ในขณะที่ความมืดเป็นเหมือนดั่งคลื่นยักษ์นั้น ตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น โลกดึกดำบรรพ์ได้กลายเป็นกระจกบานหนึ่ง ขณะที่สถาบันศึกษาเทพเจ้าก็อยู่กลางกระจกนั่น!
ปรากฏประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งออกมาทั่วบริเวณโลกดึกดำบรรพ์ มีการพวยพุ่งเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากทุกๆ ตารางนิ้วบนผืนแผ่นดินโลกดึกดำบรรพ์ เหมือนว่าประกายศักดิ์สิทธิ์ได้แทรกซึมอยู่ในทุกๆ อณูของพื้นดินและอากาศภายในโลกดึกดำบรรพ์มานานแล้ว
เสียงตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น ท่ามกลางเสียงที่ดังตูมตาม สถาบันศึกษาเทพเจ้าในฐานแกนกลางของบานกระจกพลันพวยพุ่งประกายศักดิ์สิทธิ์ขนาดยักษ์ยากหาใดเทียมออกมาสายหนึ่ง ประกายศักดิ์สิทธิ์สายนี้สามารถชะล้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ขณะที่ประกายศักดิ์สิทธิ์ขนาดยักษ์ยากจะหาใดเทียมพวยพุ่งออกมานั้น ได้ทำให้ความมืดทั้งหมดถูกกลั่นจนบริสุทธิ์โดยพลัน
ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งเข้ามา ทำให้ความมืดจำนวนมากถูกเผาไหม้ไป กลายเป็นเถ้าธุลีที่ปลิวว่อนลงมา ภายใต้การพุ่งโจมตีของประกายศักดิ์สิทธิ์ เพลิงแห่งความมืดก็ถูกเผาผลาญไปเช่นกัน ไม่ทันได้เข้าถึงเลือดสดๆ ของหลี่ชิเย่
“สถาบันศึกษาเทพเจ้ายังมีพลังเช่นนี้อยู่อีกรึ?” การที่จู่ๆ สถาบันศึกษาเทพเจ้ากลับกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นมากะทันหัน ได้สร้างความตระหนกตกใจให้กับทุกคน ก่อนหน้านั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าสถาบันศึกษาเทพเจ้าถึงวาระสุดท้ายแล้ว หากสถาบันศึกษาเทพเจ้าสามารถเอาตัวเองให้รอดได้ก็เรียกว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
แต่ทว่า เวลานี้สถาบันศึกษาเทพเจ้า พลันกลับกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังมีกำลังที่จะสู้กับราชันมารกวงหมิงที่กลับกลายเป็นความมืดนั่น ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ
“สมควรทำลาย!” เมื่อถูกประกายศักดิ์สิทธิ์ขวางเอาไว้ ทำให้ราชันมารกวงหมิงที่ถูกอำนาจมืดสิงร่างคำรามเสียงดัง และค้อนในมือได้ทุบลงมาทะลุผ่านประกายศักดิ์สิทธิ์ขนาดยักษ์สุดเทียบเทียมนั้น พุ่งโจมตีเข้าไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้า
ตูมหนึ่งค้อนทำลายฟ้า การโจมตีเช่นนี้น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ภายใต้การโจมตีครั้งนี้ทำให้สถาบันศึกษาเทพเจ้าสั่นคลอนดุจจะร่วงหล่นลงมา เหมือนเทียนที่อยู่ท่ามกลางสายลม พร้อมจะดับลงได้ทุกเมื่อ
ปัง…ขณะที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังจะถูกทำลายภายใต้หนึ่งค้อนนั้น ปรากฏเป็นตราประทับหนึ่งที่พุ่งกระแทกเข้ามา ทำให้ค้อนถูกกระแทกจนปลิวกระเด็นออกไป!
“คิดทำลายสถาบันศึกษาเทพเจ้า ถามข้าเสียก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่!” เป็นเสียงของบุรุษวัยกลางคนผู้มีหน้าตาหล่อเหลาบุคลิกสง่างามและสีหน้าท่าทางที่เปล่งปลั่งมีชีวิตชีวาผู้หนึ่งปรากฎอยู่เหนือสถาบันศึกษาเทพเจ้า ไม่มีผู้ใดเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขามาได้อย่างไร เขายืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น ด้วยความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขาม ผืนแผ่นดินเหมือนกลับคืนสู่วสันตะฤดูอีกครั้ง ตัวของเขาเปี่ยมด้วยพลังชีวิตที่ไม่มีสิ้นสุด
เซียนหวังอิเย่…จังหวะที่สถาบันศึกษาเทพเจ้ากำลังจะถูกทำลายนั้น บุรุษวัยกลางคนผู้นี้ได้ช่วยเหลือสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้ ได้มีเซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์ร้องเสียงดังขึ้นมา เมื่อมองเห็นลักษณะของบุรุษวัยกลางคนผู้นี้ได้อย่างชัดเจน
“เซียนหวังอิเย่มาอยู่ที่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน?” การโผล่ออกมากะทันหันของเซียนหวังอิเย่ทำให้ทุกคนถึงกับงงงัน ทุกคนต่างรู้ดีว่าเซียนหวังอิเย่ถูกราชันเสวียนตี้หลอกล่อให้ไปจาก เขาไปศึกษากับราชันเสวียนตี้นานแล้ว เวลานี้เซียนหวังอิเย่กลับลงมือช่วยสถาบันศึกษาเทพเจ้าเอาไว้ได้โดยพลัน การพลิกจู่โจมกลับหลังกะทันหันเช่นนี้ ทำให้ทุกคนต่างไม่ทันตั้งตัว!
“ถุย ถุย ถุย ฝีมือการเดินหมากของเสวียนตี้ต่ำมาก ต่อไปจะไม่นั่งเล่นหมากกับเขาอีกแล้ว” เวลานี้ เซียนหวังอิเย่เอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
จากการหัวเราะเสียงดังของเซียนหวังอิเย่ ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ปรากฏชุดเกราะเซียนชุดหนึ่งได้ถูกสวมเอาไว้บนตัว ส่งประกายเซียนวูบวาบออกมา จากการสวมใส่ชุดเกราะเซียนชุดนั้น ปรากฎตราประทับที่ลอยล่องอยู่เหนือศีรษะของเขา
“ตราประทับเหรินหวัง นั่น นั่น นั่นมันชุดเซียนแท้จริงของลิ่วเต้าเหรินหวังนี่!” มีผู้ที่ร้องเสียงแหลมดังขึ้นมา หลังจากได้มองเห็นชุดเกราะเซียนบนตัวของเซียนหวังอิเย่ชัดเจนแล้ว
มาคราวนี้ทำให้ทุกคนต่างเซ่อไปเลย ทั่วทั้งโลกมีชุดเกราะเซียนแท้จริงอยู่เพียงห้าชุดเท่านั้น ลิ่วเต้าเหรินหวังในครั้งนั้นเป็นผู้ครอบครองอยู่ชุดหนึ่ง โดยชุดเซียนแท้จริงชุดนี้ลิ่วเต้าเหรินหวังได้ตั้งชื่อให้กับมันว่า ‘ตราประทับเหรินหวัง’ แต่ทว่า หลังจากที่ลิ่วเต้าเหรินหวังตายอนาถภายใต้สวรรค์ลงทัณฑ์แล้วนั้น ชุดเซียนแท้จริงชุดนี้ก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่เคยได้ปรากฏตัวออกมาอีกเลย
แต่ว่า วันนี้ชุดเซียนแท้จริงของลิ่วเต้าเหรินหวังกลับปรากฏอยู่บนตัวของเซียนหวังอิเย่ สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ทำให้ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน และเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดคิดของทุกคน
“นี่ นี่ออกจะซ่อนได้มิดชิดมากเกินไปแล้วกระมัง ร้อยชาติพันธุ์ซ่อนได้ลึกเหลือเกิน ลึกมากเหลือเกิน!” มีจอมราชันที่รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ในใจและเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างที่สั่นเทิ้มทีหนึ่ง
นาทีนี้ทุกคนจึงตระหนักได้ว่า เป็นไปไม่ได้ที่เซียนหวังอิเย่เพิ่งจะได้รับชุดเซียนแท้จริงของลิ่วเต้าเหรินหวังวันนี้เอง เกรงว่าคงได้รับมานานมากแล้ว กระทั่งอาจเป็นไปได้ที่เซียนหวังอิเย่ได้ชุดเซียนแท้จริงของลิ่วเต้าเหรินหวังมาตั้งแต่ก่อนที่ได้เป็นเซียนหวังเสียอีก!
แต่ว่า ในสิบสามทวีปไม่มีใครรู้ว่าเซียนหวังอิเย่เป็นผู้ที่ได้ครอบครองชุดเซียนแท้จริงของลิ่วเต้าเหรินหวัง เมื่อเป็นเช่นนี้ปัญหาย่อมจะเกิดขึ้นแล้วหละ ในเมื่อเซียนหวังอิเย่เป็นผู้ได้ชุดเซียนแท้จริงของลิ่วเต้าเหรินหวังไปครอบครองเพราะอะไรจึงต้องปิดบังถึงขนาดนี้?
กรณีนี้ทำให้ทุกคนนึกถึงคนๆ หนึ่งพร้อมๆ กัน นั่นก็คืออีกาทมิฬนั่นเอง! เซียนหวังอิเย่กับอีกาทมิฬมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นเฟ้น กระทั่งอาจเป็นไปได้ว่าการได้ครอบครองชุดเซียนแท้จริงของลิ่วเต้าเหรินหวังของเซียนหวังอิเย่ก็หนีไม่พ้นการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยของอีกาทมิฬ
แต่ว่า พวกเขาได้ครอบครองชุดเซียนแท้จริงของลิ่วเต้าเหรินหวังแล้วกลับปิดเงียบไม่ปิดเผย พวกเขาปิดบังได้มิดชิดขนาดนี้เพื่ออะไรกันแน่? เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องร่างสั่นเทิ้มขึ้นมา
ทุกคนจึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่า ศึกในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ไตร่ตรองเอาไว้ก่อน อาศัยท่าทีของจอมราชันเซียนหวัง การวางเกมแต่ละเกมของโลกดึกดำบรรพ์แล้ว ศึกในครั้งนี้ได้มีการตระเตรียมกันมาตั้งแต่ยุคสมัยที่ยาวนานมาก พวกเขาได้วางหลุมพรางเอาไว้ตลอด เพียงแต่รอให้การมาถึงของวันนี้เท่านั้นเอง.ไอลีนโนเวล.
แต่ว่าพวกของราชันสวรรค์ยิว เซียนหวังจุ้งเทียน ราชันเจี้ยนตี้ กระทั่งราชันซื่อตี้เอง พวกเขากลับกระโดดลงไปในหลุมพรางอย่างซื่อบื้อ!
ตูม…เสียงดังสนั่น ชะตาฟ้าทั้งสิบสองสายของเซียนหวังอิเย่ลอยล่อง ตราประทับเหรินหวังอยู่ในมือ ด้วยท่าทีที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า
“ชุดเซียนแท้จริง และชะตาฟ้าสิบสองสาย!” เวลานี้ดวงตาทั้งสองของราชันมารกวงหมิงที่ถูกอำนาจมืดสิงร่างพลันส่งประกายเยือกเย็นออกมา
“ถูกต้อง เกมวันนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ สร้างขึ้นเพื่อโลงมรณะ ข้ารอวันนี้มานานมากแล้ว” เวลานี้หลี่ชิเย่ได้สร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่สำเร็จ เขาได้ฝากรอยสลักสีแดงสดเอาไว้บนโลงมรณะเอาไว้แล้ว
ผู้ที่ได้ยินคำพูดจากหลี่ชิเย่แล้วถึงกับตัวสั่นดั่งลูกนก อีกาทมิฬย่อมเป็นอีกาทมิฬ วางแผนยาวนานเป็นพันล้านปีเพื่อวันนี้วันเดียว สิ่งนี้ต้องสังเวยชีวิตผู้คนไปจำนวนเท่าไรกันเล่า เป็นการหลอกสังหารจอมราชันเซียนหวังไปเป็นจำนวนเท่าไร!
“อาศัยพวกเจ้าหน่ะหรือ?” แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย ราชันมารกวงหมิงที่ถูกอำนาจมืดสิงร่างยังคงไม่ใส่ใจ ดวงตาทั้งสองเย็นชาและน่าเกรงขาม หมางเมินเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน
“ยังมีข้าอีกคน” เสียงที่พาลยิ่งเสียงหนึ่งดังขึ้น เทพโบราณกุยฝานได้ยืนอยู่ข้างกายของหลี่ชิเย่แล้ว อยู่ใกล้ตัวของหลี่ชิเย่มาก
ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว ประกายตาของจอมราชันเซียนหวังบางคนเต้นกระตุกทีหนึ่ง พึมพำออกมาว่า “นี่มันคือเกมสังหารยิ่งใหญ่นะเนี่ย อีกาทมิฬ เซียนหวังอิเย่ และเทพโบราณกุยฝานต่างกำลังล่าสังหารศัตรูอยู่”
เวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่สะดวก ลำพังแค่อีกาทมิฬคนเดียวก็น่าสยองขวัญอยู่แล้ว เพิ่มเซียนหวังอิเย่กับเทพโบราณกุยฝานเข้าไปอีก มันช่างเป็นเรื่องที่สยองขวัญอะไรอย่างนั้น
“ข้ารู้ว่าวันนี้เจ้าจะต้องมาแน่” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ขณะที่ข้าสังหารบรรพบุรุษหลุนหุยจะต้องสร้างความแตกตื่นให้กับพวกเจ้า พวกเจ้าย่อมรู้ดีว่า ในโลกนี้ยังจะมีใครที่สามารถคุกคามพวกเจ้าได้อีก ดังนั้นพวกเจ้าจึงต้องการให้ข้าตายให้ได้ และต้องการได้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงนี้ของข้า! ดังนั้น สถาบันศึกษาเทพเจ้าตกอยู่ในวิกฤต เหล่าราชันล้อมปราบข้า เป็นโอกาสดีที่สุดที่พวกเจ้าจะสังหารข้า แต่ว่า พวกเจ้ากลับไม่เคยนึกถึงว่า การที่ข้าสังหารบรรพบุรุษหลุนหุยก็เพื่อต้องการให้พวกเจ้าได้รู้ว่าข้าสามารถคุกคามพวกเจ้า และต้องการให้พวกเจ้ามาสังหารข้า ข้ารอการมาถึงของพวกเจ้านั่นแหละ และรอโลงมรณะโลงนี้ด้วย!”
“การเดินเรื่องที่ปะติดปะต่อกันอย่างแน่นเฟ้นเลยนะเนี่ย” ระดับเซียนหวังถึงกับหวาดกลัวจนขนลุกซู่ มาวันนี้จึงได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของอีกาทมิฬ หาใช่เป็นเพราะเขามีความแข็งแกร่งมากมายเพียงใด หาใช่เขาสามารถมีผู้ติดตามที่เป็นจอมราชันเซียนหวังจำนวนเท่าไร แต่เป็นการวางแผนของเขา เมื่อไรที่เขาคิดจะจัดการคนๆ หนึ่ง เกรงว่าไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น เขาอาจจะวางแผนเล่นงานเอาไว้ตั้งแต่พันล้านปีก่อนหน้าแล้วก็เป็นได้!
“แหะแล้วจะอย่างไรเล่า?” ราชันมารกวงหมิงที่ถูกอำนาจมืดสิงร่างหัวเราะเสียงประหลาดแล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่เข้าใจว่าที่ตัวเองเผชิญคือผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด ไม่รู้ว่าที่ตนเองเผชิญอยู่นั้นน่ากลัวเพียงใด!”
“เจ้ายกย่องตัวเองมากเกินไปเสียแล้ว” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมา และกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าเทียบกับสวรรค์โจรแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าสามารถเอาชีวิตรอดกลับมากระทั่งการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวพวกเจ้าอย่างนั้นรึ? เพียงแต่พวกเจ้าซ่อนตัวได้มิดชิดมากเท่านั้นเอง ข้าจึงไม่สะดวกที่จะถอนรากถอนโคนพวกเจ้าตลอดมาเท่านั้นเอง!”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากต่างจ้องมองตากันและกัน มีจอมราชันแอบกระซิบเบาๆ ว่า “เป็นจริงดั่งที่เล่าลือกัน เขาเคยเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายมาแล้วจริงๆ”
ความจริงได้มีจอมราชันเซียนหวังบางส่วนเคยได้ยินตำนานเรื่องนี้มาแล้ว ลือกันว่าอีกาทมิฬเคยเดินทางไกลเพื่อปราบปรามเป็นครั้งสุดท้ายมาแล้วและยังรอดชีวิตกลับมา วันนี้อีกาทมิฬยอมรับด้วยตนเอง จึงทำให้ทุกคนรู้ว่ามันไม่ใช่คำเล่าลือแต่เป็นความจริง!
“ดี จะดูว่าเจ้ามีฝีมือสักแค่ไหนเชียว!” ราชันมารกวงหมิงที่ถูกอำนาจมืดสิงร่างหัวเราะเสียงดังโดยไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเซียนหวังและเทพโบราณที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายก็ยังคงมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “ข้าหาใช่คนอย่างบรรพบุรุษหลุนหุยสามารถเทียบเคียงได้!”
“ถ้าเช่นนั้นก็ลองดู” หลี่ชิเย่ก็หัวเราะเสียงดัง เสียงตูมดังสนั่น ตำหนักสวรรค์พลันหลอมรวมเข้ากับร่างกายของหลี่ชิเย่ พริบตาเดียวนี้เอง ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่ดูเจิดจ้ายิ่งนัก ได้ยินเสียงดังปุ หลี่ชิเย่ถึงกับแย่งชิงและดึงเอาสวรรค์ลงทัณฑ์ที่อยู่บนโลงมรณะออกมา
ตูม ตูม ตูมทันใดนั้นเอง สวรรค์ลงทัณฑ์เข้าโจมตีหลี่ชิเย่อย่างรุนแรง แต่กลับถูกตำหนักสวรรค์ดูดกลืนเอาอย่างบ้าคลั่ง แน่นอนที่สุด ลำพังอาศัยตำหนักสวรรค์ไม่สามารถดึงดูดเอาสวรรค์ลงทัณฑ์มาได้ทั้งหมด เพียงแต่เวลานี้ลัคนาจตุลักษณ์ได้ล้อมและหมุนรอบตำหนักสวรรค์อย่างรวดเร็ว ดวงตรามิติโบราณ บทสัจธรรมสวรรค์แรกเริ่ม ต้นกำเนิดชะตาลึกลับ หน้าแห่งศักราชล้วนแล้วแต่ช่วยกันดูดเอาสวรรค์ลงทัณฑ์ โดยเฉพาะ ดวงตรามิติโบราณเรียกได้ว่าสามารถนำเอาปลาวาฬกลืนเหยื่อมาเปรียบเปรย
ได้ยินเสียงเปรี๊ยะดังขึ้นเสียงหนึ่ง หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้รับเอาสวรรค์ลงทัณฑ์ทั้งหมดมาแล้ว บนตัวของเขาปรากฏเป็นสายฟ้าที่วิ่งไปทั่วร่าง เวลานี้ตัวของเขาเสมือนหนึ่งได้กลายเป็นสวรรค์ลงทัณฑ์ในรูปแบบของคนไปแล้วอย่างนั้น
“เป็นการตลบหลังที่เป็นหนึ่งในหล้านะเนี่ย ต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ” มีผู้ที่พึมพำออกมาเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว
แต่ทว่าสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากไม่เข้าใจก็คือ เพราะอะไรหลี่ชิเย่จึงสามารถทำให้เกิดสวรรค์ลงทัณฑ์ขึ้นมาได้ เพราะอะไรหลี่ชิเย่จึงสามารถควบคุมสวรรค์ลงทัณฑ์ได้ ซึ่งจุดนี้ทุกคนคิดเท่าไรก็คิดไม่ตก
เรื่องนี้ต้องกลับไปที่ราชันเซียนมู่จั่วแล้ว ราชันเซียนมู่จั๋วเคยสังเกตสวรรค์และได้ประสบการณ์มา ดังนั้นเขาจึงได้จดบันทึกประสบการณ์ของตนเอาไว้ ต่อมาก็ได้มอบให้กับหลี่ชิเย่
แต่ว่าหลี่ชิเย่นั้นหาใช่ผู้ที่ราชันเซียนมู่จั่วสามารถเทียบเคียงได้ หลี่ชิเย่เคยไปสุดปลายทางของโลกมาแล้ว เขาจึงมีความเข้าใจตรงนั้นมากกว่า ดังนั้นเขาจึงได้เสริมแต่งประสบการณ์ของราชันเซียนมู่จั๋วจนกระทั่งมีความสมบูรณ์ และสร้างเคล็ดวิชาที่เป็นหนึ่งในใต้หล้าขึ้นมาได้แขนงหนึ่งในที่สุด นั่นก็คือแอบส่องสวรรค์!
เคล็ดวิชาแขนงนี้ก็คือหนึ่งในท่าไม้ตายของหลี่ชิเย่ ขอเพียงจอมราชันเซียนหวังออกจากแดนแห่งการสืบค้นของพวกเขา เขาก็สามารถเรียกเอาสวรรค์ลงทัณฑ์ของจอมราชันเซียนหวังเหล่านั้นลงมาได้!
…………………………………….