“ราชันเซียนเฟยมีบุตรชายเช่นเจ้า นับว่าน่าภูมิใจแล้วหละ” หลี่ชิเย่หัวเราะ และกล่าวว่า “มีจำนวนเท่าไรที่บิดาเป็นพยัคฆ์ลูกเป็นสุนัข แต่เจ้าไม่เคยทำให้ชื่อเสียงของบิดาต้องเสื่อมเสีย”
“ท่านชมเกินไปแล้ว” ผู้เฒ่ายิ้มเจื่อนๆ และกล่าวว่า “เทียบกับบิดาแล้ว ข้ายังห่างชั้นอีกมาก บิดาข้าปราดเปรื่องน่าทึ่งชั่วชีวิต ข้าเทียบได้แค่หนึ่งหรือสองในสิบเท่านั้น”
ที่แท้ผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าก็คือบุตรชายที่กำเนิดจากราชันเซียนเฟยกับสาวงามอันดับหนึ่งของเผ่าเทพ และก็คือเทพผู้พิทักษ์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ไม่มีใครรู้จัก กระทั่งน้อยคนนักที่รู้ว่าเขายังคงมีชีวิคอยู่
กล่าวได้ว่าโอรสราชันเซียนเฟยมีชาติกำเนิดที่สูงส่งแต่กำเนิด บิดาของเขาคือราชันเซียนเฟย มารดาของเขาคือสาวงามอันดับหนึ่งของสิบสามทวีปในเวลานั้น ส่วนท่านตาของเขาไม่ต้องพูดถึง คือราชีนเทพจงหนานผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในตอนนั้น
กล่าวได้ว่าอาศัยชาติกำเนิดของเขาเรียกได้ว่าสูงส่งจนสุดจะเอ่ยถึง ยากจะหาผู้ที่มีชาติกำเนิดที่สูงส่งมากไปกว่าเขาอีกแล้ว การถือกำเนิดมาภายใต้ครอบครัวเช่นนี้ กล่าวได้ว่าโอรสราชันเซียนเฟยต้องการลมได้ลมต้องการฝนได้ฝน ได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามปรารถนา
ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ โอรสราชันจำนวนเท่าไรที่ต้องกลายเป็นผู้ที่โอหังอวดดีถืออำนาจบาตรใหญ่ หมางเมินทั่วหล้า ยโสโอหังอย่างยิ่ง
แต่ทว่า โอรสราชันเซียนเฟยกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขามีความขยันหมั่นเพียรมาชั่วชีวิต พรสวรรค์ของเขาสูงยิ่ง อีกทั้งในฐานะที่เป็นสายเลือดเผ่าเทพมาครึ่งตัว ถึงกับมีสายเลือดที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสามสายเลือดเซียนนั่นก็คือสายเลือดเสินหย่งนั่นเอง!
สุดยอดพรสวรรค์ในหล้า สุดยอดสายเลือดที่ปราศจากผู้เทียบเทียม บวกกับชาติกำเนิดที่สูงส่งปราศจากผู้เทียบเทียม โอรสราชันเซียนเฟยถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าจะต้องมีความโดดเด่น ถูกลิขิตเอาไว้ว่าปราศจากผู้ต่อกร
แต่ว่า เขากลับมีบิดาที่ปราดเปรื่องคนหนึ่ง มีท่านตาที่สุดยอดปราศจากผู้ต่อกรในหล้า จึงทำให้โอรสราชันเซียนเฟยดูสลดและอับแสงไปชั่วชีวิต
ใช่ว่าโอรสราชันเซียนเฟยไม่มีความพยายาม และไม่ได้หมายความว่าโอรสราชันเซียนเฟยเซียนเฟยไม่แข็งแกร่งพอ ความจริงแล้ว โอรสราชันเซียนเฟยมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก เขาสามารถหมางเมินจอมราชันเซียนหวังมากมาย ปัญหาก็คือ ครอบครัวของเขามีความโดดเด่นมากเหลือเกิน
บิดาของเขาคือราชันเซียนจากเก้าแดนที่มีความปราดเปรื่องมากที่สุด ท่านตาของเขาคือผู้กุมบังเหียนของเผ่าเทพในเวลานั้น สุดยอดปราศจากผู้ต่อกร เมื่อจะต้องมีบิดาและท่านตาที่ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ตลอดกาล เรียกได้ว่าทำให้โอรสราชันเซียนเฟยมีความพยายามมาชั่วชีวิต และชยันหมั่นเพียรมาตลอดชีวิต
แต่ทว่า บิดาและท่านตาของเขาแข็งแกร่งมากเกินไปอย่างแท้จริง และมีความโดดเด่นมากเหลือเกิน เขาจึงต้องถูกครอบงำอยู่ภายใต้รัศมีของบิดาและท่านตาของเขาตลอดชีวิต เนื่องจากเขาไม่สามารถแซงล้ำหน้าบิดาและท่านตาของเขาไปได้ จึงทำให้เขาต้องสลดและอับแสง
ความจริงแล้ว การที่มีบิดาและท่านตาที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ต่อให้โอรสราชันเซียนเฟยได้ครอบครองชะตาฟ้าถึงสิบสองสาย ก็ยังไม่สามารถก้าวแซงล้ำหน้าบิดาและท่านตาของตนไปได้อยู่ดี! ภายใต้รัศมีของบิดาและท่านตา เขายังคงดูไม่ละลานตาอะไรมากมายนักเหมือนเดิม
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ภายใต้รัศมีที่มีความละลานตามากที่สุดของบิดาและท่านตา โอรสราชันเซียนเฟยยังคงสามารถทำให้ตัวเองอยู่ในระดับที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้เองหลี่ชิเย่จึงได้ชื่นชมเขามากเช่นนี้
“นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว มีบิดาและท่านตาที่ปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ ต่อให้ไม่กลายเป็นลูกผู้ดีที่ไม่ยอมทำงานทำการใดๆ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ภายใต้การกดดันของภูเขาใหญ่สองลูกเช่นนี้ เกรงว่าคงทำให้เสียสติได้” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ไม่เป็นการโอ้อวด ทั้งบิดาและท่านตาต่างก็ปราศจากผู้ต่อกรถึงเพียงนี้ กระทั่งมารดาเองก็มีความโดดเด่นอะไรขนาดนั้น ในฐานะบุตรชายต่อให้เพียรพยายามเช่นใด ผู้อื่นก็จะรู้สึกว่ามันก็แค่นั้นอยู่เสมอๆ
“นี่แหละคือโชคชะตา” โอรสราชันเซียนเฟยยิ้มกล่าวว่า “ใครใช้ให้ข้าคือลูกของราชันเซียนเฟย หลานตาของราชันเทพจงหนานเล่า สิ่งที่ข้าสามารถทำได้ก็คือได้แต่เพียรพยายามเข้าแล้ว”
ในสายตาของผู้อื่น ชาติกำเนิดของโอรสราชันเซียนเฟยไม่รู้ว่าเป็นที่อิจฉาของผู้คนจำนวนเท่าไร ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องริษยา แต่ว่า กล่าวสำหรับผู้ที่มีใจใฝ่ความก้าวหน้า กล่าวสำหรับ ผู้ที่มีความมุ่งมั่นแล้ว มันคือเรื่องที่เจ็บปวดมากอย่างยิ่ง เนื่องจากเจ้าเพียรพยายามไปชั่วชีวิต ต่อสู้ตลอดชีวิต เจ้าก็จะไม่สามารถแซงล้ำหน้าผู้เป็นบิดาของตน แซงล้ำหน้าผู้ที่ท่านตาของตนเองไปได้ตลอดกาล
ต่อให้เจ้าทำได้โดดเด่นมากไปกว่านี้ ต่อให้เจ้าทำได้ดีเลิศมากไปกว่านี้ ผู้อื่นก็จะมองว่ามันก็แค่นี้เอง กระทั่งมีคนคิดว่าสิ่งนั่นเป็นเพราะได้รับอนิสงจากผู้เป็นบิดาและท่านตาเท่านั้น ไม่มีใครมองเห็นเบื้องหลังความพยายามของเจ้า ไม่มีใครมองเห็นความดีเลิศของเจ้า
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม โอรสราชันเซียนเฟยยังคงมีจิตใจที่เบิกบาน ต่อให้เขาไม่สามารถแซงล้ำหน้าผู้เป็นบิดาของตน แซงล้ำหน้าผู้ที่ท่านตาของตนเอง ต่อให้ตนเองต้องดูสลดและอับแสงภายใต้รัศมีของบิดาและท่านตาของตนก็ตาม เขายังคงเฝ้าปกป้องสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้อย่างเงียบๆ เนื่องจากสิ่งนี้คือแรงกายแรงใจของผู้เป็นบิดาของเขา!
“ก้าวเดินมาถึงวันนี้นับว่าไม่ง่ายเลย” หลี่ชิเย่พยักหน้า ในฐานะที่เป็นโอรสราชัน โอรสราชันเซียนเฟยมีความแข็งแกร่งกว่าร้อยเท่าเหนือกว่าโอรสราชันคนอื่นๆ ไม่รู้จำนวนเท่าไร หนึ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือ ความแข็งแกร่งของบิดาและท่านตาของเขา ทำให้ผู้คนจำนวนมากในยุคสมัยนั้นไม่ได้รู้สึกว่าเขามีความพิเศษเพียงใด มีความยอดเยี่ยมปราศจากผู้ต่อกรเช่นใด
“บิดาและมารดาล้วนแล้วแต่ไม่อยู่แล้ว นับเป็นเวลาที่ข้าจะได้ทำอะไรเพื่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าบ้าง” โอรสราชันเซียนเฟยกล่าวว่า “สถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่เพียงเป็นแรงกายแรงใจของบิดามารดา และท่านตาเท่านั้น ยังเป็นแรงกายแรงใจของปรัชญาเมธีร้อยชาติพันธุ์จำนวนมาก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็ให้มันล้มลงไม่ได้ เพียงแต่เฒ่าหงำเหงือกอย่างข้าไม่รู้ว่าจะทนทุกข์ทรมานไปได้นานเท่าไร หวังว่าสามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ก็จะมีอนาคตที่สว่างไสวยิ่งกว่าในอนาคต”
“นั่นสิ” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้หลอมรวมแรงกายแรงใจของผู้คนจำนวนมากมายเหลือเกิน เคยมีราชันเซียนเก้าแดน เซียนหวังร้อยชาติพันธุ์จำนวนเท่าไรที่มาสอนอยู่ที่ตรงนี้กันเล่า และด้วยความที่ว่ามันได้หลอมรวมแรงกายแรงใจของผู้คนมากเกินไป ดังนั้นจึงได้กลายเป็นเนื้อชิ้นมันในสายตาของผู้คนจำนวนมาก ถ้าหากวันหนึ่งมันต้องล้มลงหละก็ จะมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่เฮโลกันเข้ามา เกรงว่าผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่อยากจะกัดกินสักคำให้มันรู้แล้วรู้รอดไป”
โอรสราชันเซียนเฟยทอดถอนใจเบาๆ เช่นกัน การที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีธาตุแท้ภายในที่ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ใครบ้างหละที่ไม่อยากได้? เขามองดูหลี่ชิเย่แล้วยิ้มกล่าวว่า “แต่ว่า ชาตินี้มีท่านอยู่ข้าก็วางใจได้แล้ว ต่อให้คลื่นลมแรงกว่านี้ เมื่อมีท่านอยู่ สถาบันศึกษาเทพเจ้าก็จะยืนหยัดไม่ล้มลง”
“ข้าก็แค่มาอาศัยอยู่ไปวันๆ สอนหนังสือบ้างที่เรือนตำรา บรรลุความลี้ลับเล็กๆ น้อยๆ มันก็แค่จับพลัดจับพลูเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
“ได้ท่านมาอยู่ที่เรือนตำราข้าก็ยิ่งวางใจได้แล้ว” โอรสราชันเซียนเฟยหัวเราะและกล่าวว่า “เรือนตำราก็ไม่จำเป็นต้องส่งใครไปเฝ้าอีกแล้ว มีท่านนั่งบัญชาการอยู่ ของชิ้นนั้นก็จะไม่มีใครสามารถเอาไปได้อีกแล้ว”
“ต่อให้ข้าไม่อยู่ที่ตรงนั้น เกรงว่าตำราและอาวุธสวรรค์ที่อยู่ในเรือนตำราก็ไม่มีใครสามารถเอาไปได้ ผ่านมากี่ปีแล้ว มันยังคงยืนหยัดอยู่ที่ตรงนั้น” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งและกล่าวว่า “ในโลกนี้ผู้ที่สามารถหยิบเอาไปได้เกรงว่าใช้เพียงสามนิ้วก็นับได้ครบ”
“ไม่กลัวเรื่องที่แน่นอน กลัวแต่เรื่องที่ไม่คาดฝัน” โอรสราชันเซียนเฟยถึงกับหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “หากว่ายามที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ ใครจะรับประกันได้ว่าไม่มีจอมราชันเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าไม่หวั่นไหวเล่า”
“มันก็จริง ตำหนักสวรรค์ อาวุธสวรรค์ชิ้นนี้มันเย้ายวนใจมากเหลือเกิน” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่ไม่รู้สึกหัวใจเต้นตูมตามเพราะมันเล่า มันไม่เพียงเป็นตำราและอาวุธสวรรค์ที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราและอาวุธสวรรค์ที่ทรงอานุภาพมากที่สุดในโลก”
“คำยกย่องที่ว่าทรงอานุภาพมากที่สุดออกจะเกินเลยไปแล้วหละ” โอรสราชันเซียนเฟยหัวเราะ
“นับแต่อดีตที่ผ่านมา ต่อให้มันไม่ใช่ตำราและอาวุธสวรรค์ที่ทรงอานุภาพมากที่สุด แต่ก็สามารถอยู่อันดับหนึ่งในสาม มองไปทั่วหล้า ในบรรดาตำราและอาวุธสวรรค์ที่ยังคงเหลืออยู่ และที่สามารถทรงอานุภาพมากกว่ามันคงยาก” หลี่ชิเย่ส่ายหัวเบาๆ
ที่แท้ผู้คนในโลกนี้ไม่เคยรู้ว่า ในเรือนตำราของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้เก็บซ่อนของวิเศษยอดเยี่ยมมากเอาไว้ชิ้นหนึ่ง นั่นก็คือตำหนักสวรรค์ มันเป็นตำราและอาวุธสวรรค์ชิ้นหนึ่ง ได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราและอาวุธสวรรค์ที่ทรงอานุภาพที่สุดชิ้นหนึ่ง
แน่นอนที่สุด ผู้ที่ล่วงรู้ความลับนี้มีอยู่ไม่มาก อีกทั้งบุคคลภายนอกที่คิดจะบรรลุตำหนักสวรรค์เรียกได้ว่ายากยิ่งกว่าขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นฟ้า ทั่วโลกนี้ผู้ที่บรรลุตำหนักสวรรค์อย่างแท้จริงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ราชันเซียนเฟยคนหนึ่งหละ ราชันเทพจงหนานอีกหนึ่ง และอีกหนึ่งคืออีกาทมิฬ!
กล่าวได้ว่า ของวิเศษบนโลกมีมากมายก็จริง และมีของวิเศษจำนวนมากสามารถทำให้จอมราชันเซียนหวังต้องหวั่นไหว แต่ของวิเศษที่สามารถทำให้จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายต้องหวั่นไหวอย่างแท้จริงคงมีไม่มากแล้ว และตำหนักสวรรค์ย่อมเป็นหนึ่งในจำนวนนั้นอย่างแน่นอน
“ตำหนักสวรรค์” โอรสราชันเซียนเฟยเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า “ในอนาคตการคงอยู่ของของวิเศษชิ้นนี้ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า จะเป็นภัยหรือโชคดีก็ยังไม่รู้”
“เรื่องนี้คงพูดได้ยาก” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แต่ว่า การมีตำหนักสวรรค์จะส่งผลให้สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด จะอย่างไรเสียหากเจ้าคิดจะแหงนหน้าขึ้นมอง ต้องการเข้าใจถึงท้องฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป ยังจะมีสิ่งใดล้ำลึกมหัศจรรย์ยิ่งไปกว่าการบรรลุตำหนักสวรรค์ได้เล่า?”
“คำพูดของท่านก็มีเหตุผล” โอรสราชันเซียนเฟยเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ครั้งนั้นบิดาเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายก็จงใจทิ้งตำหนักสวรรค์เอาไว้ และท่านเองก็เคยพูดเอาไว้ว่า หากสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ล้ม หากตำหนักสวรรค์ยังคงอยู่ เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งล้วนแล้วแต่มีความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด บางทีโลกของพวกเรายังคงมีความหวังอยู่”Aileen-novel
“ตำหนักสวรรค์ก็ให้มันคงอยู่ตรงนั้นก็แล้วกัน” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ขอเพียงมันยังอยู่ สถาบันศึกษาเทพเจ้ายังคงเปี่ยมด้วยความหวัง แน่นอน หากว่าคราวนี้มีผู้ดำรงอยู่ในระดับสูงสุดอยากได้มันมากหละก็มันคงเป็นเรื่องดี ในเมื่อมีผู้คอยคิดถึงตลอดเวลา ก็ให้คนเหล่านั้นเผยตัวออกมาก่อน”
“ถ้าหากว่าสามารถพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ไปได้ ก็จะแลกมาซึ่งความสงบสุขของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง” โอรสราชันเซียนเฟยก็พยักหน้าเบาๆ
“ต้องสนุกคึกครื้นแน่ ใครจะยืนอยู่ข้างฝ่ายของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ใครที่คอยสอดแนมสถาบันศึกษาเทพเจ้าอยู่ ถึงเวลานั้นก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา
สำหรับคำพูดนี้ โอรสราชันเซียนเฟยก็เพียงแค่ยิ้มๆ เท่านั้นเอง
โอรสราชันเซียนเฟยนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นจ้องมองดูหลี่ชิเย่ สุดท้าย เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ท่าน ข้ามีคำถามอยู่ข้อหนึ่งอยากถามท่านตลอดมา”
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการถามอะไร” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “เจ้าต้องการรู้เรื่องของการเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายนั่น”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าไม่ต้องการถามถึง เนื่องจากข้ายังเตรียมใจไม่พร้อม” โอรสราชันเซียนเฟยทอดถอนใจเบาๆ และกล่าวว่า “แต่ว่า อายุข้าก็มากแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปได้นานเท่าไร ข้าเชื่อว่าสิ่งที่ควรรู้ก็สมควรได้รู้แล้ว ท่านคือผู้ที่ข้ารู้มาว่าเป็นคนๆ เดียวที่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาจากที่ตรงนั้น ดังนั้น ข้าจึงตั้งใจถามท่านว่า การต่อสู้ครั้งสุดท้ายจริงๆ แล้วมีความหวังหรือไม่?”
ปัญหาข้อนี้ของโอรสราชันเซียนเฟยใช่ว่าเพิ่งจะนึกขึ้นมาโดยฉับพลันทันที ความจริงแล้วเขาอยากจะถามตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานมากแล้ว แต่ว่าในใจของเขายังคงหวาดกลัวต่อคำตอบที่จะได้รับ ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถามตลอดมา มาคราวนี้เขาทนไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“บางที นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าได้พบกับท่าน เกรงว่าในอนาคตท่านก็จะก้าวขึ้นสู่เส้นทางสายนี้ หากเวลานี้ข้าไม่ถามท่าน เป็นไปได้อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว” เมื่อพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาแล้ว โอรสราชันเซียนเฟยได้ทอดถอนใจยาวๆ ออกมา เมื่อได้ปลดของหนักลงจากบ่า