยืนอยู่ในแนวร่วมแนวเดียวกันได้”
“นั่นหน่ะสิ ทุกอย่างก็ต้องมีการเริ่มต้นเสมอ ข้าขอขันอาสาเปิดศักราชให้กับโลกใบนี้ ชะตาชีวิตของร้อยชาติพันธุ์กับเผ่าสวรรค์จะเป็นอย่างไร เหล่าจอมราชันเซียนหวังจะร่วมมือกัน หรือจะเป็นศัตรูกันและกัน ให้เป็นหน้าที่ของอนาคต และเป็นเรื่องของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “พูดให้มันชวนขนลุกสักหน่อย หลังจากได้ร่วมแบ่งปันผลประโยชน์ครั้งนี้แล้ว ข้าเชื่อว่าทุกฝ่ายจะมีมุมมองที่แตกต่างกันในอนาคต บางทีทุกคนก็ควรจะได้นั่งลงมาพูดคุยสัพเพเหระกัน แลกเปลี่ยนสัจธรรม…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หลี่ชิเย่หยุดนิดหนึ่ง จากนั้นได้พูดต่อไปว่า “…ในอนาคตที่เต็มไปด้วยไฟสงคราม ข้าเชื่อว่าทุกคนจะให้ความเชื่อถือสหายที่ร่วมรบในอดีตมากยิ่งขึ้น สงครามในครั้งนั้นข้าเป็นคนริเริ่ม เป็นข้าที่ต้องการลอบโจมตีจอมราชันทั้งสามเผ่าพวกเจ้า แต่ วันนี้ข้าจะเป็นผู้ที่เชื่อมสัมพันธ์กันจะเป็นอะไรไปเล่า มันหาใช่เรื่องใหญ่โตอะไรกันนักหนา!”
“หวนมองถึงอดีต คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ท่านปรมาจารย์มีสายตาที่ยาวไกลเช่นนี้เสมอมา” สำหรับข้อนี้ ราชันสวรรค์จ้านหวังไม่อาจไม่ยอมรับและกล่าวว่า “เพียงแต่เรื่องราวมากมายบนโลกใช่ว่าจะเป็นไปตามปรารถนาเช่นนั้น สิ่งที่ท่านปรมาจารย์คิดไม่แน่เสมอไปว่าผู้คนในโลกจะต้องการ”
“ผู้คนในโลกต้องการหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับข้า?” หลี่ชิเย่กล่าวเยาะเย้ยว่า “ความเป็นไปของสถานการณ์ไม่ได้อยู่ในมือของผู้คนบนโลก แต่อยู่ในมือของผู้เป็นจอมราชันเซียนหวังที่ยืนอยู่จุดสูงสุดเช่นพวกเจ้า ใครสามารถบงการจุดจบในอนาคตได้ พวกเจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ผู้คนบนโลก อีกอย่าง ผลของอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้นข้าต้องไปใส่ใจอย่างนั้นรึ? ที่ข้าทำก็แค่เปิดมุมๆ หนึ่งของโลกใบนี้ขึ้นเท่านั้น ช่วยเปิดม่านให้กับสถานการณ์ ชะตาชีวิตอนาคตเป็นอย่างไร โลกจะเป็นเช่นใด มันอยู่ในมือของพวกเจ้า…”
“…พูดอย่างไม่เกรงใจ คือการต้อนรับแสงสว่างหรือตกลงสู่ความมืดมิด ทุกอย่างล้วนอยู่ในความควบคุมของบรรดาจอมราชันเซียนหวังเช่นพวกเจ้า” เมื่อหลี่ชิเย่พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ได้พูดต่ออย่างช้าๆ ว่า “เจ้าอยากจะต้อนรับแสงสว่างหรือตกลงสู่ความมืดมิด ขึ้นอยู่กับการเลือกของพวกเจ้าเองแล้ว”
ในเวลานี้ จอมราชันทั้งสี่ของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังถึงกับนิ่งเงียบ ราชันสวรรค์จ้านหวังที่ล่วงรู้ความลับมากกว่ายิ่งรู้สึกหวั่นไหวในใจ เนื่องจากเขาเข้าใจแล้วว่า ในสถานการณ์เช่นนี้เขาได้เผชิญกับการจะต้องเลือกข้างแล้ว
แม้จะกล่าวว่า ภายในใจของราชันสวรรค์จ้านหวังได้มีคำตอบในเรื่องนี้มานานแล้ว เพียงแต่เขานึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึงได้เร็วถึงเพียงนี้เท่านั้นเอง
“ท่านปรมาจารย์ วันนั้นจะมาถึงได้เร็วขนาดนี้เลยรึ?” ราชันสวรรค์จ้านหวังเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“เจ้าคิดว่าอย่างไรหละ? กาลเวลายาวนานที่ผ่านมาพวกเราไม่ไปไล่เรียง รอยเท้าที่ปกปิดความลับสวรรค์เหล่านั้นพวกเราก็ไม่ไปค้นหาสาเหตุลึกๆ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “พวกเราแค่นับนิ้วถึงผู้ที่เป็นท่าไม้ตายของพวกเรา ในบรรดาสิบสามทวีปได้ปรากฏจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายมาแล้วถึงเก้าคน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเทพโบราณกี่คน นอกเหนือจากนี้ยังมีราชันเซียนชั้นสูงสุดของเก้าแดน เช่น หมิงเหริน เจียวเหิงเป็นต้น สิ่งเหล่านี้นับว่าอยู่ในขั้นสุดยอดแล้ว…”
“…หากก้าวต่อจากที่สุดไปอีกก้าวหนึ่ง นั่นหมายถึงก้าวถึงขีดสุดแล้วย่อมจะต้องเสื่อมลง เจ้าคิดว่าวันนั้นอยู่ห่างจากพวกเราไกลแค่ไหนหละ?” ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว จ้องเขม็งไปที่ราชันสวรรค์จ้านหวัง ยิ้มกล่าวเรียบๆ ว่า “เมื่อวันนี้มาถึง เจ้าจะรักษาตัวให้รอด หรือปกป้องเผ่าพันธุ์ของตนเอง? ดังนั้น ท้ายที่สุดยังคงเป็นคำพูดเมื่อครู่ ต้อนรับแสงสว่างหรือตกลงสู่ความมืดมิด อยู่ที่การตัดสินใจเลือกของจอมราชันเซียนหวังเช่นพวกเจ้า”
ราชันสวรรค์จ้านหวังพลันนิ่งเงียบในทันที ส่วนจอมราชันทั้งสามของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังล้วนแล้วแต่จ้องมองไปที่ตัวของเขา
ราชันสวรรค์จ้านหวังไม่เพียงเป็นปฐมบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังของพวกเขา ยังเป็นจอมราชันที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง เรียกได้ว่าจอมราชันเซียนหวังของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่ชอบทำตัวเป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำ พวกเขาคือคนบ้านเดียวกัน การตัดสินใจของราชันสวรรค์จ้านหวังก็คือการตัดสินใจของพวกเขา
“เจ้ามีคำตอบภายในใจแล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ
“ทั่วทั้งโลกาไม่เห็นว่าจะมีสักกี่คนที่จะยืนอยู่ข้างฝ่ายของพวกเรา” สุดท้ายแล้วราชันสวรรค์จ้านหวังกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
มาคราวนี้ ราชันสวรรค์จ้านหวังได้ใช้คำว่า ‘พวกเรา’ ย่อมไม่เป็นที่สงสัยว่าเขาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว เกรงว่าการตัดสินใจเลือกเช่นนี้จะทำให้ผู้คนจำนวนมากยากจะเชื่อ สมควรทราบว่า ราชันสวรรค์จ้านหวังในครั้งนั้นคือพวกอนุรักษ์นิยมเด็ดขาดของเผ่าสวรรค์ เฉกเช่นศึกล่าราชันในครั้งนั้น เขาเป็นจอมราชันของเผ่าสวรรค์ชุดแรกที่ก้าวเดินออกมา เรียกได้ว่าการสู้รบกับจอมราชันเซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์ ราชันสวรรค์จ้านหวังมักจะเป็นผู้ที่บุกโจมตีอยู่ด้านหน้าสุดเสมอๆ
ในสมรภูมิรบของศึกล่าราชันครั้งนั้น ราชันสวรรค์จ้านหวังแทบอยากจะตัดเอาศีรษะของอีกาทมิฬออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เพื่อทำให้สงครามที่ยิ่งใหญ่นี้สิ้นสุดลง แต่มาวันนี้ เขากลับเลือกที่จะอยู่ข้างอีกาทมิฬ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการของผู้คน
กล่าวสำหรับราชันสวรรค์จ้านหวังแล้ว เขาเลือกที่จะยืนอยู่ข้างฝ่ายของหลี่ชิเย่ การที่เขาเลือกที่จะทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพราะผลประโยชน์ แต่เป็นเพราะความซื่อสัตย์ที่เขามีต่อเผ่าสวรรค์ เนื่องจากเขาเป็นพวกอนุรักษ์นิยมของเผ่าสวรรค์ เขาจึงได้เลือกเช่นนี้!
“แล้วยังไงหละ?” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ใครขวางทาง ตาย! เป็นคำตอบที่ง่ายมาก บนเส้นทางสายนี้ไม่มีคำว่าประณีประนอม ถ้าไม่เป็นสหายก็คือศัตรู ไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย! เจ้าคิดว่าเส้นทางสายนี้ยังคงมีคำว่าปราณีอย่างนั้นรึ?”
สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ ทำให้ราชันสวรรค์จ้านหวังตกอยู่ท่ามกลางความนิ่งเงียบ ภายในใจของเขารู้ว่าตัวเองจะต้องเผชิญกับสิ่งใด ไม่แน่นักวันหนึ่งข้างหน้าสหายในวันนั้นก็จะหันมาเป็นศัตรู และต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง
“ท่านปรมาจารย์หละ?” ราชันสวรรค์จ้านหวังมองดูหลี่ชิเย่ และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ในอนาคตท่านปรมาจารย์จะสวมบทบาทเช่นใด?”
“ข้าเป็นเพียงผู้ที่เปิดฉากออกมาเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวยิ้มเรียบๆ ว่า “บนเส้นทางสายนี้ การตัดสินเรื่องอนาคตไม่ใช่ข้า แต่เป็นพวกเจ้า เป็นคนทุกๆ คน ข้าเพียงแต่แง้มเปิดมุมหนึ่งของโลกขึ้นมาเท่านั้น แม้แต่แสงสว่างข้าก็ส่องลงมาไม่ถึง”
“แต่ ท่านปรมาจารย์กลับให้การต้อนรับแสงสว่าง” ราชันสวรรค์จ้านหวังกล่าว
“ไม่ ไม่ใช่ข้าที่ต้อนรับแสงสว่าง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ข้าแค่จุดประกายให้เกิดเป็นสะเก็ดไฟนิดหนึ่งเท่านั้น ในอนาคตจะเป็นคลื่นความมืดที่ปกคลุม หรือแสงสว่างส่องไปทั่วหล้าอย่างเสมอภาค ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว หากพวกเจ้าปล่อยให้ประกายน้อยนิดจากสะเก็ดไฟจมมิดอยู่ท่ามกลางความมืดหละก็ เช่นนั้นแล้ว อนาคตกลายเป็นคลื่นความมืดขนาดใหญ่ขึ้นมา ข้าบอกได้แต่เพียงสมน้ำหน้าพวกเจ้า! งั้นก็ปล่อยให้พวกเจ้าจมปลักอยู่ท่ามกลางความมืดตลอดกาลก็แล้วกัน…”
“…เรื่องนี้ไม่ได้บอกว่าโลกนี้มีพลังอ่อนด้อย และไม่ได้หมายความว่าศัตรูเข้มแข็งเกินไป แต่เป็นเพราะโลกนี้ไม่สมควรได้รับการช่วยเหลือเสียแล้ว!” เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้วได้จ้องเขม็งไปที่ราชันสวรรค์จ้านหวัง และกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าสมควรไปช่วยเหลือหรือไม่? โลกของเจ้า คนในเผ่าพันธุ์ของเจ้า!”
ราชันสวรรค์จ้านหวังนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายเขาได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ชั่วชีวิตของข้าปราบปรามไปทั่ว เคยเข่นฆ่าหมื่นพรรค และเคยสยบร้อยชาติพันธุ์ ขอเพียงลมหายใจของข้ายังคงอยู่ เผ่าสวรรค์ยังคงอยู่ ต่อให้ต้องสู้ศึกเหนือเสือใต้ฆ่าล้างหมื่นพรรค การปกป้องยังคงเป็นหน้าที่ของจอมราชัน! มิฉะนั้นล่ะก็เหตุใดฟ้าดินจึงมีชะตาฟ้า มันคือสิ่งที่แม้แต่สวรรค์ก็แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้! ชะตาฟ้ากำเนิดจากฟ้าดิน แต่ไม่ใช่เป็นการประทานจากสวรรค์ ในเมื่อประทานมาจากฟ้าดิน การสืบทอดชะตาฟ้าก็มีหน้าที่ปกป้องตนเอง!”
คำพูดดังกล่าวของราชันสวรรค์จ้านหวังหนักแน่นมีพลัง ที่พูดออกมาคือหลักเกณฑ์ คือความจริง ทุกๆ คำพูดหนักแน่นไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้อีก!