ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1958 ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

ตอนที่ 1958 ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะออกมากับคำพูดของจอมเทพมังกรหลวง และยิ้มกล่าวว่า “มาขอให้ละเว้นตอนนี้ ไม่รู้สึกว่ามันสายไปหน่อยรึ?”

“ไม่สาย ไม่สาย” จอมเทพมังกรหลวงที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ก้มโค้งแสดงความเคารพ คำนับพร้อมกับกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านผู้อาวุโสคือท่านเซียนที่ลงมาจากสวรรค์ มีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เหนือมนุษย์ปุถุชน น้ำใจของท่านผู้อาวุโสไหนเลยที่มนุษย์ปุถุชนธรรมดาอย่างพวกเราสามารถเทียบเคียงได้ กล่าวสำหรับท่านผู้อาวุโสแล้ว พวกเราก็แค่มดปลวกที่ไม่มีอะไรจะทำเท่านั้นเอง ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง ไม่อยู่ในสายตาของท่านผู้อาวุโส ไหนเลยที่ท่านผู้อาวุโสจะต้องมาเปลืองสมองถือสาหาความกับมดปลวกเช่นพวกข้ากันเล่า”

ในขณะนี้ จอมเทพมังกรหลวงกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม มีท่าทีของความเป็นบ่าวไพร่เต็มขั้น ทำให้ผู้อื่นเห็นแล้วต้องรู้สึกน่าขยักแขยง

ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่รู้สึกรังเกียจในตัวของจอมเทพมังกรหลวง ชั่วดีอย่างไรเขาก็เป็นถึงระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์ถึงสิบเอ็ดดวง เขาคือตัวแทนของพลังที่สูงส่ง แต่เวลานี้เพื่อต้องการเอาชีวิตรอดถึงกับส่ายหางดุ๊กดิ๊กเพื่อให้หลี่ชิเย่ยอมละเว้นชีวิตให้กับตน ช่างไร้ยางอายสิ้นดี น่าขยะแขยงเหลือเกิน

ระดับจอมเทพจำนวนไม่น้อยส่งเสียงฮึแสดงความไม่พอใจออกมา มองดูจอมเทพมังกรหลวงด้วยสายตาที่เหยียดหยามและดูแคลนอย่างสิ้นเชิง ท่าทีของจอมเทพมังกรหลวงที่แสดงออกถึงความเป็นบ่าวไพร่เต็มขั้น นับว่าเป็นการทำให้จอมเทพของพวกเขาต้องเสียหน้าจนสิ้น จอมเทพจำนวนไม่น้อยรู้สึกอับอายที่ต้องร่วมกลุ่มกับจอมเทพมังกรหลวง การที่ในหมู่คนระดับจอมเทพปรากฎคนอย่างจอมเทพมังกรหลวงขึ้นมา นับว่าเป็นความอัปยศของพวกเขาที่เป็นจอมเทพโดยแท้

แม้แต่ราชันมารเซ่าเจี้ยนที่อยู่ในฐานะจอมราชัน โดยปรกติแล้วจะไม่ไปดูถูกใครโดยง่ายดาย แต่ทว่า เมื่อได้มองเห็นท่าทีของจอมเทพมังกรหลวงที่แสดงออกถึงความเป็นบ่าวไพร่เต็มขั้นแล้วก็รู้สึกดูแคลนอย่างยิ่ง มองดูจอมเทพมังกรหลวงด้วยท่าทีเย้ยหยัน

ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากต่างไม่เข้าใจว่า แม้ว่าระดับจอมเทพจะเต็มไปด้วยคนเลวเป็นจำนวนมาก จำนวนนั้นมีผู้ที่สังหารผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ว่า การที่ยอดฝีมือก้าวมาถึงระดับเช่นนี้ได้ ล้วนแล้วแต่มีความหยิ่งทระนงในตัว ซึ่งสร้างความไม่เข้าใจให้กับผู้คนจำนวนมากว่า คนไม่มีศักดิ์ศรีเฉกเช่นจอมเทพมังกรหลวงกลายเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงมาได้อย่างไรกัน

หลี่ชิเย่ถึงกับเผยอมุมปากนิดหนึ่งกับคำพูดของจอมเทพมังกรหลวง เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมาและกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเป็นมดปลวก งั้นทำไมข้าจะต้องไปใส่ใจกับคำร้องขอของเจ้า ใครเล่าจะไปใส่ใจว่ามดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าตัวหนึ่งจะร้องด้วยความโศกเศร้าอย่างไร แค่บี้เหยียบลงไปก็สิ้นเรื่อง”

