“ไหนๆ ก็มาแล้ว พวกเราเก็บใบชาสัจธรรมกลับไปบ้างก็แล้วกัน มิฉะนั้นแล้วก็เท่ากับมาเสียเที่ยวเปล่า” ในขณะที่พูดคุยกันถึงเรื่องของเทพโบราณกุยฝานแล้วทุกคนต่างอยู่ในอาการนิ่งเงียบ สุดท้ายยุวกษัตริย์หกกระบี่จึงได้ยิ้มกล่าวขึ้นมา
“เทพบุตร น้องไม่เจียมตัว ขอแสดงฝีมืออันต่ำต้อยก่อนหละ” ในเวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้ยิ้มกล่าวกับเทพบุตรซือจง เขาไม่ได้เกรงใจอะไรมากนัก เนื่องจากจะอย่างไรเสียใบชาสัจธรรมมีอยู่มากมาย สามารถเก็บมาได้หรือไม่อยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนเท่านั้นเอง
“ข้าจะส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจยุวกษัตริย์” เทพบุตรซือจงยิ้มกล่าว
ในเวลานี้ ยุวกษัตริย์หกกระบี่ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง พลันก้าวข้ามขึ้นไปถึงกลางเขา เวลานี้ เสียงตูมดังสนั่น สัจธรรมพาดผ่าน ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตสิ้นสุด ไม่ว่าใครก็หนีออกไปจากสัจธรรมที่ม้วนตลบนี้ไปได้ ยุวกษัตริย์หกกระบี่ถูกดูดเข้าไปอยู่ท่ามกลางสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามในทันที
เวลานี้ อักขระยันต์สัจธรรมดั่งทะเล ท่วมมิดหมื่นอาณาจักร ทำการกลืนยุวกษัตริย์หกกระบี่เข้าไปภายในโดยพลัน
“เปิด…” ยุวกษัตริย์หกกระบี่คำรามเสียงยาวออกมาพร้อมกับลงมือโดยพลัน เขาได้ล๊อคเป้าที่เป็นอักขระยันต์เอาไว้ พลันลงมือเก็บเอามา ได้ยินเสียงปุดังขึ้น ยุวกษัตริย์หกกระบี่ถูกดีดกลับมาอยู่ที่เดิม
“เก็บมาได้เท่าไร?” บรรดานักศึกษาต่างทยอยกันล้อมวงเข้าไปเอ่ยถาม หลังจากที่เห็นยุวกษัตริย์หกกระบี่ถูกดีดกลับมาแล้ว
“แค่ไม่กี่ใบเท่านั้นเอง” ในขณะนี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ได้แบมือออก มองเห็นใบอ่อนสีเหลืองทองจำนวนห้าใบอยู่บนฝ่ามือ ทุกใบล้วนแล้วแต่มีกฎเกณฑ์ที่เล็กดั่งเส้นใยล้อมรอบอยู่สี่สาย
“ยุวกษัตริย์ฝีมือยอดเยี่ยม พลันลงมือก็สามารถเก็บใบชาสี่สายได้ห้าใบ” เมื่อเทพบุตรซือจงมองเห็นใบอ่อนสีเหลืองทองจำนวนห้าใบในมือของยุวกษัตริย์หกกระบี่ จึงกล่าวชื่นชมออกมา
“ได้รับมาเล็กน้อยเท่านั้นเอง เกรงว่าเทพบุตรคงแซงข้าได้อย่างง่ายดาย” ยุวกษัตริย์หกกระบี่ส่ายหน้า และยิ้มกล่าว พลางเก็บใบไม้อ่อนห้าใบขึ้น แม้แต่ตัวเขาก็ยังคงรู้สึกว่าใบชาสัจธรรมนี้ล้ำค่า
“ยุวกษัตริย์นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว เทียบกับอัจฉริยะบุคคลของจวนราชันพวกเราแล้วมีแต่แข็งแกร่งกว่าไม่มีด้อยกว่า” นักศึกษาที่เป็นอัจฉริยะบุคคลของจวนราชันกล่าวชื่นชม ไม่อาจไม่ยอมรับในพรสวรรค์ของยุวกษัตริย์หกกระบี่
ความจริงแล้ว อาศัยพรสวรรค์ของยุวกษัตริย์หกกระบี่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปจวนราชันได้แล้ว เพียงแต่เขายินดีอยู่ที่ศตาคารเท่านั้นเอง
“ข้าก็ขอแสดงฝีมืออันน้อยนิดบ้าง” ในขณะนี้เทพบุตรซือจงหัวเราะทีหนึ่ง ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่งขึ้นไปที่กลางเขา จากนั้นได้ยินเสียงตูมดังสนั่น สัจธรรมพาดผ่าน เทพบุตรซือจงก็ถูกดูดเข้าไปอยู่ภายในสัจธรรมนั่น
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เดียว เสียงปุดังขึ้น เทพบุตรซือจงก็ถูกดีดกลับมาเช่นกัน
“เก็บมาได้กี่ใบ?” บรรดานักศึกษาต่างล้อมวงกันเข้าไปเมื่อเห็นเทพบุตรซือจงถูกดีดกลับออกมา แน่นอนที่สุดด้วยพรสวรรค์ของเทพบุตรซือจงย่อมสามารถเก็บใบชาได้แน่นอน เพียงแต่มากหรือน้อยเท่านั้นเอง
“น่าละอายนัก น้อยกว่ายุวกษัตริย์สองใบ” ในเวลานี้ เทพบุตรซือจงได้แบมือออกมา มองเห็นบนฝ่ามือมีใบอ่อนสีเหลืองทองจำนวนสามใบวางเรียงอยู่ ทุกใบล้วนแล้วแต่มีกฎเกณฑ์ล้อมรอบอยู่ห้าสาย
“คำพูดของเทพบุตรถ่อมตนเกินไปแล้ว ของท่านคือใบชาสัจธรรมห้าสาย ของข้ามีเพียงสี่สายเท่านั้น ช่วงห่างตรงนี้ไม่สามารถชดเชยได้ด้วยจำนวนอยู่แล้ว เทพบุตรชนะข้าได้ขั้นหนึ่ง” ยุวกษัตริย์หกกระบี่หัวเราะและเอ่ยขึ้น เขายอมรับอย่างใจกว้างว่าไม่เท่าเทพบุตรซือจง
จะอย่างไรเสีย สามเทพบุตรสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาโดยตลอด พวกเขาต่างก็รู้ถึงศักยภาพของแต่ละคน ในบรรดาพวกเขาทั้งสามหากจะว่ากันเรื่องของศักยภาพ แน่นนอนนายน้อยทะยานฟ้าแข็งแกร่งที่สุด รองลงมาคือเทพบุตรซือจง รองลงมาอีกก็ยุวกษัตริย์หกกระบี่
“ข้าก็แค่บังเอิญเท่านั้นเอง ไม่ได้แข็งแกร่งมากไปกว่ายุวกษัตริย์สักเท่าไร” เทพบุตรซือจงเก็บใบชาขึ้นแล้วยิ้มกล่าว
“พี่น้องทั้งสองมีอารมณ์สุนทรีเหลือเกิน ถึงกับมาแข็งขันประลองกันที่นี่” จังหวะที่เทพบุตรซือจงพูดขาดคำ เสียงที่เปิดเผยตรงไปตรงมาเสียงหนึ่งดังขึ้น
มองเห็นคนผู้หนึ่งเหินฟ้าเข้ามา โดยมีเมฆและแสงเคียงคู่ เหตุการณ์ประหลาดมากมาย สวมใส่ชุดคลุมยาว สามารถปกปิดฟ้าดินแลสรรพวิชาได้ ท่วงท่าแลดูสามารถกลืนกินสุริยันจันทรา ขณะลืมตาอำนาจสยบผู้คน รอบๆ ตัวของเขาปรากฏกฎเกณฑ์ของจอมเทพแต่ละสายลอยล่อง อานุภาพจอมเทพตลบอบอวลไปทั่วร่างของเขา ทำให้ผู้พบเห็นต้องเคารพยำเกรง
“พี่ทะยานฟ้ามาแล้ว” ทั้งยุวกษัตริย์หกกระบี่และเทพบุตรซือจงต่างรู้สึกดีใจรีบก้าวออกไปให้การต้อนรับ เมื่อเห็นคนผู้นี้ที่เหินฟ้าเข้ามา
ในขณะนี้ บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันเข้าให้การต้อนรับและกล่าวด้วยท่าทีที่เคารพว่า “ยินดีกับนายน้อยที่ออกจากการกักตน”
กล่าวได้ว่า ในเวลานี้ท่าทีบรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ดูจะให้ความเคารพมากกว่าที่มีต่อยุวกษัตริย์หกกระบี่และเทพบุตรซือจงก่อนหน้านั้น แม้แต่นักศึกษาระดับอัจฉริยะบุคคลของจวนราชันก็ดูจะเคารพเลื่อมใสยิ่งนัก
สำหรับยุวกษัตริย์หกกระบี่กับเทพบุตรซือจงแล้ว บางทีในใจของนักศึกษาระดับอัจฉริยะของจวนราชันอาจอดที่จะมีใจช่วงชิงความเป็นหนึ่งอยู่สามส่วน แต่กับบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้เป็นนักศึกษาระดับอัจฉริยะบุคคลของจวนราชันก็ให้เคารพเลื่อมใสยิ่งนัก รู้ตัวว่าสู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้
“พี่น้องทั้งสอง ไม่ได้พบกันนานสบายดีหรือไม่” ในเวลานี้ คนผู้นี้ได้ยิ้มกล่าวกับเทพบุตรซือจงและยุวกษัตริย์หกกระบี่
“ไม่นึกเลยว่าพี่ทะยานฟ้าจะออกจากการกักตนเร็วขนาดนี้ น่ายินดียิ่งนัก” เทพบุตรซือจงยิ้มกล่าว
ยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็ยิ้มกล่าวว่า “ช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้ฟังการบรรยายจากพี่ทะยานฟ้า เรียกได้ว่าทานอาหารไร้รสชาติ คิดถึงเหลือเกินนะเนี่ย”ไอรีนโนเวล
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็คือผู้นำของสามเทพบุตรสถาบันศึกษาเทพเจ้า นามว่าหวังเสวียนจี๋ ฉายานายน้อยทะยานฟ้า และเป็นผู้สืบทอดของพรรคทะยานฟ้า ในฐานะผู้สืบทอดของสำนักที่มีห้าเซียนหวัง พรสวรรค์ของนายน้อยทะยานฟ้าเป็นที่ตระหนกตกใจอย่างยิ่ง ด้วยอายุยังน้อยก็เป็นถึงระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์หนึ่งดวงแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง นายน้อยทะยานฟ้าจึงได้รับการให้ความสำคัญจากกู่ฉวี่หัง บางครั้งกระทั่งบรรยายแทนกู่ฉวี่หังให้กับนักศึกษาของศตาคาร อีกทั้งเขาก็ไม่ทำให้กู่ฉวี่หังต้องผิดหวัง สามารถบรรยายได้ยอดเยี่ยมพิสดารเหลือเกิน บรรดานักศึกษาของศตาคารก็ชมเปาะกันมากมาย
กู่ฉวี่หังเป็นบุคคลใดกัน เขาไม่เพียงเป็นอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นนักศึกษารุ่นเดียวกันกับเหรินเซิ่น ขณะเดียวกัน พวกเขาทั้งสองยังเป็นนักศึกษาที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในรุ่นนั้นของสถาบันศึกษาเทพเจ้า
ในครั้งนั้น กู่ฉวี่หังได้รับฉายาว่าเป็นเส้าเหนียนหวัง[1] หนึ่งเดียวที่เป็นที่น่าเสียดายก็คือ ครั้งนั้นกู่ฉวี่หังเลือกที่จะก้าวเดินไปบนเส้นทางของการเป็นเทพ ด้วยอายุอันน้อยนิดของเขาก็มีดวงตราสัญลักษณ์แล้วถึงหกดวง ถูกผู้คนยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีโอกาสได้เป็นเทพโบราณมากที่สุด!
นายน้อยทะยานฟ้าในฐานะนักศึกษาคนหนึ่งของสถาบันศึกษาเทพเจ้า แต่กลับเป็นระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์หนึ่งดวงแล้ว เป็นความจริงที่ผลงานเช่นนี้ยากจะมีนักศึกษาผู้อื่นเทียบเคียงได้ จะโทษว่าบรรดานักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ไม่ว่าจะเป็นชั้นเรียนศตาคาร หรือหอศักดิ์สิทธิ์ กระทั่งจวนราชันล้วนแล้วแต่ศิโรราบต่อเขาทั้งกายและใจ
“พี่ทะยานฟ้ามาก็ดีแล้ว ขอเชิญพี่ทะยานฟ้าแสดงฝีมือสักหน่อย ให้ทุกคนได้เปิดหูเปิดตา” เวลานี้ เทพบุตรซือจงได้ยิ้มกล่าวขึ้นมา
“นั่นสิ ขอเชิญนายน้อยลงมือให้พวกเราที่เป็นพวกปุถุชนธรรมดาได้เปิดหูเปิดตา พลันที่นายน้อยลงมือ เกรงว่าคงต้องคว้าใบชาสัจธรรมสิบสายมาได้แน่นอน” มีนักศึกษาที่พูดประจบนายน้อยทะยานฟ้าขึ้นมา
นายน้อยทะยานฟ้าไม่เพียงมีทักษะยุทธแข็งแกร่ง พรสวรรค์ที่สุดยอดยากจะหาผู้ใดเทียม ขณะเดียวกันชาติกำเนิดของเขาก็สูงส่งยิ่งนัก ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของพรรคทะยานฟ้า การปกครองพรรคทะยานฟ้าเป็นเรื่องที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น ถ้าหากสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับหัวหน้าพรรคที่หนึ่งสำนักห้าเซียนหวังในอนาคตได้หละก็ ต้องได้รับประโยชน์ไปชั่วชีวิตแน่นอน
“นี่เป็นการทำลายข้าทางอ้อมนะเนี่ย” นายน้อยทะยานฟ้าส่ายหน้า หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าเอาก็เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเท่านั้น เกรงว่าต่อให้ข้าทุ่มเต็มที่ก็สามารถเก็บใบชาสัจธรรมแปดสายได้เท่านั้น”
“พูดอะไรอย่างนั้น สามารถเก็บใบชาสัจธรรมแปดสายได้นับว่าเป็นมนุษย์เทพแล้วหละ เกรงว่าคงเป็นระดับความสูงที่ข้าไม่สามารถเอื้อมถึงได้ตลอดชีวิตแล้ว” มีนักศึกษาที่หัวเราะและเอ่ยขึ้นมา
“พี่ทะยานฟ้าเรียกว่าได้รับการยกย่องให้เป็นนักศึกษาที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าพวกเราแล้ว ถ้าหากแม้แต่พี่ทะยานฟ้ายังสามารถเก็บใบชาสัจธรรมเพียงแค่แปดสายหละก็ เกรงว่าคนอื่นๆ คงไม่สามารถล้ำหน้าพี่ทะยานฟ้าได้อีกแล้ว” เทพบุตรซือจงยิ้มกล่าว
“นั่นสิ พี่ทะยานฟ้าลงมือให้พวกเราได้ประจักษ์สักนิดหนึ่ง” ยุวกษัตริย์หกกระบี่รีบเร่งยิ้มกล่าวออกมา
นายน้อยทะยานฟ้าถึงกับหัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าได้แต่แสดงฝีมืออันน้อยนิดแล้วหละ ท่านทั้งหลายอย่าได้หัวเราะเยาะ” กล่าวพลางก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว
เสียงตูม…ดังสนั่น ขณะที่นายน้อยทะยานฟ้าก้าวเดียวเข้าไปยังบริเวณกลางเขา พลันปรากฏสัจธรรมพาดผ่าน ต่อให้ตัวเขาที่แข็งแกร่งยิ่งก็หนีไม่พ้นสถานการณ์เช่นนี้ไปได้ พลันถูกดูดกลืนเข้าไปยังสัจธรรมสายนั้น และจมหายเข้าไปท่ามกลางอักขระยันต์ของสัจธรรมที่ไม่มีสิ้นสุดนั้น
ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น นายน้อยทะยานฟ้าในเวลานี้ได้ถูกดีดกลับมาแล้ว
“นายน้อยเก็บมาได้กี่ใบ?” นักศึกษาทั้งหมดรีบเร่งล้อมวงเข้าไปหลังจากที่นายน้อยทะยานฟ้าถูกดีดกลับมาแล้ว
“เป็นที่ผิดหวังของทุกๆ คนแล้ว ฝืนเก็บมาได้เพียงสี่ใบเท่านั้นเอง” ในขณะนี้ นายน้อยทะยานฟ้าได้แบมือออกมา ปรากฏใบอ่อนสี่ใบอยู่บนฝ่ามือของเขา ใบอ่อนทั้งสี่ใบของเขาดูจะมีสีเหลืองทองมากกว่าพวกของยุวกษัตริย์หกกระบี่และเทพบุตรซือจงมากนัก อีกทั้งใบอ่อนทุกใบล้วนแล้วแต่มีกฎเกณฑ์ที่เล็กดั่งเส้นใยขนาดจิ๋วล้อมรอบอยู่แปดสาย
“ใบชาสัจธรรมแปดสาย มิเสียทีที่นายน้อยเป็นหัวหน้าของนักศึกษาพวกเรา เลื่อมใส เลื่อมใส” ในขณะนี้นักศึกษาทุกคนต่างชมเปาะ รู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก
สิ่งนี้ไม่นับว่าเป็นการประจบประแจงโดยสิ้นเชิงของทุกคน แม้แต่ยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็สามารถเก็บมาได้แค่เพียงใบชาสัจธรรมสี่สายเท่านั้นเอง ต่อให้ผู้ที่มีฝีมือปราดเปรื่องน่าทึ่งของยุคนี้เฉกเช่นเหรินเซิ่นก็เก็บใบชาสัจธรรมได้เก้าสายเท่านั้น
กล่าวได้ว่า ผลงานที่นายน้อยทะยานฟ้าแสดงออกมานับว่าปราดเปรื่องน่าทึ่งอย่างยิ่ง สามารถสยบได้ทุกคน
“อย่าว่าแต่ในหมู่ของนักศึกษาเลย เกรงว่าในบรรดาอาจารย์ก็ยากจะมีผู้ใดเทียมนายน้อยได้แล้ว อาจารย์รุ่นอาวุโสจะไม่พูดถึง อาจารย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่คงมีเพียงอาจารย์ฉวี่หัง และอาจารย์เชียนเสวียนเท่านั้นที่เทียบเคียงกับนายน้อยได้” นักศึกษาชมเปาะด้วยเสียงอันดัง
“นั่นสิ ตามความเห็นของข้า หากพูดถึงอาจารย์ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เช่นอาจารย์จอมโหดของเรือนตำรา เกรงว่าก็คงไม่เท่านายน้อย” มีผู้ที่ต้องการประจบนายน้อยทะยานฟ้ารีบเอ่ยขึ้นมาทันที
อาจารย์จอมโหด…แววตาของนายน้อยทะยานฟ้าเวลานี้ส่งประกายเยือกเย็นด้วยท่าทีที่ไม่ธรรมดาออกมา
ทุกคนต่างก็รู้ว่า เย่เมี่ยวเสวี่ยคือองค์หญิงของพรรคทะยานฟ้า ได้รับการโปรดปรานจากพรรคทะยานฟ้า ทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากนายน้อยทะยานฟ้าอีกด้วย นางกลับถูกหลี่ชิเย่ทำร้ายจนต้องนอนติดเตียง ซึ่งทำให้ภายในใจของนายน้อยทะยานฟ้าไม่สามารถกล้ำกลืนความอัปยศนี้เอาไว้ได้
เฉกเช่นยุวกษัตริย์หกกระบี่และเทพบุตรซือจงอาจรู้สึกหวั่นเกรงอยู่บ้างเมื่อเอ่ยถึงอาจารย์ผู้นี้ แต่ว่า ในใจของนายน้อยทะยานฟ้าไม่ได้เกรงกลัวต่ออาจารย์อย่างเช่นหลี่ชิเย่ เขามีฐานะที่สูงส่งเพียงพอที่เขาเป็นถึงผู้สืบทอดของพรรคทะยานฟ้า
ต่อให้เขาละทิ้งฐานะความเป็นผู้สืบทอดของพรรคทะยานฟ้า เขายังคงมีฐานะที่สูงส่งมากในสถาบันศึกษาเทพเจ้า เขาไม่เพียงได้รับการให้ความสำคัญจากเส้าเหนียนหวังหรือกู่ฉวี่หังผู้เป็นอาจารย์ ความจริงแล้วอาจารย์ส่วนหนึ่งในสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็มั่นใจในตัวของเขา กระทั่งมีอาจารย์บางส่วนของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเสนอให้นายน้อยทะยานฟ้ามาเป็นอาจารย์ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าสักหลายปีหลังจากสำเร็จการศึกษาแล้ว
กล่าวได้ว่า นายน้อยทะยานฟ้ามีฐานะที่สูงส่งมากในสถาบันศึกษาเทพเจ้า ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับอาจารย์อย่างหลี่ชิเย่เขาก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมอยู่
“เวลานี้อาจารย์ผู้นี้กำลังโดดเด่นมากเลย” ยุวกษัตริย์หกกระบี่กล่าวอย่างมีเป้าหมายขึ้นมา จะอย่างไรเสียท่ามกลางพวกเขานับว่ายุวกษัตริย์หกกระบี่มีความอาฆาตแค้นกับหลี่ชิเย่มากที่สุด เวลานี้เขาย่อมยินดียุยงส่งเสริมให้นายน้อยทะยานฟ้าไปต่อต้านกับหลี่ชิเย่
………………………………………………
[1] 少年王 shǎo nián wáng (เส้าเหนียนหวัง) เซียนหวัง (เซียนอ๋อง) ที่มีอายุน้อย