เรื่องที่ราชันทักษิณกลายเป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสี่สายได้ก่อเกิดเป็นคลื่นยักษ์ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าขึ้นมา ทำให้นักศึกษาจำนวนมากรู้สึกหวั่นไหวกับเรื่องนี้ แม้แต่นักศึกษาอัจฉริยะของจวนราชันเมื่อได้เห็นท่วงท่าที่มีความสง่างามของราชันทักษิณแล้ว ก็ต้องอุทานด้วยความชื่นชมออกมา
หลายปีมานี้ สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีผู้ที่มีความรู้ความสามารถเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งความจริงแล้ว สถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะบุคคลอยู่แล้ว เพียงแต่หลายปีมานี้ นักศึกษาจำนวนหนึ่งของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีความโดดเด่นมากเกินไปเท่านั้นเอง
ไม่ต้องพูดถึงสุดยอดอัจฉริยะบุคคลคนอื่นๆ แค่เหรินเซิ่น และเส้าเหนียนหวังรุ่นสองรุ่นก่อนหน้าก็โดดเด่นละลานตามากพออยู่แล้ว คนหนึ่งกลายเป็นเซียนหวัง อีกคนกลายเป็นเจอมเทพที่มีพรสวรรค์สูงที่สุด
เวลานี้ราชันทักษิณอ่อนกว่าเหรินเซิ่น และเส้าเหนียนหวังอยู่รุ่นสองรุ่น แต่เขากลับมุ่งไปบนเส้นทางของเซียนหวังและรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ถึงกับกลายเป็นเซียนหวังได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ช่างเป็นเรื่องที่สร้างความหวั่นไหวให้ผู้คนมากเหลือเกิน
ภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีสุดยอดอัจฉริยะบุคคลจำนวนไม่รู้เท่าไร บรรดาสุดยอดอัจฉริยะบุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่หยิ่งยโสและถือดีทั้งสิ้น แต่มาวันนี้เมื่อเปรียบเทียบกับราชันทักษิณแล้ว ล้วนแล้วแต่สลดและอับแสงไปสิ้น
“ชั้นเรียนมหาบุรุษให้กำเนิดผู้เหนือมนุษย์นะเนี่ย” หลังจากที่ราชันทักษิณได้กลายเป็นเซียนหวังไปแล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับเลียริมฝีปากด้วยความอิจฉาอย่างยิ่ง และกล่าวว่า “สถาบันศึกษาเทพเจ้าจะบ่มเพาะเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายขึ้นมานะเนี่ย เฮ่อชาตินี้หากสามารถเข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษได้ก็ไม่เสียดายแล้ว”
สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีระดับอัจฉริยะบุคคลจำนวนเท่าไร อย่างไรก็ตาม บรรดาสุดยอดอัจฉริยบุคคลเหล่านี้กลับไม่มีสิทธิ์ได้เข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษ แม้แต่เหรินเซิ่น เส้าเหนียนหวังก็ไม่มีสิทธิ์ แต่ราชันทักษิณกลับได้เข้าเรียนในชั้นมหาบุรุษ ย่อมไม่ต้องสงสัย สถาบันศึกษาเทพเจ้าต้องการบ่มฟักราชันทักษิณให้กลายเป็นเซียนหวังสิบสองชะตาฟ้านะเนี่ย
ข่าวการได้เป็นเซียนหวังของราชันทักษิณได้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับสถาบันศึกษาเทพเจ้า ทำให้นักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าเกือบลืมเรื่องการบรรยายของกู่ฉวี่หังกับหลี่ชิเย่ไปแล้ว
ครั้นวันที่ห้ามาถึง นักศึกษาทั้งหมดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็ทยอยกันได้สติกลับมา พวกเขาถูกดึงกลับเข้ามาสู่โลกปัจจุบัน เวลานี้ทุกคนต่างนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันที่จะมีการถ่ายทอดวิชาของกู่ฉวี่หังกับหลี่ชิเย่
“ไปกันแล้ว พวกเราไปฟังบรรยายของอาจารย์ฉวี่หังกัน” หลังจากได้สติกลับมาแล้ว นักศึกษาจำนวนมากทยอยกันรุดไปที่ลานธรรม ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการพลาดการบรรยายวิชาของกู่ฉวี่หัง จะอย่างไรเสีย กล่าวสำหรับนักศึกษาทุกคนแล้ว เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งสำหรับการบรรยายของกู่ฉวี่หังที่ลานธรรม
ลานธรรมตั้งอยู่ที่ด้านนอกของจวนราชันในสถาบันศึกษาเทพเจ้า สถานที่แห่งนี้เป็นหุบเขาขนาดยักษ์ มันไม่ได้เป็นสนาม หากจะกล่าวให้ถูกต้อง ลานธรรมเป็นสถานที่ที่เป็นพื้นที่สัจธรรมยอดเยี่ยมแห่งหนึ่ง
ขณะที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าแล้วมองลงไป ทั่วทั้งบริเวณลานธรรมเสมือนดั่งก่อขึ้นมาจากดินสัจธรรมสีดำ แม้ว่าภาพรวมของลานธรรมดูจะสร้างได้หยาบ แต่เมื่อก้าวเดินเข้าไปยังลานธรรมก็จะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังสัจธรรมฟ้าดิน สามารรบรู้ได้ถึงกฎเกณฑ์สัจธรรมจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลรินอยู่ใต้ฝ่าเท้าของผู้นั้น
บริเวณด้านหน้าสุดของลานธรรมจะเป็นหน้าผาสูงชันยากจะหาใดเทียม เป็นผนังศิลาที่มีสีดำดั่งหมึก มันคือผนังศิลาที่เกิดจากศิลาสัจธรรม ลักษณะของมันเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่นโดยไม่ได้ผ่านการแกะสลักใดๆ กล่าวได้ว่ามันกำเนิดขึ้นจากฟ้าดิน หล่อเลี้ยงโดยพลังสัจธรรม
อีกทั้งบนผนังสัจธรรมปรากฏเป็นลวดลายเต๋าที่เป็นสายๆ เรียงเป็นแนวเต็มพื้นที่ เรียกได้ว่านี่คือผนังศิลาที่เกิดจากลวดลายเต๋าซ้อนทับกันขึ้น บนผนังศิลานอกเหนือจากลวดลายเต๋าที่เรียงเต็มพื้นที่แล้ว ยังมีดอกไม้แต่ละดอกที่เกิดจากลวดลายเต๋าที่ถักทอกันขึ้น ดอกไม้แต่ละดอกเหล่านี้มีกลีบดอกมากบ้างน้อยบ้าง เมื่อมองจากด้านล่างขึ้นไปด้านบนจะพบว่า ดอกไม้ที่เกิดจากการถักทอของลวดลายเต๋าเหล่านี้ ยิ่งดอกที่อยู่สูงขึ้นเท่าไรก็จะมีกลีบดอกมากขึ้น เหมือนว่าดอกที่อยู่สูงขึ้นไปก็จะเบ่งบานมากขึ้นอย่างนั้น
อีกทั้งบนดอกไม้เหล่านี้บางส่วนมีการสลักชื่อเอาไว้ บางส่วนก็ไม่มี เมื่อสังเกตดอกที่ได้สลักชื่อเอาไว้แล้ว ทำให้ต้องรู้สึกหวาดกลัวด้วยความหวาดระแวง เนื่องจากชื่อเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อของผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก มีทั้งราชันเซียน เซียนหวัง จอมราชัน จอมเทพที่ปราศจากผู้ต่อกร…
ชื่อเหล่านี้เป็นการบ่งบอกว่าเคยมีจอมราชันเซียนหวัง จอมเทพปราศจากผู้ต่อกรเคยมาบรรยายวิชาเทศนาธรรมที่ตรงนี้ เป็นต้นว่า เซียนหวังอิเย่ ราชันเซียนฉานหลงที่เป็นราชันเซียนจากเก้าแดน และเซียนหวังจากร้อยชาติพันธุ์ก็เคยฝากชื่อเสียงอันโด่งดังเอาไว้ที่นี่
ยังไม่ถึงเวลาเปิดการบรรยาย บริเวณด้านนอกของลานธรรมก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คนแล้ว กระทั่งมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่ทยอยกันเข้านั่งประจำที่ในลานธรรมแล้ว
การบรรยายวิชาที่ลานธรรมไม่เพียงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งสำหรับผู้เป็นอาจารย์แล้ว ความจริงสำหรับนักศึกษาเองก็เป็นบททดสอบอย่างหนึ่งเช่นกัน
ลานธรรมเป็นสถานที่ที่มีความแตกต่าง เนื่องจากลานธรรมหาใช่สถานที่ธรรมดาทั่วไป มันเกิดจากการก่อทับด้วยดินสัจธรรมปริมาณมหาศาล พลังสัจธรรมบริเวณนี้จึงมีความเคลื่อนไหวที่คึกคักอย่างยิ่ง กฎเกณฑ์สัจธรรมที่ตรงนี้ง่ายต่อการสอดประสานเข้ากันยิ่ง
กล่าวสำหรับอาจารย์ที่จะมาบรรยายวิชาที่นี้ ถ้าหากมาตรฐานของตนเองไม่เพียงพอแล้วมาบรรยายที่ลานธรรมแห่งนี้หละก็ เป็นการกระทำที่ดูจะไม่สู้จะเจียมตัวนัก จะอย่างไรเสีย การบรรยายวิชาที่ลานธรรมแห่งนี้หากมีการบรรยายได้ดีหรือไม่นั้น ผลสะท้อนกลับโดยตรงอย่างยิ่ง
ถ้าหากมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสัจธรรม การมาถ่ายทอดสัจธรรมที่นี่ทำได้ดีลึกซึ้งและยอดเยี่ยมมากหละก็ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้เกิดการสอดประสานของสัจธรรมขึ้นทั่วทั้งลานธรรมแห่งนี้ กล่าวได้ว่า การบรรยายที่ลานธรรมยิ่งบรรยายได้ดีเท่าไร การสอดประสานของสัจธรรมก็จะยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น
ดังนั้นกล่าวได้ว่า ผลสะท้อนกลับจากการถ่ายทอดวิชาที่ลานธรรมจะตรงมาก ไม่มีสิ่งใดสามารถหลอกลวงกันได้ ดีก็คือดี ไม่ดีก็คือไม่ดี
สำหรับนักศึกษาที่มาฟังการบรรยาย สิ่งนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวของผู้ฟังหากจะมาฟังการบรรยายที่ลานธรรม เนื่องจากการสอดประสานของสัจธรรมจะส่งผลกระทบที่ตรงมาก
ขณะที่กำลังนั่งฟังการบรรยาย หากสามารถได้รับดอกผลจากการฟังสูงมากเท่าไร เช่นนั้นแล้วจะได้รับการตอบสนองจากการสอดประสานของสัจธรรมที่รุนแรงยิ่งขึ้นเท่านั้น มิฉะนั้นผลก็จะออกมาตรงกันข้าม
แน่นอน บางวิชากระทั่งอาจส่งผลลบต่อการฝึกได้ หากไม่ขจัดผลกระทบด้านลบเหล่านี้ออกไป จะทำให้การฝึกต่อมาต้องเชื่องช้าลงไป
ผลกระทบด้านลบนี้ไม่แน่เสมอไปว่าเป็นเพราะการบรรยายของอาจารย์ไม่ดี แต่เป็นเพราะวิชาดังกล่าวไม่เหมาะกับบุคคลผู้นั้น
มันก็คล้ายดั่งเช่นบุคคลผู้นั้นเป็นนักศึกษาที่ฝึกเคล็ดวิชาเย็นยะเยือก แต่กลับไปนั่งฟังอาจารย์บรรยายเรื่องสัจธรรมเพลิงมังกร เท่ากับเป็นการหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ เนื่องจากยิ่งอาจารย์ผู้นี้บรรยายได้ดีเท่าไร พลังเพลิงมังกรก็จะสอดประสานกับสัจธรรมฟ้าดินรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เมื่อน้ำกับไฟขัดแย้งกัน ก็จะนำมาซึ่งผลกระทบด้านลบอย่างยิ่งต่อบุคคลผู้นั้น…ไอรีนโนเวล
ดังนั้น ในขณะนี้นักศึกษาทั้งหมดของสถาบันศึกษาเทพเจ้าส่วนใหญ่ได้มากันแล้ว เพียงแต่พวกเขาทยอยกันยืนอยู่ด้านนอกของลานธรรม พวกเขาส่วนใหญ่จะมีท่าทีเฝ้าดูก่อนในขณะที่ยังไม่มีการเริ่มบรรยาย
การบรรยายในครั้งนี้ หัวข้อที่กู่ฉวี่หังบรรยายคือ ‘การแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์’ ขณะที่หลี่ชิเย่บรรยายเรื่อง ‘จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร’ ไม่ว่าจะเป็น ‘การแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์’ หรือ ‘จิตแห่งการบำเพ็ญเพียร’ ล้วนแล้วแต่ไม่จัดอยู่ในหัวข้อที่เป็นลักษณะเจาะจงเป็นพิเศษ กล่าวได้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อนักศึกษาอยู่ในระดับที่สูงมาก
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ก่อนที่การบรรยายจะเริ่มต้นขึ้น บรรดานักศึกษาต่างไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปยังลานธรรม
แน่นอนที่สุด นักศึกษาที่จะไม่เข้าไปฟังคำบรรยายในลานธรรมก็ได้ แต่ว่า หากไม่เข้าฟังในลานธรรมผลที่ได้รับก็จะน้อยมาก เนื่องจากการสอดประสานกันของสัจธรรมในลานธรรมมีความคึกคักยิ่งนัก เมื่อไรที่เจ้าได้รับดอกผลจากการเข้าฟังในลานธรรม นั่นหมายถึงลงทุนน้อยแต่ได้รับดอกผลมาก สามารถไขข้อปริศนาภายในใจของเจ้าได้ฉับพลันทันที
“ไม่รู้ว่าคราวนี้อาจารย์ฉวี่หังสามารถทำให้ดอกสัจธรรมเบ่งบานได้กี่กลีบ” นักศึกษาที่มองดูผนังศิลาที่อยู่บริเวณด้านหน้าสุดของลานธรรมแล้ว ถึงกับพึมพำออกมา
บนผนังศิลาจะมีดอกสัจธรรมแต่ละดอกปรากฎอยู่ โดยดอกสัจธรรมเหล่านี้จะเรียงจากล่างขึ้นบน ยิ่งดอกสัจธรรมที่อยู่สูงขึ้นไปก็จะมีกลีบดอกมากยิ่งขึ้น
แน่นอน ดอกสัจธรรมเหล่านี้ไม่ใช่ดอกไม้ชนิดหนึ่ง และไม่ใช่ภาพวาดฝาผนัง แต่มันคือลายเต๋า
ขณะที่อาจารย์มาทำการบรรยายวิชาที่ตรงนี้ ลายเต๋าบนผนังศิลาก็จะมีการเคลื่อนไหวตาม เดิมทีลายเต๋าเหล่านี้จะมีลักษณะเรียงซ้อนกันไปทีละสายๆ เมื่อบรรดาลายเต๋าเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวตามก็จะเกิดการถักทอเข้าด้วยกันกลายเป็นดอกสัจธรรมดอกหนึ่ง
ถ้าหากว่าการบรรยายของอาจารย์ผู้นั้นสามารถทำให้สัจธรรมสอดประสานขึ้นมายิ่งรุนแรงเท่าไร เช่นนั้นแล้วการเคลื่อนไหวของลายเต๋าบนผนังสัจธรรมก็จะยิ่งรุนแรง และดอกสัจธรรมที่เกิดจากการถักทอของลายเต๋าก็มีมีกลีบดอกมากขึ้นตามไปด้วย
พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ยิ่งบรรยายได้ดีเท่าไร ดอกสัจธรรมที่จะคงไว้บนผนังสัจธรรมก็จะมีกลีบดอกมากเท่านั้น อีกทั้งดอกสัจธรรมดอกนี้ก็จะยิ่งสูงขึ้นไปบนผนังสัจธรรมแห่งนี้เท่านั้น
“ปรกติแล้ว การบรรยายของอาจารย์ฉวี่หังก็ล้วนแล้วแต่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้ต่อกรแล้ว ข้ารู้สึกว่ามาคราวนี้ ‘การแผ่ขยายของหลักกฎเกณฑ์’ ที่อาจารย์ฉวี่หังจะบรรยายต้องเป็นแก่นแท้อย่างแน่นอน อาจารย์ฉวี่หังน่าจะสามารถทำให้ดอกสัจธรรมนี้เบ่งบานได้ห้ากลีบกระมัง” นักศึกษาจากศตาคารมองดูดอกสัจธรรมแต่ละดอกที่ปรากฎอยู่บนผนังสัจธรรม
“นั่นสิ การที่อาจารย์ฉวี่หังจะทำให้ดอกสัจธรรมนี้เบ่งบานได้ห้ากลีบคงไม่ใช่ปัญหา” แม้แต่นักศึกษาจากจวนราชันก็เห็นด้วยและกล่าวว่า “เพียงแต่น่าเสียดายที่อาจารย์ฉวี่หังอายุยังน้อยไปนิดหนึ่ง ถ้าหากสักวันเขาได้กลายเป็นเทพโบราณหละก็ ไม่แน่นักจะต้องทำให้ดอกสัจธรรมนี้เบ่งบานได้ถึงสิบสองกลีบก็เป็นได้”
ดอกสัจธรรมที่บานเบ่งอยู่บนผนังศิลามีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ทว่า ยิ่งสูงขึ้นไปก็จะมีดอกสัจธรรมน้อยลงเรื่อยๆ แน่นอน ดอกสัจธรรมที่เบ่งบานอยู่บนที่ๆ สูงขึ้นไปก็จะมีกลีบดอกมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง ดอกสัจธรรมที่มีกลีบดอกเท่ากันก็จะเรียงเป็นแถวเป็นแนวเดียวกันอย่างเป็นระเบียบ
ด้านบนสุดของผนังสัจธรรมมีดอกสัจธรรมเบ่งบานอยู่สองดอก ดอกสัจธรรมทั้งสองดอกต่างก็มีกลีบดอกที่บานเบ่งออกมาดอกละสิบสามกลีบ เรียกได้ว่าเป็นดอกสัจธรรมที่มีกลีบดอกมากที่สุดของผนังสัจธรรมนี้แล้ว
แต่ทว่า ดอกสัจธรรมทั้งสองดอกนี้ไม่ปรากฏชื่อใดๆ และไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นผู้ฝากเอาไว้
ในแถวที่สองมีดอกสัจธรรมอยู่หกดอกที่เรียงกันไป ดอกสัจธรรมทั้งหกดอกนี้ต่างก็มีกลีบดอกที่เบ่งบานอยู่สิบสองกลีบ ในจำนวนดอกสัจธรรมทั้งหกดอกนี้มีอยู่สองดอกที่ฝากชื่อเอาไว้ ดอกหนึ่งสลักคำว่า ‘อิเย่’ ด้วยอักษรที่มีกลิ่นอายเซียนลอยล่อง อีกดอกหนึ่งสลักคำว่า ‘ม่อเชียนจวิน’ ตัวอักษรทั้งสามดั่งพู่กันเหล็กตะขอทอง ดูทรงพลังยิ่งนัก
แถวที่สามมีดอกสัจธรรมอยู่สิบเอ็ดดอก ดอกสัจธรรมแถวนี้จะมีกลีบดอกบานเบ่งอยู่สิบเอ็ดกลีบ ในบรรดาดอกสัจธรรมทั้งสิบเอ็ดดอกนี้มีทั้งที่สลักชื่อและไม่ได้สลักชื่อเอาไว้ หนึ่งในนั้นที่สะดุดตาเป็นพิเศษได้สลักฉายาราชันคำว่า ‘ราชันเซียนฉานหลง’
แถวที่สี่มีดอกสัจธรรมอยู่สามสิบดอก ดอกสัจธรรมในแถวนี้มีกลีบดอกสิบกลีบ ในบรรดาดอกสัจธรรมทั้งสามสิบดอกก็มีที่สลักชื่อและไม่ได้สลักชื่อเอาไว้ อีกทั้งส่วนใหญ่จะเป็นเซียนหวัง เป็นต้นว่าหนึ่งในนั้นได้สลักฉายาราชันว่า ‘เซียนหวังฉีหลิน’
ยิ่งแถวที่ถัดลงมาด้านล่าง กลีบดอกที่เบ่งบานออกมาของดอกสัจธรรมก็จะยิ่งน้อยลง แต่จำนวนของดอกสัจธรรมกลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถึงแถวล่างสุดดอกสัจธรรมดอกนั้นมีกลีบดอกบานเบ่งออกมาเพียงกลีบเดียวเท่านั้น
“ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นความโชติช่วงชัชวาลของสถาบันศึกษาเทพเจ้า” มีนักศึกษาที่มองดูดอกสัจธรรมแต่ละดอกที่เบ่งบานอยู่บนผนังสัจธรรมแล้ว ทอดถอนใจออกมา
อาศัยดอกสัจธรรมที่บานเบ่งเหล่านี้ก็จะทราบว่า ที่ตรงนี้เคยมีบุคคลผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแต่ละคนที่มาถ่ายทอดวิชามาก่อน เป็นต้นว่าเซียนหวังฉีหลิน ราชันเซียนฉานหลงล้วนแล้วแต่มาถ่ายทอดวิชาที่นี่มาก่อน