การที่เทพธิดาเก็บจันทราสำเร็จเป็นเซียนหวังด้วยการสืบทอดชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย อาจกล่าวได้ว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คน จอมราชันเซียนหวังจำนวนมากต่างถูกทำให้ต้องหวั่นไหวกับความมหัศจรรย์เช่นนี้!
“ขาดอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น หากว่าชะตาฟ้าสิบสองสายรวมเป็นหนึ่งเดียว มันจะทำให้เส้นทางก้าวสู่การกลับคืนสู่ดั้งเดิมก้าวไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น” ประกายตาของจอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายเต้นกระตุกทีหนึ่ง และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “หากสืบทอดชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายรวดเดียวได้จริงๆ เกรงว่าการก้าวไปบนเส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมจะแซงล้ำหน้าผู้คนก่อนหน้า และก้าวเดินได้รวดเร็วยิ่งกว่า”
แม้แต่จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่ยังรู้สึกเสียดาย ที่เทพธิดาเก็บจันทราไม่สามารถสืบทอดชะตาฟ้ารวดเดียวได้สิบสองสาย เนื่องจากทำให้การก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้กลับกลายเป็นว่าไม่มีสิ่งใดที่จะนำมาศึกษาและปฏิบัติตามได้
มีการเล่าลือกันว่า หากสืบทอดชะตาฟ้ารวดเดียวสิบสองสาย ชะตาฟ้าสิบสองสายรวมเป็นหนึ่ง จะทำให้การก้าวเดินบนเส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมนั้นไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเพียงคำเล่าลือกันเท่านั้น เนื่องจากไม่เคยมีใครได้พบเจอผู้ที่สามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้รวดเดียวสิบสองสาย
แม้จะกล่าวว่า ราชันเทพชิงมู่อาจเป็นไปได้คือผู้ที่สืบทอดชะตาฟ้ารวดเดียวสิบสองสาย แต่ว่า ราชันเทพชิงมู่ได้หายตัวไปแล้ว ทุกคนจึงไม่สามารถนำข้อมูลมาศึกษาและปฏิบัติตามจากตัวของราชันเทพชิงมู่ได้
ความจริงแล้ว กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายก็ตาม บนเส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมนั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่ก้าวไปข้างหน้าแบบคลำหาทางไปเรื่อยๆ ยังไม่มีระบบที่แน่นอนสมบูรณ์แบบ
แม้ว่าพวกของราชันสวรรค์หุ้นหยวนต่างก็ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป แต่ ไม่ว่าจะเป็นราชันสวรรค์หุ้นหยวนก็ดี ราชันเหยียนตี้ก็ช่าง พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่ได้ทิ้งระบบที่มีความเป็นไปได้และสมบูรณ์เอาไว้ เวลานี้กล่าวสำหรับพวกของราชันซื่อตี้ที่เป็นจอมราชันเซียนหวังชะตาฟ้าสิบสองสายแล้ว พวกเขาล้วนแล้วแต่รับรู้ถึงเส้นทางสายนี้ พวกเขาล้วนแล้วแต่คลำหาอยู่บนเส้นทางสายนี้ ยังไม่สามารถทำให้กลายเป็นระบบที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้
กระทั่งมีจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายเคยสงสัยว่า ในยุคสมัยที่ยาวนานมาก เส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมเส้นนี้เคยมีผู้ที่ก้าวเดินจนเป็นสายทางขึ้นมาแล้ว และสร้างเป็นระบบขึ้นมา แต่ทว่า มีความเป็นไปได้ว่าถูกคนเขาลบเลือนร่องรอยนี้ไป ถูกใครเขาปิดบังซ่อนเร้นไปนานแล้ว พวกเขาที่เป็นชนรุ่นหลังได้แต่ฟันฝ่าขวากหนามคลำหาทางก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไปเท่านั้น
อาจจะมีจอมราชันเซียนหวังที่อิจฉากับการที่เทพธิดาเก็บจันทราได้สืบทอดชะตาฟ้าสิบเอ็ดสาย แต่สำหรับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายแล้ว พวกเขาไม่ได้อิจฉา ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเสียใจ เนื่องจากขาดอีกเพียงนิดเดียว เทพธิดาเก็บจันทราก็สามารถสืบทอดชะตาฟ้าสิบสองสายได้ในรวดเดียวแล้ว
ถ้าเทพธิดาเก็บจันทราสามารถสืบทอดชะตาฟ้าสิบสองสายได้จริงๆ ชะตาฟ้าสิบสองสายรวมเป็นหนึ่ง นั่นย่อมบ่งบอกว่าเทพธิดาเก็บจันทรามีโอกาสก้าวเดินบนเส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่แน่นักอาจก้าวล้ำแซงหน้าพวกเขาที่เป็นจอมราชันเซียนหวังชะตาฟ้าสิบสองสายเสียอีก ซึ่งจะเป็นการบุกเบิกเส้นทางสายใหม่เอี่ยมขึ้นมาสายหนึ่ง
หากบนเส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมนี้ มีผู้บุกเบิกเส้นทางสายใหม่อยู่ข้างหน้าจริง จะเป็นการเบิกความสว่างทางสติปัญญาให้กับพวกเขาที่เป็นจอมราชันเซียนหวังชะตาฟ้าสิบสองสายเป็นอันมาก ซึ่งส่งผลให้พวกเขาก้าวเดินบนเส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น บางทีอนาคตข้างหน้าอาจสามารถกลายเป็นเซียนก็ไม่แน่
เวลานี้เทพธิดาเก็บจันทราล้มเหลว กลับกลายเป็นว่าเส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมดูจะยากเข็ญมากยิ่งขึ้น ความเป็นไปได้ที่จะเป็นเซียนกลับกลายเป็นเลือนราง กลายเป็นหนทางอีกยาวไกลที่ไม่มีกำหนด
กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายแล้ว ความล้มเหลวของเทพธิดาเก็บจันทราเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างหนึ่ง เป็นการสูญเสียแบบฉบับอันทรงคุณค่ายิ่งในการที่จะใช้ศึกษาและปฏิบัติตามไป!
แม้ว่าสิบสามทวีปจะเดือดพล่านมาระยะหนึ่งหลังจากที่เทพธิดาเก็บจันทราได้เป็นเซียนหวังแล้ว ท้ายที่สุดทุกอย่างยังคงสงบลง บรรดาผู้เคนทั้งหลายต่างตั้งใจฝึกฝน ปิดสำนักและไม่รับรู้เรื่องราวในโลกอีกต่อไป
หลังจากเวลาผ่านไปนานมาก หน้าผาที่อยู่ภายในเรือนตำราบังเกิดเสียงดังเปรี๊ยะเปรี๊ยะขึ้นมา จึงได้สร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนบางส่วน
จากเสียงดังเปรี๊ยะเปรี๊ยะที่ดังขึ้น เสมือนว่าหน้าผานั้นถูกเปิดออกมาอย่างนั้น ความจริงแล้วการที่สวรรค์ลงทัณฑ์ฟาดใส่หน้าผามาต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน รูปลักษณ์ของหน้าผาได้เปลี่ยนไปนานแล้ว หน้าผาได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยมานานแล้ว ที่ตรงนั้นได้กลายเป็นประตูบานหนึ่ง เมื่อมองเข้าไปด้านในจะเห็นเป็นสายฟ้าฟาดที่ยิ่งใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต ฟ้าผ่าที่เกิดไม่มีสิ้นสุด เหมือนวาด้านในเป็นดินแดนแห่งการทำลาย ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามหากผ่านเข้าไปก็ต้องถูกยิงใส่จนแหลกละเอียดเป็นผุยผงไป
ขณะที่ประตูลักษณะเช่นนี้ถูกเปิดออก สายฟ้าที่มากมายมหาศาลคล้ายดั่งคลื่นยักษ์ที่โคลงเคลงไปมาอยู่ในโลกที่อยู่ด้านหลังประตู เหมือนว่ากำลังอาละวาดอย่างหนักอยู่ในโลกที่อยู่ด้านหลังประตู
“สิ่งนี้หาใช่เป็นหินก้อนหนึ่ง” มีจอมราชันเซียนหวังที่คอยสังเกตการณ์ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ตลอดมา จะอย่างไรเสียก้อนหินที่สามารถรองรับการถล่มอย่างหนักหน่วงจากสวรรค์ลงทัณฑ์ได้นั้น ย่อมสามารถดึงดูดความสนใจของจอมราชันเซียนหวังได้อยู่แล้ว
เวลานี้ เมื่อได้เห็นหน้าผาหายไปและกลายเป็นประตู ทำให้บรรดาจอมราชันเซียนหวังต่างเข้าใจแล้ว และกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “นี่เป็นเพียงพิกัดตำแหน่งในช่องว่างเท่านั้นเอง สวรรค์ลงทัณฑ์ไม่ได้ต้องการทำลายมัน แต่เป็นการฝืนบังคับให้ประตูบานนี้ถูกเปิดออก เป็นการเปิดเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังโลกๆ หนึ่ง!”
ขณะที่ประตูได้เปิดออกมานั้น หลี่ชิเย่ที่นั่งขัดสมาธิเพื่อบรรลุสัจธรรมพลันลุกขึ้นยืนทันที กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ได้เวลาออกเดินทางแล้ว”
ถึงเวลาแล้ว หลี่ชิเย่เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว เขาได้กอดอำลากับแต่ละคน
“คุณชาย เมื่อไหร่ท่านจึงจะกลับมา?” พวกหลี่ซวงเหยียนที่เป็นเหล่าหญิงสาวทั้งหลายไม่อยากจาก แต่พวกนางก็รู้ว่าไม่มีใครสามารถยุดยั้งการการก้าวเดินของเขาได้ พวกนางได้แต่รอคอยการกลับมาของหลี่ชิเย่
“ต้องมีวันนั้นอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะและปาดน้ำตาบริเวณหางตาเบาๆ ให้กับพวกนาง ยิ้มกล่าวว่า “เด็กโง่ นี่ไม่ใช่เป็นการตายจากกัน ข้าแค่ไปแล้วก็กลับมา อีกอย่าง แม้แต่สวรรค์โจรยังจัดการกับคุณชายพวกเจ้าไม่ได้ โลกนี้ยังจะมีใครสามารถจัดการกับคุณชายพวกเจ้าได้ พวกเจ้ารอคอยการกลับมาของข้าแต่โดยดีก็แล้วกัน”
แม้ว่าบรรดาสาวๆ ทั้งหลายไม่อยากจะจาก แต่ก็หัวเราะทั้งน้ำตา สุดท้ายต่างยืนส่งหลี่ชิเย่จากไป
หลังจากที่หลี่ชิเย่ได้ร่ำลาทุกคนแล้วก็ได้เหินฟ้าขึ้นไป ตรงไปยังสถาบันศึกษาเทพเจ้า ขณะที่หลี่ชิเย่เหินฟ้าไปนั้น บนเส้นขอบฟ้าปรากฏผู้หญิงคนหนึ่งยืนโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ตรงนั้น มองด้วยสายตาส่งหลี่ชิเย่จนกระทั่งจากไปไกล
หลี่ชิเย่ที่เหินฟ้าอยู่ได้หันหลังกลับไปมอง นางคือเทพธิดาเก็บจันทรานั่นเอง นางยืนอยู่บนขอบฟ้าไม่ได้เอ่ยคำใดๆ ออกมาสักคำ เพียงยืนโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ตรงนั้น ส่งหลี่ชิเย่จากไปด้วยสายตา Aileen-novel
“ข้าจะกลับมาแน่นอน” หลี่ชิเย่ยิ้มและโบกมือให้ จากนั้นก้าวเข้าไปภายในสถาบันศึกษาเทพเจ้า
ขณะที่เทพธิดาเก็บจันทรายืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เพียงส่งหลี่ชิเย่จากไปด้วยสายตาเท่านั้น เหมือนว่านางไม่จำเป็นต้องเอ่ยถ้อยวาจาใดๆ ออกมาอีก คำพูดใดๆ ระหว่างพวกเขาล้วนแล้วแต่ดูจะเกินความจำเป็น
ขณะยืนอยู่ด้านหน้าของเรือนตำรา ยืนอยู่หน้าประตู เวลานี้บรรดาผู้เฒ่าของสถาบันศึกษาเทพเจ้าล้วนแล้วแต่มายืนส่ง แม้แต่โอรสราชันเซียนเฟยก็ปรากฏตัวออกมาเป็นกรณีพิเศษ เพื่อมาส่งด้วย
เวลานี้นาทีนี้ จอมราชันเซียนหวังแต่ละองค์ต่างจ้องเขม็งภาพที่อยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะจอมราชันเซียนหวังระดับสูงพวกเขาต่างเฝ้ารอคอย ยิ่งจอมราชันเซียนหวังที่รับรู้ถึงเบื้องหลังของเรื่องราว พวกเขาให้ความสนใจมากกว่าใคร
“บางทีอาจมีโลกลักษณะเช่นนี้จริงๆ” จอมราชันที่มีชะตาฟ้าสิบเอ็ดสายและรับรู้ถึงเบื้องหลังของเรื่องราวถึงกับเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
จอมราชันเซียนหวังอื่นๆ บางทีอาจยังไม่รู้ว่าอีกาทมิฬต้องการทำอะไร แต่ว่า จอมราชันเซียนหวังที่รู้ถึงเบื้องหลังกลับล่วงรู้ถึงความลับที่ผู้อื่นไม่สามารถรู้ได้
โดยเฉพาะจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายอยู่ในครอบครอง ยิ่งให้ความสนใจกับการออกเดินทางของอีกาทมิฬเป็นพิเศษ เนื่องจากพวกเขารู้ว่าไม่เพียงแต่อีกาทมิฬจะไปยังโลกอีกโลกหนึ่งเท่านั้น ขณะเดียวกัน การออกเดินทางของพวกเขาก็จะเป็นการยืนยันถึงการก้าวเดินบนเส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมของพวกเขา นั่นก็คือความเป็นเซียน!
มีเพียงจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายเท่านั้นจึงจะเข้าใจ บนเส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมเมื่อเดินไปจนถึงจุดสูงสุดแล้ว บางทีอาจมีโอกาสได้กลายเป็นเซียน แต่ โลกนี้ไม่มีเซียน เช่นนั้นแล้วโลกที่โลกที่ไม่น่าจะดำรงอยู่จะมีเซียนอยู่หรือไม่นะ?
ดังนั้น บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายในครอบครอง เช่นราชันซื่อตี้ ราชันเสวียนตี้ ต่างเฝ้ารอคอยต่อการเดินทางในครั้งนี้ของอีกาทมิฬ ถ้าหากอีกาทมิฬกลับมา บางทีพวกเขาก็จะสามารถรู้ได้ว่ามีเซียนอยู่จริงหรือไม่
ถ้าหากมีเซียนอยู่จริงๆ บนเส้นทางกลับคืนสู่ดั้งเดิมสายนี้ของพวกเขายังคงเปี่ยมด้วยเป้าหมาย พวกเขาจะมีพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอันที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป ถ้าเหากไม่มีเซียน เช่นนั้นแล้ว บางทีพวกเขาอาจเต็มไปด้วยความไม่รู้มากมายเหลือเกินกับหนทางในอนาคต
“บางที นี่จะเป็นการเปิดศักราชความมหัศจรรย์ของพวกวเรา” มีจอมราชันชะตาฟ้าสิบสองสายเอ่ยขึ้นช้าๆ
ความจริงแล้ว ผู้ที่จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ใช่ว่าจะมีเพียงจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายเท่านั้น และใช่จะมีเพียงจอมราชันเซียนหวังในสิบสามทวีป ท่ามกลางความมืดก็มีผู้ที่จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่เช่นกัน
“โลกที่ไม่น่าจะดำรงอยู่” มีผู้ยิ่งใหญ่พึมพำเสียงเบาๆ ท่ามกลางความมืด การดำรงอยู่เฉกเช่นพวกเขานั้น เมื่อหลี่ชิเย่กระทำการเช่นนี้ ภายในใจของพวกเขาดูจะสับสนวุ่นวายยิ่งนัก
ในอดีต ผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดก็เคยสืบเสาะโลกเช่นนี้มาก่อน แต่พวกเขาต่างไม่มีโอกาสตรงนั้น ไม่สามารถไปทดลอง ขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่กล้าไปผจญภัยอย่างบุ่มบ่าม พวกเขาขาดความมั่นใจว่าสามารถก้าวข้ามอุปสรรคนั้นไปได้ หากข้ามไปไม่ได้พวกเขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เวลานี้ อีกาทมิฬชิงตัดหน้าพวกเขาไปก้าวหนึ่ง ขณะที่กำลังจากไปทดสอบกับโลกที่อยู่ในตำนานนั้น พวกเขาต่างไม่รู้เหมือนกันว่ามีสภาพจิตใจเป็นเช่นใด
แน่นอนที่สุด หากว่ากันด้วยมุมมองของความเห็นแก่ตัว ผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดย่อมคาดหวังให้อีกาทมิฬล้มเหลวและตายอนาถอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถกลับมาได้อีกตลอดกาล
ถ้าหากอีกาทมิฬตายอนาถอยู่ที่นั่นจริงๆ และหรือไม่สามารถกลับมาได้ตลอดกาล เช่นนั้นแล้วโลกในอนาคตจะมีใครสามารถขัดขวางการก้าวเดินของเขาได้เล่า?
แต่ว่า ถ้าหากอีกาทมิฬตายอยู่ที่นั่นจริงๆ และหรือไม่สามารกลับมาได้ตลอดกาล พวกเขาก็จะเสียโอกาสการยืนยันไป! เสียโอกาสที่จะได้สืบค้นโลกที่อยู่ในตำนานในครั้งนี้ไป
ดังนั้น กล่าวสำหรับผู้ยิ่งใหญ่แห่งความมืดแล้ว พวกเขาทั้งคาดหวังให้หลี่ชิเย่ไม่สามารถกลับมาได้อีกตลอดกาล ดีที่สุดก็คือตายอยู่ที่นั่น ขณะเดียวกันก็คาดหวังให้อีกาทมิฬสามารถบุกเบิกเส้นทางสายหนึ่งขึ้นมาท่ามกลางการทดลองและสืบค้นในครั้งนี้ เปิดโอกาสให้พวกเขามีโอกาสได้หลบหนีไป!
“สมควรเดินทางได้แล้ว” หลี่ชิเย่มองดูทะเลสายฟ้าที่อยู่ด้านหลังประตู สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“ใต้เท้าโปรดถนอมตัวด้วย ขอให้ท่านกลับมาในเร็ววัน” เวลานี้ โอรสราชันเซียเฟยได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สิบสามทวีปขาดท่านไม่ได้ เส้นทางในอนาคตยังต้องให้ท่านไปบุกเบิก”
“ข้าต้องกลับมาแน่” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มออกมา บอกลาทุกคน จากนั้นเสียงดังสนั่นตูม พริบตาเดียวนั่นเอง พลังลมปราณของเขาพวยพุ่งออกมาทั่วร่าง อานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรตลบอบอวล!
เวลานี้นาทีนี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ทุกคนจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ จอมราชันก็ดี เซียนหวังก็ช่าง แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งความืด ก็ต้องกลั้นลมหายใจเอาไว้เช่นกัน
นาทีนี้ หลี่ชิเย่หันหลังกลับมา มองโลกนี้อีกครั้ง หัวเราะและกล่าวว่า “ลาก่อน ต้องได้พบกันใหม่แน่!”
ตูม…เสียงดังสนั่น เมื่อหลี่ชิเย่ก้าวเท้าเข้าไปในโลกที่อยู่เบื้องหลังประตู สวรรค์ลงทัณฑ์ได้ฟาดเข้ามาโดยตรง
นั่นหาใช่เป็นฟ้าร้องฟ้าผ่าอะไร และไม่ใช่สวรรค์ลงทัณฑ์สายหนึ่ง สวรรค์ลงทัณฑ์ดังกล่าวซัดเข้ามาเหมือนดั่งทะเล ต้องการท่วมตัวหลี่ชิเย่จนจมมิดไปทั้งร่าง!
………………….