การเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของกองกำลังนกหวีดน้อยกับอัศวินมังกรหลวง ทำให้ปรากฎเป็นขบวนที่ยิ่งใหญ่อลังการต่อหน้าของทุกคนในทันที ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกขนลุกซู่ในใจ กระทั่งรู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวกอยู่บ้าง
“ในเมื่อจะสู้กัน พวกเราน้อมรับเต็มที่” ในเวลานี้ ดวงตาทั้งสองของราชันมารเซ่าเจี้ยนบ่งบอกถึงความโกรธ ร่างกายของเขาดูสว่างไสวไปทั่วร่าง สัจธรรมยิ่งใหญ่เกรียงไกร ฐานะจอมราชันแห่งยุคไม่อาจมองข้ามไปได้
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มีจอมราชันเซียนหวังไม่กี่คนเท่านั้นที่หวาดกลัวต่อผู้ใดอยู่แล้ว หากถึงคราวมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้น พวกเขาก็จะไม่รู้สึกหวาดกลัว พวกเขาจะสู้รบถึงที่สุดอย่างแน่นอน!
เสียง “ตูม…” ดังสนั่น นาทีนี้หลี่ชิเย่เพียงตวัดมือด้วยความชำนาญ ปรากฎสายทางเส้นหนึ่งที่ทอดยาวจากส่วนลึกของไกลกันดารออกมาจนถึงด้านหน้าของพวกราชันมารเซ่าเจี้ยน
“อยากจะสู้ก็ก้าวข้ามมาเลย ข้าพร้อมรับมือเสมอ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบๆ ออกมาว่า “แต่ว่า คนอย่างข้าเป็นคนที่มีเมตตา เวลานี้ขอเตือนพวกเจ้าอีกครั้ง ถ้าจะหนีไปตอนนี้ยังทัน ต้องการรักษาชีวิตเอาไว้ล่ะก็ นับแต่วันนี้เป็นต้นไปก็ให้อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว มิฉะนั้นล่ะก็ พวกเจ้ามันก็แค่เครื่องเซ่นไหว้ของข้าเท่านั้นเอง!”
คำพูดของหลี่ชิเย่ฟังไม่เข้าหูเอาเสียเลย ไม่ว่าจะด้วยความใจดีหรือจงใจก็ตาม ฟังแล้วมันช่างแสลงหูเหลือเกิน อย่าว่าแต่จอมราชันเซียนหวังที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วไม่อาจกล้ำกลืนความอัปยศนี้ไว้ได้ เกรงว่ายอดฝีมือทั่วไปก็ยากจะกล้ำกลืนความอัปยศเช่นนี้ได้เช่นกัน
แต่ว่า เมื่อราชันมารเซ่าเจี้ยนมองเห็นสายทางที่ถูกปูลาดจากส่วนที่ลึกเข้าไปด้านในของไกลกันดารแล้ว ทำให้บังเกิดความลังเลขึ้นมา จะอย่างไรเสียเมื่อไปอยู่ที่ตรงนั้นแล้วพวกเขาเป็นแค่ผู้ไปเยือนเท่านั้น สถานการณ์ไม่อำนวยต่อพวกเขา ไม่แน่นักหลี่ชิเย่อาจวางกับดักรอพวกเขาอยู่แล้วก็เป็นได้
“แหะ คิดจะเปลี่ยนใจเวลานี้ไม่ทันเสียแล้วหละ” จอมเทพมังกรหลวงหัวเราะน่าเกรงขาม และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “สบประมาทเหล่าราชัน สังหารพี่น้องร่วมสาบานของจอมราชัน ก่อกรรมทำเข็ญ ไม่ว่าข้อไหนก็เป็นความผิดมหันต์ ตายหมื่นครั้งก็ยังไม่พอ วันนี้อัศวินมังกรหลวงและกองกำลังนกหวีดน้อยจะต้องขจัดภัยให้กับชิงโจว หากไม่ตัดหัวของเจ้าออกมาจะไม่กลับอย่างเด็ดขาด จอมราชันเซียนหวังไม่มีพวกขี้ขลาดตาขาวอยู่แล้ว จอมเทพอย่างพวกเราก็ไม่มีถอยอย่างเด็ดขาด จะรบเคียงข้างกับจอมราชันเซียนหวังถึงที่สุดอย่างแน่นอน!”
เวลานี้ จอมเทพมังกรหลวงอาศัยคำพูดคำเดียวต้องการทำให้กองกำลังนกหวีดน้อยกับอัศวินมังกรหลวงของพวกเขามัดจนแน่น กล่าวสำหรับอัศวินมังกรหลวงแล้ว หลี่ชิเย่ได้สังหารลูกหลานของพวกเขาไปจำนวนมากมาย ด้วยนิสัยที่โหดร้ายของพวกเขาแล้ว ไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างแน่นอน หากไม่สังหารหลี่ชิเย่เสีย ยากจะสลายความแค้นในใจของพวกเขาลงได้ ย่อมไม่ต้องสงสัย เวลานี้เป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุด ในการจับเอากองกำลังนกหวีดน้อยมาผูกติดเอาไว้บนรถศึกคันเดียวกันกับพวกเขา และเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังมากที่สุด
“พวกเจ้าที่เป็นกลุ่มโจรอย่าได้ทำเป็นอ้างเหตุผลที่เต็มไปด้วยคุณธรรมและวาทะที่เปี่ยมด้วยสัจธรรมแล้วหละ ไม่ว่าจะพูดให้ตายอย่างไรก็ตาม ในเมื่อกลุ่มโจรอย่างพวกเจ้ามาถึงไกลกันดารแล้ว ก็อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตรอดกลับไปอีกเลย ข้ากำลังขาดวัตถุดิบอยู่พอดีเลย เอาพวกเจ้านี่แหละมาเซ่นสังเวยสักหน่อยกำลังดี” สำหรับคำพูดของจอมเทพมังกรหลวงนั้น หลี่ชิเย่เพียงโบกมือและกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างยิ้มเจื่อนๆ ทุกคนล้วนแล้วแต่เคยชินกับความพาลและโหดของคนโหดอันดับหนึ่งจนไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว ถ้าหากวันใดเขาไม่แสดงความพาลออกมาออกจะไม่ชินเสียด้วยซ้ำ
ใบหน้าของจอมเทพมังกรหลวงแสดงความไม่พอใจออกมา ลืมดวงตาทั้งสองขึ้น ดวงดาวถูกทำลาย หมื่นสัจธรรมสลด ฉับพลันนั้นเขามีท่าทีที่น่าตกใจ กลิ่นอายดำมืดที่ลอยล่องข้างตัวของเขาเสมือนหนึ่งสามารถทำลายสิ้นเหล่าชั้นฟ้าอย่างนั้น ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับขนลุกขนพอง
“ผู้เยาว์อย่าได้กำแหงนัก ไว้ข้าจะสังหารเจ้าเอง” ในขณะนี้ ท่าทีของจอมเทพมังกรหลวงดุเดือดรุนแรงปราศจากผู้เทียบเทียม แสดงคารวะแบบจีนต่อราชันมารเซ่าเจี้ยน และกล่าวว่า “พี่เซ่าเจี้ยน พวกเราพี่น้องล่วงหน้าไปก้าวหนึ่งก่อน จอมเทพอย่างพวกเราไม่มีพวกขี้ขลาดตาขาวอย่างเด็ดขาด จะไม่ยอมให้ผู้เยาว์คนหนึ่งมาทำกำเริบเสิบสานบนหัวพวกเราอย่างเด็ดขาด! ต่อให้ต้องหัวหลุดออกจากบ่าก็ต้องเรียกศักดิ์ศรีคืนให้ได้” กล่าวจบหันหลังทันที นำพาจอมเทพอีกแปดคนก้าวเดินขึ้นบนสายทางที่หลี่ชิเย่ทอดมาให้ ตรงเข้าไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปในไกลกันดาร
ยิ่งคำพูดประโยคท้ายของจอมเทพมังกรหลวงแล้วเป็นการพูดยั่วยุให้เกิดอารมณ์ ซึ่งเป็นความฉลาดของจอมเทพมังกรหลวง ชิงจังหวะลงมือไม่ให้พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนมีทางลง
เมื่อจอมเทพทั้งเก้าของอัศวินมังกรหลวงก้าวสู่ส่วนที่ลึกเข้าไปของไกลกันดาร ทุกคนต่างมองไปที่ราชันมารเซ่าเจี้ยน ในขณะนี้สู้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความคิดแวบเดียวของพวกราชันมารเซ่าเจี้ยนแล้ว
ในเวลานี้ราชันมารเซ่าเจี้ยนจ้องมองไปที่จอมราชันเซียนหวังอีกสามองค์ เซียนหวังหนึ่งในนั้นได้พูดเสียงทุ้มต่ำออกมาว่า “หนทางมักไม่สมดังปรารถนา ใยต้องเกรงกลัวการต่อสู้ อย่างมากก็แค่หัวหลุดออกจากบ่า!”
จอมราชันเซียนหวังอีกสององค์ก็พยักหน้าพร้อมกัน เห็นด้วยกับคำพูดเช่นนี้
“ตกลง สหายหลี่ พวกเราไม่ตายไม่เลิกรา!” ในเวลานี้ ราชันมารเซ่าเจี้ยนร้องเสียงทุ้มต่ำออกมา ดวงตาทั้งสองเจิดจ้า เหมือนหนึ่งได้วิวัฒนาการโลกธาตุโลกหนึ่ง นาทีนี้อานุภาพราชันของราชันมารเซ่าเจี้ยนยิ่งใหญ่เกรียงไกรไม่มีสิ้นสุด ก้าวขึ้นสู่เส้นทางนั้นโดยไม่ลังเล
เมื่อราชันมารเซ่าเจี้ยนก้าวขึ้นเส้นทางดังกล่าว จอมราชันเซียนหวังอีกสามองค์ก็ติดตามอยู่ด้านหลังของเขาก้าวขึ้นสู่เส้นทางดังกล่าวพร้อมกัน เข้าสู่ส่วนที่ลึกเข้าไปของไกลกันดาร
“สุดท้ายก็ต้องมา” มีผู้พึมพำออกมา เมื่อมองเห็นกองกำลังนกหวีดน้อยก็เข้าร่วมในการนี้ด้วย
ท้ายที่สุด ราชันมารเซ่าเจี้ยนไม่ได้เลือกที่จะถอย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนคาดการณ์เอาไว้ แต่เป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดคิดของผู้คนจำนวนมาก กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังแล้ว พวกเขาจะไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดง่ายดายอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของหลี่ชิเย่มันรับไม่ได้จริงๆ นับว่าเป็นการสร้างความอับอายให้ผู้คนมากเหลือเกิน
หากจะกล่าวว่า เวลานี้กองกำลังนกหวีดน้อยถอนตัวออกไปจริงๆ ล่ะก็ นาทีนี้ยอมรับว่าเกรงกลัวต่อหลี่ชิเย่ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วก็ต้องทำตามที่หลี่ชิเย่พูดเอาไว้ นับจากนี้เป็นต้นไปกองกำลังนกหวีดน้อยจะต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว หากเป็นมังกรให้ขดตัวเอาไว้ หากเป็นพยัคฆ์ให้หมอบอยู่ตรงนั้น ซึ่งเป็นบ่งบอกว่าอำนาจบารมีจอมราชันของพวกเขาไม่หลงเหลืออีกต่อไป
ดังนั้น ต่อให้ไม่คิดแก้แค้นให้กับราชันสวรรค์ขวางเส้าก็ตาม นาทีนี้กองกำลังนกหวีดน้อยก็ไม่มีทางเลือกอีกต่อไป จะต้องสู้อย่างดุเดือดกับหลี่ชิเย่จนถึงที่สุด
เรียกได้ว่า นับตั้งแต่วินาทีที่กองกำลังนกหวีดน้อยพวกเขาก้าวเข้าสู่ไกลกันดารเพื่อล้างแค้นให้กับราชันสวรรค์ขวางเส้าแล้ว ชะตาชีวิตของพวกเขาได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือกอีกต่อไป และไม่มีทางถอยได้อีก จะอย่างไรเสียพวกเขาก็คือจอมราชันเซียนหวัง ไม่สามารถแสดงความหวาดกลัวออกมาได้
ลึกเข้าไปในไกลกันดาร หลี่ชิเย่นั้นเปล่งรัศมีเซียนสว่างไสว เขาอาศัยรัศมีเซียนที่ไม่มีสิ้นสุดค้ำยันให้หมอกควันของโลกนี้ให้เปิด กวาดฝุ่นผงของโลกแห่งนี้จนราบคาบ ทำให้สามารถมองเห็นด้านในได้อย่างชัดเจน ทำให้ทุกคนสามารถมองเห็นทั่วทั้งสมรภูมิรบอยู่ในสายตา โดยเฉพาะภายใต้รัศมีเซียนที่สาดส่อง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ดูชัดเจนอะไรอย่างนั้น!
หลังจากที่จอมราชันเซียนหวังทั้งสี่ของกองกำลังนกหวีดน้อย และจอมเทพทั้งเก้าของอัศวินมังกรหลวงได้ก้าวเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของไกลกันดารแล้ว พวกเขาต่างอาศัยทิศทางและตำแหน่งที่ได้เปรียบมากที่สุดทำการปิดล้อมหลี่ชิเย่เอาไว้ พวกเขาต้องการอาศัยท่วงท่าที่ได้เปรียบมากที่สุดเล่นงานหลี่ชิเย่ถึงตายในกระบวนท่าเดียว
ไม่ว่าจะเป็นจอมราชันเซียนหวังทั้งสี่ของกองกำลังนกหวีดน้อย หรือจะเป็นจอมเทพทั้งเก้าของอัศวินมังกรหลวง พวกเขาต่างเป็นผู้คร่ำหวอดกับการรบมาอย่างโชกโชน พวกเขาล้วนแล้วแต่ เป็นจอมราชัน และจอมเทพที่มีกำลังความสามามรถอย่างเด็ดขาด ดังนั้น พลันที่พวกเขาเข้าสู่สภาพพร้อมรบแล้ว พวกเขาก็จะทำการยึดทำเลที่ได้เปรียบมากที่สุดเอาไว้ ซึ่งข้อนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องอาศัยคำพูดใดๆ ก็สามารถบรรลุสัญญาลับได้ ซึ่งหาใช่กำลังความสามารถที่ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วไปสามารถมีไว้ในครอบครอง
ในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนต้องจ้องมองภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า การศึกในครั้งนี้จะต้องเป็นการศึกที่คุ้มค่าต่อการกล่าวขวัญถึงที่สุดแห่งยุค กระทั่งกล่าวได้ว่าในสิบสามทวีปไม่เคยระเบิดศึกระดับเช่นนี้มานานมากแล้ว
หลังจากที่ราชันมารเซ่าเจี้ยนและพวกที่เป็นจอมราชันเซียนหวังทั้งสี่ของกองกำลังนกหวีดน้อยได้ยึดครองตำแหน่งที่ได้เปรียบมากที่สุดแล้ว ถึงกับมองไปรอบๆ อย่างละเอียด พวกเขาสามารถรู้สึกได้ว่า ที่ตรงนี้มีการกำหนดและวางกลยุทธเอาไว้แล้ว แต่ว่า พวกเขาก็ไม่สามารถดูออกในเวลานี้ และอธิบายไม่ถูก
แต่พวกเขาสามารถแน่ใจได้อย่างหนึ่งก็คือ กลยุทธตรงหน้าไม่ได้มีการวางไว้เพื่อพวกเขา โดยไม่ได้สร้างไว้เพื่อสังหารพวกเขา และไม่ใช่เพื่อสยบพวกเขาอย่างเด็ดขาด สรุปก็คือ มีการดำรงอยู่ของกลยุทธนี้อย่างแน่นอน แต่กลับไม่ได้เจาะจงเล่นงานพวกเขา ซึ่งสร้างความประหลาดใจไห้กับพวกของราชันมารเซ่าเจี้ยน
ขณะนี้ ดวงตาทั้งสองของอัศวินมังกรหลวงก็ส่งประการเยือกเย็นที่วูบวาบออกมา ทำการประเมินสถานการณ์ของสถานที่แห่งนี้อย่างระมัดระวังรอบคอบ แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถมองทะลุเข้าไปถึงความลึกลับที่อยู่ภายใน เนื่องจากกลยุทธนี้มีความชัดเจนยิ่งว่าไม่ได้เจาะจงเอาไว้เล่นงานพวกเขา ในจุดนี้เขาที่อยู่ในฐานะจอมเทพยังสามารถมั่นใจได้
ในขณะที่กองกำลังนกหวีดน้อยและอัศวินมังกรหลวงกำลังประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างละเอียดรอบคอบนั้น หลี่ชิเย่ ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเฉยเมย ไม่สะทกสะท้าน และสบายๆ
“วางใจเถอะ พวกเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอที่ให้ข้าต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากขนาดนั้น“ ในระหว่างที่พวกของราชันมารเซ่าเจี้ยนกำลังประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอยู่นั้น หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยออกมาว่า “เชือดไก่ไหนเลยต้องอาศัยมีดฆ่าวัว ข้าคนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว”
เกรงว่าไม่ว่าใครก็ตามหากได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วก็ต้องกระอักเลือดออกมา ที่เห็นอยู่ตรงหน้าล้วนแล้วแต่เป็นระดับจอมราชันเซียนหวัง และจอมเทพ กระทั่งเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงอยู่ในครอบครอง
เวลานี้ หลี่ชิเย่กลับใช้คำพูดที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ว่า “เชือดไก่ไหนเลยต้องอาศัยมีดฆ่าวัว ข้าคนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว” ทำให้เรื่องจบลง ในโลกนี้เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถพูดคำพูดที่ยโสและพาลเช่นนี้ได้อีกแล้ว
เวลานี้ราชันมารเซ่าเจี้ยนมองไปที่จอมเทพมังกรหลวง ขณะที่จอมเทพมังกรหลวงก็มองมาที่ราชันมารเซ่าเจี้ยนเช่นกัน ย่อมไม่ต้องสงสัย ทั้งสองฝ่ายต่างหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ลงมือก่อน
“สัจธรรมฝ่าบาททั้งสี่นั้นหนึ่งไม่มีสอง ชะตาฟ้าปราศจากผู้ต่อกร ให้น้องช่วยคุมเชิงให้พวกท่าน เพื่อป้องกันเจ้าเด็กน้อยเล็นตุกติก” .เวลานี้จอมเทพมังกรหลวงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ท่านกับข้าลงเรือลำเดียวกัน ต้องร่วมฝ่าฟันความเป็นความตายด้วยกัน ดังนั้น การรุกและรับจะต้องพร้อมสรรพ”
ในเวลานี้ จอมเทพมังกรหลวงกลับให้กองกำลังนกหวีดน้อยลงมือก่อน พวกเขาเพียงต้องการรอคอยจังหวะที่ดีกว่าเท่านั้น
ราชันมารเซ่าเจี้ยนส่งสายตากับจอมราชันเซียนหวังอีกสามองค์ สุดท้าย พวกเขาต่างพยักหน้า แค่พวกเขาก้าวลงสู่สมรภูมิรบแล้วก็ไม่มีทางที่จะถอยได้อีก แค่ลงมือช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
พวกเขาจึงไม่กลัวว่าจอมเทพมังกรหลวงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ การศึกในครั้งนี้ไม่มีใครสามารถรอดไปได้ ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะต้องสู้กันอย่างดุเดือดจนถึงที่สุดอยู่แล้ว
“สหายหลี่ พวกเราสี่พี่น้องขอรับการชี้แนะสุดยอดสัจธรรมในหล้าของท่าน” ในขณะนี้ราชันมารเซ่าเจี้ยนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ด้วยท่วงท่ายิ่งใหญ่ ไม่เสียท่วงท่าที่สง่างามของความเป็นจอมราชัน
แม้ว่าจะต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง ราชันมารเซ่าเจี้ยนยังคงรักษาท่วงท่าที่มีความสง่างามของจอมราชันเอาไว้ได้ ยังคงมีท่าทีที่ยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งหาใช่ราชันสวรรค์ขวางเส้าสามารถเทียบเคียงได้เลย
“เสียดาย กลับพาตัวเองเข้าสู่ประตูผี การบรรลุเป็นราชันนั้นไม่ง่าย” หลี่ชิเย่เพียงส่ายหัวเบาๆ และกล่าวเรียบเฉยขึ้นมา
“สหายหลี่ เตรียมตัวรับกระบวนท่าเถอะ” เซียนหวังอีกผู้หนึ่งกล่าว
เสียง “ตูม” ดังสนั่น ชะตาฟ้าปรากฏ ศาสตราวุธเต๋าปรากฏในมือ ทันใดนั้นจอมราชันเซียนหวังทั้งสี่อาศัยอานุภาพความปราศจากผู้ต่อกรทำการกวาดล้างเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน บดขยี้ทำลายพันสัจธรรมหมื่นวิชา สรรพสิ่งมีชีวิตภายใต้อานุภาพจอมราชันของพวกเขาก็แค่ฝุ่นเม็ดหนึ่งเท่านั้น
จอมราชันเซียนหวังทั้งสามต่างปรากฏชะตาฟ้าลอยขึ้นมาคนละสามสาย ขณะที่ราชันมารเซ่าเจี้ยนปรากฎชะตาฟ้าห้าสาย ผู้คนต้องสั่นเทากับพลังของชะตาฟ้าเสียแล้ว ต่อให้เป็นระดับจอมเทพยังคงต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกขนพอง
ความจริงแล้ว เมื่อพวกของจอมเทพมังกรหลวงได้เห็นชะตาฟ้าสิบสี่สายแล้ว พวกเขาถึงกับต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้เหมือนกัน แม้ว่าพลังชะตาฟ้าทั้งสิบสี่สายไม่ได้พุ่งเป้ามายังพวกเขา แต่ว่าพวกเขายังคงระมัดระวังอยู่ในใจ
พลังของชะตาฟ้าหาใช่ดวงตราสัญลักษณ์สามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว หนึ่งดวงตราสัญลักษณ์เทียบกับหนึ่งชะตาฟ้าย่อมมีช่วงห่างกันอยู่ไม่น้อย กล่าวได้ว่านี่แหละคือช่วงห่างขั้นพื้นฐานที่สุดระหว่างระดับจอมเทพกับจอมราชันเซียนหวัง
ช่วงห่างระหว่างชะตาฟ้ากับดวงตราสัญลักษณ์หาใช่สามารถชดเชยกันได้ด้วยสิ่งของทั่วไป ซึ่งใช่ว่าของวิเศษหรือเคล็ดวิชาทั่วไปสามารถชดเชยกันได้
“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะสงเคราะห์พวกเจ้า” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ ยังคงนั่งอยู่ที่ตรงนั้น “แว้งค์” เสียงหนึ่งดังขึ้น บทคัมภีร์มรณะของเขาปรากฏ
“แว้งค์” บทคัมภีร์มรณะบินออกไป ฉับพลันได้ครอบคลุมไกลกันดารเอาไว้ ได้ยินเสียงดัง “ปุ” บทคัมภีร์มรณะพลันประทับสลักลงบนผืนแผ่นดิน เวลานี้กลิ่นอายมรณะตลบอบอวล แม้ว่าตัวของหลี่ชิเย่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อให้เขายังถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเพลิงเซียน แต่ทว่า เมื่อยามที่กลิ่นอายมรณะตลบอบอวล เขาเสมือนหนึ่งได้กลายเป็นทูตแห่งความตายที่มาจากนรกอเวจีขุมที่ลึกที่สุด คอยเก็บเกี่ยวชีวิตของสรรพสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย!