ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2115 ค่ายกลหนึ่งในใต้หล้า

ตอนที่ 2115 ค่ายกลหนึ่งในใต้หล้า

หลังจากที่สี่สาวนภาบรรพบุรุษโลหิตเข้าประจำตำแหน่งแล้ว หลงจิงเซียนกับเจี้ยนอู๋ซวงสองประสาน ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ไม่มีที่ใดที่ปราศจากประกายธนู มันปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ประกายธนูทุกสายได้วิวัฒนาการกลายเป็นสัจธรรมที่ปราศจากผู้เทียบเทียม ไม่เพียงเป็นแค่การสังหารทางด้านของวิชาธนูเท่านั้น ยังเป็นการบดขยี้ทำลายด้านสัจธรรมอีกด้วย

นี่แหละคืออานุภาพสองประสานของหลงจิงเซียนและเจี้ยนอู๋ซวง สุดยอดความลึกซึ้งและยอดเยี่ยมของพวกนางได้หลอมรวมเข้าไปอยู่ภายในค่ายกลสังหารราชันเซียน ทำให้เคล็ดวิชาธนูของพวกนางปะทุจนถึงขีดสูงสุด ทำให้พวกนางกลายเป็นสุดยอดอาณาจักรภายในค่ายกลสังหารราชันเซียน อาณาจักรของพวกเนางได้หลอมรวมเข้ากันกับค่ายกลสังหารราชันเซียนทั้งหมด ทำให้ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม หากย่างกรายเข้าไปภายในค่ายกลสังหารราชันเซียนก็ต้องถูกควบคุมโดยเคล็ดวิชาธนูของพวกนาง

ในเวลานี้ หลงจิงเซียนและเจี้ยนอู๋ซวงไม่เพียงกลายเป็นกำลังหลักของค่ายกลสังหารราชันเซียนไปแล้ว ขณะเดียวกันก็กลายเป็นผู้ควบคุมค่ายกลสังหารราชันเซียน ไม่ว่าศัตรูหน้าไหนก็ตามหากถูกขังโดยค่ายกลสังหารราชันเซียน ก็จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหลงจิงเซียนและเจี้ยนอู๋ซวง ไม่ว่าผู้ใดก็ตามเมื่อตกอยู่ภายใต้การควบคุมนี้แล้วก็ไม่อาจหนีรอดไปได้!

เสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ทันใดนั้นจื่อชุ่ยหนิงที่ถือหอกโลหิตเซียนในมือ โดยที่หอกโลหิตเซียนปรากฎประกายโลหิตแวบวับที่น่ากลัว พริบตาเดียวกันนี้ จื่อชุ่ยหนิงเสมื่อนหนึ่งกลายเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะสังหารคนทุกคนที่ก้าวเข้าไปอยู่ในค่ายกลสังหารราชันเซียน นางกลายเป็นหอกยาวที่น่ากลัวที่สุดของค่ายกลสังหารราชันเซียนทั้งหมด

ขณะเดียวกัน กระบี่ยาวของไป๋เจี้ยนเจิน และซือหม่ายวี่เจี้ยนได้ออกจากฝักพร้อมกัน เคล็ดวิชากระบี่ของไป๋เจี้ยนเจินนั้นน่าเกรงขาม กระบี่สะเทือนปฐพี หนึ่งกระบี่ทำลายหมื่นชาติ มีปณิธานกระบี่ที่เป็นหนึ่งในหล้า ทำให้ปณิธานกระบี่ของนางกลับกลายเป็นการเข่นฆ่าสังหารที่แหลมคมของค่ายกลสังหารราชันเซียนเซียน

ขณะที่ซือหม่ายวี่เจี้ยนกลับแตกต่างกัน เคล็ดวิขากระบี่ของนางไร้เงา ปรากฏได้ทุกที่ มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ว่าไร้เงาไร้ร่องรอย เหมือนว่าไม่มีการดำรงอยู่ของนางอย่างนั้น

การล่องลอยของนางกับความน่าเกรงขามของไป๋เจี้ยนเจิน ฉับพลันได้กลายเป็นการประกอบเข้าด้วยกันที่สมบูรณ์แบบ บวกกับการเข่นฆ่าสังหารที่ดุดันรุนแรงจื่อชุ่ยหนิงแล้ว พวกเขาพลันกลายเป็นพลังเข่นฆ่าที่แข็งแกร่งมากที่สุดของค่ายกลสังหารราชันเซียน เป็นการรวมตัวที่สมบูรณ์ไร้ที่ติของพวกนาง พวกนางเปรียบเสมือนคมมีดที่แหลมคมของค่ายกลสังหารราชันเซียน ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดก็ต้องถูกแทงทะลุคอหอยไป

สุดท้าย ได้ยินเสียงดังปุเสียงหนึ่ง หลันหยุนจู้ได้หายตัวไป สัจธรรมของนางหลอมรวมเข้าไปในค่ายกลสังหารราชันเซียน ประกายของสัจธรรมที่กระเพื่อม เสมือนหนึ่งเป็นการสังสารวัฏอย่างนั้น นาทีนี้เหมือนว่านางกำลังซ่อมแซมแก้ไขค่ายกลสังหารราชันเซียนให้ถูกต้องอยู่ทุกนาที ทำการวัฏสงสารค่ายกลสังหารราชันเซียนขึ้นมาตลอดเวลา

ภายในค่ายกลสังหารราชันเซียนนี้ เหมือนว่าหลันหยุนจู้ได้ทำการแก้ไขซ่อมแซมเวลา ช่องว่าง สัจธรรม…ไม่ว่าจะเป็นข้อผิดพาด ความล้มเหลวก็จะได้รับการแก้ไขให้ถูกต้องทันท่วงที และสามารถวัฏสงสารคืนกลับมา

เสียงตูม…ดังสนั่นเสียงหนึ่ง ทุกคนประจำที่ ค่ายกลสังหารราชันเซียนได้แผ่กลิ่นอายการฆ่าฟัน การเข่นฆ่าทำลาย ปราศจากผู้ต่อกร…ที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียมออกมา ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็ต้องมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง

“ค่ายกลสังหารราชันเซียนของพวกเราเป็นอย่างไรบ้าง!” หลงจิงเซียนอดที่จะกล่าวด้วยความลำพอง หลังจากที่ได้ตั้งค่ายกลสังหารราชันเซียนเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว “นี่สมควรเรียกว่าเป็นค่ายกลสังหารราชันเซียนที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในโลก! พวกเราได้ทุ่มเทกำลังกายใจ ผ่านการทดลองมานับไม่ถ้วนจึงออกมาเป็นผลสำเร็จเช่นนี้”

หลงจิงเซียนย่อมอดที่จะลำพองใจไม่ได้ เนื่องจากพรสวรรค์ของนางสูงที่สุด การทำให้ค่ายกลสังหารราชันเซียนเข้ากันและมีการแก้ไขให้ถูกต้องนั้น นางได้ลงแรงไปมากทีเดียว ทำให้ค่ายกลสังหารราชันเซียนของพวกนางค่อนไปทางสมบูรณ์แบบยิ่งนัก

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงของพวกหลงจิงเซียนที่มีต่อค่ายกลสังหารราชันเซียนนั้น ไม่ได้หมายความว่าค่ายกลสังหารราชันเซียนของหลี่ชิเย่ก่อนหน้าไม่ทรงพลังมากพอ เพียงแต่ค่ายกลสังหารราชันเซียนก่อนหน้าของหลี่ชิเย่นั้นเหมาะสมกับใครคนหนึ่งคนใดก็ตาม เวลานี้จาการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของพวกหลี่ซวงเหยียนแล้ว ทำให้ค่ายกลสังหารราชันเซียนกลับกลายเป็นเหมาะสมกับพวกนางมากยิ่งขึ้น สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เสมือนหนึ่งเป็นการวัดตัวสร้างขึ้นมาเพื่อพวกนางโดยเฉพาะ พวกของนางได้ทำให้ค่ายกลสังหารราชันเซียนนี้สามารถสำแดงอานุภาพได้ถึงขีดสูงสุด!

“สมบูรณ์แบบโดยแท้จริง” หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว สุดท้ายก็พยักหน้าไม่อาจไม่ยอมรับและกล่าวว่า “พวกเจ้าได้สร้างให้กลายเป็นพลังจากแกนกลาง พลังในภายหลังสามารถเสริมเพิ่มได้ตามใจปรารถนา ที่สำคัญที่สุดคือเมื่อแกนกลางพวกเจ้ายังคงอยู่ ตัวของค่ายกลสังหารราชันเซียนก็จะไม่ถูกทำลาย จำนวนคนที่เพิ่มเสริมเข้าไปยิ่งมากเท่าไร พลังก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ”

ค่ายกลสังหารราชันเซียนสามารถเติมพลังได้อย่างไม่มีขีดจำกัด แน่นอน ที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นพลังของแกนกลาง เนื่องจากตัวค่ายกลสังหารราชันเซียนจะทรงพลังหรือไม่นั้น มักจะตัดสินกันที่พลังของแกนกลาง ดังนั้น พวกของหลงจิงเซียนจึงได้สร้างพลังแกนกลางของค่ายกลสังหารราชันเซียนขึ้นมาแล้ว

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พวกของหลงจิงเซียนทำให้ค่ายกลสังหารราชันเซียนแน่นกระชับตลอดมา พวกนางร่วมมือกันได้อย่างรู้ใจยิ่งนัก เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับเป็นการสำแดงพลังของค่ายกลสังหารราชันเซียนได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด ทำให้ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของค่ายกลสังหารราชันเซียนสำแดงถึงขีดสูงสุด กระทั่งเรียกได้ว่าได้ทำการรีดเอาความน่าจะเป็นทุกอย่างของค่ายกลสังหารราชันเซียนออกมาจนหมดสิ้น

“แหะ พูดแบบนี้แสดงว่าพวกเราสามารถสังหารจอมราชันเซียนหวังแล้วสิ” หลงจิงเซียนอดที่จะกล่าวด้วยท่าทีลำพองอยู่สามส่วน

“แม้จะประสบความสำเร็จแล้ว แต่ยังคงต้องมุมานะบากบั่นต่อไป” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “ถ้าหากพวกเจ้าสามารถก้าวขึ้นสู่จอมราชันเซียนหวัง หรือสำเร็จเป็นจอมเทพ จะมีอานุภาพที่แกร่งกว่านี้”

“สำหรับพวกเราแล้วไม่แน่เสมอไป” หลงจิงเซียนอดที่จะกล่าวด้วยท่าทีลำพองว่า “พวกเราได้บุกเบิกเส้นทางที่เป็นหนึ่งเดียวในหล้าขึ้นมา ไม่ว่าใครก็บอกไม่ถูก ใครบอกว่าจะต้องเป็นจอมราชันเซียนหวังให้ได้!”

หลี่ชิเย่หัวเราะโดยไม่ได้ตอบโต้ จะอย่างไรเสียใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว

“ถ้าหากแม่นางเหมยกับผู้อาวุโสหมากูเข้าร่วมด้วยก็จะทำให้พวกเราไม่เหมือนเดิมยิ่งขึ้นไปอีก” หลี่ซวงเหยียนกล่าวว่า “พวกเรายังมีแนวความคิดการเปลี่ยนแปลงอีกอย่าง นั่นก็คือ การเข้าร่วมของพวกนาง”

“เรื่องนี้ใช่จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นอีกวิธีหนึ่ง ทำให้กลายเป็นคล่องตัวยิ่งขึ้น” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “เพียงแต่เจ้าคิดจะขับเคลื่อนค่ายกลใหญ่นี้โดยเพิ่มปัจจัยสำคัญเรื่องเวลาเข้าไป นั่นจะต้องก้าวหน้ามากกว่านี้ การขับเคลื่อนและสำแดงค่ายกลนี้ของเจ้านับว่าแกร่งมากแล้ว แต่ว่าเทียบกับราชันเซียนเจิ้นจี๋ในครั้งนั้นแล้ว ยังห่างชั้นอยู่ไม่น้อยทีเดียว ถ้าหากเจ้าก้าวไปถึงระดับเช่นนี้…” Aileen-novel

“…เช่นนั้น เมื่อไรที่เพิ่มหมากูและซู่เหยาเข้าไป ก็จะเป็นการยกระดับค่ายกลสังหารราชันเซียนขึ้นไปมาก ทำให้ค่ายกลสังหารราชันเซียนมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีขีดจำกัดได้ตลอดเวลา เมื่อถึงขั้นนั้นแล้วในโลกนี้หากใครคิดจะทำลายค่ายกลนี้หละก็ กลายเป็นเรื่องที่เลือนรางยิ่งนัก ดังนั้น สิ่งนี้ไม่เพียงแต่พวกเจ้าต้องพยายามในด้านทักษะยุทธของตน ต้องให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันตำแหน่งที่เป็นของพวกเจ้าก็ต้องยกระดับขึ้นไป”

หลี่ชิเย่ทำการวิจารณ์ค่ายกลสังหารราชันเซียนในแต่ละจุด

ความจริงแล้ว ค่ายกลสังหารราชันเซียนในขณะนี้นับว่ามีความแข็งแกร่งมากพอแล้ว เพียงแต่หลี่ชิเย่ตั้งเงื่อนไขพวกนางให้สูงขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง

เหมือนดั่งเช่นหลี่ซวงเหยียน ถ้าหากการคำนวณของนางที่มีต่อค่ายกลก้าวไปถึงระดับของราชันเซียนเจิ้นจี๋หละก็ ลำพังนางคนเดียวก็สามารถรับมือได้ในระดับหนึ่ง สมควรทราบว่า ราชันเซียนเจิ้นจี๋นั้นบรรลุสัจธรรมด้วยค่ายกล ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความลึกซึ้งด้านค่ายกลสูงสุดของเก้าแดน

“ฮึ เจ้าเก่งแต่ปากเท่านั้น มีฝีมือล่ะก็เข้ามาเลยสิ” หลงจิงเซียนกล่าวด้วยความหยิ่งทะนงตนออกมา

“ตกลง ข้าก็จะเล่นกับพวกเจ้า เพื่อเจียระไนพวกเจ้า” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมาและก้าวเท้าเข้าไปในค่ายกลสังหารราชันเซียนด้วยความพาลอย่างยิ่ง และกล่าวว่า “อย่าลืมหละ ศัตรูของพวกเจ้าคือข้า! สามารถผ่านด่านของข้าไปได้ พวกเจ้าจึงจะสามารถพาลและทระนงได้ตลอดกาลในอนาคต!”

อาจกล่าวได้ว่า หลี่ชิเย่ฝากความหวังไว้กับค่ายกลสังหารราชันเซียนสูงมาก ขอเพียงหลงจิงเซียนพวกนางสามารถก้าวหน้ามากกว่านี้ เช่นนั้นแล้วอนาคตก็จะเปี่ยมด้วยความเป็นไปได้จำนวนนับไม่ถ้วน!

เสียงตูม…เสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้พลังลมปราณของหลี่ชิเย่ปะทุขึ้นมา สี่ยอดกายเซียนบดขยี้ทุกสิ่งอย่าง ชะตาฟ้าลอยล่อง นาทีนี้หลี่ชิเย่เป็นใหญ่ตลอดกาล ปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า

“ฆ่า…” พวกหลี่ซวงเหยียนเองก็มีปณิธานการต่อสู้ที่สูงยิ่งเมื่อเผชิญกับความพาลที่ไร้ผู้ต่อกร พวกนางพยายามเจียระไนสร้างค่ายกลสังหารราชันเซียนนี้ขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก็เพื่อที่จะได้ทดสอบอานุภาพของมันในวันนี้

ตูม ตูม ตูมเวลานี้ ฟ้าดินสั่นไหวโคลงเคลง การฆ่าฟันที่สะเทือนฟ้า หลี่ชิเย่รับมือกับค่ายกลสังหารราชันเซียนโดยลำพังคนเดียว อานุภาพที่น่ากลัวสร้างความหวั่นไหวต่อทุกคน

……

ช่วงเวลาต่อจากนั้น หลี่ชิเย่หากไม่ได้ฝึกขัดเกลาค่ายกลสังหารราชันเซียนกับพวกของหลงจิงเซียน ก็จะสนทนาเรื่องการฝึกบำเพ็ญเพียรในสิบสามทวีปกับพวกของบรรพบุรุษพันสน หลี่ชิเย่ตั้งความหวังอนาคตไว้กับพวกเขาสูงมาก เนื่องจากพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นกำลังที่กล้าแข็งของเก้าแดน สามารถรับภารกิจสำคัญในอนาคตได้ ด้วยเหตุนี้เอง หลี่ชิเย่จึงยอมเสียกำลังกายใจนับไม่ถ้วนเพื่อเจียระไนพวกเขา

นอกเหนือจากนี้แล้ว หลี่ชิเย่เองก็ทำความบรรลุสัจธรรมอยู่เงียบๆ วางใจและตั้งอกตั้งใจรอคอยโอกาส เนื่องจากเขารอที่จะปีนขึ้นไปยังโลกที่ไม่น่าจะดำรงอยู่ ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

ในวันนี้เอง หลี่ชิเย่นั่งขัดสมาธิบรรลุสัจธรรมอยู่ ฉับพลันเขาได้ลืมตาทั้งสองขึ้นมาอย่างกะทันหัน พริบตาเดียวนั่นเองดวงตาทั้งสองของเขาลึกล้ำยิ่งนัก เหมือนก้าวข้ามอดีตปัจจุบัน เหมือนได้ทะลุผ่านเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน

พริบตาเดียวนี้หลี่ชิเย่งอนิ้วมือนับนิ้วทีหนึ่ง กล่าวด้วยความตกใจระคนแปลกใจว่า “แปลกจริง ทำไมถึงเร็วกว่ากำหนด นี่มันไม่น่าเป็นไปได้นะเนี่ย” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว เขาถึงกับครุ่นคิด ความน่าจะเป็นทุกอย่างผุดขึ้นมากลางใจ

สุดท้าย หลี่ชิเย่สั่งการไปว่า “ตามราชันทักษิณมา ให้เขาไปรับราชันเซียนที่มาจากเก้าแดน นำเอาคำบัญชานิรโทษกรรมของข้าไป ใครกล้าทำอะไรฆ่าไม่มีละเว้น!”

บรรพบุรุษพันสนรับคำบัญชาไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่

“เก้าแดนให้กำเนิดราชันเซียนอีกแล้วรึ?” ผู้คนทั้งหลายต่างตกใจระคนกับแปลกใจ เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ หลายคนจ้องมองหน้ากันและกัน

“เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน ราชันเซียนรุ่นใหม่ของเก้าแดนก็จะมาอีกแล้ว” แม้แต่เทพมารวัวโลหิตก็กล่าวด้วยความสะท้อนใจ

“ไม่ รู้สึกเหนือความคาดคิดนิดหน่อย” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ถ้าคำนวณตามเวลาแล้ว ราชันเซียนเก้าแดนในชาตินี้มาเร็วกว่ากำหนด ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลก แม้จะกล่าวว่าข้ามาที่แดนสิบก่อนกำหนด แต่ว่า ราชันเซียนในชาตินี้ยังคงมาก่อนกำหนด”

หลี่ชิเย่สืบทอดชะตาฟ้าที่เก้าแดน แต่ว่าเขาไม่ได้รั้งอยู่ที่เก้าแดน ซึ่งชดเชยพลังแก่นฟ้าดินให้กับเก้าแดนได้เป็นจำนวนมาก

จะอย่างไรเสีย หลังจากที่ราชันเซียนองค์หนึ่งสืบทอดชะตาฟ้าแล้วจะไม่ขึ้นสู่แดนสิบในทันที พวกเขาจะต้องรั้งอยู่ที่เก้าแดนชั่วระยะเวลาหนึ่ง กระทั่งราชันเซียนบางองค์จะรั้งอยู่เป็นเวลานานมากกว่านั้น

สมควรทราบว่า เก้าแดนเทียบไม่ได้กับแดนสิบ ถ้าหากราชันเซียนของเก้าแดนหลังจากสืบทอดชะตาฟ้าแล้ว ยังคงรั้งอยู่ที่เก้าแดนอีกต่อไป เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะต้องกลืนกินเอาพลังแก่นฟ้าดินไปจำนวนเท่าไร เก้าแดนต้องอาศัยพลังสัจธรรมมากมายเท่าไรในการเลี้ยงราชันเซียนองค์หนึ่ง

ดังนั้น หากราชันเซียนรั้งอยู่ในเก้าแดนยิ่งนานเท่าไร การฟื้นคืนพลังของเก้าแดนก็ยิ่งช้า เนื่องจากราชันเซียนเก้าแดนได้สืบทอดพลังแก่นฟ้าดินมากเหลือเกิน

ขณะที่หลี่ชิเย่เมื่อสืบทอดฟ้าดินเสร็จแล้วก็ไปจากเก้าแดนทันที ซึ่งสิ่งนี้กล่าวสำหรับเก้าแดนแล้วเป็นเรื่องดีที่ยิ่งใหญ่ พลังแก่นฟ้าดินของเก้าแดนก็จะฟื้นคืนได้เร็วมากเป็นพิเศษ อีกทั้งชะตาฟ้าใหม่ก็จะถือกำเนิดได้เร็วกว่าเดิม

แต่ว่า เมื่อหลี่ชิเย่คำนวณดูแล้ว ต่อให้เขาคือผู้ที่มาถึงแดนสิบก่อนกำหนด และราชันเซียนเก้าแดนยังคงมาถึงเร็วกว่ากำหนดเช่นเดิม

……………………………….

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท