“นั่นสิ พี่ซึ ใยต้องกลัวการต่อสู้สักครั้ง” ระดับจอมเทพอีกผู้หนึ่งกล่าวยุยงต่อซึหุนหลินทันที
ท่าทีของราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ทำให้บรรดาระดับจอมเทพที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกไม่สบายใจ แม้ว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าจะเป็นจอมราชันผู้หนึ่ง แต่ก็มีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งสายเท่านั้น
ต่อให้ราชันสวรรค์ขวางเส้าเป็นผู้มีพรสวรรค์ปราศจากผู้เทียบเทียม เป็นสุดยอดดาวรุ่งในหล้า แต่จอมเทพบางคนก็มีความรู้สึกเหยียดหยามอยู่ในใจไม่มากก็น้อย ถึงจะยอดเยี่ยมมากไปกว่านี้ มีพรสวรรค์ที่ดีกว่านี้ ก็แค่จอมราชันที่มีพรสวรรค์แค่สายเดียวเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ราชันสวรรค์ขวางเส้าโอหังอวดดีมาโดยตลอด เอาแต่ใจตัวใจแคบอารมณ์ร้อน ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่เห็นแล้วไม่สบอารมณ์ หากไม่เป็นเพราะชาติกำเนิดของราชันสวรรค์ขวางเส้าคือตระกูลขุนนางโบราณที่มีจอมราชันสามองค์ และราชันสวรรค์ขวางเส้าคือสมาชิกของกองกำลังนกหวีดน้อยล่ะก็ เกรงว่าคงมีระดับจอมเทพไปหาเรื่องราชันสวรรค์ขวางเส้านานแล้ว
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฐานะของจอมเทพเทียบไม่ได้กับจอมราชันเซียนหวังอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าหากจอมเทพผู้หนึ่งสังหารจอมราชันได้ ย่อมสามารถยกระดับชื่อเสียงและฐานะของตนขึ้นไปได้มากทีเดียว
ลองนึกภาพดู มีจอมเทพคนไหนบ้างที่ไม่อยากสังหารจอมราชันเซียนหวังสักคนเล่า? อาจกล่าวได้ว่า ราชันสวรรค์ขวางเส้าที่มีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งสายในครอบครองคือเหยื่อที่เหมาะแก่การล่าเป็นที่สุด น่าเสียดาย เขามีผู้ให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งมากไปนิด มิฉะนั้นล่ะก็ คงมีผู้ที่ลงมือล่าสังหารราชันสวรรค์ขวางเส้าไปแล้ว
เวลานี้ ราชันสวรรค์ขวางเส้ายั่วยุต่อซึหุนหลินครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นการสบประมาทต่อระดับจอมเทพอย่างโจ่งแจ้ง ดังนั้น บรรดาจอมเทพบางส่วนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์สัมพันธ์ของซึหุนหลินดีกว่าราชันสวรรค์ขวางเส้ากันมาก
“ซึหุนหลินอย่าทำโอ้เอ้เหมือนผู้หญิงไปได้ รีบเข้ามาสู้กันสักครั้ง” ความโอหังของราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่มีเปลี่ยน เสียงดังดั่งระฆัง กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าหนูแซ่หลี่ไม่อยู่ ข้าก็จะเอาเจ้านี่แหละมาอุ่นกายก่อนก็ดี”
“พูดแบบนี้แสดงว่าราชันสวรรค์เห็นว่าสามารถเอาชนะข้าได้แล้วสิ” เดิมซึหุนหลินคือคนที่ทำตัวค่อมต่ำ แต่ ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนที่กลัวการมีเรื่อง การที่ราชันสวรรค์ขวางเส้ายกตนข่มท่านถึงเพียงนี้ ดวงตาทั้งสองของเขาเองก็เพ่งตรงไปข้างหน้า ปรากฏเป็นประกายที่บานเบ่งออกมา
ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้การยุส่งของบรรดาจอมเทพบางส่วนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทำให้ซึหุนหลินเริ่มมีจิตที่หวั่นไหวเหมือนกัน ลองถามใจตัวเอง มีระดับจอมเทพกี่คนที่ไม่ต้องการเอาชนะจอมราชันกันเล่า? เพียงแต่มีโอกาสตรงนั้นหรือไม่เท่านั้นเอง
“มีความมั่นใจ” ดวงตาทั้งสองของราชันสวรรค์ขวางเส้าปรากฎภาพในอดีตขึ้นมาอย่างชัดเจน พลันปรากฏปณิธานการฆ่าออกมา หัวเราะเสียงดังว่า “แม้ว่าดวงตราสัญลักษณ์ทั้งสามของเจ้าจะประสานเข้าด้วยกันแล้ว แต่ข้ามั่นใจว่าสังหารเจ้าได้!”
ก่อนหน้านั้น ราชันสวรรค์ขวางเส้ายังบอกว่าจะละเว้นความตายให้กับซึหุนหลิน เวลานี้กลับประกาศว่าจะสังหารซึหุนหลิน นับว่าเป็นจอมราชันที่มีนิสัยทำตามใจตัวเองโดยแท้ บทจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยนได้ทันที
การที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าบังเกิดปณิธานการฆ่าขึ้นในใจภายในระยะเวลาอันสั้น เปลี่ยนความตั้งใจในทันทีใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
ซึหุนหลินกับราชันสวรรค์ขวางเส้าต่างเกิดในยุคสมัยเดียวกัน ครั้งนั้นราชันสวรรค์ขวางเส้าที่อยู่ในฐานะสุดยอดดาวรุ่งที่กำลังอยู่ระหว่างท่าทีที่ปราดเปรียวเริงร่า ในสายตาของเขาซึหุนหลินเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น อย่าว่าแต่เอ่ยวาจาแสดงความสงสัยในกำลังความสามารถของเขาเลย แม้แต่พูดจาต่อหน้าเขาก็ไม่มีสิทธิ์ แต่ซึหุนหลินในเวลานี้กลับไม่มีความหวาดกลัวต่อเขาแม้แต่น้อย กระทั่งเคลือบแคลงสงสัยในความสามารถของเขา
ต่อให้เป็นผู้ที่มีนิสัยดีอย่างไรก็มีอารมณ์ความรู้สึก และมีจุดต่ำสุดที่สามารถยอมรับได้ เดิมทีซึหุนหลินก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าอยู่แล้ว เวลานี้ถูกราชันสวรรค์ขวางเส้ากล่าววาจาสามหาวว่าจะสังหารตนเสีย ทำให้ซึหุนหลินที่ทำตัวค่อมต่ำโดยตลอดก็ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป
ซึหุนหลินก้าวเดินออกมา สีหน้าเย็นชา และกล่าวน่าเกรงขามว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้เคารพมิสู้ปฏิบัติตาม ข้าก็จะเจอะเจอกับจอมราชันสักครั้ง เพื่อเปิดหูเปิดตากับสุดยอดวิชาของจอมราชัน”
ในขณะนี้ ซึหุนหลินก็ไม่ถ่อมตนอีกต่อไป เดิมทีเขาคือผู้ที่มีกำลังความสามารถอยู่แล้ว เพียงแต่ที่เขาถ่อมตนเป็นการให้เกียรติแก่ราชันสวรรค์ขวางเส้า ในเมื่อราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่ให้เกียรติ ซึหุนหลินก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติแก่ราชันสวรรค์ขวางเส้าเช่นกัน
เดิมทีทุกคนต้องการชมขั้นตอนการสืบทอดชะตาฟ้าของจินเก๋อ เพื่อบรรลุเป็นจอมราชัน เวลานี้ถูกราชันสวรรค์ขวางเส้าและซึหุนหลินเข้ามาก่อกวน ทำให้เบนความสนใจของผู้คนทั้งหมดไป ทุกคนต่างจ้องมองการศึกระหว่างซึหุนหลินกับราชันสวรรค์ขวางเส้า
ทุกคนต่างต้องการรู้ว่าผลของการต่อสู้ในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ระหว่างจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงกับจอมราชันที่มีชะตาฟ้าเพียงหนึ่งสาย ที่หาได้ยากกว่านั้นก็คือ พวกเขาทั้งสองต่างเกิดอยู่ในยุคเดียวกัน การศึกระหว่างพวกเขาลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะต้องเป็นการต่อสู้ที่กลายเป็นอมตะแน่นอน เป็นการศึกที่ดึงดูดผู้คนอย่างยิ่ง
“แช้งค์ แช้งค์ แช้งค์…” ทันใดนั้น ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ชักกระบี่ราชันสามเล่มที่อยู่ด้านหลังของตนออกมาอย่างช้าๆ “ตึง” ประกายราชันจากกระบี่ทั้งสามเล่มพุ่งขึ้นส่องฟ้าดินจนสว่างไสว
“ตูม…” เสียงดังสนั่น ชะตาฟ้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ปรากฏขึ้น มองเห็นชะตาฟ้าที่พร่างพราวเหนือศีรษะของราชันสวรรค์ขวางเส้ากลับกลายเป็นเส้นทางสายหนึ่งที่สามารถให้การสนับสนุนพลังที่ไร้ขีดจำกัดและไม่ขาดสายให้กับราชันสวรรค์ขวางเส้า
ระดับจอมเทพส่วนหนึ่งถึงกับมองด้วยความอิจฉา เมื่อได้เห็นชะตาฟ้าที่ห้อยสูงเด่นอยู่ แม้ว่าระดับจอมเทพไม่แน่เสมอไปว่าจะด้อยกว่าจอมราชันเซียนหวัง กระทั่งมีจอมเทพที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมราชันเซียนหวังเสียอีก แต่ทว่า ความพยายามของจอมเทพกับจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในระดับเดียวกันซึ่งต้องทุ่มเทไปนั้น เกรงว่าระดับจอมเทพต้องทุ่มเทความพยายามมากกว่ามากทีเดียว
ภายในใจของผู้คนจำนวนมากมองว่า จอมราชันเซียนหวังถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าเป็นบุรุษผู้สูงส่ง พวกเขาได้ครอบครองในสิ่งที่จอมเทพไม่สามารถครอบครองได้ นั่นก็คือชะตาฟ้า
ครั้นซึหุนหลินเห็นราชันสวรรค์ขวางเส้าพลันลงมือด้วยกระบี่ราชันทั้งสาม ซึ่งเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของเขา อีกทั้งยังมีชะตาฟ้าที่ลอยอยู่สูงเด่น จึงไม่กล้าประมาท หยิบเอาของวิเศษที่ยอดเยี่ยมของตนออกมา
“แว้งค์” ทันใดนั้นร่างกายของซึหุนหลินได้แผ่กระจายกลิ่นอายกษัตริย์ออกมา รัศมีสีทองจางๆ พลันตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน
ได้ยินเสียง “ตึง ตึง ตึง” ดังขึ้น ทันใดนั้นซึหุนหลินได้สวมชุดตัวอ่อนที่เป็นชุดอยู่บนกายแล้ว
นาทีนี้ บนศีรษะของซึหุนหลินสวมมงกฎกษัตริย์ สวมชุดฉลองพระองค์ขณะออกว่าราชการ ในมือมีแผ่นฮู้หยก ห้อยแผ่นหยกที่เอว…ทันใดนั้น ซึหุนหลินเหมือนได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลายเป็นกษัตริย์แห่งยุค โบราณเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยอำนาจบารมี
ชุดนี้คือ “ชุดตัวอ่อนราชวงศ์” ของซึหุนหลิน เป็นชุดตัวอ่อนแปดชิ้น ชั้นคุณภาพแสดสามัญ ประเภทพลังที่ถูกสร้างขึ้นภายหลัง
ชุดตัวอ่อนลักษณะเช่นนี้ไม่ได้ดูโดดเด่นสักเท่าไร เนื่องจากชุดตัวอ่อนประเภทพลังถูกสร้างขึ้นภายหลัง ชั้นคุณภาพแสดสามัญนั้น ระดับสูงสุดของมันจะอยู่ที่ตัวอ่อนสามสิบชิ้น ขณะที่ของซึหุนหลิน มีตัวอ่อนเพียงแปดชิ้นเท่านั้น จึงจัดอยู่ในระดับกลางเท่านั้น
ซึหุนหลินที่อยู่ในฐานะจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงควรมีอาวุธที่ทรงพลังกว่านี้ไว้ในครอบครอง เฉกเช่นราชันสวรรค์ขวางเส้าที่มีศาสตราวุธเต๋าชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้งอยู่ในครองครองอย่างนั้น
แต่ทว่า ซึหุนหลินกลับทำการกลั่นบูชา “ชุดตัวอ่อนราชวงศ์” ชุดนี้ตลอดมา กระทั่งเรียกได้ว่า “ชุดตัวอ่อนราชวงศ์” ชุดนี้ได้ติดตามตัวเขามาค่อนชีวิต เขาได้ทำการกลั่นบูชาชุดนี้ของเขาจนถึงระดับนสูงสุดของมัน กลายเป็นชุดตัวอ่อนแสดสามัญระดับจอมเทพไปแล้ว
“ตูม…” เสียงดังสนั่นดังขึ้น ทันใดนั้น ดวงตราสัญลักษณ์ทั้งสามของซึหุนหลินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตราทั้งสามพันเกี่ยวซึ่งกันและกัน ฉับพลันก็ประสานเข้าด้วยกัน โดยดวงตราสัญลักษณ์ทั้งสามแฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายขมุกขมัวที่ไม่มีสิ้นสุด ท่ามกลางความขมุกขมัวมีสัจธรรมที่เป็นของระดับจอมเทพพาดผ่าน
แม้ว่าชะตาฟ้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าเป็นที่อิจฉาของผู้คน แต่ดวงตราสัญลักษณ์สามดวงที่ประสานเข้าด้วยกันของซึหุนหลินก็ไม่เห็นจะด้อยไปกว่าชะตาฟ้าหนึ่งสายของราชันสวรรค์ขวางเส้าตรงไหน
“ฆ่า…” ราชันสวรรค์ขวางเส้าคำรามเสียงดัง “ตึง” เสียงกระบี่คำรามไม่หยุด เสียงคำรามของกระบี่สามารถทำให้หมื่นอาณาจักรแตกละเอียด ระหว่างที่กระบี่ฟาดฟันลงมา กระบี่ราชันทั้งสามได้หลอมรวมเป็นหนึ่ง หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันก้าวข้ามหมื่นแดน ภายใต้รัศมีกระบี่ที่ปราศจากผู้ต่อกรสามารถได้ยินเสียงดัง “ปุ ปุ ปุ” ดังขึ้นทีละครั้ง ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นขณะรัศมีของกระบี่จังหวะที่กวาดออกไปผ่านจักรวาลแล้วมีการทำลายดวงดาวแต่ละดวง
“ตึง…” หนึ่งกระบี่ที่แวววับดั่งหิมะฟาดฟันเข้ามา กระบี่นี้คือกระบวนสัจธรรมสังหารจอมราชัน ไม่ได้มีกระบวนท่าที่งดงามหรือเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เป็นการมุ่งสังหารโดยตรง ภายใต้พลังกระบี่นี้จะไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ ต่อให้หลบหนีไปไกลล้านลี้ หรือสิบล้านลี้ ผลที่ออกมาก็เหมือนเดิม อยู่ภายใต้รัศมีการฆ่าของกระบวนท่านี้
ที่น่ากลัวมากกว่านี้ก็คือ ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ ประกายของชะตาฟ้าเจิดจ้า ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า ชะตาฟ้าสามารถให้การสนับสนุนพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรกับกระบี่เล่มนี้อย่างต่อเนื่องไม่มีขาดสาย
เมื่อซึหุนหลิน ต้องเผชิญหน้ากับหนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันเข้ามาก็ไม่ประมาท ท่าทีหนักแน่นจริงจัง สำแดงกระบวนท่าด้วยความรอบคอบ
“จอมราชัน รับกระบวนท่าของข้า” ซึหุนหลินคำรามเสียงยาว แผ่นฮู้หยกในมืออยู่ในลักษณะกดลง ร่างกายของเขาโน้มตัวในท่าคารวะจากระยะห่างไกล
เสียง “ตูม…” ดังสนั่น ภายใต้การโค้งคารวะจากระยะไกลของเขา แผ่นฮู้หยกในมือได้กลับกลายเป็นเทือกเขาหยกที่ยาวพาดผ่านเป็นล้านล้านลี้ โดยที่เทือกเขาลูกนี้ได้เปล่งรัศมีที่นุ่มนวลออกมา มันคือเทือกเขาหยกลูกหนึ่ง
เทือกเขาหยกขนาดยักษ์ที่พาดผ่านนับล้านล้านลี้เช่นนี้ เสมือนหนึ่งคือเทือกเขาที่มีขนาดใหญ่และยาวที่สุดในโลก ท่ามกลางเทือกเขานี้ได้รองรับโลกๆ หนึ่งเอาไว้ ภายในโลกดังกล่าวมีภูเขาแม่น้ำอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน มีดวงตะวันจันทรา มีดวงดาวและทางช้างเผือกล้อมรอบ โดยที่เทือกเขาลักษณะเช่นนี้ก็คือโลกๆ หนึ่งที่เป็นเอกเทศของมันเอง
“ปัง…” กระบี่ได้ฟาดฟันลงไปยังเทือกเขายักษ์ดังกล่าว สะเก็ดไฟแตกกระจาย พร้อมกับเศษหินจำนวนมากที่แตกละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อน ตัวเทือกเขาปรากฏเป็นรอยร้าวขนาดเขื่องแต่ละริ้วขึ้นมา
แต่ว่าเทือกเขาลูกนี้ได้กลายเป็นโลกที่เป็นเอกเทศโลกหนึ่ง ต่อให้ถูกกระบี่ฟันจนแยกออก ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม “ตูม ตูม ตูม” โลกนี้เหมือนดังย้ายภูเขาพลิกแม่น้ำเพียงชั่วพริบตาเดียว รอยแยกได้สมานกลับเข้าไปดังเดิม
ย่อมไม่ต้องสงสัย กระบี่นี้ของราชันสวรรค์ขวางเส้าทำอะไรเทือกเขาของซึหุนหลินไม่ได้
แม้แต่ราชันสวรรค์ขวางเส้าก็รู้สึกตะลึงนิดหนึ่ง ความสามารถของซึหุนหลินนับว่าอยู่เหนือความคาดคิดของเขาไปมาก แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาได้จินตนาการไว้ไม่น้อยทีเดียว
“ราชันสวรรค์ ล่วงเกินแล้ว” ในเวลานี้ ซึหุนหลินก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป ทำการโจมตีกลับต่อราชันสวรรค์ขวางเส้า
“ตูม” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ดวงตราสัญลักษณ์ทั้งสามของซึหุนหลินที่โลดแล่นอยู่บนท้องฟ้า ได้กลับกลายเป็นทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต
“ตูม ตูม ตูม” เสียงดังตูมตามดังไม่ขาดสาย นาทีนี้ซึหุนหลินสำแดงท่าโค้งคารวะจากระยะไกลอีกครั้ง ท่ามกลางพลังขมุกขมัวที่ไม่มีสิ้นสุด เทือกเขาที่แปลงมาจากแผ่นฮู้หยกได้พุ่งเข้าสังหาร โดยที่ท่ามกลางเทือกเขายักษ์นี้ได้ปรากฏเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่แต่ละลูกขึ้นมา และภูเขาแต่ละลูกล้วนแล้วแต่ล้อมรอบด้วยดวงดาวหนาแน่น กลายเป็นค่ายกลธรรมชาติ พุ่งเข้าโจมตี และดูดเอาราชันสวรรค์ขวางเส้าเข้าไปอยู่ในเทือกเขาท่ามกลางภูเขาแม่น้ำ กักขังราชันสวรรค์ขวางเส้าอยู่ภายในค่ายกลแห่งนี้
“ไม่เห็นจะยอดเยี่ยมตรงไหน แค่ค่ายกลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเท่านั้นเอง” ราชันสวรรค์ขวางเส้าหัวเราะเสียงดัง ไม่รู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อยนิด พลันก้าวเท้าบุกตลุยเข้าไปยังศูนย์กลางที่เป็นจุดอันตรายที่สุดของค่ายกลนี้
“ตึง” เสียงกระบี่คำราม รัศมีกระบี่ฟันกลับหลัง ลากเป็นเงากระบี่ที่ยาวเหยียด ได้ยินเสียงแตกละเอียดดัง “ปัง ปัง ปัง” ราชันสวรรค์ขวางเส้าจัดการฟันภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกขาดสองท่อนภายใต้กระบี่เดียว ทำลายค่ายกลของซึหุนหลินในพริบตาเดียว
ย่อมไม่เป็นที่สงสัย ราชันสวรรค์ขวางเส้าคือสุดยอดดาวรุ่งแห่งยุค ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ค้นพบจุดอ่อนค่ายกลของซึหุนหลินได้แล้ว