เมื่อราชันเซียนไป่เลี่ยนถูกหลี่ชิเย่ด่าว่าด้วยเสียงดังเช่นนี้ ถึงกับหวาดผวาด้วยความสงสัยและไม่อาจทำใจให้สงบได้ ในโลกนี้คนที่กล้าด่าว่าเขาด้วยเสียงอันดังเช่นนี้นิ้วข้างเดียวก็นับได้หมด
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีนามว่ากระไรเล่า?” ราชันเซียนไป่เลี่ยนแสดงคารวะแบบจีน และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“ข้ามีชื่อว่าอะไรนั้นไม่สำคัญ” หลี่ชิเย่โบกไม้โบกมือ และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า ”เห็นแก่เจ้าที่กว่าจะขึ้นมาจากเก้าแดนมันไม่ง่ายนัก ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจ ไสหัวไปเสีย”
นัยน์ตาทั้งสองของราชันเซียนไป่เลี่ยนถึงกับเพ่งมองไปข้างหน้า ภายในใจของเขาอยากรู้ถึงประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ยิ่งนัก แน่นอน เขาเองก็ใช่ว่าจะอาศัยเพียงคำพูดคำเดียวของหลี่ชิเย่แล้วก็ทำให้กลัวจนวิ่งหนีไปได้ จะอย่างไรเสียเขาก็คือราชันเซียนองค์หนึ่ง
ตึง…ขณะที่ราชันเซียนไป่เลี่ยนกำลังคาดเดาอยู่นั้น เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น ทันใดนั้นเสียงกระบี่คำรามก้องไปเก้าชั้นฟ้า ปณิธานกระบี่ที่น่าสยองขวัญอาละวาดไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินอย่างบ้าคลั่ง ปณิธานการฆ่ารุนแรง แม้แต่ระดับจอมเทพยังรู้สึกเจ็บแปลบๆ ไปทั่วร่างกับปณิธานการฆ่าที่สยองขวัญเช่นนี้
ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ปรากฏคนผู้หนึ่งที่เหินฟ้าเข้ามายังโลกดึกดำบรรพ์โดยพลัน เป็นผู้เฒ่าที่สะพายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เก้าเล่มที่หลัง กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทุกเล่มสูงเทียมฟ้า ทุกเล่มล้วนแล้วแต่สามารถฟาดฟันสุริยันจันทราที่อยู่บนท้องฟ้าได้ มันคือกระบี่ฆ่าเทพ
ในขณะนี้ ผู้เฒ่าผู้นี้ไม่ได้เก็บงำปณิธานการฆ่าของตน ปล่อยให้ปณิธานการฆ่าของตนคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาต้องการประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงความโกรธแค้นในใจของตน
จอมเทพเก้ากระบี่…มีระดับจอมเทพที่ได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้แล้วต้องตกใจเงียบๆ และกล่าวว่า “นี่จอมเทพเก้ากระบี่เขาเป็นบ้าไปแล้วรึ? ถึงได้ปล่อยให้ปณิธานการฆ่าของตนออกมาตามอำเภอใจเช่นนี้”
“ท่านไม่รู้อะไร ได้ยินมาว่าบุตรชายของเขาถูกฆ่า เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา เวลานี้ใครกล้าขวางทางของเขา เขาพร้อมสังหารไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ไม่ว่าใครขวางเขากล้าฆ่าทั้งนั้น เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องแก้แค้นให้กับบุตรชายของตนให้ได้” จอมเทพที่มีข่าวฉับไวได้กล่าวขึ้น
เวลานี้เหรินเซิ่นก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา และทักทายกับจอมเทพเก้ากระบี่
เสียงปัง…ดังขึ้น จอมเทพเก้ากระบี่ก้าวเท้าเพียงก้าวเดียวก็ตรงเข้าไปยังเรือนตำรา เมื่อพบเจอกับหลี่ชิเย่แล้ว ดวงตาทั้งสองของเขาได้พวยพุ่งเป็นเปลวเพลิงร้อนแรงออกมาไม่มีสิ้นสุด เพลิงแห่งความโกรธที่พ่นออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขาสามารถเผาผลาญเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน สามารถเผาผลาญเหล่าเทพ
“เจ้าเดรัจฉานน้อย มอบชีวิตออกมา ข้านี่แหละจะตัดหัวสุนัขของเจ้า สังเวยเลือดให้กับลูกข้า!” เวลานี้จอมเทพเก้ากระบี่คำรามเสียงดังออกมา ตึงเสียงคำรามของกระบี่ก้องฟ้า กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าเล่มออกจากฝัก ปณิธานกระบี่ที่หอบเอาปณิธานการฆ่าที่รุนแรงพวยพุ่งออกมา ด้วยปณิธานกระบี่ที่ทำลายล้างรุนแรงเช่นนี้ สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน!
ดังนั้น ภายใต้ปณิธานกระบี่และปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวเช่นนี้ ได้ยินเสียงแตกละเอียดดังปัง ปัง ปังขึ้นมา มองเห็นวิหารโบราณแต่ละหลังภายในเรือนตำราที่แตกร้าว
“หนวกหู” หลี่ชิเย่พลันสั่งการหลิวจินเซิ่นไปว่า “จินเซิ่น ไปหิ้วศีรษะของเขามาพบข้า!”
“ได้ คุณชาย” หลิวจินเซิ่นโค้งคำนับแล้วไม่กล่าวมากความ เหินฟ้าขึ้นไปและขวางทางของจอมเทพเก้ากระบี่เอาไว้ทันที ตูมเสียงดังสนั่นขึ้นมา พริบตาเดียวนั่นเอง พลังลมปราณที่รุนแรงพวยพุ่งขึ้นมา ในเวลานี้ปรากฏเงาที่เลือนรางดั่งมังกร งู และสุนัขลอยขึ้นและบินวนเวียนอยู่รอบกายของหลิวจินเซิ่น ร่างเงาเลือนรางนี้คำรามเสียงดังออกมา กลืนกินฟ้าดิน เปี่ยมด้วยความพาล
ปังดวงตราสัญลักษณ์สิบเอ็ดดวงของหลิวจินเซิ่นพุ่งขึ้นท้องฟ้า เรียงเป็นแถวเป็นแนวอย่างสมบูรณ์ พริบตาเดียวนั่นเอง หลิวจินเซิ่นไม่ใช่ตาเฒ่าที่อ่อนแอคนนั้นอีกต่อไป หลิวจินเซิ่นในเวลานี้หมางเมินเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน ก้มมองดูสาพชีวิตหมื่นอาณาจักร
“เขาคือจอมทระนงอเวจี!” มีระดับจอมเทพที่จดจำหลิวจินเซิ่นได้ กล่าวด้วยความตระหนกว่า “เจ้าหนุ่มผู้นั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ถึงกับทำให้จอมทระนงอเวจียอมก้มหัวรับใช้ได้!”
“จอมทระนงอเวจี เจ้ายืนกรานจะเป็นศัตรูกับข้ารึ?” ในขณะนี้จอมเทพเก้ากระบี่กล่าวน่าครั่นคร้ามออกมาว่า “ไม่ว่าใครก็ตามที่ขวางทางข้า ฆ่าไม่มีละเว้น!”
จอมเทพเก้ากระบี่ได้บุตรชายยามแก่ และมีบุตรชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ปรกติแล้วหวงแหนอย่างยิ่ง เวลานี้ต้องตายด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่ ดังนั้น ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยค่าตอบแทนใดๆ ก็ตาม จอมเทพเก้ากระบี่ก็ต้องล้างแค้นแทนบุตรชายของตนให้จงได้
“จอมเทพเก้ากระบี่ เจ้าทำการศึกษาเกี่ยวกับตัวข้าตลอดมา ข้าเองขี้คร้านจะไปสนใจเจ้า ข้าไม่สนจะต้องเพิ่มเจ้าเป็นศัตรูอีกสักคน” จอมทระนงอเวจีกล่าวเรียบเฉยขึ้นว่า “วันนี้ข้าต้องตัดหัวของเจ้าไม่ใช่เพราะเจ้าจัดให้ข้าอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้เป็นศัตรูของเจ้ามาโดยตลอด แต่เป็นเพราะคุณชายข้าต้องการศีรษะสุนัขของเจ้า ดังนั้น ข้าจึงจะเด็ดหัวสุนัขของเจ้า!”
แม้ว่าจอมทระนงอเวจีไม่ได้หยิ่งทระนงเหมือนเช่นในอดีต แต่ว่า จะอย่างไรเสียจอมทระนงอเวจีย่อมเป็นจอมทระนงอเวจี เขาคือหนึ่งในนักศึกษาที่มีพรสวรรค์สูงที่สุดของสถาบันศึกษาเทพเจ้า ดังนั้น มาวันนี้แม้จะต้องต่อสู้ชี้ขาดกับจอมเทพเก้ากระบี่ที่อยู่ในระดับเดียวกัน เขาก็ยังคงหยิ่งทระนงไม่มีสิ้นสุด ไม่มองจอมเทพเก้ากระบี่อยู่ในสายตา
“ฆ่า…” จอมเทพเก้ากระบี่ไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป คำรามเสียงดังออกมา ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น เก้ากระบี่ปราะสานรวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นกระบี่สวรรค์ที่เลือนรางฟันใส่จอมทระนงอเวจี.ไอลีนโนเวล.
“ฆ่า…” หลิวจินเซิ่นเองก็เปี่ยมด้วยความพาล ปรากฏมังกรอเวจีตัวหนึ่งที่พุ่งทะยานขึ้นไป แยกเขี้ยวกางเล็บฉีกหมื่นอาณาจักรจนแหลกกระจุย!
ระหว่างที่จอมเทพเก้ากระบี่กำลังสู้รบกับจอมทระนงอเวจีนั้น เหรินเซิ่นก็ได้ก้าวเข้าไปภายในเรือนตำรา ส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา หากจำเป็นเขาก็จะช่วยเหลือจอมเทพเก้ากระบี่อีกแรง ยิ่งไปกว่านั้น จอมเทพเก้ากระบี่เคยคุ้มกันให้เขาก้าวข้ามภัยอันตรายมาหลายครั้ง
“เจ้า…” เวลานี้หลี่ชิเย่ชี้ไปที่เหรินเซิ่น กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า ”ไสหัวออกไปจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าเดี๋ยวนี้”
สีหน้าของเหรินเซิ่นดูไม่จืดเลย เมื่อถูกหลี่ชิเย่ขึ้นเสียงว่ากล่าวต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เขาพูดน้ำเสียงเย็นชาว่า “ท่านอาศัยอะไรมาไล่ข้าให้ออกไปจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ข้าคือนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้า!”
“เคยเป็นเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยขึ้นมาว่า “หากเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาเทพเจ้าคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ ข้าว่าเจ้าคงอยากได้ของวิเศษยอดเยี่ยมแห่งยุคของเรือนตำรากระมัง!”
“เจ้า…” เหรินเซิ่นโกรธจนใบหน้าแดงก่ำกับคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ พลันโกรธจนตัวสั่น ร้องกล่าวออกมาว่า “เจ้าคนแซ่หลี่ เจ้าอย่าได้ใส่ร้ายผู้อื่นอย่างชั่วช้าสามานย์เช่นนี้!”
“ใส่ร้ายเจ้าอย่างชั่วช้าสามานย์แล้วจะอย่างไร” หลี่ชิเย่กล่าวน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “หรือว่าพวกเรายังจะเป็นสหายกันได้อย่างนั้นรึ?” คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำเอาเหรินเซิ่นตอบไม่ถูกจริงๆ แน่นอนพวกเขาย่อมไม่สามารถคบเป็นสหายกันได้ ยังไม่ต้องพูดถึงการผูกความแค้นถึงสองครั้งสองครา ต่อให้ไม่มีการผูกความแค้นต่อกัน อาศัยที่หลี่ชิเย่สังหารยุวกษัตริย์หกกระบี่พวกเขาก็ไม่อาจเป็นสหายกันได้แล้ว ย่อมไม่ต้องสงสัยที่เหรินเซิ่นจะต้องยืนอยู่ข้างฝ่ายของจอมเทพเก้ากระบี่อยู่แล้ว
“ในเมื่อเป็นสหายกันไม่ได้ ข้าไม่เจียมตัว ขอท่านชี้แนะสักหลายกระบวนท่าก็แล้วกัน” เหรินเซิ่นอายุยังน้อยย่อมมีอารมณ์รุนแรง ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้รับความอัปยศเช่นนี้นับแต่ได้เป็นเซียนหวัง จึงไม่อาจทนความอัปยศเช่นนี้ได้ ก้าวเดินออกมา ตูมเสียงดังสนั่น พลังลมปราณรุนแรง ชะตาฟ้าสี่สายปรากฏขึ้น ท้ารบต่อหลี่ชิเย่
“เจ้าไม่เจียมตัวจริงๆ” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นมา จากนั้นโบกมือเบาๆ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “สังหารเจ้า ใยต้องให้ข้าลงมือ กู่กัว สังหารมันเสีย!”
“ไสหัวไป…” ราชันทักษิณที่กำลังต้านรับกับจอมเทพระดับล่างหลายคนในสถาบันศึกษาเทพเจ้าคำรามเสียงยาวออกมา ทวนวงเดือนสวรรค์ในมือพลันสะเทือน ทำการโจมตีจอมเทพระดับล่างหลายคนนี้ต้องถอยห่างออกไป เหินฟ้าขึ้นไปและเข้าไปในเรือนตำราโดยพลัน
“ราชันทักษิณ…” ราชันเซียนไป่เลี่ยนที่มองดูราชันทักษิณแล้วต้องพึมพำออกมา ขณะอยู่เก้าแดนเขาก็รู้ว่าเขาไผ่ประหลาดมีอัจฉริยะบุคคลเช่นนี้ ลือกันว่าคือหนึ่งในสิบยอดอัจฉริยะบุคคลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แต่ว่าหลับไหลไม่ตื่นตลอดมา ผู้คนในโลกไม่มีใครได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของเขา
“ข้าขอรับใช้ท่านปรมาจารย์ ณ ตรงนี้” ราชันทักษิณก้าวไปข้างหน้าขวางเหรินเซิ่นเอาไว้ ทวนวงเดือนสวรรค์ในมือชี้ออกไป หัวเราะเสียงดังและกล่าวต่อเหรินเซิ่นว่า “ได้ยินพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมของสหายมานานแล้ว วันนี้อยากจะทดสอบสักหน่อยอยู่พอดี”
“ตกลง ข้าจะสงเคราะห์เจ้า!” ดวงตาทั้งสองของเหรินเซิ่นเพ่งไปข้างหน้า เหินฟ้าขึ้นไปทันที ตึงปรากฎอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือ
ท่าทีของเหรินเซิ่นในเวลานี้ก็ดูหนักแน่นจริงจัง ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เนื่องจากราชันทักษิณก็คือเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสี่สายเช่นกัน ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแม้แต่น้อย
“ฆ่า…” ราชันทักษิณคำรามเสียงยาว ทวนวงเดือนสวรรค์ในมือร่ายรำขย่มทุกทิศทุกทาง หนึ่งทวนปิดตายทุกๆ ช่องทางของเหรินเซิ่น
“ฆ่า…” เหรินเซิ่นก็ร้องเสียงดังออกมา ปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก สิบสองลัคนาปรากฏ ชะตาฟ้าลอยล่องขย่มกับทวนวงเดือนสวรรค์ของราชันทักษิณซึ่งหน้า
ในเวลานี้ราชันทักษิณสู้รบกันอย่างดุเดือดกับเหรินเซิ่นบนท้องฟ้า
“ปรมาจารย์…” ได้ยินคำเรียกขานของราชันทักษิณ ทำให้ราชันเซียนไป่เลี่ยนเสมือนดั่งมองเห็นผีอย่างนั้น ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เวลานี้เขานึกถึงประสบการณ์ช่วงหนึ่งขณะที่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม นึกถึงตำนานที่ดึกดำบรรพ์ยิ่งเรื่องหนึ่ง
เวลานี้ต่อให้ราชันเซียนไป่เลี่ยนที่เป็นถึงระดับราชันเซียนก็ต้องมีสีหน้าที่ซีดเผือด เนื่องจากตำนานนี้เขาเคยได้ยิน กระทั่งเคยประสบพบเจอด้วยตนเอง เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ตำนานที่เลื่อนลอย แต่มันคือความจริง เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่จริง
“เจ้า เจ้า เจ้าก็คืออี…” ราชันเซียนไป่เลี่ยนหวาดผวายิ่ง คล้ายดั่งเห็นผีอย่างนั้น ม่านตาทั้งสองหรี่ลง จ้องมองดูหลี่ชิเย่ เมื่อได้สติกลับมาจึงรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “ท่านก็คือผู้นำของเก้าแดนพวกเรารึ?” ความจริงแล้วราชันเซียนไป่เลี่ยนอยากจะพูดว่าเป็นมือมืดที่อยู่เบื้องหลังเก้าแดนมากกว่า แต่เขาพูดออกมาไม่ได้
เนื่องจากชื่อนี้ทำให้ผู้คนต้องหวั่นเกรงมากเหลือเกิน ในกาลเวลาที่ดึกดำบรรพ์ ผู้นี้เคยทำลายล้างอเวจีที่ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาลลง เคยจับเอาราชันเซียนองค์หนึ่งของอเวจีตรึงสังหารอยู่ตรงนั้นเป็นๆ เสียงร้องที่ส่าเวทนาของราชันเซียนดังก้องไปทั่วทั้งเก้าแดน
เรื่องราวขณะอยู่ที่สิบสามทวีปยิ่งเป็นที่หวาดกลัวเมื่อได้ยิน เคยนำพาร้อยชาติพันธุ์ล่าสังหารจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่า ริเริ่มให้เกิดศึกล่าราชันที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา ผู้ที่รู้เบื้องหลังต่างรู้ว่าเบื้องหลังมีมือมืดที่อยู่ด้านหลังคอยบงการสิบสามทวีปอยู่ เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ให้กับร้อยชาติพันธุ์
“งานชุมนุมเหล่าผู้กล้าครั้งนั้นที่ผาจิ่วชุ่ย ข้าไม่ได้บี้เถาวัลย์แก่อย่างเจ้าให้ตายคาเท้า เป็นเพราะเห็นแก่เจ้าที่บรรลุมรรคผลมันไม่ง่าย และเจ้าก็มีธาตุแท้ภายในที่จะเป็นราชันเซียน ดังนั้น เจ้าจึงได้เป็นราชันเซียนได้จริงๆ น่าเสียดาย ท่ามกลางสิบสามทวีปแห่งนี้ความสำเร็จของเจ้าเรียกว่าไม่มีความโดดเด่นอะไรจะกล่าวถึงเลย” หลี่ชิเย่พูดเรียบเฉยออกมา
ร่างกายของราชันเซียนไป่เลี่ยนถึงกับเหงื่อเย็นไหลพรั่งพรูออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ เขายังจดจำเรื่องราวในครั้งนั้นได้อย่างชัดเจน กระทั่งภายหลังเขาได้กลายเป็นราชันเซียนแล้วจึงเข้าได้อย่างแท้จริงว่า ตอนนั้นตัวเองได้ไปป้วนเปี้ยนอยู่หน้าประตูผีมาแล้วรอบหนึ่ง ที่ตนเองสามารถรอดชีวิตมาได้จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น หาใช่เป็นเพราะตัวเองนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใด แต่เป็นการยั้งมือของคนผู้นั้นเท่านั้น
ราชันเซียนไป่เลี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง แสดงคารวะอย่างงามต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ผู้เยาว์ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมาที่นี่ สิ่งใดที่ผู้เยาว์ล่วงเกินขอผู้อาวุโสได้โปรดให้อภัย”
เวลานี้ ต่อให้เขาที่อยู่ในฐานะราชันเซียน ก็ไม่กล้าไม่เคารพแม้แต่น้อยนิด เนื่องจากเขารู้ว่าผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนไม่ใช่ใครอื่น แม้แต่ราชันเซียนของอเวจีที่ปราศจากผู้ต่อกรยิ่งกว่ายังถูกตรึงสังหารอยู่ตรงนั้น นับประสาอะไรกับราชันเซียนเช่นเขา! หากต้องการสังหารเขา กระทั่งไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้ดำรงอยู่ในระดับนี้ลงมือเอง แค่พูดออกมาคำเดียว ในสิบสามทวีปก็จะไม่มีที่ยืนสำหรับเขา!
………………………