คำพูดของเทพโบราณกุยฝานทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องจ้องมองตากันและกัน คำพูดของเขาคือจุดอ่อนของราชันซื่อตี้จริงๆ
จอมราชันเซียนหวังมีข้อดีของจอมราชันเซียนหวัง ขณะที่จอมเทพก็มีข้อดีของจอมเทพ ระหว่างจอมราชันเซียนหวัง กับจอมเทพด้วยกัน ยังไม่ต้องพูดถึงกรณีว่าใครแข็งแกร่งใครอ่อนด้อยกว่ากัน ว่ากันถึงข้อดีต่างๆ นานาแล้ว ในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูนั้น จอมราชันเซียนหวังสามารถต้านทานต่อการโจมตีได้มากกว่า ตายได้ยากกว่า
ถ้าหากบุคคลทั่วไป หรือต่อให้เป็นจอมเทพระดับสูง คิดจะสังหารจอมราชันเซียนหวังถึงตายนั้นใช่เป็นเรื่องง่ายดาย เนื่องจากขอเพียงชะตาฟ้ายังคงอยู่จอมราชันเซียนหวังก็จะไม่ตาย การที่จอมเทพคิดทำลายชะตาฟ้าให้สลายไปหาใช่เป็นเรื่องง่ายดาย
แต่ว่า จอมเทพก็มีข้อดีของจอมเทพ พูดถึงกรณีของสวรรค์ลงทัณฑ์ก็แล้วกัน โอกาสที่สวรรค์ลงทัณฑ์จะเกิดขึ้นกับจอมเทพมีอัตราส่วนที่ต่ำกว่าจอมราชันมากทีเดียว เนื่องเพราะเหตุนี้เอง หลังจากที่ผ่านพ้นยุคสมัยของตนเองไปแล้ว จอมเทพกล้าที่จะท่องไปในโลกหล้า ขณะที่จอมราชันเซียนหวังไม่แน่ เพราะสวรรค์ลงทัณฑ์พร้อมที่จะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ยกตัวอย่างกรณีของราชันซื่อตี้กับเทพโบราณกุยฝาน พวกเขาต่างเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด แต่ว่า เนื่องจากราชันซื่อตี้ได้หลบเลี่ยงสวรรค์ลงทัณฑ์มามากเกินไป เมื่อไรที่ปรากฏตัวบนโลกหล้า ก็พร้อมจะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ทุกที่ทุกเวลา ขณะที่โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์สวรรค์ลงทัณฑ์กับเทพโบราณกุยฝานนั้นมีอัตราส่วนที่ต่ำกว่าราชันซื่อตี้มากมายทีเดียว
เวลานี้ สวรรค์ลงทัณฑ์ของราชันซื่อตี้ก็ได้ปรากฏวับๆ พร้อมที่จะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ขณะที่สวรรค์ลงทัณฑ์ของเทพโบราณกุยฝานกลับไม่ปรากฏ
เว้นแต่ราชันซื่อตี้สามารถสังหารเทพโบราณกุยฝานได้ภายในสามถึงห้ากระบวนท่า มิฉะนั้นหละก็ยิ่งเวลาถูกหน่วงยืดออกไปนานเท่าไร ก็จะไม่เป็นผลดีต่อราชันซื่อตี้ สวรรค์ลงทัณฑ์พร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ถึงเวลานั้นแล้วหากราชันซื่อตี้ด้านหนึ่งคิดจะต่อต้านสวรรค์ลงทัณฑ์ อีกด้านหนึ่งต่าสู้กับเทพโบราณกุยฝานไปด้วย นั่นเท่ากับเป็นตายเท่ากันแล้ว
แน่นอนที่สุด ราชันซื่อตี้ย่อมไม่สามารถสังหารเทพโบราณกุยฝานได้ภายในสามถึงห้ากระบวนท่าอยู่แล้ว ในฐานะเป็นเทพโบราณที่หาได้ยากยิ่ง ไหนเลยจะถูกสังหารได้โดยง่ายดาย
“ไม่เลว ของชิ้นนี้ไม่เลวเลย” จังหวะที่เทพโบราณกุยฝานได้ขวางราชันซื่อตี้เอาไว้แล้วนั้น ชุดเกราะเซียนหยินโจ้วได้ตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ เขาตบมือแล้วหัวเราะเสียงดังขึ้นมา
หน้าตาของราชันสวรรค์ยิวดูไม่จืดถึงขีดสุดเมื่อมองเห็นชุดเกราะเซียนหยินโจ้วตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ สมควรรู้ว่าชุดเกราะเซียนหยินโจ้วคือของวิเศษคู่บ้านคู่เมืองของสวรรค์ ต้องตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่เช่นนี้ แล้วจะไม่ให้หน้าของราชันสวรรค์ยิวดูไม่จืดถึงขีดสุดได้อย่างไร
แม้ว่าราชันสวรรค์ยิวเคยทดลองเรียกคืนชุดเกราะเซียนหยินโจ้วของพวกเขา แต่ว่า ชุดเกราะเซียนหยินโจ้วถูกพันธนาการโดยชะตาดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ของหลี่ชิเย่ แม้ว่าราชันสวรรค์ยิวจะกุมคาถาที่สามารถเรียกกลับคืนเอาไว้ได้ก็ทำไม่สำเร็จ เว้นแต่ราชันสวรรค์ยิวสามารถแข็งขืนแย่งชิงเอาชะตาดั้งเดิมดึกดำบรรพ์มาจากหลี่ชิเย่ แน่นอน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“พี่ท่าน ช่วยข้าแย่งชิงเอาของวิเศษยอดเยี่ยมกลับมาด้วย!” ราชันสวรรค์ยิวร้องกล่าวต่อราชันซื่อตี้ในทันที
เปรี๊ยะ…พลันที่ราชันสวรรค์ยิวพูดขาดคำ เหนือศีรษะของราชันซื่อตี้ปรากฏสายฟ้าแลบผ่านศีรษะไป ทำให้สีหน้าของราชันซื่อตี้ดูเครียดขึ้นมา พวกของราชันสวรรค์ยิวต่างทยอยกันถอยหลังเว้นระยะห่างกันไป เพราะหากสวรรค์ลงทัณฑ์ของราชันซื่อตี้ปรากฎและผ่าลงมา อานุภาพต้องยากจะหาใดเทียม และพวกเขาจะต้องพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย
“ใช้เคล็ดปราบกบฏ” เวลานี้ราชันซื่อตี้สีหน้าเคร่งเครียด สั่งการต่อราชันสวรรค์ยิวว่า “ข้าจะคุมเชิงให้กับพวกเจ้า” ขาดคำ ก้าวเดียวเข้าไปอยู่ภายในประตูมิติ
“ดี ราชันซื่อตี้ เจ้าไม่ลงมือ ข้าก็จะไม่ลงมือ” เทพโบราณกุยฝานหัวเราะเสียงดัง ควบคุมช่องว่าง เสียงแว้งค์ดังขึ้น เปิดประตูมิติขึ้นมา และเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังประตูมิติเช่นกัน
ย่อมไม่ต้องสงสัย เทพโบราณกุยฝานก็มีการเตรียมการมาก่อนเช่นเดียวกับราชันซื่อตี้ ทั้งสองฝ่ายต่างสร้างประตูมิติที่สามารถก้าวข้ามระหว่างโลกสองโลกได้ แน่นอน ประตูมิติเช่นนี้มีเพียงผู้ดำรงอยู่ในสถานะอย่างพวกเขาเท่านั้นจึงมีฝีมือที่จะสร้างขึ้นมาได้
ทั้งเทพโบราณกุยฝานและราชันซื่อตี้ต่างกลายเป็นกำลังสำรองไป ทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิงไว้ ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องมองตากันและกัน
ราชันซื่อตี้จนด้วยเกล้า เมื่อมีสวรรค์ลงทัณฑ์คุมอยู่เหนือศีรษะ ขณะที่เทพโบราณกุยฝานก็ไม่มีแนวคิดจะเข้าร่วมการต่อสู้ เพียงแค่จ้องเล่นงานแต่ราชันซื่อตี้เท่านั้น
คำพูดของราชันซื่อตี้ทำให้ราชันสวรรค์ยิวต้องหน้าเปลี่ยนสี เขาไม่ได้หมายถึงคำพูดของราชันซื่อตี้ที่ต้องการคุมเชิง แต่เป็น ‘เคล็ดปราบกบฏ! ’ ที่ราชันซื่อตี้พูดถึง สุดท้าย ราชันสวรรค์ยิวกัดฟันตัดสินใจเด็ดขาด และกล่าวว่า “บรรดาสหายทั้งหลายช่วยข้าอีก อาศัยเคล็ดปราบกบฏทำลายเจ้าอัปลักษณ์นี้เสีย!”
‘เคล็ดปราบกบฏ!’ สีหน้าของบรรดาเหล่าจอมราชันเซียนหวังล้วนเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของราชันสวรรค์ยิว โดยเฉพาะจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าด้วยแล้ว ยิ่งมีสีหน้าที่ดูหนักแน่นจริงจังขึ้นมา
“ตั้งใจจะอาศัยเคล็ดปราบกบฏจริงๆ หน่ะหรือ?” มีจอมราชันเซียนหวังที่เกิดความลังเลขึ้นมา จะอย่างไรเสียพวกเขามาด้วยเรื่องของวิเศษสถาบันศึกษาเทพเจ้า ไม่นึกเลยว่าจะกลับกลายมาถึงขั้นนี้ได้
‘เคล็ดปราบกบฏ!’ แม้แต่ระดับจอมเทพที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้างก็ต้องรู้สึกหัวใจเต้นกระตุกทีหนึ่ง เมื่อได้ยินชื่อนี้เข้า
“อะไรคือเคล็ดปราบกบฏ?” ระดับจอมเทพรุ่นใหม่ไม่รู้ว่าอะไรคือ ‘เคล็ดปราบกบฏ!’ รู้สึกประหลาดใจ
“ได้รับการยกย่องว่าเป็นคำสาปที่ชั่วร้ายมากที่สุดของโลก เมื่อใดที่ไม่สามารถควบคุมมันได้ก็จะพ่วงเอาคนทั้งหมดของตนเข้าไปด้วย! ต่อให้มีชะตาฟ้าในครอบครองก็ตาม ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย” จอมเทพผู้หนึ่งถึงกับเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
แท้จริงแล้วเคล็ดปราบกบฏถูกสร้างขึ้นมาโดยเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าในครั้งครานั้น เพื่อต่อต้านกับอเวจี สิ่งนี้หาใช่เคล็ดวิชาแขนงหนึ่ง และก็ไม่ใช่เคล็ดวิชาสังหารอะไรสักอย่าง แต่มันคือคำสาปประเภทหนึ่ง เป็นคำสาปที่ผู้ใช้คำสาปอาศัยชีวิต ชะตาฟ้า พลังลมปราณ และทุกสิ่งทุกอย่างของตนมาปล่อยคำสาปนี้ออกไป
เมื่อใดที่มีการใช้คำสาปประเภทนี้แล้ว ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมีความน่ากลัวเพียงใด มีความแข็งแกร่งเท่าใด ล้วนแล้วแต่ยากที่จะนี้หลีกหนีไปได้ ถ้าหากไม่สามารถต่อต้านกับคำสาปนี้ได้หละก็ ผู้นั้นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ หากว่าคู่ต่อสู้สามารถต้านกับคำสาปนี้ได้หละก็ นั่นหมายถึงผู้ปล่อยคำสาปจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน!
เล่าลือกันว่า ขณะที่อเวจีอาละวาดไปทั่งสิบสามทวีปในครั้งครานั้น เนื่องจากอเวจีเป็นเผ่าพันธุ์ที่ชั่วร้ายและสยดสยองมากเป็นพิเศษ ยากแก่การฆ่าพวกเขาให้ตาย ดังนั้น เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าจึงได้ทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง สร้าง ‘เคล็ดปราบกบฏ’ ที่ชั่วร้ายยิ่งประเภทนี้ขึ้นมา
มีผู้กล่าวว่า ‘เคล็ดปราบกบฏ’ มาจากฝีมือของราชันเทพชิงมู่ เป็นราชันเทพชิงมู่ที่คิดสร้างโครงร่างของ ‘เคล็ดปราบกบฏ’ ขึ้นมา สุดท้ายอาศัยบรรดาจอมราชันร่วมมือกันทำให้ ‘เคล็ดปราบกบฏ’ มีความสมบูรณ์ขึ้นมา และก็มีผู้ที่เห็นว่า ‘เคล็ดปราบกบฏ’ เกิดจากมันสมองของจอมราชันจากเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าร่วมกันสร้างสรรขึ้นมา
“จะแพ้หรือชนะล้วนขึ้นอยู่กับวันนี้!” เมื่อราชันสวรรค์ยิวเห็นว่ามีจอมราชันเซียนหวังบังเกิดความลังเลขึ้น จึงร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “อาศัยชะตาฟ้ามากมายของพวกเรา ยังจะกลัวว่าไม่สำเร็จอีกรึ? ต้องสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย! แต่ว่า หากทุกท่านยังคงลังเลอยู่ พ้นจากวันนี้ไปแล้วต่อให้หนีไปได้ วันหน้าก็ต้องถูกคิดปัญชีอย่างแน่นอน!”
คำพูดลักษณะเช่นนี้ของราชันสวรรค์ยิวก็ไม่ถือว่าเป็นคำขู่ ที่พูดมานั้นเป็นความจริง
“ตกลง พวกเราจะร่วมกันปล่อย ‘เคล็ดปราบกบฏ!’ ด้วยกัน” สุดท้าย บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่ลังเลใจก็ตัดสินใจเด็ดขาด! มาวันนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว พวกเขาได้แตกหักกับอีกาทมิฬอย่างสิ้นเชิง วันนี้หากไม่ใช่เจ้าตายก็คือข้าม้วย หากพ้นจากวันนี้ไปแล้วก็เหมือนเช่นราชันสวรรค์ได้พูดเอาไว้ ต่อให้พวกเขาสามารถหนีไปจากที่นี่ได้ วันหน้าก็ต้องถูกอีกาทมิฬตามคิดบัญชีอยู่ดี
ทุกคนต่างรู้ดีถึงท่าทีของอีกาทมิฬ เข่นฆ่าไร้ความปราณี ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อเป็นศัตรูกับเขาต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอน ไม่เคยมีศัตรูคนใดสามารถมีจุดจบที่ดีได้!
“เคล็ดปราบกบฏ!” เวลานี้ ราชันสวรรค์ยิวคำรามเสียงยาวออกมา ปากท่องบ่นเป็นคาถา มองเห็นคาถาแต่ละคาถาที่ปรากฎออกมาแล้วสลักลงบนตัวของบรรดาจอมราชันเซียนหวัง ‘เคล็ดปราบกบฏ’ ถูกสลักเอาไว้บริเวณกลางหน้าผากของเหล่าราชัน
เคล็ดปราบกบฏ…พริบตาเดียวนั่นเอง จิตเทพของบรรดาเหล่าจอมราชันเซียนหวังและราชันสวรรค์ยิวเชื่อมเข้าด้วยกัน และร่วมสำแดงเคล็ดปราบกบฏกับราชันสวรรค์ยิวโดยพร้อมเพรียงกัน.ไอลีนโนเวล.
เคล็ดปราบกบฏคือแรงกายแรงใจของเหล่าจอมราชันจากเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่า ผู้ที่กุม ‘เคล็ดปราบกบฏ’ ก็คือบุคคลที่เป็นจอมราชันรุ่นบุกเบิกของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่ากลุ่มใหญ่ในครั้งครานั้น! เรียกได้ว่าเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าจะไม่ยอมถ่ายทอด ‘เคล็ดปราบกบฏ’ ให้กับบุคคลภายนอกอยู่แล้ว
บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยก็ไม่รู้จัก ‘เคล็ดปราบกบฏ’ เช่นกัน แต่ทว่าเวลานี้ราชันสวรรค์ยิวได้นำเอาคาถาของ ‘เคล็ดปราบกบฏ’ ประทับลงบนตัวของพวกเขา พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องรู้จัก ‘เคล็ดปราบกบฏ’ แค่สำแดงคาถาตามพวกของราชันสวรรค์ยิวไปพร้อมๆ กันก็พอแล้ว
แว้งค์…เสียงแต่ละเสียงที่ดังขึ้น พริบตาเดียวนั่นเอง ชะตาฟ้า พลังลมปราณ เลือดวัฒนะ สัจธรรมของบรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่ในเหตุการณ์ พลันหลอมรวมเข้าไปอยู่ในคำสาป กลายเป็นกลิ่นอายมรณะจางๆ ขึ้นมา พริบตาเดียวนั่นเอง กลิ่นอายมรณะได้กระจายไปทุกที่ทุกมุม ขอเพียงบุคคลผู้นั้นเป็นผู้ที่มีชีวิตก็จะตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายมรณะ ต่อให้หนีไปเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินก็หนีไม่พ้นจากกลิ่นอายมรณะที่อยู่ในคำสาปที่ชั่วร้ายประเภทนี้!
สิ่งนี่คือพลังจากคำสาปชั่วร้าย เมื่อไรที่เป้าหมายถูกพันธนาการด้วยคำสาป จะไม่สามารถหนีรอดไปไหนได้อีกต่อไป
เสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้นเองรอบๆ ตัวของหลี่ชิเย่ปรากฏเป็นสีเทาๆ ไปทั่ว ต่อให้หลี่ชิเย่คิดจะหลบหนีก็หนีไม่พ้นพลังคำสาปเช่นนี้ไปได้ มันมีอยู่ทุกที่ นี่แหละคือจุดที่น่าสยองขวัญของ ‘เคล็ดปราบกบฏ’
‘เคล็ดปราบกบฏ!’ หลี่ชิเย่รับรู้ได้ถึงพลังสาปแช่งชั่วร้ายถึงกับหัวเร่าะขึ้นมา และกล่าวว่า “ครั้งนั้น พวกเจ้าขับไล่อเวจีชั่วร้ายที่ยังคงหลงเหลืออยู่ลงไปยังเก้าแดน ข้าเคยมาสิบสามทวีปเพื่อค้นหาวิธีทำลาย พวกเจ้าเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่ากลับเห็นแก่ตัว มาวันนี้กลับนำเอาคำสาปนี้มาใช้บนตัวข้า น่าสนใจ” กล่าวพลางหัวเราะเสียงดังออกมา
ครั้งนั้น ขณะที่อเวจีปกครองเก้าแดน หลี่ชิเย่เคยขึ้นมาที่แดนสิบเพื่อค้นหาวิธีทำลายอเวจี เนื่องจากเผ่าพันธุ์อเวจีที่ชั่วร้ายยากที่จะฆ่าให้ตายได้
ครั้งนั้นเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าเป็นผู้ขับไล่อเวจีลงไปยังเก้าแดน เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าเป็นผู้กุมวิธีทำลายอเวจีเอาไว้ ซึ่งก็คือ ‘เคล็ดปราบกบฏ’ นั่นเอง
แน่นอนที่สุด สำหรับคำของของหลี่ชิเย่นั้น เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าย่อมไม่ยอมถ่ายทอด ‘เคล็ดปราบกบฏ’ ให้กับหลี่ชิเย่อยู่แล้ว
ภายหลัง หลี่ชิเย่ได้ทุ่มเทสุดความสามารถ และสามารถคิดค้นวิธีการกำจัดอเวจีได้ในที่สุด
ตูม…เสียงดังสนั่นขึ้นมา เวลานี้พลังลมปราณทั่วร่างของหลี่ชิเย่ได้พวยพุ่งออกมา พลังสัจธรรมปรากฎออกมาไม่ขาดสาย พลังทั้งหมดล้วนแล้วแต่วนเวียนรอบๆ ร่างกาย
จี๊ด…แต่ทว่า ในพริบตาเดียวนี่เอง ต่อให้หลี่ชิเย่ที่มีพลังที่ไม่มีสิ้นสุดปกป้องคุ้มครองไปทั่วร่าง แต่ว่า บนตัวของเขายังคงปรากฎเป็นจุดเล็กๆ ขึ้นมา โดยที่จุดเล็กๆ ดังกล่าวจะออกเป็นสีดำ ดูไปแล้วเหมือนเป็นไฝฝ้าที่ไม่สะดุดตานัก
แต่หลังจากนั้น เรื่องที่น่าสยดสยองก็ตามมา ไฝฝ้าขนาดเล็กคล้ายดั่งเป็นกระดาษที่ถูกลนด้วยไฟค่อยๆ ขยายวงกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“ไป…” หลี่ชิเย่คำรามเสียงยาว พลังลมปราณดั่งทะเล อาศัยพลังและลมปราณที่น่าเกรงขามปราศจากผู้ต่อกรไปไล่จุดเล็กๆ ที่อยู่บนตัว
พลังลมปราณของหลี่ชิเย่มีความพาลและรุนแรงยิ่งนัก ภายใต้การไล่ของเขา ไฝฝ้าขนาดเล็กนั้นค่อยๆ หดตัวลง
แต่ว่า ขณะที่หลี่ชิเย่กำลังจะไล่เจ้าไฝฝ้าเล็กๆ นั้นให้สลายไปนั้น ปรากฎเป็นไฝฝ้าจุดใหม่ขึ้นบนลำตัวอีกแห่ง และมันก็เริ่มแผ่ขยายออกไปจนมีขนาดใหญ่ขึ้นๆ
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น บนตัวของหลี่ชิเย่ได้พวยพุ่งเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ปราศจากผู้เทียบเทียมออกมา!
……………