เวลานี้ พวกของเทพบุตรซือจงต้องการลากเอาหลี่ชิเย่ลงน้ำด้วย พวกเขามองว่า เมื่อของวิเศษยอดเยี่ยมอยู่ตรงหน้าคงไม่มีใครที่ไม่รู้สึกใจเต้นตูมตามอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เวลานี้สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังอยู่ในช่วงวิกฤต หากไม่ถือโอกาสที่ยอดเยี่ยมนี้ฉกฉวยผลประโยชน์ นับว่าน่าเสียดายเหลือเกิน
หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา เมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ของเทพบุตรซือจง
หลี่ชิเย่เพียงแค่เผยรอยยิ้มออกมา ยังไม่ทันได้พูดอะไร นายน้อยทะยานฟ้าเข้าใจผิดคิดว่าหลี่ชิเย่คงมีใจหวั่นไหวแล้ว จึงได้กล่าวว่า “หากอาจารย์สนใจก็ให้เข้าร่วมกับพวกเรา ผลประโยชน์ย่อมต้องมีส่วนของท่านอยู่แล้ว”
“พวกเจ้ารู้หรือไม่?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เรื่องที่คนอย่างข้าเกลียดที่สุดคืออะไร มันก็คือคนทรยศ! คือคนทรยศที่เหมือนอย่างพวกเจ้านั่นแหละ!”
พวกของนายน้อยทะยานฟ้าสามคนถึงกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาก เมื่อได้ยินคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ พวกเขามองตากันและกัน
“โอ้ย เจ้ากลายเป็นคนสูงส่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ยุวกษัตริย์หกกระบี่กล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลนว่า “ของวิเศษยอดเยี่ยมอยู่ตรงหน้านี้เอง ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่หวั่นไหว แหะ พูดเสียเป็นคนสูงส่งขนาดนั้น มันก็แค่ต้องการอมเอาไว้คนเดียวเท่านั้นเอง!”
ยุวกษัตริย์หกกระบี่ไม่เห็นแก่หน้ากับหลี่ชิเย่มานานแล้ว ดังนั้นคำพูดของเขาจึงพลุ่งพล่านกว่าพวกของนายน้อยทะยานฟ้ามากมายนัก
“สูงส่งก็ดี คิดอมไว้คนเดียวก็ช่าง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “วันนี้ข้าอยู่ที่นี่ ใครคิดจะนำเอาของวิเศษยอดเยี่ยมของเรือนตำราไป นั่นมันคำพูดของคนฝันเฟื่อง”
สีหน้าของพวกนายน้อยทะยานฟ้าดูบึ้งตึง กล่าวน่าเกรงขามออกมาว่า “อาจารย์ ท่านคิดจะปกป้องของวิเศษที่นี่ก็ดี หรือคิดอมไว้คนเดียวก็ช่าง แต่ทางที่ดียังคงประเมินสถานการณ์เวลานี้จะดีที่สุด ภาษิตว่าไว้ว่า รู้จักกาลเทศะเป็นยอดคน มิฉะนั้นหละก็เอาชีวิตของตนแลกเข้าไปด้วย ทุกอย่างมันก็เหมือนดั่งใช้ตะกร้าไม่ไผ่ตักน้ำและได้แต่ความว่างเปล่า”
“อาศัยพวกเจ้าสามคนเท่านั้นเองรึ?” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา กล่าวเอ้อระเหยว่า “เกรงว่าอาศัยเพียงพวกเจ้าสามคนยังห่างไกลอีกมาก แค่พวกก่อกวนที่ไร้น้ำยาสามตัวเท่านั้นเอง”
พวกของนายน้อยทะยานฟ้าพลันมีสีหน้าที่ปั้นยากทันที เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้ ชั่วดีอย่างไรพวกเขาก็คืออัจฉริยะบุคคลของยุคนี้ ยิ่งโดยเฉพาะพวกนายน้อยทะยานฟ้าแล้ว เป็นถึงระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์หนึ่งดวงในครอบครอง
เวลานี้เมื่อออกจากปากของหลี่ชิเย่แล้ว กลายเป็นไม่มีค่าเลยแม้แต่น้อย ถูกหลี่ชิเย่ดูแคลนถึงเพียงนี้ ทำให้ภายในใจของพวกเขาไม่สบอารมณ์เป็นพิเศษ
“วาจาสามหาวนัก พวกเรากลับอยากจะขอคำชี้แนะสักหน่อย” อารมณ์ของยุวกษัตริย์หกกระบี่พลุ่งพล่านยิ่งกว่าพวกนายน้อยทะยานฟ้าสองคนนั้น ดวงตาเขาเบิกกว้างด้วยความโกรธ จะกล่าวด้วยความโกรธออกมาทันที
ยุวกษัตริย์หกกระบี่แสดงตนออกมาต้องการท้าสู้กับหลี่ชิเย่ แต่ถูกนายน้อยทะยานฟ้าและเทพบุตรซือจงขวางเอาไว้ทันที
“อาจารย์ พวกเราเป็นแค่ผู้ที่คอยรับใช้อยู่ด้านหน้าเท่านั้น เป็นพวกก่อกวนที่ไร้น้ำยาเหมือนดั่งที่อาจารย์พูดเอาไว้ ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง” เวลานี้ นายน้อยทะยานฟ้าที่ขวางยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่หุนหันพลันแล่น กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “บางทีอาจเป็นดั่งที่อาจารย์พูดเอาไว้อย่างนั้น บุคคลตัวน้อยๆ อย่างพวกเราไม่เข้าตาของอาจารย์…”
“…แต่ว่า ผู้ที่คอยรับใช้อยู่ด้านหน้าอย่างพวกเราก็แค่มองทิศทางลม คอยรับใช้บ้าง ขณะที่ด้านหลังยังมีจอมราชันเซียนหวังเป็นขบวน ถึงเวลานั้นแล้วต้องมีจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายลงมือเอง ไม่ว่าอาจารย์จะทำเพื่อปกป้องของวิเศษยอดเยี่ยมของเรือนตำรา หรือคิดจะอมเอาไว้คนเดียว เช่นนั้นแล้ว อาจารย์ท่านก็ต้องประเมินตนเองให้ดี”
เวลานี้ คำพูดของนายน้อยทะยานฟ้าเต็มไปด้วยคำขู่ เขาได้ยกเอาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังออกมาข่มขู่หลี่ชิเย่ จะอย่างไรเสีย อาศัยชื่อชั้นพวกเขาสามคนไม่สามารถทำให้หลี่ชิเย่ต้องกลัวได้อยู่แล้ว
เวลานี้ แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายยังถูกยกขึ้นมา คาดหวังว่าจะอาศัยสิ่งนี้ทำให้หลี่ชิเย่ต้องหวาดกลัว
“จอมราชันเซียนหวังชะตาฟ้าสิบสองสายแล้วเป็นอย่างไร” ปฏิกิริยาตอบสนองของหลี่ชิเย่เรียบเฉย กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินกลบก็เท่านั้นเอง”
พวกนายน้อยทะยานฟ้าสามคนมีสีหน้าบึ้งตึง เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่จำนนต่อคำขู่ พวกเขาสามคนถึงกับมองตากันและกัน ในเวลานี้พวกเขาเหมือนขี่หลังเสือ
สุดท้าย นายน้อยทะยานฟ้าฉลาด เขาแสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่และกล่าวว่า “ไม่ว่าอาจารย์จะคิดอย่างไรก็ตาม สรุปก็คือพวกเราได้ทำหน้าที่ส่งข่าวเสร็จสิ้น และภารกิจวิ่งเต้นงานเล็กๆ น้อยๆ ให้ผู้อื่นนับว่าสำเร็จลุล่วง พวกเราขออำลาตรงนี้ แม้ภูเขาไม่เคลื่อน สายธารายังคงไหลริน วันหน้าคงได้พบกันอีก!”
เวลานี้ภายในใจของพวกนายน้อยทะยานฟ้าคิดจะถอนตัวไปก่อน เนื่องจากพวกเขาไม่ชัดเจนในศักยภาพที่แท้จริงของหลี่ชิเย่ ดังนั้น พวกเขาคิดจะไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยปรึกษาหารือกับผู้อื่นเรื่องการรับมือ รอให้มีแผนการที่แน่นอนก่อนแล้วมาใหม่ก็ยังไม่สาย
หลังจากที่นายน้อยทะยานฟ้าได้พูดออกมาตรงๆ แล้ว ส่งสายตาให้กับเทพบุตรซือจงและยุวกษัตริย์หกกระบี่ทั้งสอง หวังหันหลังจากไปทันที
“ในเมื่อมาแล้ว ยังคิดจะหนีอีกรึ?” จังหวะที่พวกนายน้อยทะยานฟ้ากำลังหันหลังเพื่อจากไปนั้น หลี่ชิเย่ได้ขวางทางพวกเขาเอาไว้
สีหน้าของพวกนายน้อยทะยานฟ้าแปรเปลี่ยนไปเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ขวางทางไปเอาไว้ พวกเขาทั้งสามถึงกับมองตากันและกัน
“อาจารย์ ท่านคิดจะลอบสังหารนักศึกษารึ? แหะ อาจารย์คิดอมของวิเศษไว้คนเดียว ลอบสังหารนักศึกษา มันคือโทษหนักเลยนะ” เทพบุตรซือจงยิ้มกล่าวอย่างเจ้าเล่ห์
“ลอบสังหารก็ลอบสังหาร” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทางอย่างไรก็ได้ “กล่าวสำหรับข้าแล้ว มันก็แค่คนตายเท่านั้นเอง ส่วนที่ว่าจะเป็นการลอบสังหาร หรือกำจัดศิษย์ทรยศให้กับสถาบันศึกษาเทพเจ้า ล้วนแล้วแต่ไม่มีความแตกต่างทั้งสิ้น”…ไอลีนโนเวล
พวกนายน้อยทะยานฟ้านึกไม่ถึงว่า การกระทำของหลี่ชิเย่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทั้งสิ้น ไม่ว่าวิธีการใดๆ นำมาใช้กับหลี่ชิเย่ก็ไม่เป็นผล
ตูม…เสียงดังสนั่น พวกนายน้อยทะยานฟ้าสามคนมองตากันและกัน ไม่ต้องกล่าวมากความ พลันเสกเอาของวิเศษของตนออกมาทันที
ท่ามกลางเสียงดังตูมตาม อานุภาพเซียนหวังพลันพวยพุ่งออกมา ในเวลานี้นายน้อยทะยานฟ้าและเทพบุตรซือจงทยอยกันเสกเอาอาวุธเซียนหวังออกมา ขณะที่ยุวกษัตริย์หกกระบี่ปรากฎเสียงตึงกระบี่ทั้งหกเล่มออกจากฝัก พลันอาศัยกระบี่หกเล่มคุ้มกาย
“อาจารย์ ท่านดึงดันจะเป็นศัตรูกับเหล่าจอมราชันเซียนหวังอย่างนั้นรึ? ข้ารู้ว่าธาตุแท้ภายในของอาจารย์ปราศจากผู้ต่อกร แต่ทว่า เมื่อไรที่จอมราชันเซียนหวังที่มีสิบสองชะตาฟ้าลงมือทุกอย่างก็เป็นอันแน่นอน ชะตาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่จะต้องล่มสลายไม่ว่าใครก็รั้งไม่อยู่” เวลานี้นายน้อยทะยานฟ้ากล่าวน่าเกรงขามออกมา
“คำพูดไร้สาระมากเกินไปแล้ว ข้าจะเปิดโอกาสให้พวกเจ้าได้ลงมือ” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นมา
“ฆ่า…” พวกนายน้อยทะยานฟ้าสามคนมองตากันและกัน ส่งเสียงคำรามเสียงดังและลงมือโดยพลัน เสียงตูมดังสนั่น อาวุธเซียนหวังสองชิ้นเข้าสังหารหลี่ชิเย่ในทันที ตึง ตึง ตึงเสียงกระบี่คำรามไม่ขาดสาย กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกเล่มรวมเป็นหนึ่ง ฟาดฟันฟ้าดิน หนึ่งกระบี่ไร้ปราณี ฟันหาหลี่ชิเย่โดยตรง
“อ่อนเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ไม่ได้เลิกหนังตาเสียด้วยซ้ำ เมื่อต้องเผชิญกับอาวุธเซียนหวังสองชิ้น และกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งเข้ามาหา แว้งค์ร่างกายของหลี่ชิเย่พลันส่งประกายเจิดจ้า ทันใดนั้นกายเซียนคู่ปะทุขึ้นในทันที
ปัง…อาณาจักรหนักอืดพลันถูกสำแดงออกมา ทั่วทั้งบริเวณพลันกลายเป็นไร้น้ำหนัก เชื่องช้าสุดๆ พวกนายน้อยทะยานฟ้าสามคนล้วนแล้วแต่ถูกสยบโดยอาณาจักรหนักอืดโดยฉับพลัน
ปัง ปัง ปังดังขึ้นสามครั้ง พริบตาเดียวนี้เอง พวกนายน้อยทะยานฟ้าสามคนคุกเข่าลงพร้อมๆ กัน กระอักเลือดออกมาอย่างแรง ทำให้พวกเขาตกใจจนต้องอาศัยอาวุธเซียนหวังคุ้มครองกายา แต่ยังคงได้ยินเสียงแตกร้าวคร๊ากก คร๊ากกดังขึ้น
“ฝีมือเพียงแค่นี้ยังคิดจะท้าสู้กับข้า ไม่เจียมตนเหลือเกิน” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง ทันใดนั้นเองเขาหันหลังกลับไปและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ในเมื่อมาแล้วก็ออกมาเถอะ”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ ช่องว่างกระเพื่อมนิดหนึ่ง มองเห็นกู่ฉวี่หังปรากฏบนท้องฟ้าโดยพลัน เขาแสดงคารวะแบบจีน และกล่าวว่า “พี่ชิเย่ยอดเยี่ยมมาก อภินิหารปราศจากผู้ต่อกร ฉวี่หังเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง”
“อาจารย์ฉวี่หัง…” พวกนายน้อยทะยานฟ้าต่างรู้สึกดีใจเมื่อมองเห็นกู่ฉวี่หัง ร้องเรียกเสียงดังออกมา
เวลานี้ กู่ฉวี่หังทำสีหน้าบึ้งตึง ตวาดเสียงน่าเกรงขามขึ้นมาว่า “เหลวไหล ในฐานะที่เป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ในขณะที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย สมควรแลกชีวิตคุ้มครองสถาบัน จะบังเกิดความละโมบขึ้นมาได้อย่างไร นี่คือโทษมหันต์ สมควรลงโทษหนัก!”
“เป็น เป็น เป็นศิษย์ที่ผิดไปแล้ว ไม่ควรเห็นสิ่งมีค่าแล้วบังเกิดความละโมบ ขออาจารย์ให้โอกาสได้แก้ตัวสักครั้ง พวกเราจะต้องแทนคุณสถาบันอย่างเต็มที่” พวกนายน้อยทะยานฟ้าสามคนนับว่าฉลาด ก้มหน้าลงต่ำทันที ทำทีเหมือนสำนึกผิดแล้วอย่างนั้น
เมื่อกู่ฉวี่หังเห็นพวกนายน้อยทะยานฟ้าต่างก้มหน้าสำนึกผิดแล้ว จึงแสดงคารวะแบบจีนต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “พี่ชิเย่ พวกเขาทั้งสามคนอ่อนเยาว์มุทะลุ เยาว์วัยไร้เดียงสา เพียงแค่ถูกของวิเศษทำให้จิตใจถูกครอบงำ เวลานี้พวกเขาก็ได้มีความคิดที่จะกลับตัว ขอพี่ชิเย่ให้โอกาสพวกเขาได้กลับตัวสักครั้ง ให้พวกเขาได้ตอบแทนรับใช้สถาบันศึกษาเทพเจ้าในอนาคต”
“ถ้าหากข้าบอกว่าไม่หละ?” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และเอ่ยขึ้นช้าๆ
เรื่องนี้…กู่ฉวี่หังทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง และกล่าวว่า “พี่ชิเย่ พวกเขาโทษไม่ถึงตาย เรื่องใหญ่เช่นนี้สมควรให้เหล่าผู้เฒ่าของสถาบันตัดสิน เอาอย่างนี้ ให้ข้าจัดการคุมขังพวกเขาเอาไว้ในคุกใต้ดิน รอให้ภัยพิบัติผ่านพ้นไปแล้วค่อยพิจารณาโทษพวกเขาก็ยังไม่สาย”
“ไม่ ข้าจะประหารพวกเขาที่นี่เวลานี้” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้ม และกล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยออกมา
“พี่ชิเย่ การลงโทษนักศึกษาถึงตายตามอารมณ์ เกรงว่าไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดของสถาบันกระมัง” กู่ฉวี่หังทำท่าไตร่ตรองแล้วเอ่ยขึ้น
“ข้อกำหนดของสถาบันรึ?” หลี่ชิเย่ฃเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้า กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ข้านี่แหละข้อกำหนดของสถาบัน คำพูดของข้าก็คือข้อกำหนด เพียงพอแล้วยัง?”
ท่าทางของกู่ฉวี่หังพลันแสดงออกถึงความไม่พอใจ กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “พี่ชิเย่ออกจะวางอำนาจบาตรใหญ่และเผด็จการมากเกินไปแล้ว ในฐานะอาจารย์ของสถาบันศึกษาเทพเจ้า จะต้องยึดถือข้อกำหนดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นหลัก มิฉะนั้นหละก็ สถาบันศึกษาเทพเจ้าก็จะไม่มีกฎเกณฑ์แล้ว สถาบันศึกษาเทพเจ้าจะต้องยุ่งเหยิงไปทั่ว”
“ถูกต้อง คนอย่างข้าก็จะวางอำนาจบาตรใหญ่และเผด็จการอย่างนี้แหละ เจ้ามีปัญหารึ?” หลี่ชิเย่กล่าวตัดบทของกู่ฉวี่หัง
“ดี…” กู่ฉวี่หังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง กล่าวเสียงทุ้มต่ำออกมาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉวี่หังได้แต่ล่วงเกินแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ฉวี่หังแม้ตายก็ต้องรักษาระเบียบวินัยของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้ ไม่ว่าใครล้วนแล้วแต่ฝ่าฝืนกฎระเบียบของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่ได้!”
“พูดได้น่าฟังดีมาก น่าฟังยิ่งกว่าร้องเพลงเสียอีก สุภาพบุรุษจอมปลอมทำได้ถึงขั้นนี้ได้นับเป็นมาตรฐานอย่างหนึ่ง” หลี่ชิเย่พยักหน้ากล่าวชื่นชมออกมา
สีหน้าของกู่ฉวี่หังพลันเปลี่ยนไป เมื่อถูกหลี่ชิเย่กล่าววาจาเยาะเย้ย
หลี่ชิเย่โก่งนิ้วดีดพวกนายน้อยทะยานฟ้าสามคนปลิวออกไป พวกนายน้อยทะยานฟ้าสามคนกระอักเลือดออกมาอย่างแรง แต่จะอย่างไรเสียก็หลุดพ้นจากการถูกควบคุม พวกเขารีบเร่งหลบไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของกู่ฉวี่หังทันที
“อาจารย์ ทักษะของเขาลึกล้ำยากจะหยั่งถึง” เวลานี้นายน้อยทะยานฟ้าได้พูดเตือนกู่ฉวี่หังด้วยเสียงแผ่วเบา