ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2105 นิ่งเงียบทั่วหล้า

ตอนที่ 2105 นิ่งเงียบทั่วหล้า

ศึกยิ่งใหญ่ปิดฉากลง ทั่วทั้งสิบสามทวีปกลับกลายเป็นเงียบสงัด พลังที่น่ากลัวยากจะหาใดเทียมสร้างความหวั่นไหวกระเพื่อมไปทั่วสิบสามทวีป สรรพชีวิตนับล้านล้านถูกอำนาจสยบ แต่ทว่า พวกเขาไม่รู้ว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น กระทั่งระดับจอมเทพจำนวนมากก็ไม่รู้ว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา

แม้ว่าจอมราชันเซียนหวังบางส่วนที่ไม่สามารถมาชมศึกครั้งนี้ด้วยตนเองจะคาดการณ์อะไรบางอย่างได้แล้ว แต่ยังคงต้องรอการยืนยันอีกที

ศึกครั้งนี้เงียบสงัดอยู่นานมาก กระทั่งเวลาผ่านไปนานมากจึงได้มีข่าวแพร่ออกมา จะอย่างไรเสียบนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดกั้นเอาไว้ได้ สุดท้ายแล้วกระดาษย่อมไม่สามารถห่อหุ้มไฟเอาไว้ได้

ข่าวที่แพร่ออกมาบอกว่า สถาบันศึกษาเทพเจ้าวิกฤต เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าร่วมมือกันล้อมปราบสถาบันศึกษาเทพเจ้า มีเซียนหวังจุ้งเทียนและเซียนหวังอื่นๆ ที่เป็นเซียนหวังเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกสิบกว่าคนที่อยากได้ในทรัพยากรและสมบัติของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามาก เข้าร่วมในขบวนการล้อมปราบสถาบันศึกษาเทพเจ้าครั้งนี้ด้วย

แต่ว่า ศักยภาพของสถาบันศึกษาเทพเจ้ามีความเข้มแข็ง ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากเซียนหวังเถาโซ่วเป็นต้นที่เป็นเซียนหวังของร้อยชาติพันธุ์เข้าช่วยเหลือ สุดท้าย เซียนหวังอิเย่และเทพโบราณกุยฝานก็มาด้วยตนเอง ทำการต่อต้านจอมราชันและจอมเทพของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าอย่างแข็งขัน สู้รบกันถึงที่สุด กระทั่งมีผู้ดำรงอยู่ในสถานะอำนาจมืดก็อยากได้ในสมบัติของสถาบันศึกษาเทพเจ้าอย่างยิ่ง จึงได้ยื่นกรงเล็บมารเข้าหาสถาบันศึกษาเทพเจ้า

แต่ทว่า ภายใต้การร่วมมือของเหล่าราชัน ไม่เพียงเอาชนะผู้ดำรงอยู่ในสถานะของอำนาจมืด ยิ่งไปกว่านั้นยังเอาชนะกองทัพจอมราชันของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าจนพ่ายแพ้ไป พวกเขาต้องหนีตายด้วยความพ่ายแพ้อย่างราบคาบ จากศึกในครั้งนี้ทำให้จอมราชันเซียนหวังหลายสิบคนต้องตายอนาถ เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าสูญเสียอย่างหนักหน่วง ภายในระยะเวลาอันสั้นยากที่จะฟื้นคืนพลังกลับมาได้

ในข่าวที่แพร่ออกมานั้น ไม่ได้มีคำพูดใดๆ เอ่ยถึงหลี่ชิเย่เลย ยิ่งไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับอีกาทมิฬ กล่าวได้ว่าในข่าวที่แพร่ออกมานั้นไม่ปรากฏร่องรอยของหลี่ชิเย่เลย

เดิมมันเป็นเรื่องศึกการวางกับดักสังหารเหล่าจอมราชัน และผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดของหลี่ชิเย่ที่เป็นอีกาทมิฬ แต่ข่าวที่แพร่ออกไปเป็นฉบับย่อกลับกลายเป็นว่า มันคือศึกปกป้องสถาบันศึกษาเทพเจ้าของเหล่าราชันเซียนและเซียนหวังจากร้อยชาติพันธุ์ ศึกครั้งนี้มีเซียนหวังอิเย่ และเทพโบราณกุยฝานเป็นตัวเอกที่แท้จริงของเรื่อง และเป็นกำลังหลักของการศึกในครั้งนี้

แน่นอน เป็นความจริงที่ศึกในครั้งนี้เซียนหวังอิเย่ และเทพโบราณกุยฝานคือกำลังหลัก เพียงแต่บทของอีกาทมิฬถูกลบออกไปเท่านั้น ทำให้บนโลกนี้ไม่มีใครรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของอีกาทมิฬ และไม่มีใครพูดถึงว่าหลี่ชิเย่เคยเข้าร่วมในศึกสงครามครั้งนี้ด้วย!

จากการที่ข่าวฉบับย่อที่แพร่ออกไปนั่นเอง ทำให้ชื่อเสียงของเซียนหวังอิเย่ และเทพโบราณกุยฝานโด่งดังยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเซียนหวังอิเย่มีชุดเซียนแท้จริงอยู่ในความครอบครอง ทำให้ผู้คนในสิบสามทวีปต่างพูดกันว่า เผ่าสวรรค์มีราชันซื่อตี้ เช่นนั้นแล้วร้อยชาติพันธุ์มีเซียนหวังอิเย่!

หลังจากข่าวที่สะเทือนฟ้าเช่นนี้ได้แพร่ออกมา ทำให้สิบสามทวีปเดือดพล่าน เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าสลดจนหน้าถอดสี ขณะที่ร้อยชาติพันธุ์ได้ลืมตาอ้าปาก เรียกได้ว่าศึกครั้งนี้เป็นการศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของร้อยชาติพันธุ์

หลังจากศึกในครั้งนี้แล้ว บรรดาศิษย์ผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าล้วนแล้วแต่ได้รับคำเตือนจากทางสำนักของตน ห้ามมีการก่อเรื่องราวนอกสำนักขึ้นมา ดังนั้น สายสำนักราชันเซียนของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าจำนวนไม่น้อยต่างทยอยกันปิดสำนักของตน ไม่อนุญาตให้ศิษย์ของตนออกนอกสำนัก

อย่างไรก็ตาม ที่ปิดสำนักใช่จะมีเพียงสายสำนักราชันเซียนของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าเท่านั้น ความจริงหลังจากที่ศึกในครั้งนี้เสร็จสิ้นลง สายสำนักราชันเซียนของร้อยชาติพันธุ์จำนวนไม่น้อยก็ทยอยกันปิดสำนักของตนเช่นกัน มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ศิษย์ใดๆ ออกไปบำเพ็ญเพียรภายนอกสำนัก อีกทั้งคำสั่งนี้เป็นโองการของเซียนหวังโดยตรง

เผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์พ่ายแพ้อย่างยับเยิน และสายสำนักราชันเซียนของพวกเขาสั่งปิดสำนัก เป็นการกระทำที่สามารถเข้าใจกันได้ แต่ว่า ร้อยชาติพันธุ์ซึ่งเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ สายสำนักราชันเซียนของร้อยชาติพันธุ์สมควรถือโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ฉลองกันอย่างเต็มที่ สมควรถือโอกาสที่หาได้ยากยิ่งขยายสำนักของตนจึงจะถูก

กล่าวได้ว่า การที่สายสำนักราชันเซียนของเผ่าเทพ เผ่ามาร เผ่าสวรรค์สามเผ่าปิดสำนักของตนนั้น คือโอกาสที่สายสำนักราชันเซียนของร้อยชาติพันธุ์ทำการขยับขยายสร้างความแข็งแกร่งให้กับสำนักตนที่ดีที่สุด

แต่ทว่า สายสำนักราชันเซียนของร้อยชาติพันธุ์กลับเลือกที่จะปิดสำนักเป็นจำนวนมาก ไม่อนุญาตให้ศิษย์ภายในสำนักออกนอกสำนักไปบำเพ็ญเพียร เป็นการพลาดโอกาสที่จะขยับขยายสำนักให้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่ดีที่สุดไปอย่างสิ้นเชิง

การกระทำในลักษณะเช่นนี้ของสายสำนักราชันเซียนร้อยชาติพันธุ์ นับว่าสร้างความฉงนให้กับผู้คนจำนวนมาก ถ้าหากคำสั่งดังกล่าวไม่ได้มาจากโองการของเซียนหวังโดยตรง เกรงว่าคงมีผู้คนจำนวนมากที่คัดค้านการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงเช่นนี้

แน่นอน เนื่องจากมนุษย์โลกย่อมไม่รู้ว่าศึกครั้งนี้ยังมืมือมืดที่อยู่เบื้องหลังอีกคนเท่านั้นเอง เบื้องหลังของเซียนหวังอิเย่ และเทพโบราณกุยฝานยังมีผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสยองยิ่งกว่ายืนอยู่!

หลังจากศึกในครั้งนี้ผ่านไปนานมากแล้ว ยังคงมีผู้คนบนโลกมนุษย์พูดถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพียงแต่ยิ่งพูดยิ่งดูเป็นเรื่องปาฏิหาร เป็นการเบี่ยงเบนออกจากความเป็นจริงของศึกครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง จนกระทั่งผ่านไปนานมาก ศึกครั้งนี้ถูกผู้คนขนานนามว่า ‘การร่วงหล่นของเหล่าราชัน!’

หลังสิ้นสุดศึกในครั้งนี้แล้ว สถาบันศึกษาเทพเจ้ายังคงไม่ได้กลับไปยังทวีปเจียวเหิงโจว ยังคงอยู่ในโลกดึกดำบรรพ์ หลังจากศึกครั้งนี้เสร็จสิ้นลงแล้ว บรรดาเหล่าราชันเซียนและเซียนหวังก็ทยอยกันอำลาจากไป

ก่อนที่เซียนหวังอิเย่ และเทพโบราณกุยฝานเดินทางจากไป หลี่ชิเย่ได้มาส่งด้วยตนเอง ก่อนจากหลี่ชิเย่ได้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเจ้ามีภาระหน้าที่ที่หนักอึ้งและหนทางที่ยาวไกล พวกเจ้าคือผู้ที่เป็นแกนหลักในอนาคต สถานการณ์ในอนาคตจะเป็นเช่นใดนั้น มักจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเจ้าอยู่เสมอๆ

“พวกเราจะต้องทุ่มเทอย่างเต็มกำลังในสิ่งที่ท่านอาจารย์ฝากฝัง” เซียนหวังอิเย่โค้งคารวะอย่างงาม

“ผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดใช่จะมีเพียงคนเดียว ในอนาคตยังต้องอาศัยการร่วมมือของพวกเจ้า รวมทั้งจอมราชันเซียนหวังอื่นๆ” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“ท่าอาจารย์โปรดวางใจ พวกเราจะปรึกษาร่วมกันกับเหล่าราชันเอง” เทพโบราณกุยฝานก็กล่าวอย่างหนักแน่นจริงจัง

ไม่ว่าจะเป็นเซียนหวังอิเย่ หรือเทพโบราณกุยฝาน พวกเขาต่างรู้ว่าอนาคตเต็มไปด้วยความน่าจะเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ว่า ที่ทำให้เป็นกังวลมากที่สุดยังคงเป็นความคุกคามที่มาจากความมืด เนื่องจากพวกเขาแข็งแกร่งมากเหลือเกิน

“ข้าเชื่อว่าสามารถทำได้” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “แม้จะกล่าวว่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดมีความแข็งแกร่ง แต่สิบสามทวีปก็ไม่ด้อยกว่ากัน ขอเพียงจอมราชันเซียนหวังร่วมมือกัน สิบสามทวีปยังคงเปี่ยมด้วยความหวัง หากมีผู้ที่พาตัวเข้ากับความมืดหละก็ บอกได้แต่เพียงเป็นการหาเรื่องให้ตนต้องล่มสลาย!”

“คำพูดของท่านอาจารย์ พวกเราจะจดจำไว้มั่น” เซียนหวังอิเย่ และเทพโบราณกุยฝานโค้งคารวะอย่างงาม สุดท้าย ภายใต้การกล่าวอำลาของหลี่ชิเย่จึงได้จากไป

หลังจากที่เซียนหวังอิเย่ และเทพโบราณกุยฝานจากไปแล้ว ก็ได้เวลาที่ราชันเซียนเหรินเสียน ราชันเซียนทุนยื่อสมควรไปจากได้แล้ว

.”พรรคเซียนเหินล่มสลายแล้ว” หลี่ชิเย่ได้แจ้งข่าวเรื่องนี้แก่ราชันเซียนเหรินเสียนและราชันเซียนทุนยื่อ ขณะที่พวกเขาจะจากไป

ราชันเซียนทุนยื่อได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ทอดถอนใจเบาๆ และกล่าวว่า “ลูกหลานย่อมมีโชควาสนาของลูกหลานเอง ได้แต่กล่าวว่าพวกเขาหลงเดินทางผิด”

ราชันเซียนทุนยื่อย่อมเข้าใจได้ การที่หลี่ชิเย่ทำลายพรรคเซียนเหินมีเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คืออเวจี! มิฉะนั้นแล้วหลี่ชิเย่คงไม่ทำลายพรรคเซียนเหินโดยง่ายดาย จะอย่างไรเสีย เขาเคยทุ่มเทกำลังกายใจให้กับพรรคเซียนเหินเป็นจำนวนมากมาก่อน

“เป็นข้าที่ทำให้พรรคเซียนเหินเป็นเช่นนี้” ราชันเซียนเหรินเสียนทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าอบรมภรรยาไม่ดี ละอายต่อบรรพชนของพรรคเซียนเหินยิ่งนัก” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว เขาได้แสดงคารวะต่อราชันเซียนทุนยื่ออย่างสุดซึ้ง

ความจริงแล้ว ราชันเซียนเหรินเสียนเองก็สามารถคาดการณ์เรื่องบางเรื่องได้ลางๆ เช่นกัน เพียงแต่นั่นเป็นเพียงมีร่องรอยเท่านั้นเอง ดังนั้น ในขณะที่เขาไปจากเก้าแดนจึงเคยเตือนบุตรและภรรยาของเขาเอาไว้ เสียดาย จะอย่างไรเสียด้วยความเป็นสามีภรรยาเขาจึงมิอาจลงมือได้ มิฉะนั้นแล้วคงไม่เป็นการฝังภัยที่ซ่อนเร้นเช่นนี้ให้กับพรรคเซียนเหิน

“ช่างเถอะ” ราชันเซียนทุนยื่อโบกมือเบาๆ พยุงราชันเซียนเหรินเสียนให้ลุกขึ้น และกล่าวว่า “โลกนี้ไม่มีสำนักใดที่ตั้งอยู่เป็นนิรันดร์ไม่ล่มสลาย ที่พรรคเซียนเหินก้าวสู่ความตกต่ำในที่สุดเป็นเพียงเรื่องที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น ระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิเต๋าแห่งหนึ่งเมื่อสิ้นแล้วก็ช่างเถอะ”

การก้าวมาถึงระดับเช่นนี้เฉกเช่นพวกของราชันเซียนทุนยื่อนั้น ไม่ได้มองเพียงสถานการณ์ความเป็นระบบถ่ายทอดทางด้านลัทธิเต๋าแห่งหนึ่งเท่านั้นเอง

“ไม่มีพรรคเซียนเหิน ยังคงมีสถาบันศึกษาเทพเจ้า” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “หากปราศจากสถาบันศึกษาเทพเจ้าหละก็ นั่นแหละคือความร่วงโรยราของเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยแท้จริง ถ้าหากแม้แต่สิบสามทวีปยังคงร่วงโรยราล้วนแล้วแต่ถูกทำลายไปหละก็ เช่นนั้นแล้วเก้าแดนจะถูกทำลายไปด้วยคงไม่ห่างไกลแล้ว จัดการกับสิบสามทวีปได้หมด และจัดการกับเก้าแดนอีกทีจะไปยากเย็นอะไรเล่า”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ ทำให้ภายในใจของราชันเซียนทุนยื่อและราชันเซียนเหรินเสียนถึงกับเย็นวาบพวกเขาก็เข้าใจได้ว่าวันนั้นอยู่ไม่ไกลนัก คำพูดของหลี่ชิเย่ก็ใช่จะเป็นการปล่อยข่าวลือเพื่อข่มขวัญ

หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “อนาคตยังคงต้องอาศัยพวกเจ้าไปเฝ้าปกป้อง”

“คำพูดของท่านปรมาจารย์ พวกเราจะจดจำไว้มั่น” ราชันเซียนทุนยื่อกับราชันเซียนเหรินเซียนกล่าวพร้อมกับโค้งคารวะอย่างงาม

“ไปเถอะ” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “บางที ข้าอาจไม่ได้เห็นการร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ของพวกเจ้าอีกครั้งในวันนั้น”

“ท่านปรมาจารย์” ภายในใจของราชันเซียนทุนยื่อและราชันเซียนเหรินเสียนถึงกับเต้นกระตุกทีหนึ่ง

หลี่ชิเย่จ้องมองไปที่ที่ห่างไกลมาก เหมือนว่าสายตาของเขาได้มองทะลุอนาคตแล้วอย่างนั้น สุดท้าย เขามองดูราชันเซียนทุนยื่อและราชันเซียนเหรินเสียน ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ในโลกของพวกเรา ไม่ได้มีเพียงผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดเท่านั้น ยังมีอันตรายที่ใหญ่ยิ่งกว่านั้นอีก! ดังนั้น ภาระกิจหนักอึ้งในการต่อต้านผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดในอนาคตยังต้องอาศัยพวกเจ้า ข้ายังมีเรื่องอื่นๆ ต้องไปทำ จำเป็นต้องไปทำ!”

ราชันเซียนทุนยื่อและราชันเซียนเหรินเสียนต่างรู้ดีว่า ในอนาคตหลี่ชิเย่ต้องการไปทำอะไร เพียงแต่พวกเขาจะต้องรั้งอยู่เพื่อปกป้องโลกใบนี้ พวกเขาจึงช่วยอะไรหลี่ชิเย่ไม่ได้

สุดท้าย ราชันเซียนทุนยื่อและราชันเซียนเหรินเสียนได้คารวะต่อหลี่ชิเย่อย่างสุดซึ้ง แล้วทั้งสองคนก็ลอยล่องจากไป

หลังจากสิ้นสุดศึกยิ่งใหญ่แล้ว หลี่ชิเย่ได้ตามตัวหวงหลงและป้าหู่ทั้งสองมาเป็นการเฉพาะ

“รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างหละ เมื่อกลับมายังบ้านของตนแล้ว?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวขึ้นมาเมื่อมองเห็นหวงหลงและป้าหู่

ทั้งหวงหลงและป้าหู่ต่างก็เป็นสัตว์ดุร้ายของสิบสามทวีป บนตัวของพวกเขาต่างก็มีสายเลือดของสัตว์เทพไหลรินอยู่ภายในกาย แม้ว่าจะไม่ใช่สัตว์เทพอย่างแท้จริง แต่ยังคงแข็งแกร่ง และน่ากลัวยิ่งนัก

“แก่แล้ว” หวงหลงกลับมีความเศร้าสลดอยู่บ้าง ยิ้มกล่าวด้วยความทอดถอนใจออกมา

เดิมหวงหลงและป้าหู่ทั้งสองเผ่าเป็นเหมือนดั่งน้ำกับไฟมาทุกยุคทุกสมัย พวกเขาทั้งสองคนก็ต่อสู้กับตาลอดมาทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่ภายใต้โอกาสและจังหวะที่บังเอิญยิ่ง พวกเขาทั้งสองได้ร่วงหล่นลงเก้าแดนพร้อมๆ กัน และไม่สามารถกลับขึ้นไปสิบสามทวีปได้อีก

“นับว่าไม่เลวนัก” เมื่อเปรียบเทียบกับหวงหลงที่เศร้าสลดอยู่บ้างแล้ว ป้าหู่กลับปลงได้มากกว่า หัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “กลับมาแล้วก็ได้จังหวะสั่งสอนบรรดาเจ้าหนูที่ไม่เชื่อฟังเหล่านั้น ไหนๆ ก็วางงานอยู่!”

ได้ฟังคำของป้าหู่แล้ว สามารถจินตนาการหลังจากที่เขากลับมาได้ว่า ใรผู้เยาว์ของเผ่าเขาจำนวนเท่าไรที่ต้องเดือดร้อน ผู้เยาว์จำนวนเท่าไรที่ถูกเขาสั่งสอนจนอุจจาระปัสสาวะราดออกมา

หลี่ชิเย่จ้องมองดูหวงหลงและป้าหู่แล้วกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ครั้งนั้นข้าเคยรับปากพวกเจ้าเรื่องหนึ่ง วันนี้สมควรที่ข้าจะทำตามสัญญาแล้ว”

ทั้งหวงหลงและป้าหู่ต่างรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว พวกเขาสองคนถึงกับยืนตัวตรง ดวงตาคู่นั้นที่เป็นประกายจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท