หลังจากที่อวี่เชียนเสวียนจากไปแล้ว หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ ไปเป็นอาจารย์ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นเพียงความคิดที่แล่นเข้ามากะทันหันเท่านั้นเอง แน่นอน เขาต้องการไปที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าสักครั้งเป็นเรื่องจริง ส่วนที่ว่าไปสอนหนังสือนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นเอง
หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งขณะมองไปยังที่ที่ห่างไกล สถาบันศึกษาเทพเจ้าช่างเป็นสถานที่ที่คะนึงถึงจริงๆ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสวนสนุก เพียงแต่ภายหลังมีการแปรเปลี่ยนสภาพไป
หลี่ชิเย่ไม่ได้เดินทางไปที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าในทันที เขาท่องไปท่ามกลางทวีปเจียวเหิงโจว ผ่านไปตามที่ต่างๆ มากมาย รำลึกถึงสหายเก่าๆ เยี่ยมเยียนสหายเก่า ท่ามกลางทวีปเจียวเหิงโจวแห่งนี้มีเรื่องราวและบุคคลที่เขาไม่สามารถปล่อยวางมากเหลือเกิน
ถ้าหากจะกล่าวว่าทั่วทั้งเก้าแดนล้วนแล้วแต่คือสิ่งที่ควรค่าแก่หลี่ชิเย่ไปรักและตัดใจไม่ลง เช่นนั้นแล้ว ในเจียวเหิงโจวของแดนสิบก็มีบุคคลและเรื่องราวมากมายเหลือเกินที่คู่ควรให้เขาหลงรักและตัดใจทิ้งไม่ได้เช่นกัน
ทวีปเจียวเหิงโจวคือฐานที่มั่นของร้อยชาติพันธุ์ แล้วไหนเลยจะไม่ใช่ฐานที่มั่นของเขา ก่อนหน้านั้นไม่นาน พวกเขาเคยส่งกองทัพจากทวีปเจียวเหิงโจวเกรียงไกรไปทั่วสิบสามทวีป เคยเป็นที่ที่ริเริ่มให้มีศึกล่าราชันขึ้นที่นี่ สุดท้ายสยบไปทั่วหล้า และวางรากฐานอย่างมั่นคงให้กับฐานะของร้อยชาติพันธุ์
อาจกล่าวได้ว่า ในทวีปเจียวเหิงโจวแห่งนี้ได้แบกรับความทรงจำของหลี่ชิเย่เอาไว้มากมายเหลือเกิน ณ ที่ตรงนี้เคยมีคนที่เขารัก และมีคนที่รักเขา แต่เมื่อผ่านเลยมาถึงวันนี้แล้ว สิ่งต่างๆ ยังคงเหมือนเดิม แต่คนได้เปลี่ยนไปแล้ว
บนผืนแผ่นดินที่คุ้นเคยแห่งนี้ ได้มีผู้ที่ก้าวสู้เส้นทางการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายไปแล้ว และมีคนที่ล่องลอยไปกับสายลมไปจากโลกนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังมีผู้ที่ปลีกตัวจากโลกภายนอกไม่ปรากฎตัวอีกแล้ว…
การก้าวเดินอยู่บนผืนแผ่นดินผืนนี้ ทำให้หลี่ชิเย่รู้สึกกลัดกลุ้มในใจอยู่บ้าง คนบางคนไม่ทันได้กล่าวคำอำลา ไม่ทันได้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย แต่กลับต้องห่างกันระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์จากนั้นเป็นต้นมา เช่นฉวี่เจิน เชียนหลี่ พวกนางต่างก็ไปแล้วไปลับ
หลี่ชิเย่หวนรำลึกถึงสหายเก่ากับการก้าวเดินอยู่บนผืนแผ่นดินผืนนี้ เยี่ยมเยียนสหายเก่า เดินไปแวะไป สุดท้าย จึงได้ก้าวสู่เส้นทางที่มุ่งไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้า
ชื่อของสถาบันศึกษาเทพเจ้าชื่อนี้ได้สยบทวีปเจียวเหิงโจวเอาไว้ กระทั่งสยบต่อสิบสามทวีป เรียกได้ว่าท่ามกลางผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้า ผู้ที่ไม่เคยได้ยินชื่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าคงมีอยู่ไม่มาก ขอเพียงเป็นผู้บำเพ็ญตนที่มีความรู้ประสบการณ์เล็กน้อยก็ต้องเคยได้ยินชื่อของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
เมื่อพูดถึงสถาบันศึกษาเทพเจ้า บุคคลผู้หนึ่งไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือราชันเซียนเฟย
ยุคสมัยของราชันเซียนเฟยยังอยู่ในยุคโบราณที่รกร้างกว้างใหญ่ ณ สมัยนั้นอย่าว่าแต่ฐานะของร้อยชาติพันธุ์ในสิบสามทวีปเลย แม้แต่ราชันเซียนจากเก้าแดนที่สามารถขึ้นมายังสิบสามทวีปก็ไม่ง่ายนัก ในยุคนั้น ราชันเซียนที่ขึ้นมายังสิบสามทวีปล้วนแล้วแต่เป็นเหยื่อในสายตาของจอมราชันเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่านี้
แม้ว่าราชันเซียนเฟยจะขึ้นมายังสิบสามทวีปช้ากว่าราชันเซียนเจียวเหิง แต่ว่า หลังจากที่ราชันเซียนเฟยขึ้นมาที่สิบสมทวีปแล้วกลับได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ เขาเคยเป็นแขกผู้มีเกียรติของจอมราชันเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่า
เรียกได้ว่า ราชันเซียนเฟยคือลูกรักแต่กำเนิด เขาคือบุรุษผู้สูงส่ง ความปราดเปรื่องน่าทึ่งที่เป็นหนึ่งไม่มีสองของเขา ต่อให้บนโลกที่อยู่ท่ามกลางการควบคุมของจอมราชันสิบสามทวีป ราชันเซียนเฟยยังคงทำให้บรรดาจอมราชันจำนวนมากต้องสลดจนหน้าถอดสี
ดังนั้น ราชันเซียนเฟยจึงได้รับความเคารพนับถือจากจอมราชันเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่าในสิบสามทวีป ในเวลานั้น ราชันเทพจงหนานที่สยบไปทั่วสิบสามทวีปรักในตัวของราชันเซียนเฟยยิ่งนัก ถือเสมือนหนึ่งเป็นลูกในไส้แท้ๆ ของตนเอง กระทั่งยกลูกสาวของตนเอง ซึ่งก็คือสาวงามอันดับหนึ่งของสิบสามทวีปในยุคสมัยนั้นให้เป็นภรรยาของราชันเซียนเฟย
สมควรทราบว่า ราชันเทพจงหนานคือจอมราชันเผ่าเทพที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายเป็นองค์ที่สี่ของสิบสามทวีป ฐานะของเขาเทียบเคียงได้กับราชันเหยียนตี้ และราชันสวรรค์หุ้นหยวนในครั้งนั้น!
เมื่อได้รับการรักและเอ็นดูเช่นนี้จากราชันเทพจงหนาน ยิ่งเท่ากับเป็นการวางรากฐานของราชันเซียนเฟยอย่างมั่นคงถึงฐานะระหว่างเขากับเหล่าราชันของสิบสามทวีป
เนื่องเพราะสาเหตุนี้เอง ภายหลังราชันเซียนเฟยได้ก่อตั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าขึ้นมา เวลานั้นทวีปเจียวเหิงโจวยังไม่ได้ชื่อว่าทวีปเจียวเหิงโจว ในเวลานั้นที่ตรงนี้มีชื่อว่าทวีปไป๋โจว
ขณะที่ในเวลานั้นฐานะของร้อยชาติพันธุ์ในไป๋โจวยังต่ำมาก แต่ทว่า ราชันเซียนเฟยกลับก่อตั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าขึ้นที่ตรงนี้ อีกทั้งยังเป็นเพียงหนึ่งเดียวของสิบสามทวีปที่ได้รับอนุญาตให้เป็นสำนักและสถานที่ที่สำหรับฝึกวิชาของร้อยชาติพันธุ์ได้
แม้จะกล่าวว่า ก่อนที่จะมีการก่อตั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าขึ้นมา ร้อยชาติพันธุ์เองก็เคยมีสำนักอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ว่า บรรดาสำนักเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้รับการยอมรับจากเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่า จึงได้รับการโจมตีและสยบจากเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่าอยู่เสมอ
ทั้งหมดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หลังจากที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกก่อตั้งขึ้นมาแล้ว โดยราชันเซียนเฟยเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าขึ้นมากับมือของตนเอง และภรรยาของเขาก็เคยเป็นผู้คิดแผนการและวางกลยุทธให้ ขณะเดียวกัน ราชันเทพจงหนานก็เคยช่วยออกแรงเพื่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้มากทีเดียว
เนื่องเพราะได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากราชันเทพจงหนานนั่นเอง ทำให้จอมราชันทั้งหมดของสิบสามทวีปต่างให้การยอมรับฐานะของสถาบันศึกษาเทพเจ้า และเป็นสำนักและสถานศึกษาแห่งแรกในสิบสามทวีปที่สามารถเปิดรับนักศึกษาจากทั่วหล้าได้อย่างสง่าผ่าเผยตรงไปตรงมาของร้อยชาติพันธุ์
หลังจากที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกก่อตั้งขึ้นมาแล้วได้หันเข้าหาร้อยชาติพันธุ์ นับจากนั้นเป็นต้นมาการฝึกวิชาของร้อยชาติพันธุ์เริ่มมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น จำนวนผู้บำเพ็ญตนของร้อยชาติพันธุ์เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลานั้น สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้กลายเป็นแหล่งกำเนิดอัจฉริยะบุคคลของร้อยชาติพันธุ์
แม้จะกล่าวว่า ราชันเซียนเฟยไม่ได้พาลและปราศจากผู้ต่อกรเหมือนดั่งราชันเซียนเจียวเหิง ไม่เหมือนเช่นราชันเซียนเจียวเหิงที่หมางเมินต่อจอมราชันของทั้งสามเผ่า เกรียงไกรต่อสามพันจอมราชัน ยิ่งไม่ได้เหมือนเช่นราชันเซียนเจียวเหิงที่ทำการเปลี่ยนชื่อทวีปไป๋โจวเป็นทวีปเจียวเหิงโจว บังคับให้เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่ายอมรับในฐานะของร้อยชาติพันธุ์
ขณะเดียวกัน ราชันเซียนเฟยก็ไม่ได้เหมือนดั่งราชันเซียนว่านกุที่ซุ่มฝึกปรือเป็นหมื่นปี สุดท้ายแล้วได้บรรลุข้อตกลงกับเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่า เพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นเอกราชของทวีปชิงโจว
แต่ทว่า คุณูปการที่ราชันเซียนเฟยได้อุทิศให้กับร้อยชาติพันธุ์ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชันเซียนเจียวเหิง และราชันเซียนว่านกุ เขาได้ก่อตั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าขึ้นมา เป็นการวางรากฐานให้ร้อยชาติพันธุ์ได้แข็งแกร่งขึ้น ทำการบ่มเพาะยอดฝีมือคนแล้วคนเล่าขึ้นมาให้กับร้อยชาติพันธุ์ ในยุคสมัยที่ร้อยชาติพันธุ์ยังคงอ่อนแอ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนของร้อยเผ่าพันธุ์รุ่นแล้วรุ่นเล่าที่ก้าวออกจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทำการต้อสู้เพื่อการอยู่รอดของร้อยชาติพันธุ์!
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าในทวีปเจียวเหิงโจวนั้น ผู้บำเพ็ญตนทั่วหล้าสามารถจดจำราชันเซียนเจียวเหิงได้ ขณะเดียวกันก็รำลึกถึงราชันเซียนเฟยด้วย
สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องทอดถอนใจออกมาก็คือ ภายหลังราชันเซียนเฟยได้ร่วมกับราชันเทพจงหนานริเริ่มจัดให้มีการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายครั้งที่สามขึ้น ก้าวสู่เส้นทางการปราบปรามที่ยาวไกล และหายไปจากสายตาของผู้คนบนโลกนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ปีการศึกษาใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้า เริ่มคึกคักขึ้นมาทันที นักศึกษาที่ออกท่องไปตามที่ต่างๆ หรือกลับถิ่นฐานบ้านเกิดทยอยกันกลับเข้ามา เพื่อเตรียมการต้อนรับปีการศึกษาใหม่ที่กำลังมาถึง
สถาบันศึกษาเทพเจ้ากินเนื้อที่อาณาบริเวณกว้างขวางมาก ทั่วทั้งสถานศึกษามีประตูทางเข้าหลายประตู แต่ว่าทุกๆ ประตูล้วนแล้วแต่มีความคึกคักอย่างยิ่ง เหล่านักศึกษาได้ทยอยกันเดินทางกลับมา
อิ๊วว…ปรากฎชายหนุ่มขี่นกกระเรียนเหินฟ้ากลับมา และร่อนลงด้านนอกประตู
“น้องกระเรียนขาวกลับมาแล้ว เพื่อนๆ ต่างรอคอยให้เจ้าพาพวกเขาไปเที่ยวชมภูเขาและแม่น้ำอยู่นะ” บริเวณประตูจะมีนักศึกษาที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนและให้การต้อนรับ ดังนั้น เมื่อกระเรียนขาวร่อนลง จึงมีรุ่นพี่ยิ้มกล่าวและเดินเข้าไปหา
“พอดีเลย ข้าไปที่เขาเทพเมฆาครั้งนี้ได้เลี้ยงนกอินทรีเอาไว้ฝูงหนึ่ง มอบให้กับเพื่อนร่วมห้องคนละหนึ่งตัว” นักศึกษาที่ขี่กระเรียนขาวกลับมาได้ยิ้มกล่าวขึ้นมา
คำพูดนี้เป็นที่ยินดีไม่น้อยสำหรับนักศึกษาที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันในทันที
โฮ่ววว…เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น ด้านนอกพลันปรากฏฟ้าดินสั่นคลอน ติดตามด้วยสัตว์ขนาดยักษ์ตัวหนึ่งที่วิ่งฮ้อเข้ามา ลำตัวของเจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนี้มีความยาวถึงร้อยจ้าง มีเขาโทนขนาดยักษ์ แม้ว่าตัวของมันจะมีขนาดยักษ์ก็จริง แต่สามารถวิ่งได้เร็วดั่งลมกรด
บนตัวของสัตว์ขนาดยักษ์มีชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่ ลักษณะท่าทางโดดเด่นเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วไป มองดูภาพรวมแล้วมีความหยิ่งทะนงตนอยู่เจ็ดส่วน
“ซวนหนี[1]แรดโรหิตของรุ่นพี่มาแล้ว” หนึ่งในประตูสำนักปรากฏเสียงเช่นนี้ดังขึ้น นักศึกษาที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนถึงกับยิ้มกล่าวขึ้นมา
หลังจากที่สัตว์ยักษ์ของรุ่นพี่ผู้นี้มาถึงหน้าประตูแล้วก็ก้าวเท้าเบาลงไม่กล้ากระทำการบ่มบ่าม เขากระโดดลงมาจากหลังของสัตว์ขนาดยักษ์ กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดังว่า “เพื่อนๆ ทั้งหลาย ข้ากลับไปคราวนี้สามารถขุดหาหยกแดงเพลิงวิเศษจากเหมืองแร่ของตระกูลมาได้เข่งหนึ่ง จึงนำส่วนหนึ่งมากำนัลให้กับพวกเจ้า”
“รุ่นพี่ใจกว้าง” ดวงตาทั้งสองของบรรดาเพื่อร่วมห้องพลันเป็นประกาย เมื่อได้ยินคำพูดของรุ่นพี่ผู้นี้
สถาบันศึกษาเทพเจ้า เปิดรับสมัครนักศึกษาจากร้อยชาติพันธุ์ทั่วหล้า ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมาจากทวีปใดก็ตาม ขอเพียงมีคุณสมบัติเหมาะสม ก็สามารถเข้าศึกษาในสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่านักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีความหลากหลายยิ่งนัก มีทั้งที่ชาติกำเนิดมาจากมนุษย์ปุถุชนธรรมดา และมีทั้งผู้บำเพ็ญตนที่มีชาติกำเนิดมาจากสำนักขนาดเล็ก แต่ว่า ในจำนวนนั้นก็มีศิษย์ของแคว้นเจ้าลัทธิอยู่จำนวนไม่น้อยที่เข้าศึกษาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า กระทั่งมีผู้บำเพ็ญตนจากสายสำนักราชันเซียนอยู่ไม่น้อยทีเดียวที่เข้ามาศึกษาอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า
แม้จะกล่าวว่า นักศึกษาบางคนมีชาติกำเนิดมาจากสายสำนักราชันเซียน กระทั่งเป็นทายาทรุ่นหลังของราชันเซียน หรือเซียนหวัง แต่ยังคงมีผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนประเภทนี้เข้ามาเป็นนักศึกษาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า
กล่าวสำหรับบรรดาผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนเหล่านี้แล้ว สำนักของพวกเขานับว่ายอดเยี่ยมมากพอแล้ว ภายในสำนักของพวกเขามีเคล็ดราชันวิชาเซียนที่เรียนกันไม่รู้จบ
แต่ เมื่อเทียบกับสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว สายสำนักราชันเซียนของพวกเขายังคงขาดอะไรบางสิ่ง บางสิ่งที่ว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถมีไว้ในครอบครองอยู่แล้ว
สมควรทราบว่า ราชันเซียนจากเก้าแดน และเซียนหวังจากร้อยชาติพันธุ์ที่เคยมาอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีจำนวนมากมายเหลือเกิน ในส่วนของราชันเซียนจากเก้าแดน อาทิ ราชันเซียนเฟย ราชันเซียนเฟยหยางราชันเซียนฉวี่เจิน ราชันเซียนทุนเย่อ ราชันเซียนหมิงเหริน ราชันเซียนเฮ่าไห่…เป็นต้นที่เป็นราชันเซียนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเก้าแดนล้วนแล้วแต่เคยมาอาศัยอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า และเผยแพร่ลัทธิเต๋าถ่ายทอดวิชาที่นี่มาก่อน
ในด้านเซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์ เช่นลิ่วเต้าเหรินหวัง อิเย่เซียนหวัง เย่หลินเซียนหวัง…ที่ถือเป็นเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุดของร้อยชาติพันธุ์เป็นต้น พวกเขาก็เคยมาอาศัยอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเพื่อเผยแพร่ลัทธิเต๋าและถ่ายทอดวิชามาก่อนเช่นกัน
เล่าลือกันว่า แม้แต่ราชันเทพจงหนานที่มีชาติกำเนิดมาจากเผ่าเทพก็เคยมาพักอาศัยเผยแพร่ลัทธิเต๋าและถ่ายทอดวิชาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นกรณีพิเศษ
ในสิบสามทวีปนี้ เป็นไปได้ที่มันไม่ใช่สำนักที่มีของวิเศษในครอบครองมากที่สุด และเป็นไปได้ที่ไม่ใช่สถานศึกษาที่ครอบครองเคล็ดวิชาและเคล็ดลับมากที่สุด แต่ว่ามันคือสถานศึกษาที่มีวิธีการสอนและบำเพ็ญเพียรที่มากมายหลากหลายที่สุดอย่างแน่นอน
เนื่องเพราะสามเหตุนี้เอง สถาบันศึกษาเทพเจ้าจึงถูกกำหนดให้เป็นสถานที่อบรมบ่มเพาะที่มีความมั่นคงของร้อยชาติพันธุ์ และมีฐานะที่มั่นคงในสิบสามทวีป
บางทีสถาบันศึกษาเทพเจ้าอาจไม่ใช่ตระกูล หรือสำนักที่แข็งแกร่งที่สุด แต่มันคือสำนักที่ให้กำเนิดอัจฉริยะบุคคลมากที่สุดของโลกแน่นอน
และด้วยสาเหตุนี้เอง นักศึกษาจำนวนมากที่ก้าวออกจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ต่างโดดเด่นกว่าผู้อื่นในภายหลัง บางทีอาจจะได้เป็นเทพ หรือสืบทอดชะตาฟ้าแล้ว พวกเขามักจะกลับมาอาศัยอยู่ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าช่วงระยะเวลาหนึ่งอยู่เสมอๆ เพื่อเผยแพร่ลัทธิเต๋าและถ่ายทอดวิชาให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ กระทั่งมีผู้ที่ได้เป็นเซียนหวังหรือจอมเทพแล้ว ได้ฝากเคล็ดวิชา และเคล็ดลับที่เป็นของตนมาชั่วชีวิตให้กับเสถาบันศึกษาเทพเจ้าไว้บางส่วน
ด้วยเหตุนี้สถาบันศึกษาเทพเจ้าจึงมีเชื้อไฟที่สืบทอดต่อๆ กันมามิได้ขาด ส่งผลให้สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีความเจริญรุ่งเรืองมาทุกยุคทุกสมัย ทำให้ผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนจำนวนไม่น้อยต่างเข้าศึกษาในสถาบันศึกษาเทพเจ้าระยะหนึ่งในยุคหลังนี้ เพื่อเปิดวิสัยทัศน์และประสบการณ์ชีวิตของตนเอง
ดังนั้น ยามที่เริ่มต้นปีการศึกษาใหม่ทุกครั้ง ก็จะมีผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนจำนวนไม่น้อยปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูสำนักเพื่อขอเข้าศึกษา ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามากเหลือเกิน นักศึกษาจำนวนมากต่างเคยชินกับสิ่งนี้แล้ว
……………………………………………………………
[1] 猊 หรือ 狻猊 (suan ni) ซวนหนี เป็นสัตว์ในตำนานของจีน เป็นลูกหนึ่งในเก้าของมังกร ลักษณะคล้ายสิงโต
