พวกของเซียนหวังจุ้งเทียนย่อมไม่ตอบรับคำเชิญลักษณะเช่นนี้ของราชันเจี้ยนตี้ หากจะกล่าวถึงการลอบโจมตีสถาบันศึกษาเทพเจ้าของพวกเขา นั่นเป็นเพียงความขัดแย้งภายในของร้อยชาติพันธุ์เท่านั้น เป็นเพราะต้องการของวิเศษเท่านั้น ซึ่งพอจะยอมรับกันได้ จะอย่างไรเสียนี่คือโลกของปลาใหญ่กินปลาเล็ก เรื่องแบบนี้ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตน
แต่หากว่าพวกของเซียนหวังจุ้งเทียนนำพาเซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์เข้าร่วมกับสวรรค์ ก็จะเป็นการทรยศต่อชาติพันธุ์อย่างแท้จริงแล้ว เกรงว่าชนรุ่นหลังของพวกเขาต้องถูกผู้คนเมินทอดทิ้งไปทุกชาติ อย่างน้อยข้อนี้พวกเขายังทำไม่ได้
“ต่อให้เหล่าราชันเซียนทั้งหลายไม่สามารถเป็นตัวแทนของร้อยชาติพันธุ์ แต่ จุ้งเทียน พวกเจ้าก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนของร้อยชาติพันธุ์ได้เช่นกัน!” เวลานี้เซียนหวังเถาโซ่วกล่าวท่าทีเย็นชาว่า “ร้อยชาติพันธุ์ให้กำเนิดเซียนหวังอย่างเจ้า ทรยศได้แม้กระทั่งสถาบันศึกษาของตนเอง เป็นที่น่ารังเกียจของผู้คน!”
“พวกเราเป็นตัวแทนของร้อยชาติพันธุ์ไม่ได้ หรือพวกเจ้าเขาไผ่ประหลาด จวนกู่ก็สามารถเป็นตัวแทนของร้อยชาติพันธุ์อย่างนั้นรึ?” เซียนหวังจุ้งเทียนย่อมไม่พูดมากถึงเรื่องของสถาบันศึกษาเทพเจ้า และกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงปลาใหญ่กินปลาเล็กเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องตั้งข้อหาให้แก่กันและกัน ใครชนะก็เป็นผู้ชนะ ใครแพ้ก็ตาย! นี่แหละคือโลกแห่งความโหดร้ายของพวกเรา ใครก็เป็นตัวแทนให้กับร้อยชาติพันธุ์ไม่ได้ ราชันเซียนจากเก้าแดนก็ดี จวนกู่ก็ดี เขาไผ่ประหลาดก็ช่าง ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนของร้อยชาติพันธุ์ไม่ได้…”
“ข้านี่แหละเป็นตัวแทนร้อยชาติพันธุ์!” ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้กล่าวตัดบทเซียนหวังจุ้งเทียน กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เก้าแดนก็ดี สิบสามทวีปก็ช่าง! ถ้าหากใครบอกว่าต้องการสายตรงดั้งเดิมได้ ข้าก็จะชี้สายตรงดั้งเดิมให้กับพวกเจ้า! สถาบันศึกษาเทพเจ้าก็คือสายตรงดั้งเดิมของร้อยชาติพันธุ์!”
พลันที่หลี่ชิเย่กล่าวขาดคำ ได้จ้องมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างน่าเกรงขาม รวมทั้งจอมราชันเซียนหวัง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์!
ในเวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้และไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เนื่องจากคำพูดของหลี่ชิเย่เป็นการเป็นการสรุปเรื่องราวจบในคำพูดเดียวไปแล้ว
ความจริงแล้ว ผู้คนจำนวนมากลองคิดให้รอบคอบ หากจะกล่าวว่าท่ามกลางร้อยชาติพันธุ์ผู้ใดสามารถเป็นสายตรงดั้งเดิมของร้อยชาติพันธุ์ได้ ย่อมเป็นความจริงว่าจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากสถาบันศึกษาเทพเจ้า ไม่เพียงเพราะสถาบันศึกษาเทพเจ้าได้บ่มเพาะเซียนหวังและจอมเทพขึ้นมาจำนวนมาก และไม่เป็นเพราะมีราชันเซียนและเซียนหวังเป็นจำนวนมากที่เคยฝากระบบถ่ายทอดทางความคิดลัทธิเต๋าของตนเอาไว้ที่ตรงนี้!
ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ สถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นเพียงสถานที่ซึ่งบ่มเพาะผู้คนและถ่ายทอดเต๋าเท่านั้น มันแตกต่างจากทุกๆ สำนัก มันไม่เข้าร่วมการเก่งแย่งผลประโยชน์ของสำนักใดๆ ฐานะของมันสูงส่ง มีสถานะเป็นกลางท่ามกลางร้อยชาติพันธุ์
กล่าวได้ว่าในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา สถาบันศึกษาเทพเจ้ารับผิดชอบเพียงแค่ผลิตผู้มีความรู้ความสามารถออกมาให้กับร้อยชาติพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ทำการบ่มฟักจอมเทพ บ่มฟักเซียนหวังให้กับร้อยชาติพันธุ์ แต่ว่าพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อช่วงชิงความเป็นใหญ่ในหล้า ไม่ได้ทำเพื่อแย่งชิงทรัพยากร เพียงบ่มฟักผู้มีความรู้ความสามารถให้กับร้อยชาติพันธุ์เท่านั้น สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงสถานที่ที่บ่มเพาะผู้คนและถ่ายทอดเต๋าเท่านั้น
ท่ามกลางร้อยชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามลองถามใจตนเองว่า หากจะถามว่าท่ามกลางร้อยชาติพันธุ์ใครคือสายตรงดั้งเดิมหากแม้นสถาบันศึกษาเทพเจ้ายังคงไม่ได้รับการยอมรับ ยังจะมีสำนักใดกล้าบอกว่าตนเองคือสายตรงดั้งเดิมของร้อยชาติพันธุ์!
“สถาบันศึกษาเทพเจ้าคือแหล่งต้นกำเนิดสำคัญของร้อยชาติพันธุ์ เป็นแหล่งต้นกำเนิดที่ทำให้ร้อยชาติพันธุ์ผงาดขึ้นมาได้ ใครบังอาจหาญกล้าสั่นคลอน ฆ่าไม่มีละเว้น ใครที่คิดการต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าก็คือศัตรูของร้อยชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นร้อยชาติพันธุ์ หรือว่าเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่า!” หลี่ชิเย่กล่าวน่าเกรงขามออกมา!
คำพูดของหลี่ชิเย่คือสรุปเรื่องราวจบสิ้นในคำพูดคำเดียวไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังชะตาฟ้าสิบสองสายก้าวออกมาคัดค้านก็ไม่เป็นผล
ยิ่งไปกว่านั้น เซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายของร้อยชาติพันธุ์ก็มีเพียงเซียนหวังอิเย่คนเดียวเท่านั้น ขณะที่เซียนหวังอิเย่ย่อมต้องให้การสนับสนุนต่อสถาบันศึกษาเทพเจ้าแน่นอน ย่อมต้องสนับสนุนต่อหลี่ชิเย่อย่างแน่นอน
ในขณะที่กำลังจะระเบิดศึกยิ่งใหญ่ขึ้นมา หลี่ชิเย่ได้ประกาศคำพูดลักษณะเช่นนี้ออกมาต่อหน้าผู้คนทุกคน สรุปเรื่องราวจบสิ้นในคำพูดคำเดียวเป็นการยืนยันฐานะของสถาบันศึกษาเทพเจ้า!
เวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ แม้แต่ราชันซื่อตี้ก็เพียงนั่งสงบเงียบอยู่ตรงนั้นเท่านั้น ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา แน่นอนกล่าวสำหรับตัวเขาแล้ว นี่เป็นเพียงกิจการภายในของร้อยชาติพันธุ์เองเท่านั้น
“ต้องปราบปรามกบฏภายในเพื่อความเป็นเอกภาพเสียก่อน แล้วค่อยต่อต้านกับผู้รุกรานจากภายนอก! โทษฐานแตะต้องสถาบันศึกษาเทพเจ้า ฆ่าไม่มีละเว้น!” เวลานี้ หลี่ชิเย่จ้องเขม็งไปที่เซียนหวังจุ้งเทียนและกล่าวน่าเกรงขามขึ้นมา
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา และถูกหลี่ชิเย่จับจ้องเอาไว้ ต่อให้เป็นเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายในครอบครองอย่างเซียนหวังจุ้งเทียนพลันรู้สึกหายใจไม่สะดวก ถึงกับก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว! เนื่องจากคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่เปรียบเสมือนเป็นการตัดสินโทษประหารชีวิตต่อเขาอย่างนั้น!
เซียนหวังจุ้งเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สุดท้าย ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ท่านปรมาจารย์ ต่อให้เป็นท่านก็ไม่สามารถกุมอำนาจชี้เป็นชี้ตายได้!” จะอย่างไรเสียเขาก็คือเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย จะไม่ยอมให้ใครเชือดได้ตามอำเภอใจ
“เซียนหวังจุ้งเทียน เห็นทีร้อยชาติพันธุ์ไม่ได้ถือว่าพวกท่านเป็นพวกเดียวกัน เวลานี้พวกท่านเลือกที่จะร่วมมือกับข้ายังทัน มิฉะนั้นหละก็ พวกท่านคิดจะมีชีวิตรอดไปจากที่นี่ดูจะเคว้งเสียแล้ว เวลานี้สมควรที่ผู้แข็งแกร่งร่วมมือกันจัดการกับสถาบันศึกษาเทพเจ้าเสีย กวาดล้างพวกมันให้ราบ เช่นนั้นแล้วพวกเจ้าก็คือสายตรงดั้งเดิมของร้อยชาติพันธุ์!” เวลานี้ราชันเจี้ยนตี้ได้หัวเราะ และเอ่ยขึ้นมา.Aileen-novel.
คำพูดเช่นนี้ของราชันเจี้ยนตี้ทำให้ประกายตาของเซียนหวังจุ้งเทียนเต้นกระตุกนิดหนึ่ง แน่นอนเขาไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้มีแนวความคิดเช่นนี้
ความจริงแล้วคำพูดลักษณะเช่นนี้ของราชันเจี้ยนตี้เต็มไปด้วยความเย้ายวนใจ ถ้าหากว่าสามารถเข่นฆ่าศัตรูที่อยู่ในเหตุการณ์ เช่นหลี่ชิเย่ และพวกของราชันเซียนทุนยื่อเป็นต้นได้จริงๆ
การสังหารสิ้นศัตรูทั้งหมด ทำลายล้างสถาบันศึกษาเทพเจ้าเสีย เช่นนี้แล้วศึกครั้งนี้จะพลิกสถานการณ์ของสิบสามทวีป กระทั่งเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของร้อยชาติพันธุ์นับจากนี้เป็นต้นไป
ถ้าหากพวกเขาร่วมมือกับเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าจริง เมื่อเป็นเช่นนั้นหากทำได้สำเร็จ เกรงว่าจะเป็นการยกฐานะของพรรคทะยานฟ้าของพวกเขาอย่างยิ่งใหญ่ในทวีปเจียวเหิงโจว กระทั่งในร้อยชาติพันธุ์
หากทำได้สำเร็จ จากนี้ไปก็จะไม่มีสถาบันศึกษาเทพเจ้าอีกต่อไป เกรงว่าก็จะไม่มีจวนกู่ ไม่มีเขาไผ่ประหลาด เมื่อวันนั้นมาถึง ก็ได้เวลาที่จะเป็นยุคพรรคทะยานฟ้าของพวกเขาได้เป็นใหญ่ในทวีปเจียวเหิงโจวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อไรที่ได้ร่วมมือกับเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าแล้ว เกรงว่าพวกเขาก็ต้องการได้พันธมิตรอย่างพรรคทะยานฟ้า พวกเขาต้องการพันธมิตรที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถควบคุมร้อยชาติพันธุ์ได้!
นี่เป็นแนวคิดที่กล้ามาก แม้จะกล่าวว่าเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่ากับร้อยชาติพันธุ์ขึ้นชื่อว่าเป็นเหมือนดั่งน้ำกับไฟ เซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์ต่างต่อต้านเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าเป็นเอกฉันท์ แต่ทว่า เพื่ออาศัยพวกเขามาสถาปนาฐานะของตนในร้อยชาติพันธุ์ขึ้นอย่างมั่นคง เซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์ก็ใช่ว่าจะร่วมมือกับเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าไม่ได้
เวลานี้ เซียนหวังจุ้งเทียนได้จ้องมองไปที่ราชันซื่อตี้ หากจะกล่าวว่าเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าที่อยู่ตรงนี้คำพูดของใครมีน้ำหนักมากที่สุดหละก็ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าคือราชันซื่อตี้ ขอเพียงราชันซื่อตี้เอ่ยปากคำหนึ่งเท่ากับสรุปเรื่องราวจบสิ้นในคำพูดคำเดียว โดยที่คำพูดเพียงคำเดียวของราชันซื่อตี้มีผลมากกว่าทุกๆ คนในเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่า มีน้ำหนักมากกว่าทุกๆ คน
“เป็นความจริงที่ร้อยชาติพันธุ์ได้เวลาจำเป็นต้องมีสายตรงดั้งเดิมเสียที เพียงแต่ใครจะเป็นสายตรงดั้งเดิมก็ให้ผู้ชนะเป็นผู้บัญญัติขึ้นมา” ในเวลานี้ราชันซื่อตี้ที่นั่งสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดได้พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา
พลันที่ราชันซื่อตี้พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้เซียนหวังจุ้งเทียนรู้สึกเหมือนหายใจไม่สะดวกขึ้นมา ถูกต้อง ใครจะเป็นสายตรงดั้งเดิมให้ฝ่ายที่ชนะเป็นผู้บัญญัติ ถ้าหากพวกเขาชนะการศึกครั้งนี้ได้ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็คือสายตรงดั้งเดิม ขณะที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าเป็นเพียงเถ้าธุลีเท่านั้นเอง
ถ้าหากทำการสังหารสิ้นทุกคนที่อยู่ ณ ที่ตรงนี้ แล้วจะมีใครไปล่วงรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกดึกดำบรรพ์ มนุษย์ปุถุชนธรรมดาในสิบสามทวีปจะไม่ทราบถึงรายละเอียดว่ามันได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ส่วนหลังจากนี้จะเป็นเช่นใดนั้นก็สมควรให้พวกเขาที่เป็นฝ่ายชนะเป็นผู้บัญญัติขึ้น พวกเขาจะต้องยืนอยู่ข้างฝ่ายคุณธรรมอยู่แล้ว!
ย่อมไม่ต้องสงสัย เมื่อราชันซื่อตี้ได้พูดคำพูดเช่นนี้ออกมา ได้ทำให้เซียนหวังจุ้งเทียนหัวใจเต้นตูมตามแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ซื่อตี้เป็นศัตรูกับอีกาทมิฬพันล้านปีที่ผ่านมา ในโลกนี้มีเพียงราชันซื่อตี้เท่านั้นที่มีความสามารถต่อกรกับอีกาทมิฬ ครั้งนี้ราชันซื่อตี้ลงมือไหนเลยจะยอมให้อีกาทมิฬหลุดรอดไปได้!
เซียนหวังจุ้งเทียนถึงกับรู้สึกดีใจและอบอุ่นในใจ เมื่อนึกถึงอนาคตที่สามารถบงการสถานการณ์ของร้อยชาติพันธุ์ได้ สามารถยืนอยู่จุดสูงสุดของร้อยชาติพันธุ์ สามารถบงการชะตาชีวิตของเผ่าพันธุ์เผ่าหนึ่งเฉกเช่นพวกของราชันซื่อตี้ได้
“ตาเฒ่าเฉี่ยน คำพูดปลุกปั่นของเจ้านับว่ายอดเยี่ยมมาก” ในขณะที่ภายในใจของเซียนหวังจุ้งเทียนกำลังหมุนร้อยแปดตลบอยู่นั้น หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “แค่คำพูดสองสามคำก็สามารถทำให้ระดับเซียนหวังหัวใจเต้นตูมตามได้ สามารถยุให้เซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์เข้าเป็นพวกได้ นับว่าไม่เสียทีที่เป็นผู้ปกครองของเผ่าสวรรค์ เลื่อมใสๆ”
“พูดความจริงเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นคำพูดปลุกปั่น” ราชันซื่อตี้ยังคงสงบนิ่ง ยังคงไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด แต่คำพูดของเขามีน้ำหนักยิ่งนัก ขณะที่เขาพูดคำๆ นี้ออกมา ย่อมไม่ต้องกังขาว่านี่คือคำมั่นสัญญาแล้ว
“ฮ่า ฮ่าดูท่ามีคนต้องการทรยศต่อชาติพันธุ์ของตน ต้องการสวามิภักดิ์ต่อเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าแล้ว” เวลานี้ราชันเซียนทุนยื่อหัวเราะเสียงดัง กล่าวดูแคลนออกมาว่า “คนเยี่ยงนี้ก็เป็นเซียนหวังได้ นับว่าเป็นที่อับอายของผู้คน! การที่ร้อยชาติพันธุ์มีวันนี้ได้ ปรัชญาเมธีจำนวนเท่าไรแลกมาด้วยเลือดในกาย!”
“ผู้ทรยศต่อชาติพันธุ์สมควรฆ่า!” ราชันเซียนเหรินเสียนก็เผยพลังฆ่าฟันออกมา กล่าวน่าครั่นคร้ามออกมาว่า “พรรคทะยานฟ้า พรรคซือเสินและอื่นๆ สมควรถูกลบชื่อออกไปจากทวีปเจียวเหิงโจว!” จังหวะที่เขาพูดกระบี่ยาวที่อยู่ในมือก็ได้เผยปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมาแล้ว
“จุ้งเทียน ไม่ว่าจะเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อส่วนตัว วันนี้ก็ต้องเด็ดหัวของเจ้าให้ได้!” ราชันเซียนมู่เทียนก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้หน้าเซียนหวังจุ้งเทียน
เซียนหวังจุ้งเทียนก็นับเป็นผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรมายุคสมัยหนึ่งมาแล้ว เมื่อถูกดูแคลนเช่นนี้ก็ส่งเสียงฮึเย็นชาออกมา หัวเราะอย่างทระนง และกล่าวว่า “มู่เทียน เจ้าเองออกจะสำคัญตนมากเกินไปแล้ว ใครจะเพลี้ยงพล้ำยังไม่แน่! ใยต้องกลัวที่จะสู้กับเจ้า!”
“เมื่อคึกครื้นเช่นนี้ ก็สู้กันเลยก็แล้วกัน” เวลานี้ราชันมารอวี่หลุนก็นำพาจอมราชันทั้งสามของตระกูล และราชันมาหลงเชียง ราชันเทพเจี๋ยเตาทั้งหมดร่วมมือกันท้าสู้โดยตรงกับราชันเซียนทุนยื่อ
“ทุนยื่อ ครั้งนั้นศึกล่าราชันเจ้าไม่ตาย วันนี้สมควรที่เจ้าต้องดับดิ้นได้แล้ว!” ราชันมารหลงเชียงนับว่าเปี่ยมด้วยความพาลยิ่ง พวกเขาที่เป็นจอมราชันทั้งหกได้ตั้งขบวนเตรียมล้อมโจมตีต่อราชันเซียนทุนยื่อ
“พี่ท่าน เช่นนั้นแล้วก็ให้พวกเรามาประลองเคล็ดวิชากระบี่กัน ข้าจะดูว่าเป็นคนหนุ่มมีพลังน่าเคารพเลื่อมใส หรือว่าผู้อาวุโสแข็งแกร่งกว่า!” ราชันเจี้ยนตี้ก็ร้องคำรามเสียงยาวคำหนึ่ง เปี่ยมด้วยความหยิ่งทระนง ส่งคำท้าสู้ต่อราชันเซียนเหรินเสียน!
“ถูกต้อง ใยต้องกลัวการต่อสู้!” เทพสงครามร้อยแขนก็คำรามเสียงยาวและเอ่ยขึ้น
ในเวลานี้ บรรยากาศได้ตึงเครียดถึงขีดสุด จอมราชันเซียนหวังแต่ละคนต่างเลือกเป้าหมายของตนเอาไว้ ทยอยกันล็อคตัวคู่ต่อสู้ของตน แน่นอน เวลานี้ไม่มีใครที่ไปท้าสู้กับหลี่ชิเย่ ในใจของทุกคนต่างมอบผู้ดำรงอยู่ในฐานะอีกาทมิฬให้กับราชันซื่อตี้
“ทุกท่าน ฟังคำข้า” ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะเข้าปะทะกัน หลี่ชิเย่ได้ยิ้มกล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา
นี่คือผู้ที่ดำรงอยู่นิรันดร์กาล มือมืดที่อยู่เบื้องหลัง คำพูดของหลี่ชิเย่เพียงคำเดียวในเวลานี้สามารถหยุดยั้งทุกคนได้ ต่อให้เป็นพวกราชันเจี้ยนตี้ที่เปี่ยมด้วยความหยิ่งทระนงก็ไม่กล้าไม่หันมองไปทางหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่โบกมือให้กับพวกของราชันเซียนเหรินเสียน กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “เหรินเสียน ทุนยื่อ ราชันเซียนเช่นพวกเจ้าสามารถมาได้ข้ารู้สึกดีใจมากแล้วหละ พวกเจ้ามาจากทางไหนก็กลับไปทางนั้นเถอะ ที่นี่มอบให้เป็นหน้าที่ของข้าก็พอแล้ว”