ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1980 หนังคน

ตอนที่ 1980 หนังคน

คร๊ากกเสียงกระดูกแตกละเอียดดังขึ้น กระดูกของบรรพบุรุษไกลกันดารแตกละเอียดขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายทั้งตัวของเขาโค้งงอคล้ายว่าจะพับครึ่งอย่างนั้น

พลังสังหารของฝ่ามือยักษ์นี้นับว่าน่าสยดสยองยิ่ง ลำพังแค่อานุภาพของชะตาฟ้านับร้อยสายก็เพียงพอให้ผู้คนต้องกลัวจนขี้ขึ้นสมองแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ของสุดยอดพลังอำนาจยิ่งใหญ่ ภายใต้การสังหารลักษณะเช่นนี้ เกรงว่าจอมราชันเซียนหวังก็คล้ายดั่งมดปลวก หากบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สูงสุดยังพอจะสู้รบกันได้ เวลานี้ไม่สามารถรับมือกับการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรได้อีกแล้ว

จากการแตกละเอียดของกระดูกและเนื้อหนัง ทำให้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่เลือดไหลโทรมไม่หยุด เลือดที่ไหลรินลงพื้นได้ย้อมพื้นดินจนกลายเป็นสีแดงฉาน แม้ว่าเขาจะปราศจากผู้ต่อกรมาชั่วชีวิต ยังคงต้องก้าวเดินสู่จุดจบ

“ควรจบสิ้นกันได้แล้ว” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีที่สงบ

เสียงตูมดังสนั่น ฝ่ามือยักษ์ที่ที่พุ่งเข้าสังหารได้เพิ่มอานุภาพอย่างบ้าคลั่งขึ้นอีกครั้ง ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียดดังคร๊ากกเสียงหนึ่ง กระดูกสันหลังของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแตกละเอียดอย่างสิ้นเชิง ร่างทั้งร่างของเขาเหมือนถูกจับหักจนขาดอย่างนั้น

“ข้าก็อยากให้มันจบสิ้น เสียดาย มันจบไม่ลงตลอดกาล” เวลานี้ บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่ม้วนตัวพลันเสกเอาหนังคนขึ้นมาแผ่นหนึ่ง หนังคนผืนนี้ได้คลุมลงบนร่างของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย ทำให้ร่างของเขาถูกม้วนเอาไว้แน่นทีเดียว

ปัง…เสียงดังสนั่นขึ้นทีหนึ่ง ในเวลานี้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่ขัดขืนอีกต่อไป ปล่อยให้ฝ่ามือยักษ์เข้ามาสยบและสังหารตนตามอารมณ์ แต่ก็แปลก ยามที่หนังคนผืนนี้ถูกคลุมลงบนตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแล้ว ต่อให้ฝ่ามือยักษ์ที่ปราศจากผู้ต่อกรซัดใส่ตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยอย่างไร แต่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังคงไม่เป็นอะไร หนังคนผืนนี้ช่วยปกป้องร่างของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเอาไว้อย่างดี

นี่คืออะไร…เมื่อมองเห็นหนังคนผืนนี้ถึงกับปกป้องบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไว้ได้เป็นอย่างดี การโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาลยังสังหารบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่ได้ เหมือนว่าหนังคนผืนนี้สามารถป้องกันการโจมตีได้ทุกอย่าง ต่อให้เป็นการทำลายโลกก็ยังป้องกันเอาไว้ได้

รูปร่างของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่ถือว่าสูงใหญ่เป็นพิเศษ แต่ทว่าหนังคนผืนนี้เมื่อคลุมลงบนตัวของเขาแล้วดูจะเล็กกว่ากันเบอร์หนึ่ง ด้วยเพราะเหตุนี้เอง บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยทำได้แค่พยายามหดตัวเต็มที่เข้าไว้ เพื่อให้ร่างกายทุกส่วนถูกห่อหุ้มอยู่ภายในหนังคนผืนนี้ซึ่งเล็กไปเบอร์หนึ่ง ท่าทางของเขาในเวลานี้ดูโทรมมาก เหมือนเป็นสุนัขที่ไร้เจ้าของอย่างนั้น

สมควรทราบว่า ตัวเขาเคยเป็นผู้บงการยุคสมัยหนึ่งมาก่อน ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ความมืดเมื่ออยู่ต่อหน้าเขายังตัวตัวสั่นงันงก แต่มาวันนี้เขากลับต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยินมีสภาพเหมือนสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ ต้องหดตัวมุดอยู่ภายใต้หนังคนผืนนั้นที่ดูจะเล็กไปเบอร์หนึ่ง

แม้แต่จอมราชันเซียนหวังยังต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง เมื่อมองเห็นหนังคนผืนนี้ถึงกับสามารถต้านรับการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาลเอาไว้ได้ ไม่รู้ว่าหนังคนผืนนี้คืออะไรกันแน่

“แก่แล้ว กางหนังคนผืนนี้ไม่ไหวแล้ว ได้แต่ทำเหมือนสุนัขข้างถนนหดหัวอยู่แบบนี้แล้ว” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังคงหัวเราะออกมาได้ เพียงแต่เป็นการหัวเราะเยาะตนเองเท่านั้น

คำพูดลักษณะเช่นนี้ออกจากปากของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย ดูจะเศร้าอ้างว้างอยู่บ้าง ในโลกนี้มีใครบ้างสามารถเป็นศัตรูกับเขา ในโลกนี้มีใครบ้างที่ไม่เกรงกลัวเขาอยู่สามส่วน มาวันนี้กลับขดตัวอยู่ตรงนั้นเหมือนดั่งสุนัขไม่มีเจ้าของ

“ยอดเยี่ยมมาก” หลี่ชิเย่ถึงกับมีสีหน้าที่แสดงถึงประทับใจยิ่ง กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “แผ่นหนังผืนนี้ไร้วัฏสงสาร”

“สหายมีสายตาที่ดีมาก” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่หดตัวอยู่ภายใต้หนังคนหัวเราะและกล่าวว่า “ข้ามีฉายาว่าหลุนหุย[1] แต่เวลานี้กลับไร้วัฏสงสาร วันนี้กลับต้องมาอาศัยมันเพื่อเอาชีวิตรอด นับว่าเป็นการประชดโดยแท้”

หลี่ชิเย่จ้องเขม็งไปที่หนังคนผืนนี้ เนื่องจากหนังคนผืนนี้นับว่าสะเทือนฟ้าเหลือเกิน นับแต่อดีตกาลเป็นต้นมาล้วนแล้วแต่มีการให้อรรถาธิบายในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา

“พูดถึงหนังคนผืนนี้แล้วนับว่ามีประสบการณ์มาเหมือนกัน” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่ขดตัวอยู่ท่ามกลางหนังคนผืนนี้ ทอดถอนใจยิ่งและกล่าวว่า “แม้จะกล่าวว่า มันไม่ใช่อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุค มันไม่ได้แตกต่างอะไรกับกงล้อกาลเวลาของข้า ขาดแค่นิดเดียวเท่านั้น ยกย่องให้มันเป็นสิ่งป้องกันที่ทรงพลังมากที่สุดในโลกนับว่าไม่เกินเลย”

“เป็นเช่นนี้จริงๆ ข้าเคยได้ยินตำนานที่เกี่ยวข้อง” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นช้าๆ ขณะจ้องเขม็งไปที่หนังคนผืนนี้

“ในเมื่อสหายเคยได้ยินเกี่ยวกับตำนานมาก่อน สมควรรู้ว่าฆ่าข้าให้ตายไม่ได้อยู่แล้ว” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหัวเราะ และกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่คนเป็น ไม่มีอนาคต และไม่มีวัฏสงสาร ข้าเป็นเพียงอดีตเท่านั้น และยิ่งไม่มีวัฏสงสารท่ามกลางหนังคนผืนนี้ ภายใต้ปราศจากผลกรรม และวัฏสงสาร สหายที่อยู่ในวันนี้จะสังหารข้าที่อยู่เมื่อวานให้ตายได้อย่างไร ที่สามารถสังหารได้ก็มีเพียงตัวข้าในวันนี้เท่านั้น”

คำพูดของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยฟังแล้วมีความหมายมาก หากไม่ได้อยู่ในระดับจอมราชันเซียนหวัง ยังไม่สามารถเข้าใจถึงความหมายสัจธรรมที่ลึกซึ้งนี้ด้วยซ้ำ

ร่างของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยในเวลานี้คือร่างในอดีต เขาจัดอยู่ในประเภทอดีตซึ่งไม่มีอนาคต และไม่มีวัฏสงสาร ขณะที่เขาขดตัวอยู่ภายในหนังคนที่ไม่มีวัฏสงสารไม่มีผลกรรมผืนนี้ นับว่าไม่สามารถสังหารเขาได้จริงๆ

ในเวลานี้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่มีวัฏสงสาร ยิ่งไม่มีผลกรรมอีกด้วย ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาของปัจจุบัน และไม่มีใครสามารถก้าวข้ามช่วงเวลาช่วงนี้ไปได้ ดังนั้น หากตัดผลกรรมไม่ได้ ตัดวัฏสงสารไม่ได้ ต่อให้มีวิธีการที่ฝืนลิขิตสวรรค์ปราศจากผู้เทียบเทียมสามารถตัดผลกรรม ตัดวัฏสงสาร ทำลายวันเวลา แต่จะไม่สามารถทำลายล้างร่างในอดีตของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่ไม่ได้อยู่ในผลกรรม ไม่อยู่ในวัฏสงสารได้

บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยในเวลานี้เรียกได้ว่าไม่ตายไม่ดับสลาย ต่อให้ไม่ใช่ไม่ตายไม่ดับสลายที่แท้จริง แต่ก็คงใกล้เคียงกันมากแล้ว

ไม่ตายไม่ดับสลาย…แม้แต่ระดับจอมราชันเซียนหวังยังรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้เห็นสภาพของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย พวกของราชันเซียนฉานหลงก็ไม่มีวิธีการที่ดี ถ้าหากคนๆ หนึ่งถึงขั้นไม่ตายไม่ดับสลาย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเรียกว่าจนปัญญาที่จะฆ่าเขาให้ตายได้

“ถือเป็นไม่ตายไม่ดับสลายอย่างหนึ่งมั้ง” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหัวเราะและกล่าวว่า “เพียงแต่ว่าสิ่งนี้คือไม่ตายไม่ดับสลายที่ไม่มีความหวัง ไม่มีวันนี้และไม่มีพรุ่งนี้ ห่างจากความหมายที่แท้จริงของคำว่าไม่ตายไม่ดับสลายอีกไกลนัก”

และสิ่งนี้คือเหตุผลหนึ่งที่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยให้หนังคนผืนนี้เอาไว้กับร่างในดีต เนื่องจากว่าต่อให้ร่างในปัจจุบันหากครอบครองหนังคนผืนนี้เอาไว้ก็ไม่สามารถได้รับประสิทธิผลระดับเช่นนี้ ขณะที่ร่างในอดีตหากมีหนังคนผืนนี้ในความครอบครองกลับสามารถทำให้เขาไม่ตายไม่ดับสลายได้

“ไม่ตายไม่ดับสลาย ใช่จะง่ายดายถึงเพียงนี้” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นมา ตัวเขาคือผู้ที่ผ่านประสบการณ์ไม่ตายไม่ดับสลายมา เขาจึงมีความเข้าใจและความซาบซึ้งที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเกี่ยวกับความไม่ตายไม่ดับสลาย

“สหายอาจสามารถสยบผนึกร่างข้าเอาไว้ ต่อให้เวลานี้ข้าไม่ใช่ไม่ตายไม่ดับสลายที่แท้จริง แต่เกรงจะสังหารข้าไม่ได้” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยกล่าวเฉยเมยว่า “ต่อให้ในมือของสหายมีอาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคก็ตาม ก็สังหารข้าไม่ได้”

“ทุกเรื่องราวย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบๆ และกล่าวว่า “ถ้าหากโลกนี้ไม่มีสิ่งที่เหนือความคาดคิด จะมีความตื่นเต้นดีใจได้อย่างไรกันเล่า”

“ก็ใช่” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยพยักหน้าและกล่าวว่า “ในวันนี้สหายบีบให้ข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ วิธีการของข้าที่งัดออกมาใช้พ่ายแพ้ทั้งหมดนับเป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิดแล้วหละ ไม่รู้ว่าสหายยังจะมีวิธีการอื่นใดนำมาซึ่งความตื่นเต้นดีใจได้อีก”

“เจ้าจะได้เห็นเดี๋ยวนี้” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบๆ ขาดคำ เหนือศีรษะของหลี่ชิเย่ปรากฏสัจธรรมสามข้อ และหลักกฎเกณฑ์สิบสองข้อทิ้งตัวลงมา

สิ่งนี้เกิดจากการการที่หลี่ชิเย่อาศัยวังวนทอง วังวนเงิน และวังวนเหล็กและของวิเศษที่อยู่ในหีบทองแดงแล้ววิวัฒนาการขึ้นมา หลักกฎเกณฑ์สิบสองข้อสามารถดูดกลืนชะตาฟ้าได้

ครั้นหลี่ชิเย่ได้ปล่อยให้สัจธรรมสามข้อ และหลักกฎเกณฑ์สิบสองข้อทิ้งตัวลงมานั้น บรรดาจอมราชันเซียนหวังได้พิจารณาดูสิ่งนี้อย่างละเอียด พวกเขารู้สึกตระหนกอยู่ในใจ รู้ว่าสิ่งนี้ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก แต่กลับไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไรกันแน่

“ชะตาดั้งเดิมโลกดึกดำบรรพ์!” หลังจากที่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้พิจารณาสัจธรรมสามข้อหลักกฎเกณฑ์สิบสองข้อของหลี่ชิเย่อย่างละเอียดแล้ว ในที่สุดก็จดจำประวัติความเป็นมาของมันได้แล้ว แม้แต่ระดับอย่างบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยังคงต้องตระหนกยิ่งนักเมื่อรับรู้ถึงสิ่งนี้แล้ว

“ถูกต้อง เป็นสิ่งนี้นั่นเอง อย่าว่าแต่ทั่วหล้าเลย ต่อให้เป็นอดีตผู้ที่สามารถเรียกขื่อของมันออกมาได้ก็คงมีเพียงไม่กี่คน” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ

ไม่เสียทีที่บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยคือผู้บงการของยุคสมัยหนึ่ง ต่อให้จอมราชันเซียนหวังไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร เขาก็สามารถจดจำได้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งใด

“ข้ารู้จักของสิ่งนี้ ข้าเคยค้นหามันมาก่อน น่าเสียดายที่มันเฉียดไปมาอยู่หลายครั้ง เกรงว่าคงเป็นเพราะไม่มีวาสนาต่อกันกับข้า” เมื่อบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้สติกลับมาแล้วได้ทอดถอนใจและพูดว่า “ไม่นึกเลยว่า มาวันนี้สิ่งนี้จะกลายเป็นการสิ้นสุดของข้า”

“ถ้าหากเจ้าเชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรมหละก็ นี่แหละที่เขาเรียกว่าทำในสิ่งที่ไร้มโนธรรมเอาไว้มาก ภัยย่อมย้อนกลับมาสู่ตน!” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉย

“อยู่มาจนถึงบัดนี้ ไม่มีอะไรต้องเชื่อหรือไม่เชื่อแล้วหละ สหายเองก็ไม่แน่ว่าจะเชื่อ” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยหัวเราะและกล่าวว่า “ข้าได้หลีกเลี่ยงมายุคแล้วยุคเล่า หลุดรอดมาได้ยุคแล้วยุคเล่า เพียงต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป สุดท้ายแล้วยังคงหนีความตายไม่พ้น”

“ให้ข้าส่งเจ้าไปก็แล้วกัน” แววตาทั้งสองของหลี่ชิเย่พลันดูน่าเกรงขาม เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“ศึกครั้งนี้ข้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้ว ฝีมือของสหายลึกล้ำมากกว่าที่ข้าคิดเสียอีก สหายยังไม่ได้แสดงฝีมือออกมาทั้งหมดนะเนี่ย” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยยิ้มกล่าวว่า “พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของสหายข้าไม่มีอะไรจะพูด ชีวิตของข้าพบคู่ปรับอยู่สองคน หนึ่งนั้นคือนักปราชญ์สหายเก่า อีกหนึ่งคือสหายที่เป็นเจ้านั่นเอง”

“ไม่ ข้าไม่ใช่คู่ปรับของเจ้า นักปราชญ์เองก็ไม่ใช่คู่ปรับของเจ้า” หลี่ชิเย่จ้องมองดูบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยแล้วเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “คู่ปรับของเจ้ามีเพียงตัวเจ้าเอง ผู้ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งเช่นพวกเราไม่มีคู่ปรับอะไรอีกแล้ว มีเพียงตัวของพวกเราเอง!”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยต้องนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายเขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ก็ใช่ นอกจากตัวข้าเองแล้ว ยังจะมีใครเป็นคู่ปรับได้อีกเล่า”

ตึง ตึง ตึงนาทีนี้หลักกฎเกณฑ์สิบสองข้อของหลี่ชิเย่พลันตรึงเข้ากับหนังคนผืนนั้น และพันธนาการมันเอาไว้ แค่วกก เสียงหนึ่งดังขึ้น ภายใต้สัจธรรมทั้งสามสายที่ส่งประกายแวบวับ หนังคนที่คลุมบนตัวของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยถูกหลักกฎเกณฑ์สิบสองข้อฉีกออกมาดื้อๆ

“ในที่สุดก็แพ้จนได้” บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยที่ถูกฉีกเอาหนังคนที่คลุมบนตัวออกไม่ได้รู้สึกตกใจจนหน้าถอดสี ท่าทีดูเป็นธรรมชาติยิ่งนัก เพียงแต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ เป็นอะไรที่ผิดหวัง และเศร้าวังเวงที่บอกไม่ถูก

ผู้ซึ่งดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกรที่แท้จริง ผู้ซึ่งเคยเป็นต้นกำเนิดความมืดที่ปกครองยุคสมัยมา ท้ายที่สุดแล้วยังคงก้าวเดินไปถึงจุดสิ้นสุดของชีวิต เขากลืนกินมายุคแล้วยุคเล่า สุดท้ายยังคงหลีกหนีความตายไม่พ้น

“มาเถอะสหาย สิ่งที่เจ้าต้องการล้วนแล้วแต่อยู่ที่นี่ สหายวางอุบายกับข้ามาตั้งแต่ต้น สมควรแก่เวลาที่สหายจะหยิบฉวยมันไปได้แล้ว” ในขณะนี้ บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเองไม่ได้ต่อต้าน และไม่โต้ตอบ ลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก ยืดอกขึ้นมา ยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น

………………………………………………………………

[1] หลุนหุย(轮回)หมายถึงวัฏสงสาร / สังสารวัฏ หรือการเวียนว่ายตายเกิด

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท