ในขณะที่หลี่ชิเย่และเหล่ามอกำลังพูดคุยถึงสถานการณ์อยู่นั้น ทันใดนั้นฟ้าดินรวมตัวเข้าด้วยกัน พลังที่ไม่มีสิ้นสุดถูกรวมเข้าด้วยกัน ชะตาฟ้าปรากฏ สัจธรรมของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนในทวีปเจียวเหิงโจวจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
ตูม…ตูม…ตูม…ณ สถานที่ใดที่หนึ่งในทวีปเจียวเหิงโจว ได้ปรากฏประกายที่เจิดจ้ายิ่งอย่างกะทันหัน พลังชะตาฟ้ารวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง ท่าทีเหมือนต้องการสยบหมื่นแดนอย่างนั้น
การรวมตัวของพลังในลักษณะเช่นนี้ ได้สร้างความแตกตื่นให้กับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วน ในเวลานี้คู่สายตาแต่ละคู่ต่างจ้องมองไปทันที
ตูม…เสียงดังสนั่นดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ภายในระยะเวลาอันสั้น ฟ้าดินส่งเสียงดังตูมตาม หมื่นสัจธรรมแหบแห้งไม่แจ่มใส ตามติดด้วยอานุภาพเซียนหวังที่เกรียงไกรไปทั่ว ท่ามกลางเสียงดังตูมมองเห็นร่างเงาที่สูงตระหง่านปรากฎอยู่บนท้องฟ้าของทวีปเจียวเหิงโจว
แกร๊งค์ แกร๊งค์ แกร๊งค์เสียงคำรามราชันดังขึ้นมาไม่ขาดสาย หลักกฎเกณฑ์แต่ละข้อของเซียนหวังถูกปูลาดพาดผ่านฟ้าดิน เสมือนหนึ่งได้ควบคุมพลังอำนาจเอาไว้ทั้งหมดอย่างนั้น นาทีนี้อานุภาพเซียนหวังตลบอบอวลไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน อีกทั้งอานุภาพเซียนหวังนี้ดูสดใหม่ยิ่งนัก ขณะที่กลิ่นอายเซียนหวังตลบอบอวลอยู่นั้น เหมือนหนึ่งความขมุกขมัวทุกผ่าออกมาอย่างนั้น
“เซียนหวังคนใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว” ต่อให้ผู้ที่ไม่สามารถมองเห็นระยะห่างไกลได้ แต่เมื่อรับรู้ถึงอานุภาพเซียนหวังที่ตลบอบอวล ก็สามารถรู้ได้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“เหรินเซิ่นก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเซียนหวัง สืบทอดชะตาฟ้าสี่สาย!” ในวันนี้เอง ข่าวที่สะเทือนฟ้าเสมือนดังพายุที่โหมกระหน่ำกวาดไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินอย่างนั้น ภายในระยะเวลาอันสั้น ข่าวที่น่าสะเทือนฟ้าข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของทวีปเจียวเหิงโจว
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกดีใจเมื่อข่าวนี้ถูกแพร่กระจายมา โดยเฉพาะยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ เมื่อได้ยินข่าวนี้แล้วดีใจจนสุดที่จะเปรียบเปรย
“เหรินเซิ่นคือความภาคภูมิใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์” ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเผ่พันธุ์มนุษย์จำนวนเท่าไรถือเป็นเกียรติยศอย่างหนึ่ง เมื่อได้ฟังข่าวการสืบทอดชะตาฟ้าของเหรินเซิ่น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคยศรัทธาเหรินเซิ่นยิ่งรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก
“เกรงว่าชาตินี้เผ่าพันธุ์มนุษย์คงต้องพึงพาเซียนหวังอย่างเหรินเซิ่นมาแบกรับสถานการณ์โดยรวมแล้ว” ต่อให้เป็นยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เป็นรุ่นอาวุโส เมื่อได้ยินข่าวนี้แล้วก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง ถึงกับฝากความหวังไว้กับเหรินเซิ่นสูงมาก
“สืบทอดชะตาฟ้าสี่สายในครั้งเดียวนะเนี่ย พรสวรรค์ที่สูงขนาดนี้นับว่ายากที่จะหาได้ยากยิ่ง น่าเสียดาย” ระดับบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์มนุษย์หลังจากรู้ว่าเหรินเซิ่นได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเซียนหวังแล้ว ถึงกับเอามือข้างหนึ่งกุมมืออีกข้างหนึ่งเอาไว้ ทอดถอนใจออกมาว่า “หากเหรินเซิ่นไม่ถูกเผ่าสวรรค์ลอบโจมตี ทำให้พลาดโอกาสสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งแรกไป ไม่แน่นักเขาอาจมีโอกาสกลายเป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย”
“แม้ว่าเหรินเซิ่นไม่ได้เป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย เขาก็ยังคงเป็นความภาคภูมิใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์พวกเราเช่นกัน เป็นเพราะเข้าต้องการขัดขวางจินเก๋อจึงได้ตัดสินใจเลือกเช่นนี้ ถ้าหากเขาไม่ไปลอบโจมตีจินเก๋อ ในเวลาต่อมาก็ไม่แน่ว่าเผ่าสวรรค์จะลอบโจมตีต่อเขา ดังนั้น เป็นเหรินเซิ่นที่เสียสละ และนี่ก็คือความภูมิใจของเผ่าพันธุ์มนุษย์พวกเรา” มียอดฝีมือที่ศรัทธาในตัวของเหรินเซิ่นยิ่งนัก
ข่าวเรื่องการสืบทอดชะตาฟ้า ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเซียนหวังของเหรินเซิ่นกลายเป็นข่าวใหญ่ที่ดังระเบิดในทวีปเจียวเหิงโจว เมื่อหลายคนได้ยินข่าวนี้แล้ว บางคนรู้สึกเหนือความคาดคิด แต่ก็อยู่ในความคาดคิดของผู้คนจำนวนมาก
สำหรับยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากของทวีปเจียวเหิงโจวแล้ว ที่เหนือความคาดคิดคือการพลาดโอกาสสืบทอดชะตาฟ้าในครั้งแรก และนับเป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิดจริงๆ คือ เหรินเซิ่นยังคงสามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้ถึงสี่สายในครั้งที่สอง
ในความคาดคิดของผู้คนจำนวนมากก็คือการได้เป็นเซียนหวังของเหรินเซิ่น ในยุคปัจจุบัน ถ้าหากเผ่าพันธุ์มนุษย์จะมีใครสักคนได้เป็นเซียนหวัง เช่นนั้นแล้ว เหรินเซิ่นต้องเป็นหนึ่งในจำนวนนั้นแน่นอน
เหล่ามอและหลี่ชิเย่ที่อยู่ในเมืองเล็กๆ ก็ถูกรบกวนให้ตื่น พวกเขาลืมตาทั้งสองขึ้น สายตาของพวกเขาทั้งสองก้าวข้ามมิติและตรงไปยังสถานที่ที่เหรินเซิ่นกลายเป็นเซียนหวัง มองเห็นขั้นตอนการขึ้นสู่เซียนหวังของเหรินเซิ่นกับตาตนเอง
หลังจากนานมากแล้ว หลี่ชิเย่กับเหล่ามอจึงได้ละสายตากลับมา หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยนิดหนึ่งเท่านั้น เรื่องการขึ้นสู่ตำแหน่งเซียนหวัง สำเร็จเป็นจอมราชัน เรื่องแบบนี้เขาเห็นมามากจึงไม่ได้ทอดถอนใจอะไรมากนัก
“คราวนี้ไม่มียอดฝีมือคนใดของเผ่าสวรรค์ปรากฏตัวเลยนะเนี่ย” หลังจากที่เหล่ามอละสายตากลับมาแล้วถึงกับพูดขึ้นช้าๆ ว่า “ดูท่าคงเจรจากันเรียบร้อยแล้ว”
ครั้งนั้น เหรินเซิ่นได้ร่วมมือกับยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนลอบโจมตีจินเก๋อ ขัดขวางการสืบทอดชะตาฟ้าของจินเก๋อ ปฏิบัติการครั้งนี้ของเหรินเซิ่น และพวกของจอมเทพท่าซิงประสบผลสำเร็จ
ต่อมาภายหลัง ขณะที่เหรินเซิ่นจะสืบทอดชะตาฟ้า และก้าวขึ้นสู่เซียนหวัง ก็ถูกล้างแค้นโดยเผ่าสวรรค์ ถูกยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนของเผ่าสวรรค์ และระดับจอมเทพลอบโจมตี
นับว่าเหรินเซิ่นเองก็มีความแข็งแกร่งยิ่งโดยแท้จริง ภายใต้การลอบโจมตีเช่นนี้ยังคงเอาชีวิตรอดมาได้ เพียงแต่เขาก็เหมือนเช่นจินเก๋อ พลาดโอกาสในการสืบทอดชะตาฟ้าครั้งแรกไป
แต่ว่า การกลับมาใหม่อีกครั้งของเหรินเซิ่น การสืบทอดชะตาฟ้าอีกครั้งเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเซียนหวัง กลับเป็นไปด้วยความราบรื่นตลอดขั้นตอนของการสืบทอดชะตาฟ้า เนื่องจากเผ่าสวรรค์ตลอดจนเผ่าอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ไม่มีใครมาลอบโจมตีเหรินเซิ่น
เรื่องนี้นอกจากมีระดับเซียนหวังคอยให้ความคุ้มครองเขาแล้ว เกรงว่ายังมีสาเหตุอื่นๆ
“เกรงว่าชาตินี้คงไม่สามารถให้กำเนิดจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายได้แล้วหละ” เหล่ามอกล่าวด้วยความทอดถอนใจออกมา แต่เดิมนับแต่อดีตกาลเป็นต้นมา การปรากฏจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เวลานี้ทั้งจินเก๋อและเหรินเซิ่นที่มีพรสวรรค์มากที่สุดต่างก็พลาดโอกาสการสืบทอดชะตาฟ้าไปแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาไม่มีวาสนาได้ครอบครองชะตาฟ้าสิบสองสายได้ตลอดกาล เรียกได้ว่าโดยพื้นฐานแล้วชาตินี้ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะให้กำเนิดจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายได้อีกแล้ว
“เรื่องราวบนโลกทุกเรื่องล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น บางทีชาตินี้อาจมีการให้กำเนิดจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายขึ้นมาใหม่” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวขึ้นมาช้าๆ
“คนที่ท่านปรมาจารย์พูดถึงคือใครกันแน่ที่สามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้สิบสองสาย?” เหล่ามอถึงกับกล่าวด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่แล้ว
เนื่องจากเขารู้ว่าบุคคลอย่างหลี่ชิเย่จะไม่พูดจาพร่อยๆ เวลานี้ทั้งจินเก๋อและเหรินเซิ่นต่างพลาดโอกาสที่จะได้เป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายกันแล้ว ขณะที่หลี่ชิเย่กลับบอกว่ายังมีโอกาสให้กำเนิดจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายได้อีก แล้วจะได้ให้เหล่ามอรู้สึกประหลาดใจได้อย่างใดกันเล่า
การที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ย่อมบ่งชี้ว่าในสิบสามทวีปมีผู้ที่เขามั่นใจอยู่ ควรจะทราบว่าบนโลกนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่คนใดก็ตามหากสามารถได้รับการเชื่อมั่นจากผู้ดำรงอยู่ในฐานะอีกาทมิฬแล้ว ย่อมมีความยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงแล้ว
“เวลานี้ทุกอย่างยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึง รอให้ถึงวันนั้นมาถึง ย่อมเฉลยออกมาเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
เหล่ามอก็พยักหน้าเบาๆ ไม่ได้เอ่ยถามให้มากความ
“ท่านผู้อาวุโส เชียนเสวียนขอคารวะ” ในเวลานี้เอง ด้านนอกประตูปรากฏเสียงที่ใสกังวานดังขึ้น เสียงนี้ไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก มีชีวิตชีวาและเปี่ยมด้วยความปาฏิหาริย์ยากจะหาใดเทียม ได้ยินแล้วทำให้รู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง
เมื่อเหล่ามอได้ยินคำพูดนี้แล้ว ได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ
“บนโลกใบนี้ยังคงมีดวงตาแต่ละคู่ที่จ้องมองอยู่นะ ต่อให้เจ้าหลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางโลกีย์มนุษย์ บรรดาจอมราชันเซียนหวังยังคงสนใจในตัวเจ้าไม่เสื่อมคลาย” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมย
เหล่ามอหัวเราะเจื่อนๆ ชั่วชีวิตของเขาพบเจอกับจอมราชันเซียนหวังมากมายเหลือเกิน จอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุด เช่น ราชันเทพจงหนาน ราชันซื่อตี้ ราชันเชอะตี้เป็นต้นล้วนแล้วแต่พบมาแล้วทั้งสิ้น
“เข้ามาได้” เหล่ามอเอ่ยขึ้นช้าๆ
เพียงครู่เดียว กลิ่นหอมโชยมาระลอกหนึ่ง ผู้หญิงที่มีอายุอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งก้าวเดินเข้ามา ยามที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามา ทำให้ห้องโถงถึงกับสว่างขึ้นมา บังเกิดคุณธรรมที่ดีงามและสูงส่งคงอยู่ในห้องตลอดไป
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้างดงามเลิศเลอในหล้า นางที่สวมชุดสีขาวเสมือนดั่งก้าวเดินออกมาจากภาพวาด ดูไม่สมจริง ล่องลอยดั่งเซียน ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวล้วนมีอรรถรสที่ยอดเยี่ยมที่สุด แม้แต่เทพธิดาแห่งแม่น้ำลั่วที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำก็ไม่เกินเลยไปกว่านี้
นัยน์ตาคู่นั้นของผู้หญิงคนนี้ดูสดใสมีชีวิตชีวายิ่งนัก เหมือนน้ำที่ส่งประกายแวบวับ คู่นัยน์ตาที่สดใสดังน้ำในสารทฤดู
ท่าทางของผู้หญิงที่เดินอรชรอ้อนแอ้นเข้ามา บังเกิดคุณธรรมที่ดีงามและสูงส่งขึ้นมาในห้อง เหมือนดั่งล้อมรอบด้วยกลิ่นอายเซียน มีอรรถรสของความเป็นเทพที่บอกไม่ถูก เหมือนว่าวิชาที่นางฝึกปรือหาใช่เคล็ดวิชาบนโลก ก้าวข้ามความเป็นโลกีย์มนุษย์
ผู้หญิงคนนี้เลอโฉมหนึ่งไม่มีสอง ไม่ว่าจะหน้านิ่วคิ้วขมวดหรือยิ้มแย้มล้วนแล้วแต่ดึงเร้าจิตใจผู้คน แต่ผู้พบเห็นกลับไม่กล้าที่จะไม่ให้ความเคารพ ได้แต่มองอยู่ระยะห่างไกล ไม่กล้าเข้าไปใกล้แสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อนาง
ผู้หญิงคนนี้ก้าวเดินเข้ามาภายในห้องโถง เมื่อพบกับเหล่ามอแล้วไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิด แต่ว่า เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ที่นั่งเสมอด้วยเหล่ามอ กลับรู้สึกตะลึงนิดหนึ่ง
แต่นางเรียกสติกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว โค้งคำนับอย่างงาม กล่าวด้วยท่าทีที่เคารพว่า “เชียนเสวียนได้รับการไหว้วานจากบรรพบุรุษให้มาคารวะท่านผู้อาวุโส” กล่าวพลางสองมือนำเทียบเชิญศักดิ์สิทธิ์ส่งมอบให้
เทียบเชิญศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ดูยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ตลบอบอวลไปด้วยอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า เทียบเชิญศักดิ์สิทธิ์นี้มาจากผู้ที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่รู้จักหลี่ชิเย่ แต่ยังคงโค้งคำนับต่อหลี่ชิเย่เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ แม้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักหลี่ชิเย่ แต่นางรู้ถึงฐานะของเหล่ามอ ผู้ที่สามารถนั่งเสมอด้วยเหล่ามอได้ ย่อมต้องเป็นระดับยอดเยี่ยมแห่งยุคเป็นแน่แท้
เมื่อเหล่ามอรับเทียบเชิญใบนี้มาแล้วไม่ได้เปิดออกดูทันที เนื่องจากพลันที่เขาได้สัมผัสกับเทียบเชิญศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่ามาจากผู้ใด
“ข้าเสร็จธุระสมควรจะไปจากได้แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป
เหล่ามอรีบลุกขึ้นเพื่อไปส่ง หลี่ชิเย่เพียงกดมือของเขาเอาไว้เบาๆ และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ไม่ต้องไปส่งแล้ว วันหน้าย่อมมีโอกาสได้พบกันอีก” กล่าวจบล่องลอยจากไป
หลังจากที่หลี่ชิเย่ออกจากบ้านซื่อเหอย่วนของเหล่ามอแล้วไม่ได้ออกจากเมืองเล็กๆ เมืองนี้ไป แต่กลับเดินไปตามอารมณ์อยู่ท่ามกลางเมืองที่ไม่นับว่ามีขนาดใหญ่แห่งนี้
เนื่องจากยุคนี้เหล่ามอเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ปรากฏตัว ย่อมจะต้องมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว
แม้จะกล่าวว่าเหล่ามอหาใช่เป็นจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุด จำนวนชะตาฟ้าที่เขาได้สืบทอดมานั้นห่างชั้นจากจอมราชันเซียนหวังเป็นอันมาก แต่ทว่า เขากลับเป็นหนึ่งในจอมราชันเซียนหวังที่ยอดเยี่ยมที่สุด แม้แต่จอมราชันเซียนหวังอย่างราชันซื่อตี้เมื่อพบกับเขาแล้วยังต้องยกย่องเรียกเขาว่า “ท่านปราชญ์”
ตัวของเหล่ามอเองไม่ได้มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่ว่าเขาคือความมหัศจรรย์ของสิบสามทวีป สัจธรรมของเขามีความสมดุลกับฟ้าดิน ดังนั้น ส่งผลให้เขาสามารถท่องไปในโลกมนุษย์โดยที่ไม่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ กระทั่งเขาเองก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างยาวนาน
เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ระดับสูงสุดล้วนแล้วแต่เคยมาคารวะต่อเหล่ามอแล้วทั้งสิ้น เช่น ราชันเทพจงหนาน ราชันซื่อตี้ ราชันเชอะตี้ล้วนแล้วแต่เคยมาเยี่ยมคารวะเขามาก่อน ต่างก็เคยขอคำชี้แนะจากเขาด้วยความจริงใจ
จะอย่างไรเสีย มีจอมราชันเซียนหวังองค์ใดที่ไม่คาดหวังว่าสวรรค์ลงทัณฑ์จะไม่เกิดขึ้นกับตัวของพวกเขากันเล่า แต่ว่า บนเส้นทางสายนี้มีเพียงเหล่ามอเท่านั้นที่สามารถทำให้ได้สมดุลเช่นนี้ ทำให้ตัวเขากับฟ้าดินอยู่ในสภาพที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้เปรียบเสียเปรียบซึ่งกันและกัน ขณะที่คนอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ในสภาพเช่นนี้ ต่อให้จอมราชันเซียนหวังที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ทำไม่ได้
เหล่ามอไม่จำเป็นต้องทำตัวเหมือนเช่นจอมราชันเซียนหวังอื่นๆ ที่ต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในแดนแห่งการสืบค้น หลบออกจากโลกของโลกีย์มนุษย์ อีกทั้งยังเปลี่ยนสถานที่อยู่อาศัยในแต่ละยุค และจะต้องเปลี่ยนงานฝีมือไปอีกอย่าง
เฉกเช่นที่ยุคสมัยนี้ที่โม่และทำเป็นเต้าฮวย ด้วยงานฝีมือที่ธรรมดาๆ มากยิ่งกลับถูกเหล่ามอทำไปได้จนถึงขีดสูงสุด กล่าวสำหรับเหล่ามอแล้ว ต่อให้เป็นการทำเต้าฮวยที่ธรรมดาที่สุดมันก็คือเส้นทางสายหนึ่ง จำเป็นต้องไม่ฝ่อนคลายความพยายาม ก้าวเดินต่อไปให้ตลอด