พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำนี้ออกมา ทำให้ทุกคนถึงกับใจหายใจคว่ำ หลายคนรู้สึกหวั่นไหวในใจ ในเวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกงงงัน
แม้แต่ราชันมารเซ่าเจี้ยนยังต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป จะอย่างไรเสียพวกเขาก็คือจอมราชันเซียนหวัง ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที
ภาพเช่นนี้สร้างความงงงันให้กับบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน กล่าวสำหรับใครก็ตามแค่ยอมอ่อนข้อต่อหน้าสุสานฝังหมวกและชุดของราชันสวรรค์ขวางเส้าเท่านั้น ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไรหนักหนา
กองกำลังนกหวีดน้อยยินยอมอาศัยวิธีนี้ให้บุญคุณความแค้นที่มีต่อกันจบลงเพียงเท่านี้ เรียกได้ว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ง่ายที่สุดแล้ว เรียกได้ว่าวิธีการนี้ไม่ได้มีความยากแต่อย่างใด ในอีกแง่มุมก็คือกองกำลังนกหวีดน้อยไม่ต้องการจะไปยุ่งกับเรื่องการตายของราชันสวรรค์ขวางเส้าอยู่แล้ว พวกเขาแค่ต้องการหาทางลงไม่ให้เสียหน้าเท่านั้น
ข้อเรียกร้องเพียงเท่านี้ยังถูกหลี่ชิเย่ปฏิเสธ หลายคนมองว่ามันเป็นการเสียสติไปแล้วสำหรับเรื่องนี้ และมีเพียงคนบ้าเท่านั้นที่จะทำเรื่องเช่นนี้
แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ อีกทั้งยังพูดจายกตนข่มท่านถึงเพียงนี้ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า เดิมทีกองกำลังนกหวีดน้อยต้องการจะให้บุญคุณความแค้นระหว่างกันจบสิ้นลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่แล้ว เวลานี้หลี่ชิเย่กลับใช้คำพูดที่ข่มเหงผู้คนต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าเช่นนี้ มิเท่ากับเป็นการตบหน้าฉาดใหญ่ต่อกองกำลังนกหวีดน้อยรึ?
ความอัปยศเช่นนี้อย่าว่าแต่จอมราชันเซียนหวังเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือทั่วไปก็ยากจะกล้ำกลืนความอัปยศเช่นนี้เอาไว้ได้
ในขณะนี้ ราชันมารเซ่าเจี้ยนและจอมราชันเซียนหวัง อีกสามองค์ต่างมองหน้ากันและกัน สุดท้ายแล้ว ราชันมารเซ่าเจี้ยนจึงได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สหาย พวกเราต้องการคลี่คลายความบาดหมางนี้อย่างสันติ แต่สหายกลับพูดจายกตนข่มท่าน เป็นการเสื่อมเสียท่วงท่าของผู้เป็นจอมราชัน สหายสมควรไตร่ตรองให้รอบคอบ การบรรลุสัจธรรมใช่เป็นเรื่องง่าย”
คำพูดของราชันมารเซ่าเจี้ยนพูดได้สง่างามมาก และไม่เสื่อมเสียถึงฐานะจอมราชันของเขา
“ข้าไม่มีท่วงท่าอะไรแต่แรกอยู่แล้ว จะไปเสื่อมเสียท่วงท่าจอมราชันได้อย่างไรกัน” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง และกล่าวออกมาตามอารมณ์ว่า “เวลานี้พวกเจ้ารีบไสหัวไปยังทัน มิฉะนั้นล่ะก็ ถึงเวลานั้นคิดจะหนีคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว นี่ถือเป็นการเตือนด้วยความหวังดี ใครใช้ให้ข้าเป็นคนมีเมตตาเล่า” คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้ทุกคนต้องอึ้ง ในโลกนี้จะมีใครสักกี่คนกล้าพูดต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าให้จอมราชันไสหัวไป นี่มันโอหังและอันธพาลเกินไปแล้ว ไม่เห็นใครอยู่ในสายตามากเกินไปแล้ว เกรงว่าไม่ว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวังใดๆ ก็ตาม ยากที่จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้เอาไว้ได้
“สหายต้องการสู้กันจริงๆ รึ?” ราชันมารเซ่าเจี้ยนพลันมีสีหน้าแสดงความไม่พอใจและโกรธ ขณะที่จอมราชันเซียนหวังอีกสามองค์ก็มีสีหน้าแสดงความไม่พอใจและโกรธเช่นกัน ต่อให้เป็นผู้มีชาติกำเนิดที่ดีก็ยังต้องมีอารมณ์ความรู้สึก ยิ่งกว่านั้นพวกเขาคือจอมราชันเซียนหวัง
“อยากฟังคำพูดจริงๆ ของข้าหรือไม่?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมา และกล่าวว่า “ถ้าหากพวกเจ้าไม่รู้จักคำว่าตาย ข้าอยากให้พวกเจ้าเข้ามาสู้กันจะตายไป ข้าจะได้เข่นฆ่าจอมราชันเซียนหวัง สังหารจอมราชันเซียนหวังสักสามถึงห้าคน ให้ข้าได้อุ่นเครื่องพอดี แน่นอน ถ้าหากอยากฟังคำพูดที่เกรงใจล่ะก็ ข้าสามารถเตือนเจ้าด้วยความเมตตาว่าให้ไปเสียโดยเร็ว อย่าทำร้ายตัวเองเลย หาไม่แล้วพวกเจ้าจะตายอย่างไร้ที่ฝัง!”
ทุกคนได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ กับคำพูดเช่นนี้ คำพูดแบบนี้ไหนเลยเป็นการเตือน เป็นความหวังดี มันเป็นคำพูดที่แสลงหูอย่างที่สุด หลายคนต้องส่ายหัวกับคำพูดที่พูดออกมาเช่นนี้ นอกจากจะไม่ดับเพลิงแห่งความโกรธแล้ว ตรงกันข้ามกลับเป็นการราดน้ำมันลงกองเพลิง
แววตาของราชันมารเซ่าเจี้ยนและจอมราชันเซียนหวังอีกสามองค์พลันส่งประกายที่ดุร้ายออกมา อานุภาพจอมราชันพวยพุ่ง ภายใต้อานุภาพจอมราชันของพวกเขาฟ้าดินสั่นเทา สรรพชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต้องตัวสั่นงันงก
มีจอมราชันเซียนหวังองค์ไหนกันที่เกรงกลัวเรื่องการต่อสู้กันเล่า? เพียงแต่จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากจะระมัดระวังและไตร่ตรองรอบคอบก่อนการต่อสู้เสมอ เพื่อประเมินถึงพลังแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยคู่ต่อสู้ แต่หากถึงคราวจำเป็น เกรงว่าคงมีจอมราชันเซียนหวังไม่กี่องค์ที่ยอมถอยโดยง่ายดาย
ราชันมารเซ่าเจี้ยนในเวลานี้ก็เช่นกัน กองกำลังนกหวีดน้อยของพวกเขาแม้ว่าจะเปรียบเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่เช่นขบวนการเทียนฉวน แต่ไม่ได้หมายความว่ากองกำลังนกหวีดน้อยของพวกเขาจะยอมให้ใครมารังแกกันตามอารมณ์ได้ง่ายๆ
เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในฐานะจอมราชันเซียนหวัง ส่วนใหญ่แล้วไม่มีเรื่องอะไรก็จะไม่ไปหาเรื่อง แต่หากเกิดเรื่องขึ้นกะทันหันก็ไม่ลนลาน นี่แหละคือท่วงท่าของจอมราชันเซียนหวัง และคือธาตุแท้ภายในของจอมราชันเซียนหวัง
เพียงแต่พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนไม่สามารถประเมินพลังของหลี่ชิเย่ได้ว่ามีความแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยเพียงใดเท่านั้น กับคู่ต่อสู้ที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงเช่นนี้ หากพวกเขาจะเปิดศึกด้วยก็ต้องระมัดระวังไตร่ตรองให้รอบคอบ หากสามารถเลี่ยงเปิดศึกและสลายบุญคุณความแค้นได้ย่อมเป็นการดีที่สุด แน่นอน หากไม่มีทางเลือกล่ะก็ พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนก็ไม่หวั่นเกรงกับการต่อสู้ และต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด
“วาจาสามหาวไม่เบาเลยนี่…” นาทีนี้ เสียงที่เยือกเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้น
ในขณะนี้ ปรากฏรถม้าคันหนึ่งแล่นเข้ามาอย่างช้าๆ แม้วจะกล่าวว่ารถม้าคันนี้แล่นเข้ามาช้าๆ แต่ความเร็วของมันนั้นรวดเร็วจนไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ ฉับพลันแล่นจากเส้นขอบฟ้ารุกเข้ามาถึงไกลกันดาร ด้วยระยะทางที่ห่างไกลถึงเพียงนี้เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเอง
ถ้าจะพูดให้ถูกต้องต้องเรียกว่ารถมังกร เพราะมันถูกลากด้วยมังกรเจียวหลงเก้าตัว โดยที่มังกรเจียวหลงทั้งเก้าตัวมีลำตัวที่ใหญ่มาก และมีสีดำทั้งตัว เกล็ดที่อยู่บนลำตัวส่งประกายแวบวับสีดำออกมา เหมือนดั่งหล่อขึ้นมาจากเหล็กอย่างนั้น
แต่มังกรเจียวหลงทั้งเก้าตัวนี้ไม่เหมือนกับมังกรทั่วไป พวกมันมีเขาหนึ่งเขาบนหัว อีกทั้งเขาหนึ่งเขาที่ว่าแยกออกดูเหมือนเป็นเขากวางอย่างนั้น
มังกรเจียวหลงทั้งเก้าตัวเปล่งประกายที่ที่สลัวๆ ออกมา อีกทั้งพวกมันบินร่อนโดยปราศจากเสียงใดๆ กระทั่งไม่มีใครสังเกตเห็น และมันได้ลากรถม้าก้าวข้ามล้านล้านลี้เพียงชั่วพริบตาเดียวโดยปราศจากซุ่มเสียง มาถึงยังไกลกันดารในพริบตาเดียว
บนรถม้ามีผู้เฒ่าผู้หนึ่งนั่งมาด้วย ผู้เฒ่าผู้นี้สวมใส่ชุดแพร บนตัวของเขาไม่ได้มีกลิ่นอายที่สะเทือนฟ้า แต่โครงหน้าของเขาที่เป็นเหลี่ยมมุม เยือกเย็นไร้ความปราณี ผู้คนจำนวนมากที่มองเห็นเส้นขอบบนใบหน้าของเขาแล้วต้องสั่นเทา ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกในใจ บังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
แม่ว่าบนตัวผู้เฒ่าผู้นี้ไม่ได้แผ่กลิ่นอายที่สะเทือนฟ้าออกมา แต่เมื่อยามที่ลืมตาทั้งสองข้างของเขาขึ้นมา เหมือนดั่งทั่วทั้งโลกจะระเบิดขึ้นมาอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่กลายเป็นเถ้าธุลีไป โลกมนุษย์จะถูกทำลายลงด้วยดวงตาทั้งสองข้างของเขา ดวงตาทั้งสองเสมือนดั่งต้องการทำลายล้างโลกอย่างนั้น
ดังนั้น ยามที่ผู้เฒ่าลืมตาทั้งสองขึ้นมา สามารถได้ยินเสียงดัง “ปุ ปุ ปุ” ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ถูกเขากวาดตามองผ่านไปพลันถูกระเบิดจนกลายเป็นหมอกเลือด ไม่ทันได้ร้องเสียงน่าเวทนาออกมาด้วยซ้ำ
อีกทั้งผู้เฒ่าผู้นี้ไม่ยอมเก็บงำพลังทำลายคู่ดวงตาของตนเลย ขอเพียงถูกดวงตาคู่นี้ของเขากวาดผ่าน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยต้องถูกทำลายจนกลายเป็นหมอกเลือด อย่าว่าแต่ต่อต้านเลย แม้แต่ส่งเสียงร้องน่าเวทนาออกมายังไม่มีโอกาส
ผู้เฒ่าผู้นี้ทำลายชีวิตของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทีละคนๆ ตามอารมณ์เช่นนี้ ทำตามใจชอบและอันธพาลอย่างยิ่ง ทั้งยังโหดร้ายทารุณ โดยไม่ใส่ใจในชีวิตของบรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นเลย
ดังนั้น เมื่อบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากมองเห็นผู้เฒ่าผู้นี้ที่ลืมตาแต่ละครั้งก็สังหารยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนไปคนหนึ่ง ทำให้พวกเขาตระหนกจนหนีไปให้ไกลโดยไม่กล้าหยุดนิ่ง แม้แต่ระดับจอมเทพที่แข็งแกร่งก็ต้องหนีไปให้ไกลด้วยความเคารพยำเกรง
ด้านหลังของผู้เฒ่าผู้นี้มีผู้ติดตามอยู่แปดคน โดยที่คนทั้งแปดมีทั้งผู้เฒ่าและคนหนุ่ม ผู้เฒ่าจะมีผมเผ้าขาวโพลน ดูแล้วแก่กว่าผู้เฒ่าผู้นั้นเสียอีก ขณะที่คนหนุ่มดูจากใบหน้าดั่งหนุ่มเจ้าสำอาง คล้ายมีอายุเพียงยี่สิบเศษเท่านั้น
ทั้งแปดคนต่างสวมใส่ชุดเกราะแบบเดียวกัน ชุดเกราะสีดำเปล่งประกายสีดำอ่อนๆ พวกเขาต่างอยู่บนหลังม้าศึก ไม่มีซุ่มเสียงใดๆ เหมือนดั่งวิญญาณอย่างนั้น พวกเขาเคลื่อนที่ไปด้วยท่วงท่าที่สามัคคีเป็นระเบียบมาก เหมือนว่าคนทั้งแปดเป็นคนๆ เดียวอย่างนั้น
ขณะที่คนทั้งแปดติดตามอยู่ด้านหลังรถม้าของผู้เฒ่า ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ว่าพวกเขาสามารถแทรกเข้าไปได้ทุกที พวกเขากระทั่งเหมือนอสรพิษที่อยู่ในเงามืด พร้อมที่จะโจมตีครั้งเดียวถึงตาย
ถ้าหากถูกคนทั้งแปดหมายหัวเอาไว้ล่ะก็ ต้องเป็นเรื่องที่ขนลุกขนพองอย่างแน่นอน เพราะถูกจับจ้องแล้วล่ะก็จะไม่สามารถหนีรอดไปได้เลย พวกเขาจะคอยโอกาสเข้าโจมตียามที่บุคคลนั้นอ่อนแอที่สุดชนิดครั้งเดียวถึงตายส่งบุคคลผู้นั้นไปนรก
“อัศวินมังกรหลวง…” มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมออกมา เมื่อเห็นผู้เฒ่าและผู้ติดตามอยู่ด้านหลังทั้งแปดคน
“อัศวินมังกรหลวง!” ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือจำนวนเท่าไรตกใจจนหน้าขาวซีดเมื่อได้ยินชื่อนี้ ต่อให้ระดับจอมเทพที่มีชาติกำเนิดยิ่งใหญ่ ยังต้องหลบเลี่ยงไปให้ไกลเมื่อมองเห็นอัศวินมังกรหลวงแต่ไกล
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหวั่นไหวในใจ และเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินชื่ออัศวินมังกรหลวง
ถ้าหากจะกล่าวว่าความรู้สึกที่มีต่อจอมราชันเซียนหวังคือเคารพยำเกรงด้วยความเคารพ เช่นนั้นแล้ว ความรู้สึกที่มีต่ออัศวินมังกรหลวงคือความเกรงกลัวที่มาจากความหวาดกลัว
อัศวินมังกรหลวงคือกองกำลังจอมเทพที่ทำให้ผู้คนต้องขวัญหนีดีฝ่อมากที่สุดของชิงโจว ก่อตั้งขึ้นโดยจอมเทพมังกรหลวง มีสมาชิกเป็นระดับจอมเทพรวมเก้าคน
อัศวินมังกรหลวงมีกำลังที่สามารถทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัวอย่างเพียงพอ ที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากที่สุดคือพฤติกรรมของอัศวินมังกรหลวง พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ อัศวินมังกรหลวงคือกองกำลังที่เป็นโจรท้องถิ่นที่มีกำลังระดับจอมเทพ
กองกำลังลักษณะเช่นนี้สามารถทำได้ทุกอย่างปล้นชิงบ้านเรือน ฆ่าคนวางเพลิง เรียกว่าทำชั่วได้ทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม อัศวินมังกรหลวงยังมีความพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นก็คือไม่เคยคำนึงถึงคุณธรรมของยุทธภพ หรือจะเรียกว่าไม่เคยมีท่วงท่าที่สง่างามอันพึงมีของจอมเทพ
ขอเพียงตระกูลของบุคคลผู้นั้น หรือส่วนบุคคลถูกอัศวินมังกรหลวงหมายหัวเอาไว้ ขอเพียงบนตัวของบุคคลผู้นั้น หรือตระกูลของบุคคลผู้นั้นมีสิ่งที่อัศวินมังกรหลวงต้องการ เมื่อเป็นเช่นนั้น อัศวินมังกรหลวงมักจะไม่พูดพล่ามทำเพลงลอบโจมตีในทันที ถึงแม้บุคคลผู้นั้นมะมีฐานะเป็นเพียงผู้เยาว์ ก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะปรากฏตัวขึ้นกะทันหันในค่ำคืนๆ หนึ่งลอบโจมตีในฉับพลัน สังหารบุคคลนั้นเสีย ทำลายล้างครอบครัวจนสิ้น แล้วชิงเอาสิ่งที่พวกเขาต้องการไป
แม้จะกล่าวว่า มีระดับจอมเทพกระทั่งจอมราชันเซียนหวังก็เคยทำเรื่องแย่งชิงเหมือนกัน แต่ทว่า จะเป็นจอมเทพก็ดี จอมราชันเซียนหวังก็ช่าง อย่างน้อยที่สุดพวกเขายังมีท่วงท่า มีกฎเกณฑ์ พวกเขาจะเข้าแย่งชิงอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา และไม่กลัวว่าจะถูกแก้แค้น
ขณะที่อัศวินมังกรหลวงจะแตกต่างกัน พวกเขาเหมือนโจรที่กบดานอยู่ในที่มืด แล้วเข้าจู่โจมโดยพลัน เล่นงานครั้งเดียวถึงตาย ฆ่าคนปิดปาก ไม่มีละเว้นแม้แต่คนเดียวไม่ว่าเด็กหรือผู้เฒ่า กระทั่งทำลายศพทำลายหลักฐาน พวกเขาทำได้กระทั่งฆ่าล้างครอบครัวโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ เสมือนหนึ่งตระกูลนั้นระเหิดไปจากโลกนี้อย่างนั้น
อัศวินมังกรหลวงนั้นมีความโหดเหี้ยมยิ่ง พวกเขากระทั่งลอบจู่โจมปล้นชิงสายสำนักราชันเซียน เรียกได้ว่า อัศวินมังกรหลวงเคยทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อย แคว้นเจ้าลัทธิจำนวนไม่น้อย กระทั่งสายสำนักราชันเซียนต้องแค้นพวกเขาจนเข้ากระดูกดำ แน่นอน ส่วนใหญ่แล้วทั้งแค้นทั้งหวาดกลัว
ในชิงโจวนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่กระหายอยากให้มีคนที่จะมาทำลายล้างอัศวินมังกรหลวงเสีย
แน่นอน แม้ว่าอัศวินมังกรหลวงโหดร้ายยิ่งนัก หาญกล้าปล้นชิงกระทั่งสายสำนักราชันเซียน แต่ว่า พวกเขาจะเลือกเหยื่อที่จะลงมือ เป็นต้นว่าสายสำนักราชันเซียนที่มีเพียงจอมราชันองค์เดียว และหรือสายสำนักราชันเซียนที่จอมราชันเซียนหวังไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว
เฉกเช่นสายสำนักราชันเซียนอย่างตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง หลงเฉิน อัศวินมังกรหลวงจะไม่กล้าไปหาเรื่อง พวกเขาจะไปให้ไกลจากสายสำนักราชันเซียนประเภทนี้
เนื่องเพราะเหตุนี้เองแม้ว่าอัศวินมังกรหลวงจะก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้มากมาย แต่ก็สามารถอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
…………………………………………………..