จอมเทพมังกรหลวงไม่ได้แสดงอาการโกรธกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แต่อย่างใด และไม่รู้สึกต้องอายจนหน้าแดง ยังคงมีรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า ยังคงก้มโค้งแสดงความเคารพและกล่าวว่า “ทุกถ้อยคำของท่านผู้อาวุโสล้วนเป็นความจริง ทุกๆ ตัวอักษรล้วนแล้วแต่เป็นข้อคิดเห็นที่รู้แจ้งและเฉียบแหลม ทำให้ผู้เยาว์ได้รับประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว หากท่านผู้อาวุโสไม่รังเกียจว่าผู้เยาว์มีกำลังน้อยนิด ผู้เยาว์ยินดีอยู่คอยรับใช้ให้กับท่านผู้อาวุโส…”

“เอาหละ เก็บสีหน้าท่าทางที่น่าขยะแขยงของเจ้าเสีย” หลี่ชิเย่โบกมือและกล่าวว่า “ต่อให้ข้าต้องการรับลูกน้อง ก็จะไม่รับลูกน้องที่ไร้ยางอายเช่นเจ้า เจ้ายอมทำขายหน้าของเจ้าได้ แต่ข้าทำขายหน้าข้าไม่ได้ เจ้าขอให้ละเว้นก็ดี หรือจะหยิ่งทระนงถึงที่สุดก็ช่าง วันนี้ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! เจ้าอยากจะตายแบบคุกเข่า หรือตายแบบลุกขึ้นยืน แล้วแต่เจ้าจะเลือก”

หลี่ชิเย่พลันพูดปฏิเสธออกมาเด็ดขาด ทำให้จอมเทพมังกรหลวงที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้ายิ้มไม่ออกอีกต่อไป ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวของหลี่ชิเย่ ต่อให้เขาอ้อนวอนอย่างไรก็คงไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว

หลี่ชิเย่มองดูพวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนด้วยท่าทีเรียบเฉย แล้วมองดูพวกของจอมเทพมังกรหลวงด้วยท่าทีเฉยเมย กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “พวกเจ้าจะเข้ามาทีละคนๆ หรือจะเข้ามาพร้อมๆ กันหละ ให้พวกเจ้ามีโอกาสได้เลือก นี่คือการเลือกครั้งสุดท้ายในชีวิตของพวกเจ้า”

คำพูดของหลี่ชิเย่พูดออกมาได้ตามอารมณ์มาก แต่ท่ามกลางตามอารมณ์แฝงไว้ซึ่งการเข่นฆ่าไร้ซึ่งความปราณี ทำให้ผู้คนถึงกับตัวสั่นดั่งลูกนก นาทีนี้เสมือนหนึ่งหลี่ชิเย่ได้เงื้อดาบสังหารขึ้นสูง โดยที่พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนเป็นเพียงเนื้อที่อยู่บนเขียงเท่านั้นเอง

พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนที่เป็นจอมราชันเซียนหวังทั้งสี่ถึงกับมองตากันและกัน เวลานี้พวกเขาไม่มีวิธีรับมือที่ดีไปกว่านี้ เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าท่าไม้ตายของหลี่ชิเย่คืออะไร หลี่ชิเย่ไม่เคยลงมือจริงๆ จังๆ เลยตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาจึงไม่รู้ถึงตื้นลึกหนาบางของหลี่ชิเย่อยู่แล้ว พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศัตรูเลยว่ามีกระบวนท่าอะไรในครอบครอง เคล็ดวิชาเป็นเช่นใด ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกเขาปวดหัวมากที่สุด

“พี่เซ่าเจี้ยน ความเป็นความตายแขวนอยู่บนเส้นด้าย สมควรที่พวกเราต้องร่วมมือกันและลงมือโจมตีขั้นเด็ดขาดกันแล้ว” จังหวะที่พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนไม่มีวิธีรับมือที่ดีอยู่นั้น จอมเทพมังกรหลวงในฐานะตัวแทนอัศวินมังกรหลวงต้องการร่วมมือกับกองกำลังนกหวีดน้อย

แรกทีเดียวพวกเขาเคยตกลงกันว่าจะร่วมมือกัน แต่เมื่อครู่พวกของจอมเทพมังกรหลวงกลับหลบหนีก่อนเป็นคนแรก โดยไม่ได้คำนึงถึงพันธมิตรเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ

แต่ว่า ในเวลานี้พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนเองก็ไม่มีทางเลือก ไม่ก็กองกำลังนกหวีดน้อยของพวกเขารับมือกับหลี่ชิเย่ด้วยตนเอง ไม่ก็ร่วมมือกับอัศวินมังกรหลวงเพื่อรับมือกับหลี่ชิเย่

ย่อมไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากกองกำลังนกหวีดน้อยพวกเขาต้องรับมือกับหลี่ชิเย่โดยลำพัง เกรงว่าไม่มีโอกาสชนะได้อย่างแน่นอน หากร่วมมือกับอัศวินมังกรหลวงล่ะก็ บางทีอาจมีความหวังขึ้นมานิดหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงความหวังน้อยนิด ย่อมดีกว่าไม่มีความหวังเอาเสียเลย

ราชันมารเซ่าเจี้ยนอดที่จะมองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง เห็นหลี่ชิเย่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้ใส่ใจต่อการปรึกษาหารือเรื่องการรับมือชั่วคราวของพวกเขาแม้แต่น้อย

“เจ้ามีแผนการอย่างไรบ้าง?” หลังจากที่ราชันมารเซ่าเจี้ยนได้มองตากันและกันกับจอมราชันเซียนหวังอีกสามองค์ ท้ายที่สุดพวกเขาได้ตัดสินใจร่วมมือกับอัศวินมังกรหลวง

แม้ว่าจอมราชันเซียนหวังของกองกำลังนกหวีดน้อยรังเกียจคนอย่างจอมเทพมังกรหลวง แต่เมื่อภัยมาถึงตัวพวกแล้วเขาก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่เลือกที่จะร่วมมือกับอัศวินมังกรหลวงอีกครั้ง

“พี่เซ่าเจี้ยน การโจมตีด้วยธนูนกหวีดของพวกท่านนับว่าปราศจากผู้ต่อกร อีกทั้งยากที่ผู้คนจะจับทางได้ สามารถฆ่าคนโดยไร้เงาอย่างแน่นอน แต่ พี่เซ่าเจี้ยน หากอาศัยชะตาฟ้าสิบสี่สายอานุภาพนั้นยังไม่เพียงพอ คิดจะสังหารเขายังคงต้องปล่อยหมัดเด็ด ยังคงต้องยอมแม้จะเสียค่าตอบแทนสูงเท่าไรก็ตาม” จอมเทพมังกรหลวงกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง

“แล้วพวกเจ้าหละ พวกเจ้าควรทำอะไรบ้าง?” ราชันมารเซ่าเจี้ยนมองหน้าจอมเทพมังกรหลวงทีหนึ่ง แม้จะกล่าวว่าภัยใหญ่หลวงได้มาถึงตัวแล้ว แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่เชื่อใจจอมเทพมังกรหลวง เพราะการกระทำของจอมเทพมังกรหลวงและอัศวินมังกรหลวงของเขา นับว่าทำให้ไม่สามารถเชื่อถือได้อีกต่อไปแล้ว

“ข้ารู้ว่าพี่เซ่าเจี้ยนไม่ไว้ใจข้า แต่ว่า นี่คือการโจมตีครั้งสุดท้ายของพวกเรา เป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่การการโจมตีในครั้งนี้แล้ว ต่อให้ข้าเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้มากไปกว่านี้ ข้าก็จะไม่เอาชีวิตของตนเองและชีวิตของพี่น้องมาล้อเล่น” จอมเทพมังกรหลวงรีบกล่าวว่า “ข้อนี้พี่เซ่าเจี้ยนวางใจได้ ข้ากับพี่น้องทั้งหลายจะคอยต้านกำลังของเขาเอาไว้ แต่ พี่เซ่าเจี้ยน พวกท่านจะต้องทำสำเร็จให้ได้ ความเป็นความตายของพวกเราขึ้นอยู่กับว่าท่านสามารถสังหารเขาได้หรือไม่ มิฉะนั้นล่ะก็ พวกเราอย่าได้หวังมีชีวิตรอดออกไปแม้แต่คนเดียว”

“ตกลง…” หลังจากที่ราชันมารเซ่าเจี้ยนทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่งแล้ว จึงตอบตกลงทันที เวลานี้ต่อให้พวกเขาไม่เชื่อใจจอมเทพมังกรหลวงกับอัศวินมังกรหลวงของพวกเขาเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก พวกเขาได้แต่เดิมพันกับการโจมตีครั้งสุดท้าย

เสียง “แว้งค์…” ดังขึ้น ในขณะที่ราชันมารเซ่าเจี้ยนกำลังปรึกษาหารือกับจอมเทพมังกรหลวงอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้เปิดลัคนาออกมา และตราประทับฟ้าดินของเขาได้ปรากฏขึ้นในเวลานี้

นาทีนี้ภายในตราประทับฟ้าดินปรากฏคนผู้หนึ่งที่ก้าวเดินออกมา คนผู้นี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับหลี่ชิเย่อย่างกับแกะ ที่แตกต่างกันคือพลัง คนผู้นี้มีอานุภาพราชันเหนือฟ้า สยบหมื่นอาณาจักร เหลียวซ้ายแลขวาแล้วคนผู้นี้ดูจะเป็นผู้ไร้เทียมทาน

ได้ยินเสียงดัง “จี๊ด” คนผู้นี้พลันเข้าไปรวมร่างกับหลี่ชิเย่ จากนั้นตามมาด้วยเสียง “ตูม” ดังสนั่น ร่างกายของหลี่ชิเย่ได้ปะทุอานุภาพราชันที่ไม่มีสิ้นสุดขึ้นมา “ตูม ตูม ตูม” ท่ามกลางเสียงที่ดังตูมตาม ปรากฏเปลวเพลิงราชันพวยพุ่งขึ้นมาจากร่างกายทุกส่วนของหลี่ชิเย่ ประกายจอมราชันไม่มีสิ้นสุดกระจายอยู่บนท้องฟ้าสูง ส่องสว่างไปทั่วโลกา

เวลานี้ พลันที่ดวงตาทั้งสองของเขาลืมตาขึ้น ก็จะทำการวิวัฒนาการฟ้าดินหมื่นวิชา ปกครองและควบคุมจักรวาลหมื่นสัจธรรม

“นี่มันคืออะไร?” ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกตกใจยิ่งนัก เมื่อมองเห็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับหลี่ชิเย่พลันรวมเป็นร่างเดียวกันกับหลี่ชิเย่ทันที เหมือนเป็นการเข้าสิงร่างของจอมราชันอย่างนั้น

“นี่เป็นการแยกเอาร่างจอมราชันของตนออกมารึ?” เวลานี้ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกสงสัยว่าหลี่ชิเย่ เคยเป็นจอมราชันองค์หนึ่งมาก่อน แต่ทุกคนพยายามนึกเท่าไรก็ไม่สามารถนำเอาจอมราชันเซียนหวังคนใดคนหนึ่งมาเทียบเคียงกับเขาได้

แต่ว่า หลายคนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จะมีใครบ้างที่สามารถนำเอาชะตาฟ้า และร่างที่เป็นจอมราชันแยกออกมาได้ทั้งหมด นี่เป็นการกระทำที่ตัดทิ้งสัจธรรมของตนแล้วถือกำเนิดใหม่ ซึ่งเมื่อมีการตัดสัจธรรมของตนไปแล้ว ทุกอย่างก็จะไม่คงอยู่อีกต่อไป

แน่นอน ย่อมไม่มีใครรู้ว่า ก่อนที่หลี่ชิเย่จะบุกขึ้นมายังแดนสิบ ได้ทำการนำเอาสภาพความเป็นราชันเซียนที่อยู่ในจุดสูงสุดนั้นอัดสำเนาเอาไว้ เป็นการนำเอาตัวเองมาอัดสำเนาเพื่อคงความเป็นสภาพสูงสุดของราชันเซียนเอาไว้ก่อน

ที่สำคัญที่สุดก็คือ นี่เป็นการทำสำเนาตัวของเขาเอง ต่อให้ร่างจริงของหลี่ชิเย่อ่อนแออย่างไรก็ตาม เมื่อไรที่ร่างของตัวเองสิงเขาร่างก็จะไม่เกิดด้านลบขึ้นอย่างเด็ดขาด และตัวของเขาเองก็สามารถรองรับการสิงร่างแบบนี้ได้

ในขณะที่อานุภาพจอมราชันของหลี่ชิเย่กำลังอาละวาดอยู่นั้น ภายในลัคนาของเขาได้ปรากฏร่างเงาที่ใหญ่โตมากสิบสองร่างบินออกมา ร่างเงาทั้งสิบสองร่างนี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับหลี่ชิเย่อย่างกับแกะ แต่หกคนเป็นเทพ หกคนเป็นมาร ผู้เป็นเทพนั้นส่องสว่างทั่วหล้าด้วยความเสมอภาค ผู้เป็นมารปรากฏเพลิงมารที่รุนแรงดั่งคลื่นยักษ์

นี่คือสิบสองเทพมาร เป็นหนึ่งในอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่

ได้ยินเสียงดัง “จี๊ด” ขึ้นมา พริบตาเดียวนั้นเอง สิบสองเทพมารพลันเข้ารวมร่างกับหลี่ชิเย่ทันที

“ตูม…” หลี่ชิเย่ที่อยู่ในสภาพราชันเซียนขั้นสูงสุดนับว่าน่าสยองขวัญมากพอแล้ว เวลานี้รวมร่างเข้ากับสิบสองเทพมารอีก เท่ากับว่าเขามีสิบสองกายเซียนขั้นสมบูรณ์อยู่ในครอบครองทันที สิ่งนี้บ่งบอกถึงอะไร?

แม้ว่าการเซียนสิบสองเทพมารเมื่อเปรียบเทียบกับกายเซียนขั้นสมบูรณ์ที่แท้จริงยังคงมีช่วงห่างอยู่ แต่ทว่า ยามเมื่อสิบสองเทพมารได้หลอมรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับหลี่ชิเย่โดยสิ้นเชิงแล้ว ช่วงห่างดังกล่าวคงไม่ต้องไปคำนึกถึงอีกแล้ว เนื่องจากโลกนี้ยังไม่เคยมีใครสามารถฝึกปรือสิบสองกายเซียนได้สำเร็จ และไม่มีใครรู้ว่าสิบสองกายเซียนขั้นสมบูรณ์ที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร

ในเวลานี้ ตัวของหลี่ชิเย่ก็คือสิบสองกายเซียนฉบับสำเนา ต่อให้ฉบับสำเนามีช่วงห่างจากฉบับจริงขั้นสมบูรณ์ แต่ช่วงห่างดังกล่าวผู้คนบนโลกไม่สามารถรู้ได้อยู่แล้ว

ราชันเซียนที่อยู่ในสภาพขั้นสูงสุด บวกกับสิบสองกายเซียนขั้นสมบูรณ์ หลี่ชิเย่ในนาทีนี้เรียกว่าน่าสยองขวัญไร้ที่ติแล้ว ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียม แค่เขาขยับตัวก็สามารถทำลายล้างโลกได้แล้ว ถึงจะเป็นเพียงการโจมตีด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวก็สามารถโจมตีจนพื้นดินทะลุ เกรงว่าภายใต้การคว่ำมือลงของเขาก็ทำลายชิงโจงทั้งหมดได้แล้ว

นาทีนี้ หลี่ชิเย่คือผู้ไร้เทียมทาน ทุกคนที่มองเห็นตัวเขาต้องสั่นเทา เต็มไปด้วยยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นดิน ไม่ว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่แข็งแกร่งเพียงใด นาทีนี้เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าเขาก็ต้องก้มลงกราบ

“จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายรึ?” ในเวลานี้ ต่อให้ระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง ขาทั้งสองข้างก็ต้องสั่นเทาไม่สามารถควบคุมได้

ทุกคนมีเพียงลางสังหรณ์เดียวเมื่อมองเห็นสภาพของหลี่ชิเย่ในขณะนี้…จอมราชันเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าได้ถือกำเนิดบนโลกมนุษย์แล้ว

“สิบสองกายเซียนขั้นสมบูรณ์นะเนี่ย” มีจอมราชันเซียนหวังที่แอบสอดส่องอยู่ในความมืด ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็อดที่จะเสียวสันหลังวาบไม่ได้ และกล่าวว่า “สภาพเช่นนี้ ระดับจอมราชันเซียนหวังไม่เพียงพอสำหรับเขาแล้ว ต้องมีเลือดเซียน มีเพียงจอมราชันเซียนหวังที่มีเลือดเซียนในตัวจึงต่อกรกับเขาได้!”

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท