ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 1994 อัจฉริยะบุคคลปรากฎ

ตอนที่ 1994 อัจฉริยะบุคคลปรากฎ

ปีการศึกษาใหม่ได้เริ่มต้นแล้ว นักศึกษาจำนวนไม่น้อยทยอยกันกลับมายังสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทำให้สถานศึกษาที่เงียบเหงามาได้พักใหญ่กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง

ขณะเดียวกัน จากการมาถึงของบรรดาผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนบางส่วน ก็ได้สร้างความฮือฮาขึ้นได้ไม่น้อย จะอย่างไรเสีย ผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียน หรือแคว้นเจ้าลัทธิต่างๆ จำนวนมากหลังจากกลับมาแล้ว พวกเขาต่างมือเติบมอบสิ่งของดีๆ จำนวนไม่น้อยให้กับเพื่อนร่วมชั้นเรียน

สิ่งนี้ก็คือหนึ่งในวัตถุประสงค์ของผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียน หรือแคว้นเจ้าลัทธิต่างๆ ที่ต้องการมาศึกษาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าแห่งนี้ คบหามิตรสหายทั่วหล้า เพื่อวางรากฐานให้กับเส้นทางก้าวเดินของตนในอนาคต

เสียงแว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่นักศึกษาจำนวนมากกำลังพากันกลับมา ทันใดนั้น บนท้องฟ้าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพลันปรากฎเส้นทางสายหนึ่งพาดผ่านมา ชายหนุ่มผู้หนึ่งก้าวเดินเข้ามา

ขณะที่ชายหนุ่มผู้นี้ก้าวเท้าเข้ามา เปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายดึกดำบรรพ์ ทุกย่างก้าวเป็นไปตามปรารถนา แม้ว่าเขาจะทำไปตามอารมณ์ยิ่งนัก แต่ให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่แก่ผู้คน เหมือนว่าเขาคือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่งที่กั้นขวางระหว่างฟ้าดิน ทำให้ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้

“กู่กัวกลับมาแล้ว…” ไม่รู้ว่าเสียงของใครที่ร้องออกมา น้ำเสียงรู้สึกเหมือนถูกทำให้หวั่นไหว เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้ว

“การกลับมาของราชันทักษิณ นับว่าหยิ่งทระนงตนมาก ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ได้ข่าวมาว่าเขาได้ไปผจญภัยยังแดนอาถรรพ์มาแล้ว” นักศึกษาที่มีทักษะแข็งแกร่งต่างก็ได้แต่ยอมสยบเมื่อได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้ว

“เกรงว่าเขาคงใกล้จะสำเร็จการศึกษาแล้วหละ เคยมีอาจารย์เล่าว่า เขาอาศัยเรียนเพียงแค่ปีเดียวก็สามารถสำเร็จการศึกษาแล้ว พรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมในหล้า ไม่สามารถหาผู้ใดทัดเทียมได้ในหล้าแล้วกระมัง” มีนักศึกษาหญิงที่นัยน์ตาทั้งสองมองเห็นดอกเหมยผุดขึ้นมา ถึงกับประทับใจยิ่งนัก

อาจกล่าวได้ว่าราชันทักษิณกู่กัวคือผู้ที่มีอิทธิพลของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ความโดดเด่นของเขาไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเทียมได้ อีกทั้งยังแซงล้ำหน้าเหรินเซิ่นที่เป็นรุ่นพี่รุ่นก่อนหน้าของเขา!

น้อยคนนักที่จะรู้ถึงประวัติความเป็นมาของราชันทักษิณกู่กัว มีคนบอกว่าเขามาจากเขาไผ่ประหลาดที่เป็นหนึ่งสำนักหกราชัน และก็มีคนบอกว่าเขามีประวัติความเป็นมาเป็นอื่น

สรุปก็คือ ในเทอมที่แล้วขณะที่กู่กัวเพิ่งจะเข้าเรียนในสถาบันศึกษาเทพเจ้า เขาก็ได้เข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษ ทั้งยังเป็นนักศึกษาเพียงคนเดียวในเวลานี้เข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษของสถาบันศึกษาเทพเจ้า

สถาบันศึกษาเทพเจ้าประกอบด้วยระดับชั้นเรียนห้าระดับ คือ มหาบุรุษ จวนราชัน หอศักดิ์สิทธิ์ ศตาคาร และเรือนตำรา

ขณะที่ชั้นมหาบุรุษคือชั้นเรียนสูงสุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่ละยุคสมัยที่ผ่านมายากจะมีผู้ใดสามารถเข้าเรียนได้ ในหนึ่งยุคชั้นมหาบุรุษหากจะมีนักศึกษาสักคนก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว

ยกตัวอย่างเหรินเซิ่นในรุ่นก่อนหน้านี้ นับว่าเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งแล้วสิ มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม มีสายเลือดที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียม แต่ว่า เขายังคงไม่สามารถเข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษได้

เล่าลือกันว่า ชั้นเรียนมหาบุรุษจะบ่มฟักเฉพาะเซียนหวังระดับสูงสุดและเทพโบราณเท่านั้น ดังนั้นชั้นเรียนมหาบุรุษจึงมีมาตรฐานที่โหดร้ายอย่างยิ่ง ผู้ที่สามารถเข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษได้ ความสำเร็จในชีวิตของเขารับรองว่าจะต้องสะเทือนหวั่นไหวในหล้าอย่างแน่นอน

เป็นต้นว่าลิ่วเต้าเหรินหวังก็เคยร่ำเรียนอยู่ที่ชั้นเรียนมหาบุรุษมาก่อน ดังนั้น เข้าจึงได้สร้างผลงานที่สูงสุดเอาไว้!

แม้ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่เคยให้การยอมรับว่าชั้นเรียนมหาบุรุษเป็นชั้นเรียนที่มีไว้เพื่อบ่มเพาะเซียนหวังระดับสูงสุดและเทพโบราณเท่านั้น แต่ภายในใจของทุกคนต่างยอมรับโดยปริยาย หากสามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนมหาบุรุษ ต่อให้ไม่ได้เป็นเทพโบราณ ไม่ได้เป็นเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุด ความสำเร็จชั่วชีวิตของบุคคลผู้นั้นก็เป็นที่หวั่นไหวยิ่งนัก นักศึกษาที่สำเร็จออกมาจากชั้นเรียนมหาบุรุษอาจกล่าวได้ว่า เซียนหวังและจอมเทพเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้นเอง

เมื่อกู่กัวสมัครเข้าศึกษาในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ก็ถูกจัดให้เข้าเรียนในชั้นเรียนมหาบุรุษทันที สร้างคือฮือฮาขึ้นมาได้มากทีเดียว ที่ฮือฮามากไปกว่านั้นก็คือ แม้แต่ผู้อำนวยการคนก่อนที่เก็บตัวไปนานแล้วยังเข้ามาที่ชั้นเรียนมหาบุรุษเป็นอาจารย์ของกู่กัว เพื่อถ่ายทอดการบำเพ็ญเพียรและวิชาความรู้ด้วยตนเอง

เรียกได้ว่ากู่กัวได้รับการปฏิบัติดูแลที่สร้างความฮือฮาอย่างยิ่ง แน่นอนก็มีผู้ที่รู้สึกอิจฉาริษยาอยู่ไม่น้อย สมควรทราบว่า เหรินเซิ่นในรุ่นก่อนหน้าก็ไม่ได้รับการปฏิบัติดูแลเช่นนี้ เหรินเซิ่นในครั้งนั้นได้เข้าเรียนในชั้นจวนราชันเท่านั้นเอง

ดังนั้น เมื่อกู่กัวได้เข้าเรียนในชั้นเรียนมหาบุรุษ ผู้คนจำนวนมากจึงคาดคเนว่ากู่กัวจะต้องได้เป็นเซียนหวังที่อยู่ในระดับสูงสุด ความสำเร็จของเขากระทั่งสูงกว่าเหรินเซิ่นด้วยซ้ำ

ดังนั้น เมื่อกู่กัวเรียกตัวเองว่า “ราชันทักษิณ” นั้น ผู้คนจำนวนมากต่างยอมรับฉายาเช่นนี้ของเขาโดยดุษฎี

ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากต่างมองว่านี่เป็นวิธีการที่อันธพาลยิ่ง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังไม่ทันได้สำเร็จเป็นจอมราชันหรือเซียนหวังก็ทำการตั้งฉายาราชันให้กับตนเองก่อน ขณะที่กู่กัวเรียกตัวเองว่าราชันทักษิณ ช่างเป็นความมั่นใจอะไรขนาดนั้น!

แน่นอน นักศึกษาบางคนที่ศรัทธาในตัวของเหรินเซิ่นมาตั้งแต่อดีตแล้ว ภายในใจของพวกเขาย่อมอิจฉาริษยาและต่อต้านกู่กัวอยู่แล้ว ในใจของพวกเขามีเพียงเหรินเซิ่นเท่านั้นที่เป็นผู้ยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้น พวกเขาย่อมอดที่จะเยาะเย้ยในใจ พวกเขารอที่จะหัวเราะเยาะกู่กัวอยู่

ถ้าหากสักวันกู่กัวไม่สามารถกลายเป็นเซียนหวังได้ และหรือเป็นเซียนหวังแล้วแต่ผลงานความสำเร็จเทียบไม่ได้กับเหรินเซิ่นหละก็ นั่นแหละจะกลายเป็นเรื่องที่น่าขันมากที่สุด!

แน่นอน ในสถาบันศึกษาเทพเจ้ากู่กัวยังคงได้รับความนิยมและชื่อเสียงที่สูงมาก จะอย่างไรเสียศักยภาพของเขาเห็นๆ กันอยู่ ทั่วทั้งสถานศึกษาคงไม่มีนักศึกษาคนใดสามารถต่อกรกับเขาได้ เขามีความแข็งแกร่งมากเหลือเกิน ในสถานศึกษาแห่งนี้ผู้ที่สามารถมีสิทธิ์ศึกษาและวัดฝีมือกับเขาได้ก็คงมีเพียงผู้เป็นอาจารย์ของสถานศึกษาเท่านั้น ส่วนนักศึกษาคนอื่นๆ ไม่มีคุณสมบัติเพียงพออยู่แล้ว!

หลังจากที่กู่กัวมาถึงแล้วก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่ปากทางเข้าสำนัก ก้าวเท้าเข้าไปภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าทันที และหายไปท่ามกลางขุนเขาในชั่วพริบตา

“รุ่นพี่กู่กัวต้องได้เป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายอย่างแน่นอน” มีนักศึกษาสาวสวยน่าประทับใจมองดูร่างเงาของกู่กัวที่หายไป กล่าวด้วยความรู้สึกประหนึ่งมัวเมาและปัญญาอ่อน

“ก็ไม่แน่เสมอไปนะ กู่กัวเกิดไม่ถูกเวลานะเนี่ย เวลานี้ยุคสมัยพวกเราได้ให้กำเนิดจอมราชันเซียนหวังถึงสามองค์แล้ว เขาคิดจะกลายเป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย ดูจะมีแรงกดดันมากเหลือเกิน” มีนักศึกษาชายอดที่จะกล่าวด้วยความอิจฉาริษยาออกมาไม่ได้

การมาถึงของกู่กัวสร้างความฮือฮาขึ้นมาได้ไม่น้อย มีผู้วิพากวิจารณ์ด้วยเสียงแผ่วเบากันไม่น้อย

หลังจากที่กู่กัวมาถึงได้ไม่นาน ประตูอีกด้านหนึ่งก็มีนักศึกษาเข้ามาอีกคน และสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยเช่นกัน

ผู้หญิงที่งามหยาดเยิ้มที่สุดในหล้าคนหนึ่งก้าวเดินมาช้าๆ ผู้หญิงคนนี้งดงามเหลือเกิน ไม่ว่าก้าวเดินไปถึงไหนก็สามารถดึงดูดสายตาของผู้คน ที่ดึงดูดผู้คนมากที่สุดไม่ใช่รูปโฉมของผู้หญิงคนนี้ แต่เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของผู้หญิงคนนี้ มองเห็นจผู้หญิงคนนี้ที่ก้าวเดินมาทีละก้าวๆ เสมือนดั่งเป็นนางฟ้าที่สวยหยาดเยิ้ม ทำให้ผู้คนจำนวนมากถึงกับจิตใจเคลิบเคลิ้มหลงใหล

ผู้หญิงคนนี้ดั่งหลุดพ้นจากโลกีย์มนุษย์ เสมือนหนึ่งเป็นเทพธิดา ท่วงท่ามีจังหวะที่บอกไม่ถูก เหมือนว่าเป็นเทพธิดาที่ลงมาจากสวรรค์และหลงเข้ามาอยู่ในโลกีย์มนุษย์เท่านั้นเอง

ซู่เหยาที่เป็นรุ่นน้องมาแล้ว…นักศึกษาที่รอให้การต้อนรับอยู่บริเวณหน้าประตูร้องด้วยความดีในออกมาเมื่อมองเห็นการมาถึงของผู้หญิงคนนี้ โดยเฉพาะนักศึกษาชั้นจวนราชันยิ่งดูจะดีใจเป็นพิเศษ นักศึกษาชายรีบวิ่งเข้าไปให้การต้อนรับ

“การกลับมาของรุ่นน้องหญิง ได้แต่งเติมสีสันไร้ขอบเขตจำกัดให้กับจวนราชันของพวกเรา เพื่อนนักศึกษาต่างรอคอยการกลับมาของเจ้านะเนี่ย” นักศึกษาชายที่เข้าไปกล่าวต้อนรับผู้หญิงคนนี้ไม่อาจซ่อนเร้นความดีใจเอาไว้ได้

ไม่เฉพาะเพียงนักศึกษาชายของจวนราชันที่ลืมตัวเสียมารยาทเท่านั้น ความจริงแล้วนักศึกษาชายคนอื่นๆ ของจวนราชันก็ผูกใจรักต่อนางเช่นกัน จ้องมองผู้หญิงที่สุดยอดในหล้าตรงหน้าดั่งมัวเมาและปัญญาอ่อน!

เหมยซู่เหยานับเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของรุ่นนี้เช่นกัน สิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของนางโด่งดังยิ่งหาใช่แค่เพียงรูปโฉมของนางเท่านั้น นางหาใช่หญิงงามประเภทที่มีแต่ความงามแต่ไร้สมอง

พรสวรรค์ของเหมยซู่เหยานั้นน่าตกใจยิ่งนัก พลันที่นางสมัครเขาศึกษาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ถูกรับและจัดให้เข้าไปอยู่ในชั้นเรียนจวนราชันทันที สมควรทราบว่า มีผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนจำนวนไม่น้อยที่ได้เข้าไปเป็นนักศึกษาในชั้นจวนราชัน ซึ่งพวกเขาต้องผ่านการทดสอบแต่ละขั้น มีเพียงผู้ที่ผ่านการทดสอบเท่านั้นที่ได้เป็นนักศึกษาของชั้นจวนราชันได้

ขณะที่เหมยซู่เหยาเหมือนถูกชั้นจวนราชันแย่งชิงตัว ย่อมสามารถประเมินได้ว่านางมีพรสวรรค์ที่สูงส่งเพียงใดแล้ว กระทั่งมีผู้กล่าวว่า พรสวรรค์ของเหมยซู่เหยาสูงกว่าเหรินเซิ่นเสียอีก

เหมยซู่เหยานั้นสงบนิ่งมาก และสงบเรียบง่าย เหมือนน้ำนิ่งในบ่อ พยักหน้าเบาๆ แล้วก้าวเดินเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า

บรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็เคยชินกับท่วงท่าเช่นนี้ของเหมยซู่เหยาเสียแล้ว นับตั้งแต่เหมยซู่เหยาเข้ามาศึกษาอยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว ผู้ที่เฝ้าตามจีบเธอนั้นมีจำนวนนับไม่ถ้วน ในจำนวนนั้นมีผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียนที่มีชื่อเสียงและอำนาจยิ่งใหญ่อยู่ไม่น้อย และมีสุดยอดอัจฉริยะบุคคล โดยเฉพาะชั้นจวนราชันย่อมเป็นสถานที่ที่ไม่ขาดแคลนอัจฉริยะบุคคลอยู่แล้ว

แต่ทว่า ไม่มีผู้ใดสามารถได้รับความโปรดปรานจากเหมยซู่เหยาได้เลย นางปฏิบัติตนเป็นผู้ที่เข้าหาและเป็นกันเองได้ง่ายต่อทุกคน นางไม่ได้มีท่าทีที่เย่อหยิ่งถือดี แต่ว่า ลักษณะที่เป็นกันเองเช่นนี้กลับให้ความรู้สึกที่ห่างเหินแก่ผู้คน ดูเหมือนไม่ไม่ผู้ใดสามารถเข้าไปยังโลกของนางได้อย่างแท้จริง นางนั้นนิ่งเหมือนดั่งน้ำในบ่อ

“ไม่รู้ว่าใครที่สามารถพิชิตหัวใจของรุ่นพี่เหมยได้นะ” มีรุ่นน้องหญิงที่มองดูร่างเงาที่ยอดเยี่ยมหยาดเยิ้มนั่นแล้วเหม่อลอย

นักศึกษาชายจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นจวนราชัน หรือชั้นเรียนอื่นๆ ก็ตาม ต่างจ้องมองดูเงาหลังของเหมยซู่เหยาที่ยอดเยี่ยมและหยาดเยิ้มจนเหม่อลอย ไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะบุคคลที่ดีเลิศยิ่งนักเคยตามจีบเหมยซู่เหยามาก่อน แต่กลับไม่มีใครได้รับความโปรดปรานจากนางเลยสักคน

กอก กอก กอก…ในขณะนี้ ที่ประตูอีกด้านหนึ่งมีรถม้ามาจอดเทียบอยู่คันหนึ่ง รถม้าคันนี้มีลักษณะที่เรียบง่ายยิ่งนัก อีกทั้งยังลากจูงด้วยม้าที่ธรรมดาและมีอายุมากแล้ว มองไม่ออกว่ามีจุดไหนที่พิเศษแต่อย่างใด

ในเวลานี้ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถม้าคันนี้ ยามที่ผู้หญิงคนนี้ก้าวลงมา พลันทำให้ผู้คนถึงกับตาลุกวาว

ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้มีความงดงามยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ หากเทียบรูปโฉมล่ะก็สู้เหมยซู่เหยาไม่ได้ แต่นางกลับให้ความรู้สึกถึงสูงส่งสุภาพเยือกเย็น จิตใจที่สูงส่งงดงามไม่ธรรมดาและเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายเป็นพิเศษ อดที่จะต้องจ้องมองนางอีกเป็นครั้งที่สอง

รุ่นน้องเมี่ยวฉานมาแล้ว…บรรดานักศึกษาของศตาคารที่รอต้อนรับอยู่หน้าประตูพลันเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความชื่นมื่น นักศึกษาทั้งชายและหญิงจำนวนไม่น้อยต่างร้องออกมาด้วยความดีอกดีใจ รีบวิ่งเข้าไปต้อนรับ

“ปิดเทอมคราวนี้น้องเมี่ยวฉานไปที่หุบเขาลี้ลับได้อะไรมาบ้าง” กระทั่งผู้เป็นนักศึกษารุ่นพี่ของชั้นจวนราชันยังแสดงไมตรีจิตยิ่งต่อนาง

“ขอบคุณรุ่นพี่ ก็ได้อะไรมาไม่น้อยเลยทีเดียว” เมี่ยวฉานพยักหน้าเบาๆ สุภาพเยือกเย็น จิตใจที่สูงส่งงดงามไม่ธรรมดาซึมซาบเข้าไปในใจของผู้คน

“ข้าได้บอกกับเพื่อนๆ แล้วว่า ด้วยสติปัญญาของรุ่นน้องต้องเก็บเกี่ยวได้มาไม่น้อยอยู่แล้ว และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ” รุ่นพี่ชั้นจวนราชันผู้นี้กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

รุ่นพี่และรุ่นน้องที่ห้อมล้อมเมี่ยวฉานมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แม้แต่รุ่นพี่ผู้หญิงและรุ่นน้องผู้หญิงต่างเข้าไปห้อมล้อมอยู่ข้างกายเมี่ยวฉานเต็มไปหมด

เมี่ยวฉานเป็นนักศึกษาหญิงที่เพิ่งจะเข้าเรียนในสถาบันศึกษาเทพเจ้าเมื่อเทอมที่แล้วนั่นเอง ฟังว่าประวัติความเป็นมาของนางนั้นธรรมดามาก อีกทั้งนางได้จ่ายค่าเล่าเรียนเพื่อเข้าศึกษาในชั้นศตาคารเอง

ขณะที่นางเข้าศึกษาในชั้นศตาคารนั้น นอกจากนางไม่ได้แสดงออกถึงพรสวรรค์ที่น่าตกใจ นางยังไม่ได้คบหามิตรสหายไปทั่ว แต่การปฏิบัติตัวของนางนั้นสุถาพเยือกเย็นด้วยสติปัญญาที่แหลมคมมองการณ์ไกล ชำนาญเรื่องการวางแผนออกอุบาย ซึ่งทำให้นางได้รับความนิยมมากในสถานศึกษา

กระทั่งได้รับการยกย่องจากเพื่อนนักศึกษาจำนวนมากให้เป็นดาวของชั้นศตาคาร ส่งผลให้นางได้รับการต้อนรับในสถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง

แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เมี่ยวฉานยังคงไม่ได้แสดงความเฉียบคมของตนออกมา ส่วนใหญ่แล้วนางมักจะแสดงออกในลักษณะไม่ให้เป็นที่สนใจอยู่เสมอๆ แต่ว่า ไม่ว่านางจะทำตัวไม่ให้เด่นดังอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถปิดบังซ่อนเร้นความมีสติปัญญาของนางได้ ดังนั้นจึงมีนักศึกษาของศตาคารจำนวนไม่น้อยเวลาเจอกับปัญหาแล้วต่างนิยมขอคำชี้แนะ หรือขอความเห็นจากเมี่ยวฉาน

แน่นอน ส่วนใหญ่แล้วเมี่ยวฉานจะปฏิบัติตนไม่ให้เป็นจุดเด่น ไม่ต้องการเปิดเผยอะไรมากมายนัก แต่นางยังคงเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่ได้รับการต้อนรับมากที่สุดของสถานศึกษาแห่งนี้

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท