ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1983 สมบัติสะเทือนฟ้า

ตอนที่ 1983 สมบัติสะเทือนฟ้า

ขุมทรัพย์ของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเรียกได้ว่ากองเต็มโลกๆ หนึ่งเลยทีเดียว เกรงว่าท่ามกลางยุคสมัยของพวกเขา สิ่งที่ดีที่สุดล้วนแล้วแต่ถูกขนเอามากองไว้ที่คลังสมบัติของตนจนหมดสิ้น

ขณะที่พวกของหลี่ชิเย่เพิ่งจะเดินมาถึง ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่าน ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้สูงถึงล้านจ้าง เนื้อเป็นโลหะสีนิล บนนั้นมีร่องรอยการไหลรินของสีทองแดง ภาพรวมของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งลูกแลดูเหมือนเป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบชิ้นหนึ่ง เรียกได้ว่าคือเจ้าแห่งโลหะทั้งหลาย

“โลหะชนิดนี้ข้าเคยมีชิ้นเล็กๆ อยู่ชิ้นหนึ่ง” ราชันมารหว่านเสียเอ่ยขึ้นมาช้าๆ “นี่คือโลหะเซียนนิลลายมังกร ข้าเคยขุดหาภูเขาไปทั่วเพิ่งจะได้ชิ้นเล็กๆ มาชิ้นหนึ่ง ในขณะที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งลูกเป็นโลหะเซียนนิลลายมังกรทั้งลูก เกรงว่าคงเป็นโลหะตัวแม่เลยนะเนี่ย หนึ่งเดียวในหล้ากระมัง”

ความจริงแล้ว ภูเขาโลหะเซียนนิลลายมังกรลูกนี้เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกนำเสนอขึ้นมาก่อนเท่านั้น เมื่อพวกของหลี่ชิเย่ยืนอยู่บนภูเขาโลหะเซียนนิลลายมังกรแล้วมองไกลออกไปในคลังสมบัติแห่งนี้นั้น ของวิเศษจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนแล้วแต่อยู่ในสายตาของพวกเขา

ไม่ไกลจากที่ยืนอยู่มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่สูงตระหง่านอยู่ต้นหนึ่ง ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ขึ้นอยู่บนพื้นดินที่ลอยอยู่กลางอากาศผืนหนึ่ง ย่อมไม่ต้องกังขา บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไม่เพียงนำเอาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้มาไว้ในคลังสมบัติของตนเท่านั้น ยังเคลื่อนย้ายผืนแผ่นดินที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ขึ้นอยู่มาทั้งผืน

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้มีลำต้นดั่งหยกทั้งต้น อีกทั้งใบไม้ของมันไม่ใช่ใบสีเขียว แต่เป็นของวิเศษชนิดต่างๆ แต่ละชิ้น มีทั้งแผ่นหยก เหรียญกษาปณ์ทองคำ ยันต์ศักดิ์สิทธิ์…ขณะที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์โอนเอนส่ายไปมาตามลมที่พัดมาเบาๆ ปรากฏเสียงเสนาะเซียนดังขึ้น ทำให้ผู้ที่ได้ยินล้วนแล้วแต่อยากจะร่ายรำอย่างมีความสุข

“นี่มันต้นหลางหยาที่อยู่ในตำนานนะเนี่ย ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะโชคดีได้พบเห็น” เซียนหวังซั่วเทียนถึงกับกล่าวพร้อมกับทอดถอนใจออกมา เมื่อมองเห็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ที่ขึ้นอยู่บนผืนแผ่นดินที่ลอยอยู่กลางอากาศ

ไกลออกไปมีบึงน้ำขนาดใหญ่ บึงน้ำลักษณะเช่นนี้นับว่าใหญ่โตมากเหลือเกิน สามารถเรียกว่าเป็นทะเลได้เลย แต่น้ำที่ไหลหลั่งอยู่ไม่ใช่น้ำทะเล กลับเป็นทรายทอง มันเป็นทรายทองที่ดูคล้ายน้ำทะเลที่ไหลเอื่อยๆ อยู่และดูสวยงามยิ่งนัก ส่งประกายสีทองแวบวับ ทำให้ผู้พบเห็นล้วนแล้วแต่ต้องการหยิบใส่กระเป๋าสักกำมือหนึ่ง

“ทรายไหลทองคำทะเลจ้างไห่ ครั้งนั้นข้าเคยท่องไปทั่วสิบสามทวีป ข้าได้มาเพียงตะกร้าเดียวเท่านั้นจากบริเวณส่วนที่ลึกที่สุดใต้ทะเลอ้าวไห่ เอากับเขาสิ จัดการเคลื่อนย้ายทะเลทั้งสายกลับมา ฝีมือเช่นนี้ยังจะผู้ใดในหล้าทำได้กันเล่า” เซียนหวังฉีหลินถึงกับยิ้มเจื่อนๆ เมื่อมองเห็นทะเลทรายไหลทองคำนี้แล้ว

แน่นอนที่สุด ต้องมีฝีมือเช่นนี้ถึงจะสมกับฐานะอย่างบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้ จะอย่างไรเสียเขาก็คือผู้บงการของยุคสมัยหนึ่ง การที่เขามีสมบัติมากมายถึงเพียงนี้ก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดคิดของผู้คน

สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องสะเทือนหวั่นไหวหาใช่ทรายไหลทองคำทะเลจ้างไห่ ไม่ใช่ต้นหลางหยา ที่ทำให้สะเทือนหวั่นไหวมากที่สุดก็คือ บรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยได้นำเอาดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งมาพันธนาการเอาไว้ภายในคลังสมบัติของตนโดยตรง

ตึง ตึง ตึงเสียงโลหะที่กระทบกันดังขึ้นมาเป็นระลอก บริเวณกึ่งกลางของคลังสมบัติมีดวงอาทิตย์ถูกขังเอาไว้ตรงนั้น โดยมีหลักกฎเกณฑ์ขนาดยักษ์สุดเทียบเทียมจำนวนเก้าเส้นทำการพันธนาการตรึงดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่โตมโหฬารเอาไว้ท่ามกลางฟ้าดิน

สิ่งที่ดวงอาทิตย์ดวงนี้พวยพุ่งออกมาไม่ใช่เพลิงแก่นสุริยัน แต่เป็นดวงอาทิตย์ทองคำที่มีเปลวเพลิงสีแดง โดยมีเปลวเพลิงสีแดงที่ดั่งคลื่นยักษ์ในทะเล ทุกๆ เปลวเพลิงที่แผ่ออกมาเหมือนหนึ่งสามารถเผาผลาญโลกๆ หนึ่งได้อย่างนั้น

โดยเฉพาะลึกเข้าไปภายในดวงอาทิตย์ทองคำดวงนี้ มีการเปล่งประกายที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งออกมา เหมือนว่าข้างในมีสิ่งมีชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลกอาศัยอยู่อย่างนั้น เหมือนว่าเป็นราชันศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงส่งบริสุทธิ์องค์หนึ่งอาศัยอยู่ในนั้น

ไม่ว่าภายในดวงอาทิตย์ทองคำจะมีราชันศักดิ์สิทธิ์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงส่งบริสุทธิ์อาศัยอยู่ในนั้นองค์หนึ่งหรือไม่ก็ตาม แต่ทว่า ดวงอาทิตย์ดวงนี้ถูกพันธนาการเอาไว้ตรงนั้นดื้อๆ แม้ว่าดวงอาทิตย์ดวงนี้จะโคลงเคลงไปมา กำลังดิ้นรน แต่ยังคงไร้ประโยชน์ นี่แหละคือฝีมือของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุย ต่อให้โลกทั้งใบก็สามารถพันธนาการเอาไว้ได้

ดังนั้น เมื่อดวงอาทิตย์ดวงนี้ถูกจับมาพันธนาการเอาไว้ดื้อๆ มันจึงไม่สามารถกระดิกตัวได้อยู่แล้ว

พวกของราชันเซียนฉานหลงที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับมองตากันและกัน เมื่อเห็นดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่โตมโหฬารดวงหนึ่งถูกพันธนาการเอาไว้ที่ตรงนั้น ด้วยฝีมือที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงมีแต่ผู้ดำรงอยู่ในระดับบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยเท่านั้นที่สามารถทำได้

“ยอดเยี่ยมมากเลย ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยไปเอาดวงอาทิตย์ดวงนี้มาจากที่ไหนกัน” หลังจากที่ราชันเซียนปู้จ้านได้พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว อดที่จะหวั่นไหวและกล่าวว่า “ในโลกนี้คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถนำเอาของสิ่งนี้มาได้”

“ผู้บงการในหนึ่งยุคสมัยหาใช่คำพูดที่เลื่อนลอย” หลี่ชิเย่มองดูดวงอาทิตย์ดวงนั้นที่ถูกพันธนาการเอาไว้ ยิ้มกล่าวเรียบๆ ขึ้นมา

หลังจากที่มีการสำรวจกันมารอบหนึ่งแล้ว สุดท้ายหลี่ชิเย่และบรรดาจอมราชันเซียนหวังได้ละสายตากันกลับมา ทุกคนต่างรู้อะไรคร่าวๆ เกี่ยวกับคลังสมบัติของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยกันบ้างแล้ว ขณะเดียวกัน ความอุดมสมบูรณ์ของคลังสมบัติของบรรพบุรุษไกลกันดารหลุนหุยก็อยู่ในความคาดการณ์ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

“เอาหละ ทุกท่าน วันนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นวันที่ได้เก็บเกี่ยวอย่างงดงามสำหรับชีวิตพวกเรา และถือเป็นงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่มาก คนอย่างข้าก็เป็นเช่นนี้แหละ ใครทำงานให้กับข้า ข้าจะไม่ให้คนหนึ่งคนใดต้องเสียเปรียบ จะเป็นร้อยชาติพันธุ์ก็ดี เผ่าสวรรค์ เผ่ามาร เผ่าเทพสามเผ่าก็ช่าง ขอเพียงยืนอยู่ข้างฝ่ายของข้า คำพูดดีๆ ข้าไม่ต้องเอ่ยให้มากความ อาศัยของแท้ที่จับต้องได้ย่อมดีกว่าคำพูดดีๆ” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาเรียบๆ

ในขณะนี้ บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่ไม่มีคำพูดอะไรที่จะพูดให้มากความ จอมราชันเซียนหวังของเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร เผ่าเทพสามเผ่าก็เป็นเช่นนี้ ผลประโยชน์มากมายตรงหน้าก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด อีกอย่างความโหดเหี้ยมชั่วร้ายไม่เคยเอาเปรียบผู้ที่อยู่ข้างกาย เรื่องเช่นนี้ ในฐานะที่เป็นจอมราชันเซียนหวังแม้ว่าก่อนหน้าจะไม่เคยร่วมมือกันมาก่อน แต่ก็ได้ยินได้ฟังมาบ้าง

“งานเลี้ยงยิ่งใหญ่ในวันนี้ทุกคนมีสิทธิ์ และข้าไม่เคยเอาเปรียบทุกคน” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “แต่ทว่า ก่อนที่ทุกคนจะได้แบ่งปันงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ข้ามีข้อเรียกร้องข้อหนึ่ง ศึกสงครามครั้งนี้ไม่ง่ายเลย ราชันเซียนปู้จ้านเหน็ดเหนื่อยแล้ว เขาแลกมาด้วยการสิ้นเปลืองของชะตาฟ้า ดังนั้น ก่อนที่พวกเราจะแบ่งปันกันในครั้งนี้ ข้าจึงเสนอข้อเรียกร้องข้อเดียว ในคลังสมบัตินี้หากจะมีโอสถเซียนประเภทเสริมบำรุงอะไรนั้น ให้ราชันเซียนปู้จ้านได้เลือกก่อน ข้าเชื่อว่าทุกคนคงไม่มีความเห็นเป็นอื่น”

“พวกเราไม่มีปัญหา วันนี้พี่ปู้จ้านเหน็ดเหนื่อยและมีผลงานมาก” ราชันสวรรค์จ้านหวังเป็นตัวแทนของจอมราชันสี่องค์ของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังแสดงท่าทีออกมา

“พวกเราก็ไม่มีความเห็น” เซียนหวังซั่วเทียนก็ทยอยแสดงท่าทีคออกมา

บรรดาจอมราชันเซียนหวังต่างไม่มีความคิดเห็น เนื่องจากสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ราชันเซียนปู้จ้านสมควรได้รับ ยิ่งไปกว่านั้น ในห้วงเวลาที่คับขันมากที่สุด ราชันเซียนปู้จ้านถึงกับยอมสละชะตาฟ้าเข้าช่วยเหลือ ด้วยการกระทำที่อันตรายถึงเพียงนี้ หากแม้ล้มเหลว ชะตาฟ้าของราชันเซียนปู้จ้านจะต้องถูกทำลายพินาศย่อยยับ

“การโจมตีของพี่ปู้จ้านทำให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตา ความคมของพลังสัจธรรมทำให้ข้าตามไม่ทันเลยทีเดียว” แม้แต่ราชันเซียนฉานหลงก็ยกย่องในกระบวนท่าการโจมตีของราชันเซียนปู้จ้าน

“ผู้อาวุโสฉานหลงกล่าวชมเกินไปแล้ว” ราชันเซียนปู้จ้านหัวเราะและกล่าวว่า “การโจมตีที่ยอดเยี่ยมของข้านี้มันมีเหตุผลของมัน ฝีมือของข้าล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับขวานสองคมเล่มนี้ของข้า ที่ครองความได้เปรียบเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง”

สุดท้ายแล้ว บรรดาจอมราชันเซียนหวังต่างหัวเราะกันครื้นเครง และยินดีรับข้อเสนอของหลี่ชิเย่ การทุ่มเทของราชันเซียนปู้จ้านสมควรได้รับการตอบแทนเช่นนี้จริงๆ

“พวกเรายินดีเป็นผู้ติดตามของท่านปรมาจารย์ แม้ว่าพวกเราไม่กล้ามองว่าตัวเองนั้นด้อยค่า แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่สามารถดำเนินการเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมของสิบสามทวีปได้ก็มีเพียงท่านปรมาจารย์เท่านั้น” ในเวลานี้ เทพธิดาตะวันรอนของเผ่ามาร และก็คือราชันมารหว่านเสียนั่นเอง นางเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “คราวนี้หากจะว่ากันถึงผลงานอันยิ่งใหญ่แล้ว ท่านปรมาจารย์มาเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้น ก่อนที่จะมีการเริ่มต้นงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ ขอเชิญท่านปรมาจารย์ได้เลือกของวิเศษที่ถูกใจก่อนดีไหม?”

“เชิญท่านปรมาจารย์ก่อน” บรรดาจอมราชันเซียนหวังต่างหัวเราะขึ้นมา เชื้อเชิญให้หลี่ชิเย่ได้เลือกของวิเศษก่อน

“ดีมาก เช่นนั้นแล้วก็เริ่มเลยก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ และไม่ต้องแสแสร้างแกล้งทำ ทำการเลือกสรรของวิเศษในทันที

งานเลี้ยงฉลองยิ่งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้น เรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงที่ได้รับประทานกันอย่างอิ่มหนำสำราญ จอมราชันเซียนหวังทุกองค์ต่างกินกันจนอิ่ม จอมราชันเซียนหวังทุกองค์ต่างได้กลับไปเป็นกอบเป็นกำ

กล่าวได้ว่า ไม่มีจอมราชันเซียนหวังองค์ไหนที่เสียใจกับการเข้าร่วมในศึกครั้งนี้ ค่าตอบแทนที่ได้รับช่างมากมายเหลือเกิน แม้แต่เผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่าล้วนแล้วแต่ยินดีที่ได้เห็นการร่วมมือเช่นนี้

สุดท้าย งานเลี้ยงยิ่งใหญ่ได้สิ้นสุดลงแล้ว จอมราชันเซียนหวังทุกคนต่างได้รับส่วนแบ่งในของวิเศษที่ตนพึงพอใจ เรียกได้ว่า เหล่าจอมราชันเซียนหวังล้วนแล้วแต่อิ่มอกอิ่มใจกันทั้งสิ้น

“งานเลี้ยงยิ่งใหญ่ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะต้องออกเดินทางแล้ว” หลี่ชิเย่มองดูจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “พวกเจ้าใครจะเป็นผู้มาเปิดประตูของสิบสามทวีปกันหละ?”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้บรรดาจอมราชันเซียนหวังมองตากันและกัน ราชันเซียนของเก้าแดนอมยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ขณะที่พวกเซียยนหวังฉีหลินต่างมองหน้ากันและกันทีหนึ่ง

“ครั้งนั้นราชันซื่อตี้ได้บรรลุข้อตกลงกับบรรดาจอมราชันเซียนหวังทั้งหมด เพื่อป้องกันเหตุกลียุค ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น จึงทำการปิดประตูของสิบสามทวีปเสีย ถ้าหากต้องการเปิดประตูทั้งหมดของสิบสามทวีป เกรงว่าต้องรอให้ยุคสมัยนี้อยู่ในห้วงเวลาที่รุ่งเรืองขีดสุด แต่ทว่า หากท่านปรมาจารย์คิดจะผ่านประตูระหว่างทวีปโดยลำพังคนเดียว เพียงอาศัยสายสำนักราชันเซียนตั้งแต่สามสำนักขึ้นไป และได้รับการยินยอมจากราชันเซียนหกองค์ก็สามารถร่วมกันเปิดประตูเดี่ยวๆ ได้แล้ว” สุดท้าย เซียนหวังฉีหลินได้กล่าวขึ้น

“หากท่านปรมาจารย์ต้องการเดินทาง พวกเราตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังไม่มีความเห็นเป็นอื่น ยินดีลงมือเปิดประตูให้” ราชันสวรรค์จ้านหวังแสดงเจตจำนง

“พรรคซั่วเทียนข้าก็ยินดี” เซียนหวังซั่งเทียนก็แสดงท่าที

“ตระกูลราชันฉีหลินพวกเราคงไม่ต้องกล่าวมากความ ยินดีเป็นผู้ติดตามท่านปรมาจารย์” เซียนหวังฉีหลินเอ่ยขึ้น

ย่อมไม่ต้องสงสัย การเปิดประตูของชิงโจวผ่านการเห็นชอบโดยเอกฉันท์ พวกของราชันสวรรค์จ้านหวังยินดีร่วมกันเปิดประตูบานเล็กให้หลี่ชิเย่ได้ผ่านไปยังทวีปอื่นๆ ได้

“ที่ตาเฒ่าซื่อตี้ทำเพื่อป้องการภัยพิบัติ หรือป้องกันความมืด และหรือเป้าหมายที่แท้จริงคือป้องกันข้ากันเล่า” หลี่ชิเย่ได้ยิ้มเฉยเมยและกล่าวขึ้น สำหรับเรื่องประตูของสิบสามทวีป

สำหรับเรื่องนี้ บรรดาจอมราชันเซียนหวังต่างไม่สะดวกที่จะวิจารณ์ เรื่องการเป็นศัตรูระหว่างราชันซื่อตี้กับอีกาทมิฬไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนั้นหลี่ชิเย่ได้ล่อลวงลูกสาวของราชันซื่อตี้ไป ทำให้ราชันซื่อตี้เคยสามบานว่าจะเด็ดศีรษะของอีกาทมิฬให้จงได้

หลังจากตกลงเรื่องของการเปิดประตูแล้ว บรรดาเหล่าจอมราชันเซียนหวังต่างทยอยกันอำลาต่อหลี่ชิเย่

ราชันสวรรค์จ้านหวังได้นำพาจอมราชันของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังจากไปเป็นคนแรก เขาแสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์ หวังว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นของเหตุการณ์ หากความมืดมาเยือน หวังว่าสิบสามทวีปจะร่วมแรงร่วมใจกัน ละทิ้งความเห็นที่แตกต่างกัน”

“เรื่องนี้ต้องอาศัยความพยายามร่วมกันของบรรดาจอมราชันเซียนหวังเช่นพวกเจ้าแล้วหละ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบๆ

หลังจากที่ราชันสวรรค์จ้านหวังจากไปแล้ว เซียนหวังซั่วเทียนก็ได้นำพาจอมราชันเซียนหวังคนอื่นๆ กล่าวคำอำลา “ความเจริญรุ่งเรืองของร้อยชาติพันธุ์ฝากไว้บนตัวของท่านปรมาจารย์แล้ว หวังว่าท่านปรมาจารย์อยู่ยงตลอดไป”

“ข้าเป็นเพียงคนที่เดินทางผ่านมาเท่านั้น ความเจริญรุ่งเรืองของร้อยชาติพันธุ์ยังคงต้องอาศัยความพยายามของตนเอง” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ด้วยท่าทีจริงจัง

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท