ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ไม่ได้มองหน้าคนอื่น ตรงเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเมี่ยวฉานที่นั่งอยู่บริเวณมุม ดึงมือของนางขึ้น พลันทำการล๊อคชีพจรของเมี่ยวฉานเอาไว้
บังอาจ…สีหน้าของยุวกษัตริย์หกกระบี่พลันเปลี่ยนไปทันที เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ฉับพลันล๊อคชีพจรของเมี่ยวฉานเอาไว้ ลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาทั้งสองเปล่งกระกายเยือกเย็นออกมา
“เจ้าเป็นใคร บังอาจกล้าทำกำเริบเสิบสานที่นี่!” เวลานี้บรรรดานักศึกษาคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ทยอยกันลุกขึ้นยืน และจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยสายตาที่โกรธแค้น
อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่กลับไม่ได้สนใจพวกเขา แค่มองดูเมี่ยวฉานตั้งแต่หัวจรดเท้าเท่านั้นเอง
“ข้าขอออกคำสั่งให้เจ้าปล่อยมือเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นแล้วล่ะก็ มือเจ้าไม่เหลือแน่!” ในขณะนี้ ดวงตาทั้งสองของยุวกษัตริย์หกกระบี่ส่งประกายเยือกเย็นออกมา เผยให้เห็นถึงปณิธานการฆ่า เสียงตึงดังขึ้น เขาได้ชักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งออกจากฝักอย่างช้าๆ
“รุ่นพี่ อย่าได้เข้าใจผิด คุณชายหลี่คือสหายที่ดีของข้า” ในขณะนี้เมี่ยวฉานที่ถูกล๊อคชีพจรเอาไว้กลับสงบนิ่ง กล่าวต่อยุวกษัตริย์หกกระบี่ทันที
ออกไป…หลี่ชิเย่ไม่ได้จ้องมองพวกของยุวกษัตริย์หกกระบี่มากนัก สั่งการน่าเกรงขามออกไป
เจ้า…สีหน้าของยุวกษัตริย์หกกระบี่พลันเปลี่ยนไป ในศตาคารยังไม่เคยมีใครกล้าพูดจาแบบนี้กับเขา จึงกล่าวน่าครั่นคร้ามออกมาว่า “ในศตาคารยังไม่มีใกล้กล้าทำยโสต่อหน้าข้า ถ้าหากเจ้าคิดจะมีที่ยืนในศตาคารทางที่ดีสุภาพกว่านี้”
ในเวลานี้ เมี่ยวฉานได้ส่ายหน้าเบาๆ กับยุวกษัตริย์หกกระบี่ และกล่าวว่า “รุ่นพี่ ข้ากับคุณชายหลี่ขอคุยกันเป็นการส่วนตัวสักหน่อย ขอรุ่นพี่ทั้งหลายช่วยหลบออกไปสักครู่ได้หรือไม่?”
ยุวกษัตริย์หกกระบี่ไม่รู้จักหลี่ชิเย่ แต่ เมี่ยวฉานรู้จัก เขาคือผู้ดำรงอยู่ในฐานะเคยอาศัยหมัดเดียวสังหารรัชทายาทจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นราชันเซียนผู้สืบทอดชะตาฟ้าของเก้าแดน เมี่ยวฉานจะไม่รู้สึกความน่ากลัวได้อย่างไร? ดังนั้น หากยุวกษัตริย์หกกระบี่กล้าล่วงเกินแม้เพียงน้อยนิด เกรงว่าจะเป็นการนหาที่ตายเอง!
แม้ว่าภายในใจของยุวกษัตริย์หกกระบี่รู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเมี่ยวฉานออกปากขอร้องเช่นนี้ เขาได้แต่ตกลง เอ่ยน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เห็นแก่เมี่ยวฉานที่เป็นรุ่นน้อง คราวนี้จะไม่ถือสาหาความกับเจ้า หากครั้งหน้ายังคงล่วงเกินอีกหละก็ ได้เห็นดีกันแน่” พูดขาดคำส่งเสียงฮึออกมาหันหลังเดินออกไปทันที
นักศึกษาคนอื่นๆ ทยอยกันตามออกไป เมื่อเห็นยุวกษัตริย์หกกระบี่ก้าวเดินออกไปแล้ว ในเวลานี้คงเหลือเพียงหลี่ชิเย่กับเมี่ยวฉานที่อยู่ตรงนี้
เมื่อทุกคนออกไปแล้ว หลี่ชิเย่จึงได้นั่งลง มองดูเมี่ยวฉานแล้วกล่าวเฉยเมยว่า “ราชันเซียนจินเสอได้ทุ่มเทพลังกายใจบนตัวเจ้าไปไม่น้อย เสียดายยังคงไม่เพียงพอ ถ้าหากราชันเซียนฉีหลินยังอยู่ พวกเขาร่วมมือกันสองราชันเซียน บางทีอาจไม่ปรากฏรอยตำหนิเช่นนี้ก็เป็นได้!”
“ท่านรู้ได้อย่างไร?” เมื่อหลี่ชิเย่พูดได้ถูกต้องในคำเดียว แม้แต่เมี่ยวฉานที่ฉลาดเฉียบแหลมและมองการณ์ไกลก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก
“สัจธรรมนี้ยังมีใครรู้ดีไปกว่าข้า จินเสอก็แค่รู้มางูๆปลาๆ เท่านั้นเอง ฉีหลินในครั้งนั้นศึกษาค้นคว้ามากกว่าเขาอีก” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นมา
ราชันเซียนจินเสอคือราชันเซียนหุบเขากีบสวรรค์ของพวกเขา ยิ่งราชันเซียนฉีหลินหละก็คือบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งหุบเขากีบสวรรค์ของพวกเขา เพียงแต่หุบเขากีบสวรรค์ในเวลานี้เป็นเพียงประวัติศาสตร์ไปแล้ว ครั้งนั้นเป็นหลี่ชิเย่ที่ทำลายล้างหุบเขากีบสวรรค์!
เมี่ยวฉานถึงกับตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
ไม่ง่ายนักกว่าเมี่ยวฉานจะได้สติกลับมา นางมองดูหลี่ชิเย่ด้วยความแปลกใจ และกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าคุณชายหลี่รู้จักข้าได้อย่างไร?”
แม้ว่าหลี่ชิเย่จะสังหารรัชทายาทจินอูไป แต่พวกเยาสองคนไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน กระทั่งอาจมีความเป็นไปได้ที่หลี่ชิเย่จะไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของนางด้วยซ้ำ แต่การที่หลี่ชิเย่พุ่งเป้าตรงมาหานางโดยตรง ย่อมเป็นเรื่องที่ชัดเจนแล้วว่าหลี่ชิเย่รู้จักนาง
“ครั้งนั้นขณะอยู่ที่แดนสมุนไพรแร่ธาตุ เย่เสวี่ยเคยพูดถึงเจ้า สามารถได้รับคำชื่นชมจากเย่เสวี่ยเช่นนี้ ย่อมต้องมีสิ่งที่เหนือกว่าคนอื่น” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบๆ ขึ้นมา
เมี่ยวฉานก็รู้ว่า “เย่เสวี่ย” ที่หลี่ชิเย่พูดถึงคือหมิงเย่เสวี่ยแห่งแคว้นโอสถ
“เทพธิดาหมิงชมเกินไปแล้ว” เมี่ยวฉานถึงกับทอดถอนใจออกมาเบาๆ นางไม่อาจไม่ยอมรับว่าเรื่องราวบนโลกยากจะคาดการณ์ได้ ในอดีตนางไม่รู้หรอกว่าโลกนี้จะกว้างขวางได้ถึงเพียงนี้ เหนือเก้าแดนขึ้นไปยังมีสิบสามทวีป
ที่ทำให้คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ หลี่ชิเย่สังหารคู่หมั้นของนางรัชทายาทจินอู ทำลายหุบเขากีบสวรรค์ของพวกเขา แต่ต่อมาภายหลังนางกลับได้รับใบบุญจากหลี่ชิเย่มาถึงสิบสามทวีปนี้ ซึ่งเป็นโลกที่กว้างขวางมากกว่า กระทั่งได้พบกับราชันเซียนจากหุบเขากีบสวรรค์ของพวกเขา!
“ข้าทำลายหุบเขากีบสวรรค์ของพวกเจ้า” หลี่ชิเย่มองดูเมี่ยวฉาน เรียบเฉยเอ้อระเหย และกล่าวว่า “พวกเจ้าสามารถบอกกล่าวต่อจินเสอ เขาย่อมสามารถตัดสินใจได้”
คำพูดของหลี่ชิเย่ทำเอาเมี่ยวฉานนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้าย นางได้แต่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า “บรรพบุรุษทราบเรื่องนี้แล้ว กำชับข้าไม่ให้ล่วงเกินต่อคุณชาย” เมื่อนางเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว จิตใจของนางดูจะสับสนยิ่งนัก
หลังจากที่นางมาถึงแดนที่สิบแล้ว โชคดีได้พบกับราชันเซียนจินเสอที่เป็นบรรพบุรุษของหุบเขากีบสวรรค์ แต่ว่า เมื่อราชันเซียนจินเสอรับรู้ว่าหุบเขากีบสวรรค์ถูกทำลายแล้วกลับไม่ได้โกรธ ตรงกันข้าม เขานิ่งเงียบอยู่นานมาก สุดท้ายกำชับเมี่ยวฉานว่าอย่าได้แก้แค้น ไม่ให้แสดงความไม่เคารพต่อหลี่ชิเย่ ทางที่ดีที่สุดเมื่อพบกับหลี่ชิเย่แล้วให้แสดงความเคารพสูงสุดเป็นการดีที่สุด สำหรับเรื่องอื่นๆ ราชันเซียนจินเสอก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากความ
ตามหลักแล้วการที่หุบเขากีบสวรรค์ถูกทำลาย เป็นใครก็ไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้เอาไว้ได้ โดยเฉพาะกล่าวสำหรับราชันเซียนแล้ว มันคือการผิดต่อข้อห้ามอย่างยิ่ง แต่ทว่า ราชันเซียนจินเสอกลับไม่แก้แค้นให้กับหุบเขากีบสวรรค์ ตรงกันข้ามกลับกำชับเมี่ยวฉานไม่ให้แก้แค้น ข้างในนี้ได้บ่งบอกอะไรเอาไว้มากมายเหลือเกินแล้ว
เมี่ยวฉานคือผู้มีปัญญาล้ำเลิศคนหนึ่ง ต่อให้นางไม่รู้ถึงความลี้ลับที่อยู่เบื้องหลังโดยแท้จริง แต่นางเองก็เข้าใจได้ว่าเรื่องราวคงไม่ง่ายดายเพียงนั้น เกรงว่าสิ่งนี้คือกฎแห่งกรรมที่นางไม่สามารถไปหาเรื่องได้อย่างเด็ดขาด ขนาดราชันเซียนจินเสอของพวกเขายังอ่อนข้อให้ นับประสาอะไรกับพวกเขาเหล่านี้ที่เป็นเพียงผู้เยาว์เท่านั้น
“ดีแล้วหละ” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ จ้องมองดูเมี่ยวฉาน และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เจ้าขึ้นมาได้อย่างไร?”
“ครั้งนั้น ขณะอยู่ที่เก้าแดน คุณชายทำลายเส้นแบ่งเขต และได้รับความช่วยเหลือจากเทพแมลงป่อง ข้าอาศัยหนึ่งในเส้นทางสายหนึ่งขึ้นมา โชคดีที่บรรพบุรุษคุ้มครอง จึงได้เข้าพบกับบรรพบุรุษราชันเซียน” เมี่ยวฉานที่มีความเฉลียวฉลาด ไม่กล้าปิดบังอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ นางเข้าใจว่าการอวดฉลาดต่อหน้าหลี่ชิเย่ไม่มีจุดจบที่ดีอยู่แล้ว
“เทพแมงป่องนะเนี่ย” เมื่อเมี่ยวฉานเอ่ยถึงชื่อของคนๆ นี้ขึ้นมา ทำให้หลี่ชิเย่รู้สึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งนั้นการศึกที่เมืองปีอาน ผู้ที่หลบหนีไปก่อนใครเพื่อนก็คือเขา เขาเคยเป็นขุนพลใต้บังคับบัญชาของราชันเซียนจินเสอ มีประสบการณ์สูง เมื่อเห็นท่าไม่ดีก็ไม่สนใจถึงฐานะอะไรทั้งสิ้น ไม่สนว่าจะมีชื่อเสียงอย่างไร หนีก่อนแล้วค่อยมาว่ากันภายหลัง
หลี่ชิเย่หัวเราะและเอ่ยขึ้นมาตามอารมณ์ว่า “ภาษิตกล่าวไว้ว่า กระต่ายเจ้าเล่ห์มีสามรู ฉีหลินและจินเสอได้ทิ้งทางหนีทีไล่และธาตุแท้ภายในเอาไว้ไม่น้อย มิน่าเล่าเจ้าจึงขึ้นมาได้ในครั้งนี้ นับว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง”
“สิ่งนี้ก็เป็นความโชคดีที่ได้มาจากคุณชาย” เมี่ยวฉานเอ่ยขึ้นมาช้าๆ และไม่กล้ากล่าวมากความอีก
แม้จะกล่าวว่า ในครั้งนั้นหลี่ชิเย่ได้ทำลายหุบเขากีบสวรรค์ของพวกเขาไป แต่ทว่าตระกูลเมี่ยวของพวกเขายังคงมีธาตุแท้ภายในอยู่ไม่น้อย ราชันเซียนของพวกเขาก็ได้ทิ้งทางหนีทีไล่บางอย่างเอาไว้ ต่อมาภายหลัง ภายใต้การช่วยเหลือจากเทพแมงป่อง ท้ายที่สุด ทำให้เมี่ยวฉานสามารถขึ้นมายังแดนที่สิบได้ สิ่งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมาก
เพียงแต่ว่า สิ่งที่เมี่ยวฉานนึกไม่ถึงก็คือ หลังจากมาถึงแดนสิบที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้แล้ว ถึงกับยังมีโอกาสได้พบกับหลี่ชิเย่ อีก สิ่งนี้ไม่อาจไม่กล่าวว่า เรื่องของวาสนาเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากเรื่องหนึ่ง
หลี่ชิเย่มองดูเมี่ยวฉานแล้วกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “แม้ว่าเจ้าจะเริ่มฝึกใหม่ตั้งแต่ต้น เปลี่ยนเส้นทางสายใหม่แต่ว่า จะอย่างไรเสียเจ้าก็คือคนของเก้าแดน สัจธรรมมีรอยตำหนิ บนเส้นทางสายนี้จินเสอยังไม่เข้าถึงทะลุปรุโปร่ง เกรงว่าเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น หากในอนาคตทุกอย่างราบเรียบก็ไม่น่าเกลียดอะไร แต่หากเจ้าคิดจะก้าวสู่จุดสูงสุด สิ่งที่เป็นรอยตำหนิเล็กน้อยเช่นนี้ เพียงพอทำให้เจ้าถึงแก่ความตายได้”
หลังจากที่เมี่ยวฉานขึ้นมาแล้ว ราชันเซียนจินเสอก็เอ็นดูในความสามารถของนาง ประทานสัจธรรมแก่นางสายหนึ่ง แต่กลับไม่สมบูรณ์แบบเพียงพอ เนื่องจากสัจธรรมสายนี้ราชันเซียนจินเสอยังคงศึกษาได้ไม่สมบูรณ์ จะอย่างไรเสียเขานึกไม่ถึงว่าจะมีทายาทที่เป็นลูกหลานของตนขึ้นมายังแดนสิบภายใต้เงื่อนไขไม่ได้บรรลุเป็นราชันเซียนได้ เนื่องจากสภาพเช่นนี้โดยพื้นฐานแล้วเป็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้
เนื่องเพราะเหตุนี้เอง ราชันเซียนจินเสอจึงไม่ได้ไปทำการศึกษาวิเคราะห์สัจธรรมสายนี้มากมายนัก และตัวเขาก็ไม่ได้เป็นผู้สร้างสัจธรรมสายนี้ เพียงแต่เขารู้ว่ามีสัจธรรมลักษณะเช่นนี้เท่านั้นเอง และเขาก็ได้รับพลังภายในของสัจธรรมสายนี้มาจากราชันเซียนฉีหลิน
“ท่านบรรพบุรุษก็เคยพูดถึงปัญหาข้อนี้มาก่อน ท่านให้ข้ามาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเผื่อบางทีอาจสามารถบรรลุได้ สามารถค้นหาวิธีการที่จะชดเชยสิ่งนี้จากสถาบันศึกาเทพเจ้า” เมี่ยวฉานก็ไม่ปีดบังบอกไปตามความสัตย์จริง
“เรื่องนี้นับเป็นวิธีการที่ดีของจินเสอโดยแท้ ถ้าหากว่าในสิบสามทวีปนี้สามารถค้นหาคำตอบได้ที่ไหนหละก็ ย่อมเป็นที่อื่นไปไม่ได้นอกจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว”
เนื่องจากสัจธรรมสายนี้ก็มาจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าในครั้งนั้น และต้องถือว่ามาจากฝีมือของเขา ก่อนหน้านั้นนานมาแล้ว หลี่ชิเย่ก็เคยมีแนวความคิดเช่นนี้มาแล้ว
สิ่งนี้ก็คือเหตุผลว่าเพราะอะไรก่อนที่จะขึ้นแดนสิบ ราชันเซียนเต้าหลงจึงได้กล่าวว่า ถ้าหากบนโลกใบนี้มีผู้ใดสามารถค้นพบวิธีการฝึกที่สามารถรองรับการฝึกได้ทั้งเก้าแดนและแดนสิบได้หละก็ คนผู้นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหลี่ชิเย่ ความจริงแล้ว คำพูดคำนี้ของราชันเซียนเต้าหลงก็พูดได้ถูกต้องอย่างแท้จริง เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมานานมากๆ หลี่ชิเย่ ก็เคยทดลองมาแล้ว
“แต่ว่า สัจธรรมของสถาบันศึกษาเทพเจ้ากว้างใหญ่ไพศาลดั่งทะเล เจ้าคิดจะค้นหาวิธีการที่จะมาชดเชยให้กับตนเองนั้นใช่ว่าแค่สามถึงห้าปีก็สามารถทำได้แล้ว เกรงว่าเจ้าคงต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนานมาก เว้นแต่ว่าจะมีผู้ที่ชี้ทางสว่างให้กับเจ้า” หลี่ชิเย่มองดูเมี่ยวฉานแล้วยิ้มเฉยเมย
เมี่ยวฉานอ้าปากจะพูด แต่ก็ได้แต่ทอดถอนใจเบาๆ เหตุผลข้อนี้ใช่ว่านางจะไม่เข้าใจ แต่ว่านางเป็นผู้ที่ขึ้นมาจากเก้าแดน เรื่องนี้นางจะบอกกล่าวต่อบุคคลภายนอกไม่ได้ มีเพียงผู้ที่เหมือนเช่นหลี่ชิเย่ที่ขึ้นมาจากเก้าแดนเหมือนกันที่พอจะพูดได้ ต่อให้นางอยากจะถามอาจารย์จากสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่ก็มีความกังวลต่างๆ นานา
“เอาเถอะ ข้าสงเคราะห์เจ้าก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่มองดูเมี่ยวฉานแล้วกล่าวว่า “ที่ข้ามีวิธีอยู่วิธีหนึ่ง เจ้าเอาไปก็แล้วกัน” กล่าวพลางได้นำเอากระดาษพู่กันเขียนอย่างรวดเร็ว คัดลอกเคล็ดกำลังภายในออกมาแล้วยื่นให้กับเมี่ยวฉานในที่สุด
เมี่ยวฉานรับเอากระดาษแผ่นนั้นของหลี่ชิเย่มา ถึงกับตะลึงงันอยู่ตรงนั้น สมควรทราบว่าเคล็ดวิชาเคล็ดกำลังภายในนั้นล้ำค่ามากเพียงใด หลี่ชิเย่กลับให้กับนางตามอารมณ์ ทั้งที่พวกเขานับว่ามีความแค้นต่อกัน
แน่นอน เมี่ยวฉานไม่คิดว่าหลี่ชิเย่จะเล่นตุกติกกับเคล็ดกำลังภายในนั่น จะอย่างไรเสียหากหลี่ชิเย่ต้องการคิดไม่ดีต่อนาง การที่จะสังหารนางมันง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องให้มันยุ่งยากเช่นนี้
“เหตุใดคุณชายหลี่ถึงดีกับข้าเพียงนี้?” เมื่อเมี่ยวฉานได้สติคืนกลับมาจากการตกตะลึง ถึงกับเอ่ยถามขึ้นมา
“ข้าทำลายหุบเขากีบสวรรค์ แต่นั่นมันเป็นเรื่องในอดีต” หลี่ชิเย่มองหน้านางทีหนึ่ง และกล่าวเรียบๆ ว่า “ในโลกนี้ ผู้คล้อยตามข้าเจริญรุ่งเรือง ผู้ฝืนข้าดับ ก็แค่นี้เอง ถ้าหากข้าจะต้องจดจำแค้นเอาไว้ทั้งหมด เช่นนั้นแล้วชั่วชีวิตของข้าฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ข้ามิต้องหลับไม่ลงโดยสิ้นเชิงชั่วชีวิตรึ?”