เพียงชั่วพริบตาเดียว นายน้อยทะยานฟ้าและเทพบุตรซือจงก็ถูกบดขยี้ทำลายจนกลายเป็นหมอกเลือดไป ภายใต้การสยบจากอาณาจักรหนักอืดของหลี่ชิเย่ พวกเขาไม่มีกำลังที่จะไปต่อต้านได้อยู่แล้ว เสมือนดั่งมดปลวกอย่างนั้น
“สมควรส่งเจ้าลงนรกได้แล้ว” เวลานี้ หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวกับยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่กำลังดิ้นรนอยู่ท่ามกลางอาณาจักรหนักอืด
จากการที่นายน้อยทะยานฟ้าและเทพบุตรซือจงลงมือขัดขวางหลี่ชิเย่ ทำให้ยุวกษัตริย์หกกระบี่กลับหนีไปได้ไกลกว่า แต่ยังคงไม่สามารถหนีออกไปจากอาณาจักรหนักอืดของหลี่ชิเย่ไปได้ ภายใต้อาณาจักรหนักอืดของหลี่ชิเย่ ปรากฏเสียงดังคร๊ากกขึ้นทั่วร่างของยุวกษัตริย์หกกระบี่ กระดูกทั่วร่างเหมือนกำลังจะแหลกละเอียดอย่างนั้น เขาคิดจะดิ้นรนเพื่อหลบหนีไปให้ได้ แต่ทว่าไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไรก็ตาม ก็ไม่สามารถหนีออกไปจากอาณาจักรหนักอืดไปได้
ในขณะนี้ร่างของหลี่ชิเย่แค่ส่งประกายสว่างขึ้นมาครั้งหนึ่งเท่านั้น พริบตาเดียวนั้นเองพลังของอาณาจักรหนักอืดก็เพิ่มขึ้นมากมาย ภายใต้พลังที่เพิ่มขึ้น ยุวกษัตริย์หกกระบี่ไม่สามารถรับได้ ได้ยินเสียงดังปัง ปัง ปังขึ้นมา กระบี่ศักดิ์สิทธิ์หกเล่มที่คุ้มครองยุวกษัตริย์หกกระบี่พลันแตกสลาย ถูกบดขยี้จนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวนมาก
คร๊ากกเสียงกระดูกแตกละเอียดดังขึ้น นาทีนี้ภายใต้พลังที่น่ากลัวนี้ ทำให้ร่างของยุวกษัตริย์หกกระบี่แหลกไปทั่วร่าง เลือดสดๆ ไหลซึมออกมาจนนองเต็มพื้นไปหมด
“พ่อ พ่อข้าคือจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง” ช่วงนาทีระหว่างความเป็นความตาย ยุวกษัตริย์หกกระบี่ที่ยโสโอหังมาโดยตลอดก็เริ่มหวาดกลัว และร้องเสียงแหลมขึ้นมา
“ข้ารู้” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “แล้วมีอะไร?”
คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากก…ในเวลานี้เสียงกระดูกแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระลอก ร่างของยุวกษัตริย์หกกระบี่ถูกบดขยี้จนเละเหมือนเนื้อบด แต่เขายังคงมีชีวิตอยู่
“ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย…” ในเวลานี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่ร้องเสียงแหลมออกมา ในนาทีความเป็นความตาย หนึ่งเดียวที่เขานึกถึงก็คือบิดาของเขาแล้ว ในโลกนี้หนึ่งเดียวที่สามารถช่วยชีวิตของเขาได้คงมีเพียงบิดาของเขาที่เป็นระดับจอมเทพผู้มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงเท่านั้น!
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เองบริเวณหน้าผากของยุวกษัตริย์หกกระบี่ซึ่งแหลกละเอียดไปแล้วนั้นได้เปล่งประกายศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา พริบตาเดียวนั้นเอง ร่างเงาที่สูงใหญ่ปราศจากผู้ต่อกรลอยขึ้นมา โดยที่ร่างเงานี้คล้ายดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์กั้นขวางอยู่ด้านหลังของยุวกษัตริย์หกกระบี่
อีกทั้งร่างเงานี้ได้สะพายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เก้าเล่มอยู่บนหลัง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทุกเล่มดุจดั่งกระบี่สวรรค์อย่างนั้น ตั้งตรงทะลุไปบนท้องฟ้า ปณิธานกระบี่รุนแรง สังหารปราศจากผู้เทียบเทียม
ขณะที่ร่างเงาลักษณะเช่นนี้ปรากฏ ได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากถึงกับสั่นเทิ้ม จอมเทพองค์นี้นับว่าน่ากลัวโดยแท้ มีความแข็งแกร่งยิ่งนัก
“ท่านพ่อ…” ยุวกษัตริย์หกกระบี่รู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งและร้องเสียงแหลมออกมา เมื่อมองเห็นร่างเงาที่ปรากฎขึ้นมา
“จอมเทพเก้ากระบี่…” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่ร้องออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน เมื่อมองเห็นร่างเงาร่างนี้แล้ว
ร่างเงาที่อยู่ตรงหน้าก็คือบิดาของยุวกษัตริย์หกกระบี่นามจอมเทพเก้ากระบี่นั่นเอง และก็คือจอมเทพผู้มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แน่นอน นี่ไม่ใช่ร่างจริงของจอมเทพเก้ากระบี่ที่มาด้วยตนเอง แต่เป็นเพราะจอมเทพเก้ากระบี่ได้มีการปลุกเสกให้กับลูกชายของตนเอง
ข้อนี้ยุวกษัตริย์หกกระบี่เหนือกว่าพวกของนายน้อยทะยานฟ้าอยู่มากที่เดียว แม้จะกล่าวว่าสำนักของพวกนายน้อยทะยานฟ้าจะมีความแข็งแกร่งมาก แต่เป็นไปไม่ได้ที่เซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาจะปลุกเสกให้กับพวกเขาที่เป็นเพียงผู้เยาว์ จะอย่างไรเสียการปลุกเสกเช่นนี้ต้องอาศัยแรงกายแรงใจปริมาณมาก
ขณะที่ยุวกษัตริย์หกกระบี่นั้นแตกต่างกัน เขาเป็นบุตรชายของจอมเทพเก้ากระบี่ ไม่ว่ายุวกษัตริย์หกกระบี่จะไม่ได้ความเช่นใดก็ตาม อย่างไรเสียก็คือบุตรชายของจอมเทพเก้ากระบี่ ดังนั้นจอมเทพเก้ากระบี่จึงทำการปลุกเสกบนตัวของยุวกษัตริย์หกกระบี่ด้วยตัวเอง ซึ่งมีผลทำให้ขณะยุวกษัตริย์หกกระบี่พบเจอกับอันตรายสามารถช่วยชีวิตของเขาได้
จะอย่างไรเสียเขาเป็นผู้ลงมือปลุกเสกด้วยตนเอง สามารถต้านรับกับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สี่ถึงห้าดวงโดยไม่มีปัญหาอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดก็คือ อาศัยตัวของจอมเทพเก้ากระบี่ออกหน้าด้วยตนเอง ทอดสายตามองไปทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่ให้เกียรติตัวเขาที่เป็นจอมเทพเก้ากระบี่กันเล่า?
จะอย่างไรเสีย ตัวของจอมเทพเก้ากระบี่เองคือระดับจอมเทพผู้มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง อย่าว่าแต่จอมเทพทั่วๆ ไปเลย ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังส่วนใหญ่ เมื่อมีตัวเขาที่เป็นจอมเทพเก้ากระบี่ออกหน้าด้วยตนเองแล้ว ไม่ว่าบุตรชายของเขายุวกษัตริย์หกกระบี่ทำความผิดอะไรมา ทุกคนก็จะให้เกียรติจอมเทพเก้ากระบี่สักครั้ง จะอย่างไรเสียผู้ที่สามารถต้านรับดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงได้อย่างแท้จริงมีอยู่ไม่มาก
“สหาย ใครบ้างที่ไม่เคยทำผิด ละเว้นบุตรชายของข้าได้หรือไม่?” เวลานี้ร่างจำแลงของจอมเทพเก้ากระบี่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ
ในเวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ต่างจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ จอมเทพผู้ซึ่งมีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงออกปากขอความเมตตา เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่จะไม่ให้เกียรติเขาสามส่วน แม้ว่าจะเป็นเพียงร่างจำแลงเท่านั้น แต่ก็เท่ากับเป็นตัวแทนของจอมเทพเก้ากระบี่
“แล้วเป็นอย่างไร?” ปฏิกิริยาของหลี่ชิเย่เรียบเฉยยิ่งนัก และกล่าวว่า “ฆ่าไม่มีละเว้นอยู่แล้ว”
“ถ้าหากสหายจะบีบบังคับ ข้าก็ต้องขอล่วงเกินแล้ว” ร่างจำแลงของจอมเทพเก้ากระบี่ก็รับรู้ถึงอันตราย เสียงตึงดังขึ้น กระบี่ทั้งเก้าเล่มพลันออกจากฝัก ทันใดนั้นปณิธานการฆ่าอาละวาดรุนแรง เสมือนหนึ่งสามารถตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่างของเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ภายใต้ปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวเช่นนี้ สรรพชีวิตล้วนแล้วแต่สั่นเทา และต้องตัวสั่นเพราะสิ่งนี้
ตึง…กระบี่ฟาดฟันเก้าชั้นฟ้า หนึ่งกระบี่หนึ่งชั้นฟ้า เก้ากระบี่ฟันลง ฟ้าดินอับแสง สรรพสิ่งปราศจากแสงสว่าง เสมือนหนึ่งทั่วทั้งจักรวาลถูกมันฟันจนร่วงหล่นลงมา เรียกได้ว่ากระบี่กระบวนท่านี้ยิ่งใหญ่มาก ปราศจากผู้ต่อกรเหลือเกิน
กระบวนท่านี้ไม่รู้ว่าทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องหวาดผวาจนหน้าถอดสี ต่อให้เป็นระดับจอมเทพเหมือนกันก็ต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป กล่าวได้ว่า การลงมือของจอมเทพเก้ากระบี่ที่เป็นร่างจำแลงก็สามารถสังหารจอมเทพระดับล่างได้เช่นกัน
“ไม่เจียมตัวเสียเลย” หลี่ชิเย่ไม่สนใจจะมองด้วยซ้ำสำหรับเก้ากระบี่ที่ฟาดฟันเข้ามา กางมือขนาดใหญ่ออกไป เสียงปัง ปัง ปังดังขึ้น มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่สั่นสะเทือนขึ้นนิดหนึ่ง เพลงหมัดหมื่นสัจธรรมปะทุขึ้นทันที
ชั่วพริบตาเดียวนี้เอง มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ปรากฏประกายสีทองแวบวับ นาทีนี้มือขนาดใหญ่ข้างนี้ของหลี่ชิเย่ไม่ได้แค่ปะทุหมัดกายเพชรเท่านั้น มือขนาดยักษ์นี้ยังได้พวยพุ่งประกายที่ไม่สิ้นสุดออกมา ส่องสว่างไปทั่วฟ้าดิน
เสียงตึงดังขึ้น เก้ากระบี่ได้ฟาดฟันลงบนมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ สะเก็ดไฟแตกกระจาย แต่ทว่า เก้ากระบี่ที่ฟันฉับลงบนมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่แล้ว กลับไม่ได้สร้างความเสียหายและไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆ เกิดขึ้น
ในเวลานี้ มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่หุบลง ไม่เพียงรวบเอากระบี่เก้าเล่มเอาไว้ในมือ ขณะเดียวกันยังรวบเอาตัวของจอมเทพเก้ากระบี่เข้ามาด้วย
“ฆ่า…” จอมเทพเก้ากระบี่คำรามเสียงยาวคำหนึ่ง หวังจะพายุวกษัตริย์ลุยฝ่าออกจากพื้นที่ตรงนี้ไป แต่ทว่าขณะที่หลี่ชิเย่หุบมือเข้ามา ฟ้าดินดำมืดและถูกสยบเอาไว้ ต่อให้ทุกๆ กระบี่ของจอมเทพเก้ากระบี่ปราศจากผู้ต่อกร ยังคงไม่สามารถตีฝ่าออกจากพื้นที่ตรงนี้ไปได้ พลังที่สยบลงมาทำให้ประกายบนตัวของจอมเทพเก้ากระบี่ดูติดๆ ดับๆ
ปังเสียงหนึ่งดังขึ้น สุดท้ายแล้วกระบี่ทั้งเก้าเล่มของจอมเทพเก้ากระบี่ถูกหักทำลาย ท้ายสุดแม้แต่ร่างจำแลงของเขาเองก็เอาตัวไม่รอด ภายใต้การบดขยี้จากมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง กลับกลายเป็นประกายฝน
“ไม่…” สุดท้าย ยุวกษัตริย์หกกระบี่ร้องเสียงแหลมออกมา แต่ทว่ามันไม่เกิดประโยชน์ใดๆ อีกแล้ว เนื่องจากแม้แต่ร่างจำแลงชองบิดาก็ช่วยเขาไม่ได้ คนอื่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเขาได้อีก
สุดท้าย ได้ยินเสียงปุดังขึ้น ยุวกษัตริย์หกกระบี่ถูกบีบจนกลายเป็นหมอกเลือด เสียชีวิตไปทันที
จังหวะที่ยุวกษัตริย์หกกระบี่ถูกบีบจนกลายเป็นหมอกเลือดไปนั้น ในที่ที่ห่างไกลออกไป มีผู้เฒ่าผู้หนึ่งที่กำลังอยู่ระหว่างกักตนร่างของเขาสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ลุกขึ้นยืนในทันที ร้องด้วยความผวาว่าหลินเอ๋อร์…
ผู้เฒ่าผู้นี้ก็คือจอมเทพเก้ากระบี่ บิดาของยุวกษัตริย์หกกระบี่นั่นเอง เนื่องจากเขาได้ทำการปลุกเสกบนตัวของบุตรชายเอาไว้ ดังนั้น เมื่อยุวกษัตริย์หกกระบี่ถูกสังหาร เขาจึงรับรู้ได้ทันที
“หลินเอ๋อร์ ข้าจะต้องแก้แค้นให้กับเจ้าแน่นอน ไม่ว่าศัตรูนั้นจะเป็นใคร พ่อจะต้องจับมันมาป่นกระดูกโปรยเถ้ากระดูกแน่นนอน!” เวลานี้จอมเทพเก้ากระบี่บดเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือทั้งสองกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ
กระทั่งเวลานี้เขายังไม่อยากจะเชื่อว่า ในฐานะที่เป็นบุตรของจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวง ยังจะมีใครหาญกล้าสังหารบุตรชายของเขาได้!
ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้าเวลานื้ดูเงียบสงัดยิ่งนัก ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้แล้วต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ สามเทพบุตรสถาบันศึกษาเทพเจ้าเรียกได้ว่าคือนักศึกษาอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของรุ่นนี้ ไม่เพียงแต่ตัวพวกเขาที่มีทักษะยุทธแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีชาติกำเนิดที่โด่งดังอีกด้วย
แต่ว่า ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ สามเทพบุตรสถาบันล้วนแล้วแต่ตายอนาถด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่ อีกทั้งท้ายที่สุดแม้แต่จอมเทพเก้ากระบี่ยังคงช่วยบุตรชายของตนเอาไว้ไม่ได้ อาจารย์ลักษณะเช่นนี้ช่างมุทะลุดุดันและโหดร้ายเหลือเกิน ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนั้น
นักศึกษาที่เคยไม่ให้ความเคารพต่อหลี่ชิเย่มาก่อนเมื่อนึกถึงจุดนี้แล้ว ถึงกับเหงื่อเย็นไหลโทรมตัว เวลานี้พวกเขาจึงได้เข้าใจว่า พวกเขาเคยเดินเฉียดอยู่หน้าประตูยมโลกมาแล้วรอบหนึ่ง เกือบจะถูกหลี่ชิเย่ฆ่าให้ตายอยู่แล้ว
ท่าทีของหลี่ชิเย่หลังจากสังหารยุวกษัตริย์หกกระบี่แล้วดูสงบอย่างยิ่ง ยิ้มกล่าวกับทุกคนที่กำลังเหม่อลอยว่า “พวกเจ้าทำต่อไป การปกป้องรักษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าสำคัญกว่า” กล่าวจบก็เดินจากไปช้าๆ กลับเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า เหมือนว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก่อน
“ฆ่ามัน…” หลังจากที่นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนมากได้สติกลับคืน จึงลุยเข้าสังหารสัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายที่บุกรุกเข้ามาสถาบัน
แม้ว่าสัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายในโลกดึกดำบรรพ์มีมากเป็นพิเศษ พวกมันรุกเข้ามายังสถาบันระลอกแล้วระลอกเล่า แต่ทว่าศักยภาพของสถาบันศึกษาเทพเจ้าใช่เป็นเรื่องคุยโว ธาตุแท้ภายในเห็นกันอยู่ตรงนั้น หลังจากผ่านการบุกสังหารรอบแล้วรอบเล่าแล้ว ปรากฏศพของพวกสัตว์เหล่านี้กองดั่งภูเขา เลือดไหลรินเป็นธาร สัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายที่บุกรุกเข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกสังหารจนสิ้น ไม่มีสัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายที่ฝ่าแนวป้องกันของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปได้แม้แต่ตัวเดียว
จากการที่เข่นฆ่าสังหารมารอบแล้วรอบเล่า ทำให้สัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายที่บุกรุกเข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีจำนวนน้อยลงทุกทีๆ ต่อให้สัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายในโลกดึกดำบรรพ์มีจำนวนมากกว่านี้ เมื่อมองเห็นภาพนี้แล้วก็ต้องตกใจจนล่าถอยกลับไป
ฮืออ…เสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นจากบนท้องฟ้า มองเห็นร่างไร้วิญญาณที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารล่วงลงจากท้องฟ้า ทวนวงเดือนสวรรค์พุ่งลงมาจากบนท้องฟ้า แทงทะลุศีรษะของมังกรยักษ์ และตรึงมันเอาไว้กับพื้น
ต่อให้มังกรยักษ์ตัวนี้มีความแข็งแกร่งมากกว่านี้ สุดท้ายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันทักษิณ ถูกราชันทักษิณตรึงสังหารอยู่ที่ตรงนั้น
“ฆ่า…” ในขณะนี้ ราชันทักษิณคำรามเสียงยาวออกมา ทวนวงเดือนสวรรค์กวาดล้างสิ้นเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ยามที่ทวนวงเดือนสวรรค์กวาดผ่าน ปรากฏเลือดสดๆ แต่ละสายที่พุ่งกระฉูดออกมาขึ้นไปบนท้องฟ้าดั่งคลื่นยักษ์ ราชันทักษิณในเวลานี้ยิ่งสู้ยิ่งห้าวหาญ มีท่าทีที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าสังหารไปรอบทิศ ไม่มีสัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายตัวไหนที่สามารถขวางการย่างก้าวของเขาได้
ในเวลานี้ ที่ที่ราชันทักษิณผ่านเข้าไปก็จะกลายเป็นเส้นทางเลือดขึ้นมาสายหนึ่ง เข่นฆ่าถึงที่สุดแล้ว บรรดาสัตว์ยักษ์วิหคดุร้ายมองเห็นราชันทักษิณมุ่งหน้ามาแต่ไกลก็จะหลบหนีไปทันที ไม่มีความกล้าแม้แต่จะต่อต้านราชันทักษิณ
“ดุดันมากเหลือเกิน” นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยต่างชื่นชมออกมา เมื่อมองเห็นท่าทีของราชันทักษิณที่ยิ่งสู้ยิ่งห้าวหาญ และพึมพำออกมาว่า “นี่เป็นท่วงทำนองที่แสดงให้เห็นว่าราชันทักษิณโหดกว่าเหรินเซิ่นเสียอีก”
……………………………………………………….