ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2147 เรื่องสยองขวัญเรื่องหนึ่ง

ตอนที่ 2147 เรื่องสยองขวัญเรื่องหนึ่ง

ผู้คนจำนวนมากถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเอื้อก ขณะจ้องมองดูสร้อยคอและเสื้อที่มีประกายงดงามนั่น นี่มันของวิเศษล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้เลย ไม่ว่าใครก็ต้องการได้ครอบครองมันอย่างยิ่ง

ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองไปที่หลี่ชิเย่ ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการทราบว่าหลี่ชิเย่จะต้องทำอย่างไรจึงสามารถทำให้ผู้เฒ่าคล้อยตาม ทำอย่างไรจึงจะชนะและได้ของวิเศษนี้มาอยู่ในมือ

เวลานี้ผู้เฒ่าก็มองดูหลี่ชิเย่เงียบๆ เขาเฝ้ารอคอยคำพูดของหลี่ชิเย่

ในเวลานี้ บรรยากาศโดยรวมเหมือนจับกันแข็งตัวไปแล้วอย่างนั้น ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยอยู่ว่า หลี่ชิเย่จะงัดเอาคำพูดแบบไหนออกมา ควรจะต้องทำอย่างไรจึงสามารถทำให้ผู้เฒ่ารู้สึกซาบซึ้งคล้อยตาม นี่มันคือของวิเศษล้ำค่าสองชิ้นที่ประเมินราคาไม่ได้นะเนี่ย

ท่าทีของหลี่ชิเย่ตามอารมณ์ยิ่งนัก เพียงยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “เมื่อข้าสร้างยุคสมัยขึ้นมาใหม่ ก่อผลสัจธรรมสูงสุด บงการสรรพสิ่ง เมื่อมีข้าอยู่ทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่ไร้แก่นสารเท่านั้นเอง”

พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา คนอื่นอาจไม่รู้สึกอะไร กระทั่งมีผู้ที่รู้สึกว่าเป็นคำพูดที่คุยโม้โอ้อวดเท่านั้นเอง แต่ว่าสายตาของผู้เฒ่าเต้นกระตุกทีหนึ่ง ทันใดนั้นแววตาของเขาเสมือนหนึ่งเป็นแสงสว่างที่เป็นนิรันดร์อย่างนั้น แต่ว่ามันแวบผ่านไปครั้งเดียวเท่านั้น คนอื่นล้วนแล้วแต่ไม่ทันได้เห็น

“ดี พูดได้ดี! พูดได้ดี!” หลังจากที่ผู้เฒ่าได้ฟังคำพูดของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับกล่าวชื่นชมและส่งเสียงเชียร์ขึ้นมา

การที่ผู้เฒ่ากล่าวชื่นชมหลี่ชิเย่เช่นนี้ พลันทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่งุนงงไปตามๆ กัน ผู้คนจำนวนมากเมื่อได้ฟังคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว ล้วนแล้วแต่รู้สึกว่ามันเป็นเพียงคำพูดที่คุยโวของหลี่ชิเย่เท่านั้นเอง คำพูดแบบนี้ใครบ้างที่พูดไม่เป็น? ปัญหาอยู่ที่ว่า คำพูดที่คุยโวเช่นนี้กลับได้รับการชื่นชมจากผู้เฒ่าถึงเพียงนี้

“ผู้คนบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่เสียสติไปแล้วรึ? อย่างนี้ก็ได้ด้วย?” เวลานี้ทุกคนต่างอ้าปากค้าง เมื่อเห็นว่าคำพูดที่คุยโวเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ได้รับคำชื่นชมจากผู้เฒ่า นี่มันบ้าบิ่นเกินไปแล้ว

แค่คำพูดเพียงคำเดียวก็สามารถแลกได้กับของวิเศษถึงสองชิ้น นั่นมันเท่ากับคำพูดคำเดียวมีค่ายิ่งกว่าทองพันชั่งเสียอีก!

“นี่บ้ากันไปแล้วรึ?” ผู้คนจำนวนมากไม่อาจเชื่อเรื่องเช่นนี้ได้ ก่อนหน้ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่พูดถึงตัวเองได้น่าเวทนาอย่างยิ่ง ผู้คนจำนวนเท่าไรที่กล่าวอธิฐานให้กับผู้เฒ่า แต่ผู้เฒ่าไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้หลี่ชิเย่ แค่พูดคำพูดที่โอ้อวดคำเดียวก็สามารถได้รับการยอมรับจากผู้เฒ่า ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเข้าใจเรื่องเช่นนี้ได้

“สิ่งที่ข้าพูดดีเช่นนี้เสมอ” หลี่ชิเย่หัวเราะกล่าว จากนั้นนำเอาสร้อยคอและเสื้อที่มีประกายงดงามมา ถือโอกาสยัดใส่มือของจูซือจิ้งที่อยู่ข้างกาย ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า “นังหนู เก็บรักษาสองสิ่งนี้ให้ดี มันจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเจ้าโดยสิ้นเชิง ไม่มีสิ่งใดเหมาะสมยิ่งกว่ามันสำหรับเผ่าสาปแช่งของเจ้าอีกแล้ว”

จูซือจิ้งรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้าให้อย่างนั้นเมื่อสร้อยคอและเสื้อที่มีประกายงดงามถูกยัดใส่มือของตน นางถึงกับยืนเซ่อไม่สามารถเรียกสติกลับมา

อย่าว่าแต่ของวิเศษที่เหมือนดั่งเป็นของล้ำค่าเซียนเช่นนี้ ต่อเป็นของวิเศษล้ำค่าธรรมดานางก็ไม่กล้าคิด การที่นางมีชาติกำเนิดเป็นเผ่าสาปแช่ง เป็นเพียงศิษย์ที่ธรรมดาคนหนึ่งของสำนักกระบี่ยักษ์เท่านั้น เรียกได้ว่ามีฐานะที่ต้อยต่ำอย่างยิ่ง การที่มีผู้ยอมรับนางให้อยู่ด้วยก็นับเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องของของวิเศษเซียนอะไรประเภทนั้น สิ่งของเช่นนี้นางไม่กล้าคิดแม้อยู่ในความฝัน

แต่ทว่า เวลานี้ของที่นางไม่กล้าคิดแม้อยู่ในความฝันอยู่ในมือของนางเอง หลี่ชิเย่มอบให้นางด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่างเป็นเรื่องที่เป็นจริงอะไรอย่างนั้น มันเป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอน

ขณะที่กำของวิเศษสองสิ่งในมือ จูซือจิ้งรู้ว่านี่มันหาใช่ความฝัน จะอย่างไรเสียเรื่องที่นางไม่กล้าคิดกระทั่งอยู่ในความฝัน แล้วมันจะเป็นความฝันได้อย่างไรกัน

“คุณชาย” ในขณะนี้ จูซือจิ้งสะอื้นจนไม่เป็นคำพูดแล้ว นัยน์ตาคู่นั้นของนางเปียกชุ่ม ภายในใจตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก รู้สึกอบอุ่นไปทั่วร่าง ในโลกนี้คงมีเพียงหลี่ชิเย่เท่านั้นที่พึ่งพิงได้สำหรับนาง และมีเพียงหลี่ชิเย่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะมอบสิ่งของเซียนที่ประเมินค่าไม่ได้ให้กับนาง

ในเวลานี้ จูซือจิ้งสะอื้นจนไม่เป็นคำพูด หลายครั้งที่นางอยากจะพูดอะไรแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ภายในใจมีพันคำหมื่นวจี มีความรู้สึกสำนึกในบุญคุณเป็นหมื่นพัน แต่มันติดอยู่ในลำคอ ไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูดอยู่นาน

ภาพนี้สร้างความหวั่นไหวให้กับทุกๆ คน สิ่งของเซียนทั้งสองชิ้นนี้ไม่รู้ว่าล้ำค่ามากยิ่งกว่าของวิเศษที่มอบให้กับหยางเซิ่นผิงอยู่เท่าไร ทั้งสองสิ่งนี้กล่าวได้ว่าผู้คนจำนวนมากพบเห็นได้แต่ไม่ได้ครอบครอง ชั่วชีวิตก็ไม่สามารถได้มาแม้เพียงชิ้นเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสองชิ้นอีกเลย

แต่ทว่า เวลานี้หลี่ชิเย่กลับมอบให้กับสาวใช้ที่อยู่ข้างกายของตนด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันออกจะคุยโม้เกินไปแล้ว นี่มันบ้าบิ่นมากเกินไปเสียแล้ว

“โลกนี้มันบ้าไปแล้วอย่างนั้นรึ?” มีผู้ที่ถึงกับตั้งข้อสงสัยกับชีวิตของตนเอง แค่คำพูดหนึ่งที่คุยโวโอ้อวดก็สามารถแลกมาซึ่งของวิเศษระดับเซียนมาได้ถึงสองชิ้น เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ต้องสงสัยในชีวิตของตนเองแล้ว สงสัยว่าโลกนี้มีคนเสียสติอยู่หรือไม่

แต่ว่า เมื่อเห็นหลี่ชิเย่ถือโอกาสนำเอาของวิเศษระดับเซียนที่ได้มามอบให้กับสาวใช้ที่อยู่ข้างกายนั้น มันทำให้ทุกคนถึงกับแทบคลั่ง ในโลกนี้ยังจะมีสิ่งใดที่บ้าบิ่นมากไปกว่านี้อีก

มีผู้คนจำนวนเท่าไรในโลกนี้ที่หรูหราฟุ่มเฟือยอย่างยิ่ง แต่ว่า พูดถึงการนำเอาสุดยอดของล้ำค่าระดับเซียนมอบให้กับสาวใช้ข้างตัวของตนนั้น เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถทำได้ แต่ หลี่ชิเย่กลับทำได้แล้ว

“นายท่าน ท่านต้องการคนรับใช้หรือไม่?” ในเวลานี้มีผู้ที่ถึงกับประจบสอพรอหลี่ชิเย่ “ยามกลางคืนข้าน้อยสามารถอุ่นเตียงให้ ยามกลางวันข้าน้อยสามารถช่วยพยุงก้นให้ สุดแล้วแต่นายท่านจะอย่างไรก็ได้”

“นายท่าน ต้องการสารถีหรือไม่?” มีผู้ที่พูดเอาอกเอาใจว่า “ฝีมือการบังคับม้าของข้าน้อยสุดยอดมาก…”

“ท่านเซียนนายท่าน บนขาของท่านขาดสิ่งที่เป็นของประดับหรือไม่?” มีผู้ที่กล่าวด้วยความหน้าด้านว่า “ให้ข้าน้อยได้กอดขาของเท่านจะเป็นอย่างไร?”

เวลานี้ สถานการณ์เป็นไปด้วยความบ้าคลั่ง ผู้คนจำนวนมากต่างอยากได้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง สามารถเป็นคนรับใช้ให้กับเจ้านายเช่นนี้ มันคือความสุขที่เปี่ยมล้นมากที่สุดในชีวิตเลยล่ะ

แน่นอนที่สุด หลี่ชิเย่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจคนประเภทนี้ เขาเพียงมองดูผู้เฒ่าคนนั้น ขณะที่ผู้เฒ่าเองก็จ้องมองแต่หลี่ชิเย่ ในสายตาของพวกเขามีเพียงกันและกัน ส่วนคนอื่นๆ นั้น ไม่มีสิทธิ์เข้าไปอยู่ในสายตาของกันและกัน

“ยังมีสิ่งที่จะพูดอีกหรือไม่?” หลังจากเวลาผ่านไปนานมาแล้ว ผู้เฒ่าได้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ

“คำพูดน่ะมีอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะให้สิ่งใดกับข้าแล้วล่ะ” หลี่ชิเย่ยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “ไหนๆ พวกเราก็ได้รู้จักกันทั้งที เช่นนั้นเจ้าก็มองของดีให้ข้าสักชิ้นหนึ่งเป็นอย่างไร? แล้วข้าเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่ง”

“ตกลง” ผู้เฒ่าตอบโดยไม่ต้องคิด และหยิบเอากล่องไม้กล่องหนึ่งออกมาวางลงกับพื้นตามอารมณ์ กล่องไม้กล่องนี้ดูงดงามมีรสนิยมตามแบบฉบับโบราณ โดยที่กล่องไม้ใบนี้ถูกขัดจนออกเงาวับนิดหนึ่ง เหมือนว่ามันถูกสืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคสมัยที่ยาวไกลมากอย่างนั้น และเคยถูกผู้คนลูบเบาๆ ด้วยมือช้าๆ คล้ายดั่งภายในกล่องไม้ใบนี้ได้บรรจุของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมากชิ้นหนึ่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกล้ำค่ายิ่ง มิฉะนั้นแล้วคงไม่มีใครนำมันมาลูบเบาๆ อยู่กับมือ ท่าทางหวงแหนยิ่งนัก

ผู้เฒ่าไม่ได้เปิดกล่องไม้ใบนี้ออกมา ขณะที่หลี่ชิเย่ก็ไม่ได้เปิดเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าภายในกล่องไม้ใบนี้ได้บรรจุสิ่งใดเอาไว้ แต่ว่า อาศัยดูจากเมื่อครู่ที่ผู้เฒ่าหยิบของวิเศษระดับเซียนออกมาสองชิ้นแล้ว ทุกคนก็สามารถจินตนาการได้ว่า สิ่งที่บรรจุอยู่ภายในกล่องไม้ใบนี้ต้องเป็นของวิเศษระดับเซียนที่สุดยอดอย่างแน่นอน และทุกคนก็อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในกล่องไม้นั่น แต่ว่า เมื่อพวกเขาทั้งสองต่างไม่คิดที่จะเปิดกล่องไม้ขึ้นมา ทุกคนก็จนด้วยเกล้า

“ในอดีตที่นานมากๆ ยังมีลานบ้านโบราณอยู่แห่งหนึ่ง ลานบ้านโบราณนี้มีบริเวณที่แสงตะวันสามารถสาดส่องได้อย่างทั่วถึง และมีห้องมืดที่มืดคลิ้มน่าสะพรึงกลัว แน่นอน ก็มีทางเข้าออกที่มีราวเหล็กกั้นเอาไว้” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยว่า “ท่ามกลางลานบ้านโบราณเช่นนี้แหละมีคนแก่อาศัยอยู่หลายคน และมีทารกที่กำลังอยู่ระหว่างเจริญเติบโตอยู่ แต่ทว่า ยามเมื่อถึงเวลาพลบค่ำ บรรดาคนแก่เหล่านี้ก็จะจับทารกยัดเข้าปากเพียงคำเดียวก็กลืนกินลงท้องไป ทารกบางคนเล่า หลบหนีไปอยู่ด้านหลังของราวกั้นเหล็ก และมีบ้างที่หนีเข้าไปยังห้องมืดนั่น”

เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วก็ได้นิ่งเงียบไม่ยอมพูดต่ออีก อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าเองก็นิ่งเงียบขึ้นมาและไม่ได้ทวงถามเรื่องราวต่อจากนั้น เหมือนว่าเฝ้ารอคอยอย่างเงียบๆ รอให้หลี่ชิเย่ได้เล่าเรื่องต่อไป

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่แล้ว หลี่ชิเย่จึงได้กล่าวว่า “แน่นอน ยังมีทารกจำนวนมากที่อยู่ระหว่างหลับ ไหล แต่ทว่า มีทารกอยู่คนหนึ่งต้องการสังหารพวกเขาเสีย เพื่อทะลุทะลวงผ่านลานโบราณแห่งนี้เสีย!”

ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย เขาเพียงจ้องมองดูผู้เฒ่าที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีนิ่งเงียบเท่านั้นเอง

ผู้เฒ่าก็อยู่ในอาการนิ่งเงียบเช่นกัน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่นิ่งเงียบต่อไปคล้ายดั่งได้ลืมไปแล้วว่ายังมีหลี่ชิเย่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของตน

บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จำนวนมากที่ได้ฟังนิทานที่ไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ ไม่เพียงฟังแล้วจับต้นชนปลายไม่ถูก ยิ่งไปกว่านั้นก็คือรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกขนพอง พวกเขาที่ฟังไปๆ แล้วถึงกับร่างสั่นเทิ้มและขนลุกซู่ในใจ รู้สึกว่ามันน่าสยองขวัญเป็นพิเศษ

จังหวะที่ทุกคนกำลังนิ่งเงียบอยู่นั้น หลี่ชิเย่ได้หยิบเอากล่องไม้ใบนั้นที่อยู่บนพื้นขึ้นมาเก็บให้เรียบร้อย จากนั้นหันหลังเดินจากไปทันที และไม่ได้ไปมองหน้าผู้เฒ่านั่นอีก

ส่วนผู้เฒ่าคนนั้นก็นั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นเหมือนลุ่มหลงไปแล้ว เหมือนว่าเขายังไม่ได้สติคืนกลับมาอย่างนั้น

ผู้คนจำนวนมากยังคงตะลึงงัน หลายคนไม่ทันเห็นหลี่ชิเย่จากไปแล้ว เนื่องจากคำพูดที่จับต้นชนปลายไม่ถูกได้ทำให้ผู้คนรู้สึกสยอง ผู้คนจำนวนมากยังคงถูกปกคลุมอยู่ภายใต้บรรยากาศที่สยองขวัญ

สุดท้าย ผู้เฒ่าได้ทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง เลื่อนไปนั่งพิงอยู่กับผนังแล้วหลับตาลงช้าๆ เหมือนหลับไปแล้วอย่างนั้น ด้านหน้าของเขายังคงมีของวิเศษจัดวางอยู่

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ เมื่อทุกคนได้สติกลับมาแล้วถึงกับร่างสั่นเทิ้มไปทีหนึ่ง แต่ว่าพวกเขาไม่ได้ไปครุ่นคิดกับคำพูดของหลี่ชิเย่ให้มากนัก เนื่องจากทุกคนล้วนแล้วแต่จ้องมองของวิเศษที่อยู่บนพื้น

“ข้าคือผู้บงการของแดนสามเซียน ควบคุมหมื่นสัจธรรม เปิดแหล่งกำเนิดสัจธรรม” นาทีนี้มีผู้ก้าวไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้เฒ่าทันที และเลียนแบบท่าทีของหลี่ชิเย่คุยโวขึ้นทันที

เนื่องจากหลี่ชิเย่สามารถอาศัยการคุยโวมาทำให้ผู้เฒ่าคล้อยตาม ดังนั้น จึงเป็นการสร้างแนวความคิดที่แตกต่างให้กับคนอื่นๆ ดังนั้นจึงเลียนแบบหลี่ชิเย่ด้วยกันคุยโม้ต่อหน้าผู้เฒ่า ดูว่าจะทำให้ผู้เฒ่าซาบซึ้งใจได้หรือไม่

แต่ว่า ผู้เฒ่านั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ไม่สนใจแม้แต่น้อย เหมือนไม่ได้ยินอย่างนั้น

“สหาย ชาติก่อนพวกเราคบหากันชนิดตายแทนกันได้ ชาตินี้ได้กลับชาติมาพบกันอีก มอบของวิเศษให้ข้าสักชิ้นจะเป็นอย่างไร?” มีผู้ที่เลียนแบบน้ำเสียงของหลี่ชิเย่ตีสนิทกับผู้เฒ่า

แต่ว่า ผู้เฒ่ายังคงไม่ให้ความสนใจตัวเขาแม้แต่น้อย เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของพวกเขาอย่างนั้น

เวลานี้ ทุกคนต่างเปลี่ยนวิธีการสารพัดรูปแบบ มีทั้งที่คุยโว มีประเภทจริงใจ และมีประเภทหลอกลวง…แต่ยังคงไม่สามารถทำให้ผู้เฒ่าซาบซึ้งใจได้ ผู้เฒ่าไม่ได้สนใจพวกเขาเลย

ท้ายที่สุด ผู้เฒ่าได้เก็บของวิเศษที่อยู่บนพื้นแล้วเดินจากไปแล้ว ทุกคนจึงต้องจากไปอย่างจนด้วยเกล้า ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ทุกคนต่างรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องราวที่เหลือเชื่อจริงๆ สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันอยู่เหนือจินตนาการของทุกคนเลยทีเดียว

………………………………………..

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท