ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “สิ่งที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ากังวลไม่ใช่โลกใบนี้ ที่กังวลคือโลกใบที่อยู่ด้านนอก และก็คือโลกของพวกเรา!”
หลิวจินเซิ่นฟังรู้กับคำพูดนี้ ปรกติแล้วเกรงว่าคงไม่มีใครกล้าโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้า เวลานี้สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีภัยพิบัติถึงตัวแล้ว ภาษิตว่า ฉวยโอกาสที่เขาป่วย เอาชีวิตเขาเสีย ไม่มีเวลาไหนเหมาะสมยิ่งไปกว่าเวลานี้ในอันที่จะโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้าอีกแล้ว หากพลาดโอกาสครั้งนี้ เกรงว่าต่อไปคงยากที่จะพบเจอโอกาสฟ้าประทานเช่นนี้อีกแล้ว
กล่าวได้ว่า คราวนี้สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีภัยพิบัติถึงตัว ขอเพียงเป็นผู้ที่เคยจ้องตาเป็นมันต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้า พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ยอมพลาดสุดยอดโอกาสในครั้งนี้ เกรงว่าจอมราชันเซียนหวังที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็อยากจะลองดูอย่างยิ่ง
“ไม่รู้ว่าจอมราชันเซียนหวังที่แข็งแกร่งเพียงใดที่จะมาในครั้งนี้ ชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายหรือสิบสองสาย” หลิวจินเซิ่นท่าทีหนักแน่นจริงจัง ถ้าหากจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย หรือสิบสองสายมาหละก็ เขาเองมีโอกาสที่จะถูกสังหารเพียงสถานเดียว หากมีจอมราชันเซียนหวังแข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้มาจริง สถาบันศึกษาเทพเจ้าคงอันตรายแล้ว
“นั่นเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง คนยิ่งมากก็ยิ่งคึกครื้น ชะตาฟ้ายิ่งมากก็ยิ่งมีน้ำหนัก พลังก็จะมีมากพอ” เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าออกมา
นาทีนี้เอง ภายในใจของหลิวจินเซิ่นบังเกิดความคิดที่เหลวไหลอย่างหนึ่งขึ้นมา บางทีสถาบันศึกษาเทพเจ้าอาจกำลังรอคอยการมาถึงของเหตุการณ์เช่นนี้ใช่หรือไม่ ขณะที่หลี่ชิเย่รอคอยการมาถึงของนาทีนี้ เหมือนว่าเขาคือนายพรานที่เลือดเย็นผู้หนึ่งที่แอบอยู่ในพุ่มไม้ รอคอยการปรากฏตัวของเหยื่อ และโจมตีเหยื่อในครั้งเดียวถึงตาย
สถาบันศึกษาเทพเจ้าตกอยู่ในโลกไร้ซึ่งอารยะธรรมได้สร้างความหวาดผวายิ่งให้กับนักศึกษาจำนวนมาก เนื่องจากทุกคนได้มองเห็นสัตว์ดุวิหคร้ายของโลกนี้แล้ว
ดั่งเช่นในเวลานี้ ได้ยินเสียงอิ้ววดังขึ้น มองเห็นวิหคร้ายที่คล้ายดั่งนกอินทรีย์บินโฉบผ่านท้องฟ้าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไป ยามที่มันกางปีกทั้งสองข้างสามารถปกคลุมพื้นที่ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ทั้งหมด กรงเล็บคู่นั้นของมันที่กางออกสามารถคว้าเอาภูเขาทั้งลูกติดไปด้วย ทำให้ผู้คนที่มองเห็นกรงเล็บอันแหลมคมและส่งประกายเยือกเย็นวาววับแล้ว ถึงกับสะท้านภายในใจ
ช่าาา ช่าาา ช่าาาเสียงน้ำดังขึ้นเป็นระลอก เห็นน้ำหลากที่หนุนเนื่องเข้ามา ด้านนอกสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฎแม่น้ำที่คดเคี้ยวสายหนึ่งพลันตั้งขึ้น น้ำบนตัวของมันได้เทบ่าลงมา ยามที่มันออกแรงสะบัดตัวปรากฏโคลนกระจายเต็มท้องฟ้า แค่โคลนก้อนหนึ่งก็สามารถปิดทับพื้นที่ได้ผืนหนึ่ง เมื่อมันสลัดตัวของมันทั้งตัว ปรากฎก้อนโคลนจำนวนนับไม่ถ้วนสามารถปิดทับพื้นที่นับพันลี้ให้กลายเป็นหนองน้ำ
“โอ้แม่เจ้า” ครั้นได้มองเห็นภาพนี้แล้วทุกคนจึงพบว่า นั่นมันไม่ใช่แม่น้ำอะไร แต่เป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่คล้ายปลิง สัตว์ประหลาดที่คล้ายปลิงตัวนี้มีปากที่ใหญ่มาก ขณะที่ลำตัวของมันตั้งตรงอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าดูเหมือนเป็นหลุมดำที่น่ากลัว เหมือนว่ามันอ้าปากพลันสามารถกลืนกินเอาสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปได้ทั้งหมด
หึ่ง หึ่ง หึ่งในเวลานี้เองด้านนอกสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฎมากันมืดฟ้ามัวดินเต็มพื้นที่ไปหมด เสียงหึ่งหึ่งที่ดังขึ้นมาเป็นระลอกทำเอาจิตใจของผู้คนต้องพะว้าพะวง
ทุกคนเพ่งมองออกไป มองเห็นมันคือสัตว์ประหลาดที่แลดูคล้ายยุงบินมาเป็นฝูงๆ แต่ว่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ใหญ่กว่ายุงทั่วไปเป็นหมื่นเป็นพันเท่า สัตว์ประหลาดทุกตัวล้วนแล้วแต่ตัวโตเท่าจานโม่ ปากที่เป็นเข็มดั่งกระบี่ที่คมกริบ ส่งประกายแวบวับ เวลานี้ดวงตาของพวกมันที่กลายเป็นสีแดงจ้องเขม็งมาที่สถาบันศึกษาเทพเจ้า ท่าทางเหมือนกระหายเลือดมากอย่างนั้น
“นี่ นี่มันคือสัตว์ประหลาดอะไร?” บรรดานักศึกษาตกใจจนเข่าอ่อนทั้งสองข้าง เมื่อมองเห็นยุงขนาดยักษ์จำนวนมากมายเพียงนี้ รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ในใจ ยุงจำนวนมากที่มาแบบมืดฟ้ามัวดินเช่นนี้ มิต้องดูดเลือดของทุกคนจนหมดสิ้นไป นี่มันคือผีดูดเลือดที่นับไม่ถ้วนฝูงหนึ่งชัดๆ
ตึง ตึง ตึงเวลานี้เสียงเตือนฉุกเฉินของสถาบันศึกษาเทพเจ้าดังขึ้นอีกครั้ง เสียงของผู้อำนวยการสถาบันก็ดังขึ้นอีกครั้งเช่นกัน “เตือนเป็นครั้งสุดท้าย นักศึกษารีบกลับเข้าป้องปราการนิรภัยโดยด่วน บรรดาอาจารย์พร้อมรบ นี่จะเป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ครั้งหนึ่ง!”
บรรดานักศึกษาจำนวนมากต่างทยอยกันมองตากันและกัน เมื่อได้ยินคำเตือนจากผู้อำนวยการสถาบัน นักศึกษาบางส่วนล่าถอยกลับเข้าไปยังป้อมปราการนิรภัย ขณะที่นักศึกษาที่มีความมั่นใจในตนเองคงอยู่ต่อไป
สมควรทราบว่า สัตว์ดุวิหคร้ายจำนวนมากมายอยู่ตรงหน้านี้เอง ปรกติแล้วไหนเลยสามารถพบเห็นสัตว์ดุวิหคร้ายได้มากมายเช่นนี้ สัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายเหล่านี้อย่างน้อยก็ต้องมีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปี หรือหลายแสนปี กระทั่งมากกว่าหนึ่งล้านปี ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า เลือด หรือกระดูกเต๋าของสัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายเหล่านี้ล้ำค่าเช่นใด และเป็นของดีที่มีราคาอย่างยิ่ง
ของดีๆ มากมายขนาดนี้ ปรกติพวกเขาคิดจะตามหาก็ไม่พบ สิ่งนี้กล่าวสำหรับนักศึกษาที่มีศักยภาพแล้ว เวลานี้ของดีมาให้ถึงที่ พวกเขาจะยอมพลาดโอกาสได้อย่างไรกันเล่า
“ลดการป้องกัน” เวลานี้ เสียงของผู้อำนวยการดังขึ้น
กล่าวสำหรับสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้ว การที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าคิดจะกลับไปยังทวีปเจียวเหิงโจวเหมือนเดิมคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาต้องรอจังหวะและโอกาส ในเวลานี้ สถาบันศึกษาเทพเจ้าคิดว่าจะเป็นฝ่ายรุก เข้าโจมตีและทำลายพวกสัตว์ดุวิหคร้ายเหล่านี้เสียก่อน ถ้าหากรอจนกว่าภัยพิบัติแท้จริงมาถึงแล้วค่อยโจมตีสัตว์ดุวิหคร้ายเหล่านี้ เกรงว่าจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง
ถือโอกาสที่ศัตรูแท้จริงยังไม่ได้ปรากฏตัว สถาบันศึกษาเทพเจ้า ฉกฉวยโอกาสนี้ให้มั่น เตรียมทำลายล้างพวกสัตว์ดุวิหคร้ายเหล่านี้เสียก่อน
เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยดในเวลานี้ เสียงอันหนักหน่วงดังขึ้นเป็นระลอก แนวป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ลดระดับลงอย่างช้าๆ ปล่อยให้สถาบันศึกษาเทพเจ้าทั้งหมดเปิดเผยอยู่ท่ามกลางปากขนาดใหญ่และกรงเล็บที่คมกริบของสัตว์ดุวิหคร้ายทั้งหลายเหล่านั้น
ขณะที่ค่ายกลราชันยังอยู่นั้น บรรดาสัตว์ดุวิหคร้ายเหล่านี้ที่อยู่ด้านนอกสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างไม่กล้ารุกล้ำเข้ามา แม้ว่าสัตว์ดุวิหคร้ายเหล่านี้จะไม่มีสติปัญญา แต่ทว่า อานุภาพราชันสามารถทำให้สรรพสิ่งมีชีวิตล้วนแล้วแต่ต้องสั่นเทา ดังนั้น ต่อให้สัตว์ดุวิหคร้ายเหล่านี้ที่แข็งแกร่งมากไปกว่านี้ก็เข้าใจได้ว่า อำนาจเช่นนี้จะล่วงเกินง่ายๆ ไม่ได้…ไอลีนโนเวล
ตูม ตูม ตูมจังหวะที่ค่ายกลราชันถูกยกเลิก สัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ได้บุกเข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้าอย่างรวดเร็ว กลุ่มแรกที่บุกเข้าสถาบันศึกษาเทพเจ้าดูเหมือนจะเป็นสัตว์ประหลาดที่คล้ายแรดฝูงหนึ่งขณะที่สัตว์ประหลาดฝูงนี้บุกเข้ามานั้น มันส่งเสียงดังเปรียะ เปรียะปรากฏเป็นสายฟ้าแลบออกมาจากตัวของพวกมัน
เสียงตูมดังสนั่น ขณะเดียวกันพวกมันได้ใช้นอแรดเดี่ยวของมันขวิดอย่างแรง สามารถพลิกหงายตำหนักหลังใหญ่แต่ละหลังได้!
“โอ้แม่เจ้า รีบหนีเร็วเข้า” นักศึกษาบางส่วนที่ตั้งใจจะลอบโจมตีสัตว์ดูวิหคร้ายตกใจยิ่งนักเมื่อมองเห็นภาพนี้ หันหลังออกวิ่งไปทันที
นักศึกษาที่วิ่งหนีได้ช้า ปรากฏเสียงดังเปรียะขึ้นมา สายฟ้าวิ่งออกมาพุ่งเข้าใส่ร่างของนักศึกษาผู้นี้จนไหม้ดำเป็นตอตะโก กระดิกตัวไม่ได้อีกเลย
“ช่วยด้วย” นักศึกษาผู้นี้ตกใจจนใบหน้าซีดเผือดร้องเสียงหลงออกมา เมื่อมองเห็นสัตว์ประหลาดแรดฝูงนี้วิ่งเข้าหาตน ต้องการเหยียบเขาให้แหลกเป็นหมูบด
“อย่าได้กำแหงนัก” เวลานี้เสียงตวาดดังขึ้น อาจารย์หนุ่มคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ในมือถือค้อนยักษ์เอาไว้ เสียงปัง ปัง ปังแต่ละเสียงที่ดังขึ้น เห็นเพียงอาจารย์หนุ่มผู้นี้ที่หนึ่งค้อนต่อหนึ่งตัว จัดการทุบจนสัตว์ประหลาดแรดปลิวกระเด็นออกไปทีละตัวๆ รวดเดียว ทุบจนสัตว์ประหลาดแรดแต่ละตัวกระอักเลือดออกมาอย่างแรง
“อาจารย์โจว อาจารย์โจว ขอบคุณมากที่ท่านช่วยข้าเอาไว้” หลังจากนักศึกษาผู้นี้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ร้องเสียงแหลมออกมาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“ไสหัวกลับไป” อาจารย์โจวหนุ่มผู้นี้ร้องตวาดออกไปโดยไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ
จากนั้น คำรามเสียงยาวขึ้นมา กล่าวด้วยความอหังการและหัวเราะเสียงดังว่า “มาส่งนอวิเศษให้ข้ารึ? ช่วงนี้ข้ากำลังขาดเงินอยู่พอดีเลย” กล่าวพลางวิ่งเข้าไปหา
ปัง ปัง ปังเสียงแตกละเอียดอย่างแรงดังขึ้นเป็นระลอก อาจารย์โจวผู้ที่หนึ่งค้อนหนึ่งตัว ทุบจนสัตว์ประหลาดแรดตายไปทีละตัวๆ จากนั้นก็จัดการถอนเอานอแรดเดี่ยวที่อยู่บนหัวของสัตว์ประหลาดแรดออกมา
นอแรดแต่ละอันที่ถูกดึงถอนออกมาพร้อมเลือดที่ติดอยู่ ยังคงมีสายฟ้าที่วิ่งแลบออกมา เรียกได้ว่าเขานอเดียวนี้เป็นประเภทนอแรดสายฟ้าซึ่งล้ำค่ายิ่งนัก แน่นอนย่อมมีราคาสูงมาก
แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ยุงยักษ์แต่ละฝูงได้บินเข้ามาแบบมืดฟ้ามัวดิน ทำให้สถาบันศึกษาเทพเจ้าตกอยู่ในความมืด ภูเขาจำนวนหลายลูกล้วนแล้วแต่ถูกบดบังเอาไว้โดยพลัน
อ๊ากกเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น มีนักศสึกษาที่เดิมทีหวังจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หนีไม่ทัน ถูกยุงยักษ์ฝูงหนึ่งล้อมโจมตี ต้องกลายเป็นกระดูกขาวกองหนึ่งไปโดยพลัน
“อย่าได้ทำร้ายใคร” นาทีนี้ เสียงร้องแหลมดังขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งเหินลงมาจากฟ้า เห็นเพียงผ้าเช็ดหน้าของนางที่สะบัดออก เสียงตูมดังสนั่น เพลิงสวรรค์ที่พลุ่งพล่านไม่ขาดสายตกลงมาจากท้องฟ้า ได้ยินเสียงเผาไหม้ดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดและเห็นเป็นควันดำลอยขึ้นมา ยุงยักษ์เหล่านี้หลบไม่ทันพลันถูกเผาไหม้จนดำเป็นตอตะโกในทันที ยุงยักษ์ที่ละตัวที่ไหม้เกรียมตกลงสู่พื้นดิน ส่งกลิ่นเนื้อย่างที่เย้ายวนใจผู้คนออกมา
ผู้ที่ปรากฏออกมาอย่างกะทันหันก็คืออวี่เชียนเสวียนนั่นเอง ในเวลานี้อวี่เชียนเสวียนได้สำแดงศักยภาพที่น่ากลัวของนางออกมาแล้วในที่สุด
เสียงปังเสียงหนึ่งดังสนั่นขึ้นมา วานรยักษ์ตัวหนึ่งใช้เท้ากระทืบลงมา เหยียบภูเขาลูกหนึ่งจนแหลกละเอียด ตูมฝ่ามือยักษ์ของมันที่ตบลง พลันครอบคลุมพื้นที่ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นพันลี้ ต้องการทำลายพื้นที่ของสถาบันศึกษาเทพเจ้าให้แหลกลาญ
“โอ้แม่เจ้า” นักศึกษาบางส่วนที่ไม่ได้หลบซ่อนตัวตกใจจนปัสสาวะอุจจาระราด รีบเร่งหันหลังวิ่งหนีโดยพลัน
“มาได้จังหวะ” เสียงหัวเราะดังเสียงหนึ่งดังขึ้น ตึงประกายเยือกเย็นสาดส่องไปทั่ว ทวนวงเดือนสวรรค์เล่มหนึ่งแหวกอากาศขึ้นไป แทงทะลุท้องฟ้า
ปุเลือดสดๆ พวยพุ่ง บนท้องฟ้าเหมือนปรากฏเป็นฝนเลือด วานรยักษ์ต้องร้องเสียงแหลมฮือ ฮือ ฮือออกมา ฝ่ามือขนาดยักษ์ของมันถูกทวนวงเดือนสวรรค์แทงทะลุจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่
“เป็นราชันทักษิณ” มีนักศึกษาที่ร้องออกมาเมื่อมองเห็นผู้ที่ปรากฏตัวออกมากะทันหัน มองเห็นท่าทีราชันทักษิณที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า ทำให้นักศึกษาต่างรู้สึกดีใจ ร้องกล่าวเสียงดังขึ้นมาว่า “เซียนหวังของรุ่นพวกเรานะเนี่ย ผู้ทระนงปราศจากผู้ต่อกร”
ตูม ตูม ตูมขณะนี้วานรยักษ์บ้าคลั่งขึ้นมา วิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งด้วยการเหยียบภูเขาจนแหลกลาญเป็นลูกๆ การพุ่งตัวเข้ามาของมันสามารถพุ่งชนฟ้าดินจนแหลกละเอียด มีความดุดันยิ่งนัก
“มาได้เหมาะ” ราชันทักษิณไม่ได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับวานรยักษ์ที่พุ่งชนเข้ามา หัวเราะเสียงดัง ตึงประกายทวนวงเดือนสวรรค์ส่องสว่างเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินอานุภาพเซียนหวังตลบอบอวล อำนาจสยบเหล่าชั้นฟ้า ทวนวงเดือนสวรรค์ฟาดฟันจากฟ้าลงมา สามารถฟันเอาสุริยันจันทราและดวงดาวลงมา ฟาดฟันทางช้างเผือกเก้าชั้นฟ้าจนขาด
เสียงปุดังขึ้น เจ้าวานรยักษ์ตัวนี้ไม่ทันได้ร้องเสียงน่าเวทนาออกมา ถูกราชันทักษิณฟันจนขาดสองท่อน เลือดสดๆ พุ่งลงมาดั่งน้ำตก ทั้งเลือดเนื้อและชิ้นส่วนอวัยวะภายในกองลงกับพื้น
เวลานี้ ราชันทักษิณได้เลือกเอากระดูกเต๋าจากกองอวัยวะภายในมาได้ชิ้นหนึ่ง โดยที่กระดูกเต๋าชิ้นนี้มีอักขระยันต์ที่ไหลเคลื่อนไปมา เปล่งประกายเจิดจ้า พลันที่มองเห็นก็รู้ว่าเป็นของดี
“เก็บเศษได้บ้างก็ยังดี” ราชันทักษิณเก็บกระดูกเต๋าชิ้นนั้นขึ้น และกล่าวหัวเราะเสียงดังออกมา
ปังเสียงดังสนั่นขึ้นมา นาทีนี้เองบนท้องฟ้าปรากฏเมฆที่ถูกปัดจนแตกกระจาย บนท้องฟ้าได้ปรากฏร่างเงาที่สูงใหญ่มากร่างหนึ่ง!
……………………