บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากันและกันเมื่อได้ยินคำพพูดลักษณะเช่นนี้ของนายน้อยทะยานฟ้า พวกของนายน้อยทะยานฟ้าสามคนวางหลุมพรางให้กับหลี่ชิเย่เช่นนี้ เป็นการไม่เปิดโอกาสให้หลี่ชิเย่มีทางลงใดๆ เลย
สมควรทราบว่า การที่จะเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายนั้นใช่เป็นเรื่องง่ายดาย พรสวรรค์ของเหรินเซิ่นนับว่าสูงมากพอแล้วใช่หรือไม่? เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดในยุคนี้ เขาก็สามารถเก็บใบชาสัจธรรมชนิดเก้าสายได้เท่านั้น
ในบันทึกของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ผู้ที่สามารถเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายได้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นเอง คือ…ชาสัจธรรมชนิดสิบสายให้ได้ก็นับว่ายากพอแล้ว ต้องเก็บให้ได้ถึงสามสิบหรือห้าสิบใบ มันคือเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ในเวลานี้พวกของนายน้อยทะยานฟ้าวางหลุมพลางเอาไว้ให้หลี่ชิเย่ ย่อมเป็นบ่งบอกว่าหลี่ชิเย่ไม่มีความหวังที่จะชนะได้เลย
ในเวลานี้ บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองตากันและกัน มีนักศึกษาจากจวนราชันชวยพูดสนับสนุนว่า “นั่นสิอาจารย์ ให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตา เพื่อยลท่วงท่าที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้ต่อกรของอาจารย์”
นักศึกษาจากจวนราชันผู้นี้ฟังดูผิวเผินเหมือนกำลังยกยอหลี่ชิเย่ พูดจากประจบหลี่ชิเย่อยู่ แต่ความจริงแล้วมีจิตใจที่โหดเหี้ยม ไม่ให้หลี่ชิเย่มีทางที่จะถอยได้ ต้องการผลักดันหลี่ชิเย่ขึ้นไปย่างอยู่บนกองเพลิง
“ทำไมสถาบันศึกษาเทพเจ้าถึงได้มีแต่สวะทั้งนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่ชิเย่มองดูพวกของนายน้อยทะยานฟ้าทีหนึ่งส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “ในยุคของเทพโบราณกุยฝาน เมื่อพูดจากไม่เข้าหูซัดกันสักยกก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนเท่าไรที่เกรียงไกรทั่วหล้า กลายเป็นพวกสวะที่คิดแต่จะฉกฉวยโอกาสตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
“แค่ใบชาสัจธรรมชนิดสิบสาย ช่างเถอะไม่เก็บก็ได้” หลี่ชิเย่ไม่มีอารมณ์ กล่าวสำหรับใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายนั้นเขาขาดความสนใจโดยสิ้นเชิง
“อาจารย์คงไม่ใช่ว่าจะเลิกราเพียงเท่านี้กระมัง?” ไหนเลยที่นายน้อยทะยานฟ้าจะยอมปล่อยหลี่ชิเย่ไปง่ายๆ เช่นนี้เล่า เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่สนใจจะพนันด้วยจึงหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “สำหรับอาจารย์แล้วข้าเชื่อว่าการที่จะเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายใช่เป็นเรื่องยากแต่อย่างใด ยังคงขอให้อาจารย์ได้ลงมือ ทุกคนต่างรอคอยเพื่อชื่นชมท่วงท่าที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้ต่อกรของอาจารย์ ขอเพียงอาจารย์สามารถเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายมาได้สักสามสิบถึงห้าสิบใบ ศิษย์จะยอมศิโรราบเลื่อมใสศรัทธาอย่างสุดซึ้ง”
เวลานี้คำพูดของนายน้อยทะยานฟ้าเหมือนน่าฟัง แต่ความจริงแล้วกำลังบีบบังคับหลี่ชิเย่เท่านั้นเอง
เมื่อหลี่ชิเย่ได้ฟังคำของนายน้อยทะยานฟ้าแล้วถึงกับส่ายหน้าและกล่าวว่า “รูปแบบเล็กเกินไป มาตรฐานมีอยู่เท่านี้เอง”
“เมื่อครู่นี้เป็นอาจารย์ที่พูดว่ายินดีรับคำท้า อาจารย์คงไม่ใช่ไม่กล้าพนันด้วยแล้วสิ” เมื่อยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่เป็นผู้วางกับดักให้กับหลี่ชิเย่เป็นคนแรกเห็นว่าหลี่ชิเย่บ่ายเบี่ยงนี่นั่นตลอดเวลา จึงอดกลั้นต่อไปไม่ไหวและเอ่ยขึ้นมาทันที
“หากอาจารย์ไม่ต้องการพนันจริง ก็ควรโค้งคารวะต่อพี่ทยานฟ้าเพื่อเป็นการขอโทษ” เวลานี้เทพบุตรซือจงก็ถือโอกาสพูดซ้ำเติม พวกเขาเข้าใจว่าหลี่ชิเย่ไม่กล้าพนันด้วย จึงพูดจาบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย
“อาจารย์ หากท่านไม่พนันด้วยนับว่าติดค้างคำขอโทษต่อข้าจริงๆ เป็นอาจารย์เองที่รับปากว่าสามารถยอมรับทุกคำท้าทาย” ในเวลานี้ นายน้อยทะยานฟ้าก็ยิ้มเยาะทีหนึ่ง ภาษิตว่าไว้ว่า ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ไหนๆ ก็วางกักดักให้กับหลี่ชิเย่แล้วก็ไม่ต้องกลัวเรื่องแตกหัก
“ก็แค่ใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายเท่านั้นเองใยต้องให้อาจารย์ลงมือ ตาเฒ่าอย่างข้าก็เพียงพอแล้ว” หลิวจินเซิ่นทนดูท่าทางพวกของนายน้อยทะยานฟ้าที่กระหยิ่มยิ้มย่องต่อไปไม่ไหว จึงหัวเราะเยาะออกมา
อาศัยนิสัยของหลิวจินเซิ่นขณะยังหนุ่มแน่นคงไม่สามารถอดกลั้นต่อไปได้อีกแล้ว หลังจากที่เขามีอายุมากถึงปูนนี้แล้วจึงมีความหนักแน่นขึ้น แต่เมื่อมองเห็นพวกของนายน้อยทะยานฟ้าที่ฉกฉวยโอกาสจึงทนดูต่อไปไม่ไหว หัวเราะเยาะทีหนึ่งและพูดแทนหลี่ชิเย่
“จินเซิ่น เจ้าเองก็มีอาการป่วยอยู่ ลำพังแค่ใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายซู่เหยาแค่เอื้อมมือออกไปตามอารมณ์ก็เก็บมาได้แล้ว เจ้ายังคงรักษาตัวเองให้ดีเถอะ” หลี่ชิเย่โบกมือและยิ้มกล่าว
เหมยซู่เหยาถึงกับยิ้มออกมาและกล่าวว่า “คุณชาย ไม่ว่ามันจะเป็นเกมพนันหรือไม่ หากว่าเพียงแค่ต้องการเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายเท่านั้น ซู่เหยายินดีลงมือแทนคุณชาย ก่อนคุณชายจะมาที่นี่ได้พูดเอาไว้ว่าต้องการดื่มชาสัจธรรมสักหน่อย ลำพังแค่ใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายเกรงว่าจะหยาบเกินไป คุณชายดื่มแล้วจะไม่ชิน อาศัยรสนิยมของคุณชาย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องดื่มใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสาย”
“ที่พูดมาก็ถูก” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “พวกเศษสวะไร้สมองกลุ่มหนึ่งที่เอาแต่เทิดทูนใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายกระทั่งสูงเทียมฟ้า ใบชาลักษณะเช่นนี้กล่าวได้ว่า ฝืนนำมาชงน้ำชาให้ข้าล้างมือได้เท่านั้น เอาน้ำชาประเภทนี้มาดื่มมันหยาบเกินไปแล้ว ดูเหมือนออกจะขี้ริ้วขึ้เหร่ ชาที่เข้าปากข้าได้ต้องเป็นใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสายเท่านั้น”ไอรีนโนเวล
คูพูดที่ยโสและพาลเช่นนี้ของหลี่ชิเย่พลันทำให้พวกของนายน้อยทะยานฟ้ามีสีหน้าเปลี่ยนไปมากทีเดียว นี่เท่ากับเป็นตบหน้าพวกเขาอย่างแรง ยุวกษัตริย์หกกระบี่ เทพบุตรซือจงพวกเขาสามารถเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสี่ และห้าสายก็มองว่าเป็นของล้ำค่าเสียแล้ว
เวลานี้หลี่ชิเย่กลับบอกว่าใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายนำมาชงน้ำชาดื่มยังออกจะหยาบเกินไป ใช้ได้เพียงนำมาล้างมือเท่านั้น เท่ากับเป็นเยาะเย้ยพวกเขาอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างแรง
“วาจาสามหาวมาก มีฝีมือหละก็เก็บเอามาให้ได้เสียก่อน” ขณะนี้ นายน้อยทะยานฟ้าที่หยิ่งยโสก็ไม่สามารถทนกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อีกแล้ว ยิ้มเยาะและพูดน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา
“อาจารย์ ถ้าเช่นนั้นแล้วขอให้ท่านได้เปิดหูเปิดตาแก่นักศึกษาอย่างพวกเรา เก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสายมาให้สักหลายใบ” ยุวกษัตริย์หกกระบี่ก็ยิ้มแต้และเอ่ยขึ้นมา
“นั่นสิ ในเมื่อใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายไม่เข้าตาของอาจารย์ ก็เก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสายมาให้พวกเราได้เห็นท่วงท่าที่สุดยอดปราศจากผู้ต่อกรของอาจารย์” เทพบุตรซือจงก็ถือโอกาสกล่าวตามน้ำขึ้นมา
บรรดานักศึกษาที่ยู่ในเหตุการณ์ต่างมองตากันและกัน เมื่อได้ยินเทพบุตรซือจงและยุวกษัตริย์หกกระบี่ยืนยันเป็นเสียงเดียวว่าต้องเป็นใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสาย
นอกจากพวกเขาจะไม่รู้ถึงสภาพการณ์แล้ว ในบันทึกของสถาบันดูเหมือนจะไม่เคยมีนักศึกษาเคยเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสายได้มาก่อน หรือบางทีอาจมีอาจารย์ที่ได้รับการยกเว้น แต่ กลับไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ บอกได้แต่เพียงที่มีบันทึกเอาไว้ก็คือจอมทระนงอเวจีที่สามารถเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสายได้
ทุกคนต่างรู้สึกว่าการเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จะอย่างไรเสียทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่อาจรู้ได้ว่าพรสวรรค์ของจอมทระนงอเวจีนั้นสูงส่งเพียงใดกันแน่ เนื่องจากเรื่องราวห่างจากยุคสมัยนี้นานมากเกินไป
แต่ว่าเหรินเซิ่นคือตัวอ้างอิงที่ดีที่สุด เหรินเซิ่นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดกในยุคนี้ สุดยอดปราศจากผู้ต่อกรในหล้า แต่เขาสามารถเก็บใบชาสัจธรรมชนิดเก้าสายได้เท่านั้น
แม้แต่เหรินเซิ่นยังคงเก็บใบชาสัจธรรมชนิดเก้าสาย นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์จึงไม่เชื่ออยู่แล้วว่าหลี่ชิเย่สามารถเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสายมาได้
ดังนั้น ในเวลานี้นักศึกษาทั้งหมดต่างทยอยกันจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ต่างรู้สึกว่ามาคราวนี้หลี่ชิเย่คงต้องเสียหน้าแน่นอนแล้ว
“ใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสาย ไม่น่าเป็นไปได้กระมัง?” เวลานี้ บรรดานักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างซุบซิบกันถึงเรื่องนี้
“อย่างน้อยที่สุดตามบันทึกคือเป็นไปไม่ได้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครสามารถเก็บใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสายได้ ข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายสถิตินี้” มีนักศึกษาที่อดกระซิบออกมาไม่ได้
ในเวลานี้ นักศึกษาเหล่านี้ต่างทยอยกันมองไปที่หลี่ชิเย่ ต่างมีความรู้สึกว่าหลี่ชิเย่คุยโตโอ้อวดมากเกินไปเสียแล้ว
สำหรับหลี่ชิเย่นั้น เพียงหัวเราะทีหนึ่งเท่านั้น และกล่าวเฉยเมยว่า “ก็ดีเหมือนกัน สมควรให้พวกเจ้าที่เป็นกบในกะลาได้มองเห็นว่าท้องฟ้านี้สูงแค่ไหน พื้นดินกว้างใหญ่เพียงใด อย่าคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้คนอื่นก็ต้องทำไม่ได้เหมือนกัน”
“ดูให้ดีหละ อะไรที่เรียกว่าบงการสัจธรรม อะไรที่เรียกว่าหนึ่งเดียวนิรันดร์กาล!” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ ขาดคำก้าวเท้าออกไปมุ่งหน้าสู่บริเวณกลางเขา
ตูม…เสียงดังสนั่น ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปบริเวณกึ่งกลางเขา สัจธรรมพุ่งขึ้นท้องฟ้ารุนแรง อักขระยันต์ที่ไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่ง เสมือนหนึ่งเป็นทะเลที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตสิ้นสุด ท่วมปกคลุมจนมิดทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน
พริบตาเดียวนี่เอง ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เปล่งประกายสว่างไสวละลานตา เสมือนหนึ่งก้าวข้ามอดีตกาลอย่างนั้น
“ของเล่นเล็กน้อยเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย กางมือขนาดใหญ่ออกไปบงการฟ้าดิน ควบคุมจักรวาล อาศัยมือขับเคลื่อนหมื่นสัจธรรม ทันใดนั้นเอง ฝ่ามือของหลี่ชิเย่พลันรวบเข้ามา ได้ยินเสียงฟ่าววดังขึ้น สัจธรรมที่พาดผ่านพลันถูกหลี่ชิเย่รวบเข้ามา อักขระยันต์ที่ไม่มีสิ้นสุดล้วนแล้วแต่ถูกรวบเข้ามาไว้ในฝ่ามือของหลี่ชิเย่
สุดท้าย ได้ยินเสียงดังฟ่าวว สัจธรรมทั้งสายและอักขระยันต์ที่ไม่มีสิ้นสุดทั้งหมดได้ทถูกรวบเอาไว้อยู่ท่ามกลางฝ่ามือของหลี่ชิเย่ ทันใดนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าสิ่งที่ถูกกำเอาไว้ในมือไม่ใช่สัจธรรม แต่เป็นเพียงสายคาดเอวเส้นหนึ่งเท่านั้น
ต่อให้สัจธรรมสายนี้ที่สามารถพาดผ่านอดีตกาลได้เมื่ออยู่ในมือของหลี่ชิเย่แล้ว ก็ดูเหมือนไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึง ต่อให้พลังของสัจธรรมยิ่งใหญ่เพียงใด เมื่ออยู่ในกำมือของหลี่ชิเย่แล้ว มันก็คล้ายดั่งเป็นลมที่พัดผ่านสายคาดเอวอย่างแผ่วเบาเท่านั้น
ในเวลานี้ มือของหลี่ชิเย่กำสัจธรรมเอาไว้ ก้าวเท้าก้าวเดียวเข้าไปอยู่ท่ามกลางบริเวณกึ่งกลางเขา และนาทีต่อมาเขาได้ไปยืนอยู่ใต้ต้นชาดึกดำบรรพ์ต้นนั้นแล้ว เขาเพียงมองดูต้นชาดึกดำบรรพ์ตรงหน้าไปตามอารมณ์ทีหนึ่งเท่านั้น
เป็นไปไม่ได้…สีหน้าของพวกของนายน้อยทะยานฟ้าเปลี่ยนไปทันทีที่มองเห็นภาพเช่นนี้ ต่างก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เนื่องจากไม่เคยมีใครสามารถก้าวข้ามสัจธรรมและยืนอยู่ใต้ต้นชาดึกดำบรรพ์มาก่อน เวลานี้หลี่ชิเย่ไม่เพียงยืนอยู่ใต้ต้นชาดึกดำบรรพ์เท่านั้น ทั้งยังรวบเอาสัจธรรมสายนั้นเอาไว้ นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
“นี่ นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร…” ภาพนี้ได้ทำให้นักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องสะเทือนหวั่นไหว นักศึกษาทั้งหมดต่างยืนเซ่อมองดูหลี่ชิเย่
กล่าวสำหรับนักศึกษาทุกคนแล้ว สามารถเก็บใบชาสัจธรรมท่ามกลางสัจธรรมได้ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว และนับเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลแล้ว เวลานี้หลี่ชิเย่ได้รวบเอาสัจธรรมมาไว้แล้วยังไปยืนอยู่ใต้ต้นชาดึกดำบรรพ์ นาทีนี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้ว จะเป็นใบชาประเภทใดก็สามารถเก็บเอามาได้ตามใจเลยรึ?
“โลกนี้พวกสวะไร้สมองมีมากเกินไป ไหนเลยจะเข้าใจในความลึกซึ้งพิสดารได้เล่า” หลี่ชิเย่มองดูต้นชาดึกดำบรรพ์ที่อยู่ตรงหน้ากล่าวเรียบๆ ขึ้นมา
เฮ่อ ชานี้ทำให้หวนนึกถึงความหลังนะเนี่ย หลี่ชิเย่มองดูต้นชาดึกดำบรรพ์ จากนั้นอาศัยมือปัดไปตามอารมณ์ จัดการเก็บเอาใบชาอ่อนขนาดกฎเกณฑ์สิบสองสายที่อยู่บนส่วนยอดสุดลงมา
ใบชาอ่อนสีเหลืองทองที่ล้อมรอบด้วยกฎเกณฑ์ขนาดจิ๋วดั่งใยไหมสิบสองสายแลดูสวยงามเป็นพิเศษ ทั้งอ่อนและมีสีทอง ทำให้ผู้พบเห็นล้วนแล้วแต่อยากกัดกินสักคำ
เวลานี้มือของหลี่ชิเย่ที่กวาดผ่านไปอย่างชำนาญ เก็บเอาใบส่วนใหญ่ลงมาและเหลือเอาไว้เพียงส่วนน้อย หัวเราะและกล่าวว่า “เอาเถอะ ข้าก็เอาบุญสักหน่อยเหลือไว้ให้กับตาเฒ่าเหล่านั้นบ้าง จะได้ไม่หาว่าข้าไม่ยอมเหลือเอาไว้ให้แม้แต่น้อยนิด”
ในขณะนี้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองเหม่อ เมื่อเห็นหลี่ชิเย่เก็บเอาใบชาสัจธรรมชนิดสิบสองสายมาเต็มที่ กระทั่งมีผู้ที่มองเห็นมือทั้งสองของหลี่ชิเย่ที่หอบเอาใบชาที่ส่งประกายเหลืองทองนั่นแล้ว อดที่จะกลืนน้ำลายลงคอทีหนึ่ง
………………………………………………..