ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2064 ราชันเซียนไป่เลี่ยน

ตอนที่ 2064 ราชันเซียนไป่เลี่ยน

เพื่อทำการปิดผนึกโลกดึกดำบรรพ์แล้ว ทำให้บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าปลีกตัวไม่ได้ เวลานี้เป็นโอกาสเข้ารุกรานสถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ดีที่สุด กล่าวได้ว่า ในเวลานี้คือช่วงจังหวะที่กำลังของสถาบันศึกษาเทพเจ้าอ่อนแอมากที่สุด! เมื่อปราศจากการปกป้องคุ้มครองของผู้เฒ่า กำลังของสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะอ่อนลงมากทีเดียว

ในเวลานี้เอง อาจารย์บางคนจึงได้เข้าใจว่า เพราะอะไรอันตรายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

ขณะที่บรรดานักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าบางส่วนไม่รู้ถึงความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใจ มองเห็นสถานการณ์ล่มสลายถูกตรึงเอาไว้ได้แล้ว จึงรู้สึกโล่งอก และกล่าวว่า “ในที่สุดสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็รอดแล้ว”

เสียงปัง…ดังขึ้น ในขณะที่นักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่าสามารถตรึงสถานการณ์ได้แล้ว ในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าพลันปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น มีผู้ที่ทำลายท้องฟ้าและปรากฎตัวขึ้นบนท้องฟ้าของโลกดึกดำบรรพ์ในทันที

เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง อานุภาพจอมราชันที่น่าเกรงขามสายหนึ่งถูกเทราดลงมาจากบนท้องฟ้า ด้วยอานุภาพจอมราชันที่น่ากลัวปราศจากผู้ต่อกรพลันตลบอบอวลไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้า อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามไม่คิดจะเก็บงำพลังแม้แต่น้อย ปล่อยให้อานุภาพจอมราชันของตนตลบอบอวลไปทั่วสถาบันศึกษาเทพเจ้า คลบอบอวลไปทั่วโลกดึกดำบรรพ์อย่างอิสระ

ผู้คนจำนวนมากต่างตกใจไปกับอานุภาพจอมราชันที่มาอย่างกะทันหัน ต่างทยอยกันแหงนหน้าขึ้นมอง บนท้องฟ้าปรากฏเงาสายหนึ่ง เงาสายนี้มีผมสีดำที่สยาย เป็นราชันมารปราศจากผู้ต่อกรผู้หนึ่งที่ยืนตระหง่านอยู่บนนั้น ขณะที่ด้านหลังของราชันมารปรากฏเป็นประตูมิติบานหนึ่ง เหมือนว่าจากโลกที่ห่างไกลก็สามารถมาถึงที่ตรงนี้ได้โดยพลัน

“สหายอวี่หลุนมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด?” เวลานี้ที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฏร่างเงาที่แก่หง่อม คนผู้นี้ก็คืออดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้านั่นเอง เขาปรากฏตัวออกมาน้อยมากแล้ว

“อวี่หลุน?” หลายคนที่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ตามติดด้วยอาการตกใจยิ่งของผู้คนจำนวนมาก มีนักศึกษาที่รู้สึกใจหายใจคว่ำ และขนลุกขนพองด้วยความหวาดกลัว กล่าวว่า “เขา เขา เขาคือราชันมารอวี่หลุน ผู้ก่อตั้งตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุน!”

“ถูกต้อง เป็นเขานั่นเอง ราชันมารอวี่หลุน จอมราชันผู้มีสิบสองลัคนาและชะตาฟ้าสิบสาย” นักศึกษาอัจฉริยะของจวนราชันมีท่าทีหนักแน่นจริงจัง กล่าวพยักหน้าขึ้นมา

“จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสายมาแล้ว” นักศึกษาจำนวนไม่น้อยถึงกับมีสีหน้าที่ขาวซีด เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้ว

ทวีปเจียวเหิงโจวในทุกวันนี้กล่าวได้ว่าเป็นโลกของร้อยชาติพันธุ์ไปแล้ว ร้อยชาติพันธุ์มีความแข็งแกร่งมากที่สุด ณ ที่ตรงนี้ แต่ทว่า ไม่ได้หมายความว่าเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าจะไม่มีที่ยืน ตัวแทนหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุน

ตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุนเป็นตระกูลที่เก่าแก่โบราณ ก่อตั้งขึ้นโดยราชันมารอวี่หลุน พวกเขาเป็นตระกลูใหญ่ของเผ่ามาร คือสำนักที่เป็นหนึ่งสำนักสี่ราชัน มีธาตุแท้ภายในที่แข็งแกร่งมาก ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงสามารถยืนหยัดอยู่ในทวีปเจียวเหิงโจวที่ที่ร้อยชาติพันธุ์มีความเจริญรุ่งเรื่องยิ่ง

เวลานี้ ร่างเงาที่มองเห็นบนท้องฟ้านั้นหาใช่เป็นการมาด้วยตนเองของราชันมารอวี่หลุน แต่ว่า ด้านหลังของร่างเงานี้กลับเปิดประตูมิติเอาไว้ ร่างจริงของราชันมารอวี่หลุนสามารถมาด้วยตนเองทุกเมื่อหากจำเป็น

“ยามที่วาฬยักษ์ตัวหนึ่งกำลังจะตายในท้องทะเล ฉลามที่กระหายเลือดย่อมต้องรุมกันเข้าไป กักกินอย่างอิ่มหมีพีมันสักมื้อ” ร่างเงาของราชันมารอวี่หลุนกล่าวขึ้นมาช้าๆ ขณะยืนอยู่บนท้องฟ้า “สถาบันศึกษาเทพเจ้าก็คือวาฬยักษ์ตัวหนึ่งที่ทำให้ผุ้คนอยากได้มาก ขณะที่ข้านั้นคือฉลามที่กำลังหิวโซ ข้าได้กลิ่นคาวเลือดแล้ว รอกินมื้อใหญ่อยู่”

เวลานี้ ราชันมารอวี่หลุนบอกกล่าวถึงจุดประสงค์การมาของตนออกมาโดยตรง ไม่ต้องมีการปิดบังใดๆ บอกเล่าถึงจิตใจที่ทะเยอทะยาน เขาช่างไม่สะทกสะท้าน ช่างตรงไปตรงมาอะไรอย่างนั้น

กล่าวสำหรับจอมราชันองค์หนึ่งแล้ว เป็นเรื่องที่ปรกติมากกับการกินผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่มีอะไรจะต้องไปอับอาย ดังนั้น ราชันมารอวี่หลุนจึงพูดออกมาอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นผู้ดีจอมปลอม ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ใจบุญจอมปลอม!

คำพูดเช่นนี้ของราชันมารอวี่หลุนได้ทำให้นักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนมากต้องสั่นเทาทีหนึ่ง แม้จะกล่าวว่าราชันมารอวี่หลุนคือจอมราชันองค์หนึ่งที่อยู่ที่ตรงนี้ แต่ สมควรทราบว่าตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุนคือหนึ่งสำนักสี่จอมราชัน โดยราชันมารอวี่หลุนคือผู้ก่อตั้งตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุน การที่เขากล้าก้าวออกมาและพูดเช่นนี้ เท่ากับเป็นตัวแทนของตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุน ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า ขอเพียงราชันมารอวี่หลุนลงมือ จอมราชันทั้งสี่ของตระกูลขุนนางโบราณอวี่หลุนก็ต้องยืนอยู่ค่ายเดียวกัน

ย่อมไม่ต้องสงสัย เวลานี้ได้มีจอมราชันสี่องค์ได้จับจ้องสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้แล้ว หมายจะแบ่งสันปันส่วนเนื้อชิ้นมันที่เป็นสถาบันศึกษาเทพเจ้าชิ้นนี้

“ความทะเยอทะยานของสหายอวี่หลุนไม่ธรรมดาเลยนะ” คำพูดที่อดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าพูดตอบกลับดังสะท้อนก้องอยู่ในมุมทุกๆ มุมของสถาบันศึกษาเทพเจ้า และกล่าวว่า “รากฐานหมื่นยุคของสถาบันศึกษาเทพเจ้าไหนเลยจะล้มลงได้ สหายยังคงละทิ้งความพยายามนี้เสีย เชิญกลับไปได้ อย่าทำให้คนต้องเดือดร้อน”

แม้จะกล่าวว่า ที่อดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าเผชิญหน้าอยู่นั้นคือจอมราชันผู้มีชะตาฟ้าสิบสองสาย น้ำเสียงคำพูดของอดีตผู้อำนวยการสถาบันยังคงหนักแน่นมีพลัง ต่อให้ต้องเผชิญห้ากับจอมราชันถึงสี่องค์ สถาบันศึกษาเทพเจ้ายังคงมั่นใจเต็มเปี่ยม

“ใช่หรือไม่ คำตอบจะได้รับการเฉลยเร็วๆ นี้ พี่ท่าน ข้าเองเป็นคนที่มีความอดทน ข้าจะรอจนกว่าวาฬยักษ์หมดแรง” ราชันมารอวี่หลุนอมยิ้มและกล่าวว่า “ฉลามดุร้ายยามที่จะล่าสังหารเหยื่อ มักจะรอจนกว่าเวลาที่เหยื่ออ่อนแรงมากที่สุดแล้วค่อยรุมโจมตีทีเดียว จัดการแยกร่างเหยื่อในครั้งเดียว”

สำหรับคำพูดของราชันมารอวี่หลุนนั้น อดีตผู้อำนวยการสถาบันไม่ตอบโต้อีก ในเวลานี้ทั้งสองฝ่ายมัวแต่ต่อปากต่อคำก็ไม่ได้มีความหมายแต่อย่างใด อีกอย่าง ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นผู้ที่มีศักยภาพทั้งสิ้น ท้ายสุดแล้ว ใครสามารถหัวเราะได้เป็นคนสุดท้ายยังคงต้องอาศัยศักยภาพมาตัดสิน.ไอลีนโนเวล.

อย่างไรก็ตาม คำพูดของราชันมารอวี่หลุนกลับจะสร้างเงามืดให้เกิดขึ้นภายในใจของนักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนไม่น้อย เวลานี้เหล่าผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่ไม่สามารถปลีกตัวได้เลย ถ้าหากบรรดาจอมราชันเซียนหวังที่ต้องการได้สถาบันศึกษาเทพเจ้าอย่างยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเวลานี้คือโอกาสที่ดีที่สุด

อันตรายเพิ่งจะเริ่มต้น คำพูดคำนี้ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

การมาถึงของราชันมารอวี่หลุน เขาไม่ใช่จอมราชันเซียนหวังองค์แรก และไม่ใช่จอมราชันเซียนหวังองค์สุดท้าย ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีจอมราชันเซียนหวังของสิบสามทวีปจำนวนเท่าไร และจอมเทพปราศจากผู้ต่อกรเท่ไรที่จับจ้องสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้เ

แม้ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าเคยให้กำเนิดจอมเทพจำนวนไม่น้อย และเคยให้กำเนิดเซียนหวัง แต่ในห้วงเวลานี้ไม่เห็นว่าจอมเทพหรือเซียนหวังจะสามารถรุดมาให้ความช่วยเหลือต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ทันท่วงที กระทั่งพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังว่า บรรดาจอมเทพเซียนหวังไม่ฉวยโอกาสในยามทที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังอยู่ในระหว่างอันตรายแทงสถาบันศึกษาเทพเจ้าเข้าสักทีหนึ่งก็นับว่าบุญแล้ว ของวิเศษเป็นที่ต้องตาต้องใจ ธาตุแท้ภายในของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นที่น่าตกใจเพียงใด ใครเล่าจะไม่หวั่นไหว

แคว่กก…เสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากที่ราชันมารอวี่หลุนมาถึงได้ไม่นาน บนท้องฟ้าพลันบังเกิดเสียงดังขึ้นแผ่วเบาเสียงหนึ่ง เสียงนี้คล้ายดั่งเป็นเสียงการงอกของเมล็ด เหมือนเมล็ดพันธุ์เมล็ดหนึ่งที่เพิ่งแตกใบโผล่ขึ้นมาจากใต้ดินอย่างนั้น

แม้ว่าเสียงนี้จะไม่ได้ดังมากมายนัก แต่ยังคงทำให้ทุกคนได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจน

มันเป็นเสียงของเมล็ดที่แตกรากออกมาจริงๆ บนท้องฟ้าถึงกับปรากฏเถาวัลย์อ่อนสีเขียวที่ค่อยๆ เจริญเติบโต ทีละกิ่งทีละใบ หลังจากนั้นก็ได้แผ่กระจายแทงรากไปทั่วท้องฟ้า

การเจริญเติบโตของเถาวัลย์นี้ไม่ได้รวดเร็วมาก แต่ยามที่มันเจริญเติบโตอยู่กลางอากาศกลับดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน เนื่องจากขณะที่เถาวัลย์เขียวนี้เจริญเติบโตนั้นเปี่ยมไปด้วยจังหวะของสัจธรรม เหมือนว่าการเจริญเติบโตของมันสามารถบุกเบิกโลกของสัจธรรมหนึ่งขึ้นมาอย่างนั้น

เถาวัลย์เขียวตั้งแต่เริ่มต้นเจริญเติบโตขึ้นจนเจริญงอกงามกระทั่งค่อยๆ แก่ชราลง เหมือนว่ามันได้ผ่านวัฏจักรมาครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้าย มองเห็นเป็นเพียงเถาวัลย์แก่ๆ ต้นหนึ่งที่เติบโตอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า โดยที่เถาวัลย์แก่ต้นนี้มีใบอยู่หรอมแหรม อีกทั้งใบทุกใบยังเหลืองเหี่ยวแห้ง เหมือนว่าแค่ลมพัดมาแผ่วเบา ใบเหลืองเหล่านี้ก็จะต้องร่วงโรยไปอย่างนั้น

แม้ว่าเถาวัลย์แก่จะมีใบที่แห้งเหี่ยวอยู่หรอมแหรม แต่ว่ามันกลับหยั่งรากลึกลงไปในอากาศ กิ่งเถาวัลย์แก่หง่อม เปลือกของต้นเถาวัลย์ดุจดั่งเป็นเกล็ดโลหะอย่างนั้น ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังตูมเกิดขึ้น เถาวัลย์แก่ถึงกับมีเชื้อไฟปะทุขึ้นมา ต้นเถาวัลย์แก่ทั้งต้นคล้ายดั่งเกิดการลุกไหม้ขึ้นมา

ในเวลานี้เอง ท่ามกลางเชื้อไฟปรากฏร่างเงาขึ้นมาสายหนึ่ง ร่างเงานี้เสมือนหนึ่งมาจากป่าที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ยุคไร้ซึ่งอารยะธรรม นำพามาซึ่งความมีชีวิตชีวาที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์โชยมาปะทะใบหน้า ยามที่เขาได้ปรากฎตัวขึ้นมาแล้ว เหมือนว่าเถาวัลย์แก่ได้หยั่งรากลงไปในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน เหมือนว่ามันสามารถเชื่อมไปถึงทุกหนทุกแห่งในสิบสามทวีปได้

“สหายไป่เลี่ยนมาถึง ขออภัยที่ไม่ได้ให้การต้อนรับแต่ไกล” เมื่อร่างเงานี้ได้ปรากฎตัวขึ้นใต้ต้นเถาวัลย์แล้ว เสียงของอดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง

ราชันเซียนไป่เลี่ยน…ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสะดุ้งภายในใจเมื่อได้ยินฉายานี้ แม้แต่ระดับจอมเทพที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับก็รู้สึกเย็นวาบในใจเช่นกัน บุคคลระดับสำคัญได้มาถึงแล้ว

“ราชันเซียนไป่เลี่ยน ราชันเซียนของเก้าแดนมาแล้ว” บรรดานักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าถึงกับตื่นตระหนก เวลานี้ภายในใจของนักศึกษาจำนวนมากถึงกับรู้สึกกังวลขึ้นมา เนื่องจากพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าการมาของราชันเซียนไป่เลี่ยนคือเพื่อช่วยเหลือสถาบันศึกษาเทพเจ้า หรือว่ามาเพื่ออยากได้ในสิ่งที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีอยู่

ในสิบสามทวีป ราชันเซียนไป่เลี่ยนนับเป็นราชันเซียนที่มีชื่อเสียงมากทีเดียว เนื่องจากราชันเซียนไป่เลี่ยนเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะสุดยอดของนักปรุงยาของสิบสามทวีป กระทั่งมีจอมราชันเซียนหวังจำนวนไม่น้อยที่ต้องอาศัยเขายามที่ต้องปรุงยา

ราชันเซียนไป่เลี่ยนคือราชันเซียนจากเก้าแดนที่มีชาติกำเนิดมาจากแดนสมุนไพรแร่ธาตุ เขาเคยก่อตั้งตระกูลไป่เลี่ยนขึ้นที่แดนสมุนไพรแร่ธาตุ

ได้ยินว่า ราชันเซียนไป่เลี่ยนคือต้นเถาวัลย์ไป่เลี่ยนร้อยปีต้นหนึ่งที่บรรลุมรรคผล สามารถวัฏสงสารนับร้อยครั้ง ตายยากมาก เท็จจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้

เวลานี้ราชันเซียนไป่เลี่ยนมาปรากฏตัวอยู่ที่ตรงนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับกลั้นลมหายใจเอาไว้

“มิบังอาจ สหายกล่าวหนักไปแล้ว” ราชันเซียนไป่เลี่ยนกล่าวว่า “ข้ากับสหายหลายท่านมาที่นี่เพื่อต้องการทำการค้าสักนิดหนึ่ง ไม่ทราบว่าทางสถาบันศึกษาเทพเจ้าคิดเช่นใด?”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเย็นวาบในใจ ผู้ที่สามารถให้ราชันเซียนไป่เลี่ยนเรียกว่าเป็น ‘สหาย’ ได้ ย่อมไม่ใช่ประเภทไร้ชื่อเสียง เกรงว่าคงต้องเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในระดับจอมราชันเซียนหวังแล้ว เวลานี้ราชันเซียนไป่เลี่ยนก็ไม่ได้มาเพียงลำพังคนเดียว มันคือกำลังที่แข็งแกร่งมากสายหนึ่ง

“ไม่ทราบว่าจะทำการค้าเช่นใด?” เสียงของอดีตผู้อำนวยการสถาบันดังขึ้น

“ได้ยินมาว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าของเจ้ามีของสิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าตำราและอาวุธสวรรค์อันดับหนึ่งนิรันดร์กาลอยู่ ข้าและสหายหลายท่านไม่กล้าโลภมาก ขอเพียงตำราและอาวุธสวรรค์ชิ้นนี้ก็พอ” ราชันเซียนไป่เลี่ยนกล่าวว่า “แน่นอน พวกเราก็จะไม่เอาของดีจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าไปเฉยๆ พวกเจ้ามอบตำราและอาวุธสวรรค์ให้กับพวกเรา ขณะที่พวกเราจะช่วยพวกเจ้าอีกแรงในยามคับขัน สหายคิดว่าการค้าเช่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

พลันที่ราชันเซียนไป่เลี่ยนพูดคำๆ นี้เออกมา ทำให้บุคคลต่างๆ รู้สึกเย็นวาบในใจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเย็นวาบในใจคือการกระทำเช่นนี้ของราชันเซียนไป่เลี่ยนเท่ากับเป็นการบังคับซื้อขาย ฉวยโอกาสที่ผู้อื่นกำลังตกอยู่ในอันตราย

ขณะที่อีกสิ่งหนึ่ง่ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นวาบในใจก็คือ ตำราและอาวุธสวรรค์ที่ออกมาจากปากของราชันเซียนไป่เลี่ยน ในที่ลับกระทั่งมีจอมราชันเซียนหวัง กระทั่งจอมเทพต่างมองตากันและกัน

มีคำเล่าลือมานานแล้วว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมาก มันคือตำราและอาวุธสวรรค์ชิ้นหนึ่ง ฟังว่าตำราและอาวุธสวรรค์คือสุดยอดตำราและอาวุธสวรรค์ของสิบสามทวีป และเป็นของวิเศษประจำสถาบันศึกษาเทพเจ้า

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องของตำราและอาวุธสวรรค์จะเป็นจริงหรือเท็จ ไม่มีใครกล้ายืนยันคำตอบได้เต็มร้อย แต่ว่าจอมราชันเซียนหวังจำนวนมากต่างคาดเดาว่ามีตำราและอาวุธสวรรค์ชิ้นนี้อยู่จริงๆ ส่วนจะใช่ตำราและอาวุธสวรรค์อันดับหนึ่งหรือไม่นั้น ก็ไม่อาจยืนยันได้แน่นอนแล้ว

…….

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท