พระราชอาสน์ตัวนี้มีผู้หนึ่งนั่งอยู่ เป็นบุรุษผู้ที่สามารถอาศัยบ่าค้ำสวรรค์ เขานั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ต่อให้เขาอยู่ที่โลกอีกโลกหนึ่ง แต่ก็สยบผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนโดยพลัน แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่มองเห็นคนผู้นี้แล้วก็ต้องรู้สึกเย็นวาบในใจขึ้นมาโดยพลัน ล้วนแล้วแต่รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“ราชันซื่อตี้…” ต่อให้เป็นระดับจอมเทพก็อดที่จะร้องเสียงแหลมดังออกมา เมื่อได้เห็นบุรุษผู้นี้แล้ว
ราชันซื่อตี้ ชื่อนี้เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาด พลันฟาดเข้ากลางใจของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน ในเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน หมื่นอาณาจักรพันแดน ชื่อของใครที่เปี่ยมด้วยอำนาจสยบมากที่สุด ชื่อของใครที่สามารถอยู่เหนือเหล่าจอมราชันเซียนหวังทั้งหมด มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น นั่นก็คือราชันซื่อตี้!
บุรุษคนหนึ่งผู้มีชาติกำเนิดมาจากตระกูลขุนนางโบราณที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์มาก บุรุษคนหนึ่งที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายในครอบครอง บุรุษคนหนึ่งที่บนตัวของเขาสวมใส่ชุดตัวอ่อนเซียนแท้จริง บุรุษคนหนึ่งผู้ที่เล่าลือกันว่าได้ฝึกคัมภีร์สวรรค์มาแล้ว บุรุษคนหนึ่งผู้ซึ่งปกครองเทียนฉวน บุรุษคนหนึ่งผู้ที่เป็นผู้นำเผ่าสวรรค์ทั้งหมด…
ราชันซื่อตี้ ผู้ซึ่งครอบครองเกียรติยศมากมายเหลือเกิน ผู้ซึ่งมีตำนานมากมายเหลือเกิน นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคราชันเหยียนตี้ ราชันเทพจงหนานไปแล้ว หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้เข้าสู่ยุคของราชันซื่อตี้ แม้ว่ายุคหลังได้มีจอมราชันเซียนหวังที่ได้ผงาดขึ้นมาคนแล้วคนเล่า แต่ทว่า ราชันซื่อตี้ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องกันมายุคแล้วยุคเล่า
แม้ว่าในภายหลังก็เคยปรากฏจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายเช่นราชันเชอะตี้ ราชันเสวียนตี้ ราชันหลันตี้ เซียนหวังอิเย่เป็นต้น แต่ด้านการส่งผลกระทบ ด้านอำนาจการควบคุมต่อเผ่าพันธุ์ของตนเองนั้น ไม่สามารถเทียบเคียงกับราชันซื่อตี้ได้เลย
ราชันซื่อตี้ไม่เพียงสามารถปกครองเผ่าสวรรค์ของตนเท่านั้น กระทั่งสามารถสั่งการเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่า เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้นำของจอมราชันเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์ทั้งสามเผ่า
ราชันซื่อตี้นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างนี้แหละ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว กับการที่เขาได้เผยโฉมออกมา ต่อให้ตัวของเขาอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งที่สุดแสนจะห่างไกลก็ตาม เพียงแค่เขาเผยโฉมออกมา ก็ไม่มีสิ่งใดแข็งแกร่งทรงพลังมากไปกว่านี้อีกแล้ว
“ราชันซื่อตี้…” หลังจากการเผยโฉมของราชันซื่อตี้แล้ว สีหน้าของนักศึกษาสถาบันศึกษาเทพเจ้าจำนวนมากพลันซีดเผือด ไม่เว้นแม้กระทั่งอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมมากกว่านี้ ชื่อของราชันซื่อตี้มีพลังอำนาจสยบมากเหลือเกิน สร้างความหวาดกลัวจนต้องสั่นเทาได้อย่างแน่นอน
แม้แต่บรรดาอาจารย์บางส่วนของสถาบันศึกษาเทพเจ้ายังต้องตระหนกในใจ พลันที่ราชันซื่อตี้ปรากฎตัว เหมือนเป็นการบ่งชี้ว่าสถานการณ์ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
มีผู้ที่พึมพำขึ้นมาว่า “นี่เขาอยู่ที่เทียนฉวนรึ?” เมื่อมองเห็นราชันซื่อตี้นั่งอยู่บนพระราชอาสน์
ราชันซื่อตี้ในเวลานี้เพียงแค่เผยโฉมเท่านั้นไม่ได้มาด้วยตนเอง ประตูมิติของเขาได้เชื่อมผ่านไปยังโลกอีกโลกหนึ่ง และมีเพียงผู้ดำรงอยู่ในฐานะราชันซื่อตี้เท่านั้นที่เชื่อมผ่านเช่นนี้ได้
“ชาตินี้ฟ้าจะเปลี่ยนสีแล้วรึ?” เมื่อเรื่องราวได้พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมราชันเซียนหวังก็คาดไม่ถึง เนื่องจากสถานการณ์เช่นนี้ได้เกินเลยกว่าจินตนาการของทุกคนไปแล้ว
เซียนหวังอิเย่ ราชันซื่อตี้ ราชันเสวียนตี้ ในโลกนี้มีจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายอยู่เพียงสี่องค์เท่านั้น เวลานี้ นอกเหนือจากราชันเทพชิงมู่แล้ว จอมราชันเซียนหวังที่เหลืออีกสามองค์ล้วนแล้วแต่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว
“นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมาไม่เคยมีสถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อนกระมัง” มีผู้ที่อดพึมพำออกมาไม่ได้
จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายในครอบครองทั้งสามล้วนแล้วแต่เผยโฉมออกมาแล้ว ภายในใจของผู้คนล้วนแล้วแต่รู้สึกหวาดกลัวยิ่งนักขึ้นมาโดยพลัน ถ้าหากสงครามปะทุขึ้นมาจริงๆ หละก็ การลงมือของจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายพร้อมกันทั้งสามองค์ เกรงว่าคงจะทำลายสิ้นโลกดึกดำบรรพ์ทั้งโลก ถึงเวลานั้นเกรงว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าคงต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป
แว้งค์…บริเวณประตูมิติที่ราชันซื่อตี้นั่งอยู่ปรากฏจอมราชันสององค์ก้าวเดินออกมา ขณะที่จอมราชันทั้งสองก้าวออกมานั้นมีท่าทีที่ข่มเหงผู้คน หนึ่งในจอมราชันถือทวนยาว ท่าทีหนึ่งทวนดุจดั่งไฟลามทุ่งไม่มีสิ่งใดสามารถกั้นขวางเขาได้ จอมราชันอีกผู้หนึ่งมีดาบสวรรค์อยู่บนหลัง ท่าทีเหมือนหนึ่งดาบตัดสิ้นทายาทอย่างนั้น
การปรากฏตัวพร้อมกันของจอมราชันสององค์ ทำให้ทั่วทั้งบริเวณโลกดึกดำบรรพ์กลายเป็นบรรยากาศที่บีบเค้นหัวใจผู้คน โดยเฉพาะกลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากตัวของพวกเขา ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนก
“ราชันเทพเจี๋ยเตา ราชันมารหลงเขียง!” ผู้คนจำนวนไม่น้อยมองตากันและกัน เมื่อมองเห็นจอมราชันทั้งสอง จอมราชันทั้งสองที่ไม่ได้เป็นจอมราชันเผ่าสวรรค์ ถึงกับก้าวเดินออกมาจากประตูมิติของเทียนฉวน
“เพราะอะไรราชันเทพเจี๋ยเตาและราชันมารหลงเขียงถึงออกมาจากเทียนฉวนได้ หรือว่าพวกเขาต่างเข้าร่วมกับเทียนฉวนแล้ว?” ระดับจอมเทพกล่าวด้วยความสงสัย
แต่ว่า สิ่งนี้ก็ใช่ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ราชันเทพเจี๋ยเตาเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าเก้าสายอยู่ในครอบครอง ขณะที่ราชันมารหลงเขียงเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสายในครอบครอง เฉกเช่นราชันมารหลงเขียงนับว่ามีคุณสมบัติเข้าร่วมเทียนฉวนได้อยู่แล้ว
“ไม่แน่เสมอไป” มีจอมราชันระดับล่างที่มาจากเผ่ามารกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “อย่าลืมสิ ยังมีกองกำลังพันธมิตรอยู่องค์กรหนึ่ง เป็นองค์กรสำหรับจอมราชันที่มีอายุน้อยที่สุด ราชันเทพเจี๋ยเตากับราชันมารหลงเขียงล้วนแล้วแต่สังกัดกองกำลังพันธมิตร”
“งานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ นับรวมกองกำลังพันธมิตรพวกเราที่หนึ่ง!” เวลานี้ราชันเทพเจี๋ยเตาและราชันมารหลงเขียงหัวเราะเสียงดัง ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น ดาบสวรรค์ออกจากฝัก ทวนมังกรส่งประกายวูบวาบ บุกเข้าไปร่วมต่อสู้ในสถาบันศึกษาเทพเจ้า
กองกำลังพันธมิตรคือองค์กรของจอมราชันที่มีอายุน้อยที่สุดในสิบสามทวีป .Aileen-novel. องค์กรนี้ก่อตั้งได้ไม่นาน แต่กลับมีศักยภาพมาก โดยสมาชิกในองค์กรทั้งหมดล้วนแล้วแต่อาศัยจอมราชันที่มีอายุน้อยและมีศักยภาพสูงในการจัดตั้งขึ้น
“ฆ่า…” ราชันเทพเจี๋ยเตาและราชันมารหลงเขียงยากจะมีผู้ต่อกรได้ แต่ทว่า ในเวลานี้บรรดาอาจารย์ขอวสถาบันศึกษาเทพเจ้ายังคงคำรามเสียงดัง หวังต่อต้านการบุกเข้ามาของราชันเทพเจี๋ยเตาและราชันมารหลงเขียง
ตูม…ตูม…ตูม…การศึกของสถาบันศึกษาเทพเจ้าสู้กันจนถึงขั้นตึงเครียดและเข้าขั้นรุนแรงที่สุด ในขณะนี้แม้ว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าจะได้รับการสนับสนุนจากเซียนหวังและจอมเทพจำนวนมาก แต่ศัตรูมีจำนวนมากมายและแข็งแกร่งมากเหลือเกิน ทำให้สถาบันศึกษาเทพเจ้าในขณะนี้ยากจะต้านทานการรุกเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าของศัตรูที่แข็งแกร่ง
“ทำลาย…” เวลานี้โอรสราชันเซียนเฟยคำรามเสียงยาวออกมา ด้านหนึ่งต่อสู้กับหัวสิงห์ร่างคนเพียงลำพัง อีกด้านหนึ่งขับเคลื่อนค่ายกลราชันเซียนเฟยเข้าโจมตีราชันมารหลงเขียงอย่างหนัก
เดิมทีอาศัยโอรสราชันเซียนเฟยคนเดียวต่อสู้ชี้ขาดกับหัวสิงห์ร่างคนเพียงคนเดียวนั้น เรียกได้ว่าได้เปรียบอยู่ค่อนข้างมาก เวลานี้ มีราชันมารหลงเขียงเข้ามาร่วมอีกคน พลันทำให้ความได้เปรียบนั้นถูกบั่นทอนให้อ่อนลง
แว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ในเวลานี้ประตูมิติเทียนฉวนบานนั้นได้เปิดออกอีกครั้ง ปรากฎจอมราชันของเทียนฉวนแต่ละองค์ที่ก้าวเดินออกมา และได้ยืนเรียงเป็นแถวหลังจากก้าวออกมาแล้ว!
จอมราชันแปดองค์…การมองเห็นจอมราชันที่ยืนเป็นแถวด้านหน้าประตูมิติ ทำให้ทุกคนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง การปรากฏออกมาของจอมราชันแปดองค์รวดเดียว ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจ
เพียงแค่เริ่มต้น เทียนฉวนก็ยืนพื้นด้วยจอมราชันถึงแปดองค์ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่ามาคราวนี้เทียนฉวนต้องการทำการใหญ่ เป็นการตั้งใจว่าจะต้องทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้าให้ได้อย่างเด็ดขาด
จอมราชันทั้งแปดยืนอยู่ด้านหน้าประตูมิติโดยไม่ได้ลงมือในทันที เพียงมองดูด้วยท่าทีเย็นชา และเผยกลิ่นอายการฆ่าออกมา ปณิธานการฆ่าของพวกเขาไม่จำเป็นต้องอาศัยคำบรรยายมากมายมาเปรียบเปรยอีกแล้ว พวกเขาต้องการทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้าให้ได้ ท่าทีไม่ยอมเลิกราอย่างเด็ดขาด
ถ้าหากมีผู้ที่ทราบถึงสภาพของการลอบโจมตีหลี่ชิเย่ในครั้งนั้นหละก็ จะพบว่า จอมราชันทั้งแปดองค์นี้เคยร่วมอยู่ในศึกครั้งนั้นด้วย ครั้งนั้น จอมราชันทั้งแปดต่างมาโดยการสืบทอดชะตาฟ้ามาคนละสองสาย
เพียงแต่ ที่แตกต่างไปจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็คือ มาคราวนี้พวกของราชันสวรรค์เต้าหลงสี่องค์ที่เคยมาด้วยร่างจริงครั้งนั้นกลับไม่ได้มา
“สถาบันศึกษาเทพเจ้าจะจบสิ้นกันแล้วรึ…” เวลานี้แม้แต่อาจารย์บางส่วนของสถาบันศึกษาเทพเจ้ายังต้องรู้สึกสิ้นหวัง รู้สึกตระหนกอย่างยิ่งในใจ กระทั่งมีอาจารย์ที่ร้องด้วยความรันทดออกมา
พลันที่ราชันซื่อตี้ปรากฎตัว ทำให้ภาพรวมของสถาบันศึกษาเทพเจ้าตกอยู่ในอันตราย เวลานี้นอกจากราชันเทพเจี๋ยเตาและราชันมารหลงเขียงแล้ว มีจอมราชันอีกแปดองค์ที่เข้าร่วม ด้วยขบวนเช่นนี้เป็นการโจมตีร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าแน่นอน ซึ่งทำให้สถาบันศึกษาเทพเจ้ามีอันต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน
ตูม…ในเวลานี้เอง ทั่วทั้งสถาบันศึกษาเทพเจ้าสะเทือนหวั่นไหวโคลงแคลงไปมา บริเวณที่เป็นจุดสำคัญของสถาบันศึกษาเทพเจ้าถูกตีแตก มีจอมราชันเซียนหวังที่กำลังลากเอาคลังสมบัติขึ้นมาดื้อๆ จากบริเวณที่ลึกลงไปใต้พื้นดิน
ตูม ตูม ตูมจากเสียงดังตูมตามที่ดังขึ้นมาเป็นระลอก นาทีนี้เวลานี้สถาบันศึกษาเทพเจ้าได้ปรากฎเป็นรอยแยกเป็นริ้วๆ ขึ้นมา เวลานี้ผู้เฒ่าที่ทำหน้าที่อำนวยการแท่นบูชาเซียนจำเป็นต้องละทิ้งหน้าที่และเข้าร่วมในการสู้รบ เมื่อสูญเสียกำลังเหล่านี้คอยอำนวยการแท่นบูชา ทำให้โลกดึกดำบรรพ์ได้มีการขยายตัวขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ทั่วทั้งบริเวณสถาบันศึกษาเทพเจ้าปรากฏรอยแยกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
คร๊ากก คร๊ากก คร๊ากกเสียงแตกละเอียดดังขึ้นไม่ขาดสาย ปรากฏรอยร้าวรอยแยกจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งบริเวณสถาบันศึกษาเทพเจ้า ในเวลานี้เหมือนว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีกแล้ว เวลานี้สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังจะกลายเป็นเถ้าธุลีไป ณ บัดนี้แล้ว
“สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังจะจบสิ้นแล้ว หนีเร็ว…” เวลานี้ กระทั่งมีนักศึกษาที่รู้สึกสิ้นหวังแล้ว รีบหนีไปให้ไกล กล่าวสำหรับนาทีนี้แล้ว บรรดานักศึกษาที่ยังคงอยู่ในสถาบันศึกษาเทพเจ้าต่างรู้สึกสิ้นหวังกันแล้ว ต้องหนีออกไปจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“สถาบันศึกษาเทพเจ้า จบสิ้นแล้วจริงๆ” แม้แต่ระดับจอมเทพที่ยังไม่ได้ลงมือยังต้องหวั่นไหวเมื่อมองเป็นภาพนี้แล้ว สถาบันศึกษาเทพเจ้าที่ตั้งตระหง่านมานานนับไม่ถ้วนต้องจบสิ้นลงแล้วในที่สุด ในที่สุดยักษ์ใหญ่ตนหนึ่งต้องล้มครืนลงในที่สุด
“สมควรมาได้แล้ว” เวลานี้ราชันซื่อตี้ที่นั่งอยู่บนพระราชอาสน์มีดวงตาทั้งสองที่ดูลึกล้ำ มองดูสถาบันศึกษาเทพเจ้าแล้วเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
ขณะที่หลี่ชิเย่ที่เวลานี้นั่งอยู่ที่เรือนตำราก็เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ได้เวลาที่ข้าต้องลงมือแล้ว” ขาดคำ หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ได้ลอยตัวขึ้นมาช้าๆ แล้วลอยอยู่กลางอากาศ
ดวงตาทั้งสองของราชันซื่อตี้อูลึกล้ำอย่างยิ่ง และเปล่งประกายที่น่ากลัวยิ่งนักออกมา หลังจากมองเห็นหลี่ชิเย่แล้ว
ตูม…เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ได้เสกเอาตราประทับฟ้าดินออกมา และกลายเป็นตะกร้าจับมังกร ตามติดด้วยเสียงดังตูมเสียงหนึ่ง ตะกร้าจับมังกรพลันสำแดงสวรรค์ทำลายที่ชื่อจับเซียน
ตึง…กฎเกณฑ์ราชันเซียนเป็นพันเป็นหมื่นสายทิ้งตัวลงมาจากฟากฟ้าด้วยอานุภาพราชันที่ยิ่งใหญ่ กฎเกณฑ์แต่ละสายดั่งมือเซียนเข้าจับตัวบรรดาจอมราชันเซียนหวัง และจอมเทพแต่ละคนที่รุกรานเข้าไปในสถาบันศึกษาเทพเจ้า
“ทำลาย…” บรรดาจอมราชันเซียนหวังต่างทยอยกันลงมือเมื่อเห็นจับเซียนที่เข้ามาคว้าตัว จอมราชันเซียนหวังบางคนอาศัยความเร็วที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมหลบหนีจากจับเซียน บ้างคำรามเสียงยาวลงมือด้วยวิชาตัดสรรพสิ่ง เสียงตึงดังขึ้น ฉับพลันก็ได้ตัดกฎเกณฑ์จับเซียนจนขาด
จอมราชันเซียนหวัง และจอมเทพส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หลบหนีจากจับเซียนไปได้ มีเพียงจอมเทพระดับล่างบางคนที่หนีไม่พ้น ถูกจับเซียนจับเป็นเอาไว้ได้ พลันถูกจับโยนลงไปในตะกร้าจับมังกรทำการหลอมละลายเสีย
การลงมือของหลี่ชิเย่พลันดึงดูดกำลังทั้งหมดที่เข้าโจมตี ทำให้ผู้รุกรานทั้งหมดล้วนแล้วแต่ให้ความสนใจชายหนุ่มที่ลอยตัวอยู่ท่ามกลางท้องฟ้านั่น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้รุกรานทั้งหมดต่างมองไปที่หลี่ชิเย่ ฉับพลันทำให้แรงกดดันที่มีต่อบรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าลดลงไปมากทีเดียว